เขาเรียกพวกผมว่าปาร์ตี้มอนสเตอร์สุดกาก...ผมก็ไม่ได้เถียงนี่!

-

เขียนโดย cQMan

วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 18.01 น.

  12 ตอน
  12 วิจารณ์
  10.14K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2562 04.11 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) ตอนที่ 11 ผมคิดว่าผมไม่ได้ชอบการแยกร่างมากอะไรขนาดนั้น

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 11

ผมคิดว่าผมไม่ได้ชอบการแยกร่างมากอะไรขนาดนั้น

 

เมื่อนี่เป็นมื้อสุดท้ายในหมู่บ้านหมาป่า ซึ่งน่าจะเป็นสถานที่แห่งเดียวที่พวกเรามีอาหารมาให้กินฟรีๆโดยไม่ต้องเปลืองแรง พวกเราก็ซัดเนื้อสดๆกันอย่างเต็มคราบราวกับมันคืออาหารมื้อสุดท้ายในชีวิตของพวกเรา…ซึ่งก็มีความเป็นไปได้สูงว่ามันจะเป็นเช่นนั้น

สำหรับการเดินทางของกลุ่มมอนสเตอร์เล็กๆกลุ่มหนึ่งไม่น่าจะจำเป็นต้องเตรียมอุปกรณ์ใดๆให้มากความ เสบียงก็ไม่มีวิธีขนเอาไปด้วย อีกทั้งพวกเราไม่มีจุดหมายปลายทางที่แน่ชัด แผนที่จึงไม่ได้มีความหมายใดๆสำหรับพวกเรา และถึงแม้ว่ามันจะจำเป็น เราก็ไม่รู้ว่าจะไปหามันได้จากที่ไหนอยู่ดี พวกเราที่ตัวเปล่าโปล่งโล่งเปลือยจึงมีสภาพที่พร้อมจะออกเดินทางอยู่ตลอดเวลา

“เอาหินวิบวับกลับมาให้เรย์เร็วๆนะคะ ทู๊กกโค๊นนนนน!” เด็กสาวหมาป่าดูท่าทางตื่นเต้น ราชาหมาป่า และบรรดาลูกฝูงออกมาออกันอยู่เต็มไปหมดเพื่อรอส่งพวกเราออกเดินทางเช่นเดียวกัน

“โอเคค้าบบบบ! เรารักเรย์น้าค้าบบบบ!” ติ่งเรย์ทั้งสามขานรับเสียงหวาน

ราชาหมาป่าแยกเขี้ยวใส่ผม ก่อนจะเอ่ยตอกย้ำด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “จำไว้! พวกแกมีเวลาเหลืออีกแค่แปดวัน ถ้าเกิดพวกแกเบี้ยว หมาป่าทั้งฝูงจะตามล่าพวกแก อย่าลืมซะล่ะ” และเสียงของเขาก็คงจะวนเวียนหลอกหลอนอยู่ในหัวของผมไปตลอดทั้งอาทิตย์แน่ๆ

“ได้รับฉายา พันธมิตรหมาป่า” จู่ๆเสียงในหัวก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง เป็นเสียงเดียวกันกับที่คอยบอกพวกเราให้รับรู้ว่าพวกเราเลื่อนระดับแล้ว ผมสะดุ้งเพราะไม่ได้ทันตั้งตัว คนอื่นๆเองก็มีสีหน้าแปลกใจเหมือนกัน

“เกิดอะไรขึ้นงั้นรึ” ราชาหมาป่าถาม

“พวกเราได้ยินเสียงจากข้างในหัว” กะโหลกเซนสบสายตากับราชาหมาป่า

“มันมักจะดังขึ้นมาตอนที่ระดับพวกเราเลื่อนขึ้น” ผมกล่าวเสริม “และเมื่อกี้นี้มันก็บอกกับเราว่า เราได้รับฉายาพันธมิตรหมาป่ามา…มันคืออะไรงั้นเหรอครับ” ผมถามกลับ

“เสียงที่พวกเจ้าได้ยินในหัว มอนสเตอร์อย่างเราๆเรียกมันว่าเสียงของ สัญชาตญาณ น่ะ” ราชาหมาป่าบอก “บางทีเวลาที่เราไม่รู้ว่าควรจะทำอะไร เสียงของสัญชาตญาณจะเป็นสิ่งที่คอยนำทางมอนสเตอร์อย่างเราให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง” ผมไม่เห็นรู้สึกเหมือนมันกำลังนำทางหรือแนะนำอะไรผมเลย แต่ก็แอบทึ่งนิดๆ เพราะไม่คิดว่าสัญชาตญาณในโลกนี้มันบอกกันโต้งๆอย่างนี้

แต่ก็อย่างว่าแหละ ขนาดหมาป่า บะๆโอ้วบะๆ กันยังออกมาเป็นเด็กสาวหูสัตว์แสนน่ารักได้เลย เรื่องแค่นี้ไม่ควรทำให้ผมแปลกใจด้วยซ้ำ

 แต่ผมก็ยังแอบสงสัยนะ ว่าถ้าถึงฤดูผสมพันธ์ เจ้าพวกนี้มันจะได้ยินเสียงสัญญาณบอกว่า “เชิญเล่นจ้ำจี้เพื่อปั้มลูกกันอย่างเมามันได้เลยพะยะค่ะ” อะไรประมาณนี้กันไหม

“และด้วยฉายาพันธมิตรหมาป่าจะทำให้มอนสเตอร์เผ่าหมาป่าทุกตัวที่พบเจอเป็นมิตรกับพวกแกมากขึ้น” ราชาหมาป่าอธิบายต่อ “แต่ก็ไม่ใช่ว่าหมาป่าจะไม่สามารถฆ่าพวกแกได้หรอกนะ” เขาย้ำด้วยเสียงดุร้ายในตอนท้าย แวร์วูฟตัวหนึ่งที่ผมเผลอไปสบตาเอานิ้วมากรีดคอตัวเองก่อนจะแสยะยิ้มให้ผม

“ง…งั้นพวกเราไปก่อนนะครับ” ผมรีบๆตัดบทเพื่อจะได้ไม่ถูกย้ำเตือนเป็นรอบที่สาม เดี๋ยวก็เก็บไปนอนฝันร้ายกันพอดี

“เดินทางดีๆนะทุกคน” เรย์โบกมือล่ำลา พร้อมกับโปรยรอยยิ้มทรงเสน่ห์มาทางด้านนี้

“ค้าบบบบ! เรารักเรย์น้าค้าบบบบ!” ไอ้เจ้าพวกติ่งเรย์ก็ยังทำตัวน่าหมั่นไส้เสมอต้นเสมอปลายดีจริงๆ

 

พวกเราออกเดินทางมุ่งหน้าลงจากสันเขาสู่ป่าผืนใหญ่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาสไลม์ ยอมรับตามตรงสำหรับผมในตอนนี้ไม่รู้เลยว่าจะไปหาอัญมณีวิบวับที่เรย์ต้องการได้จากที่ไหน ผมมีข้อมูลของโลกนี้อยู่ในมือน้อยเกินไป

กะโหลกเซนที่คิดไม่ออกเหมือนกันเห็นว่าเราควรจะแอบลอบเข้าไปใกล้ๆพวกมนุษย์ ถึงตอนนั้นเขาคงน่าจะคิดวิธีหาข้อมูลเกี่ยวกับอัญมณีจากพวกมนุษย์ออก แต่ผมมีแผนที่ดีกว่านั้น

“เราก็แค่หนีไปให้ไกลๆจากอาณาเขตพวกหมาป่าซะเลยเป็นไง เท่านั้นก็จบแล้ว ไม่ต้องเจ็บตัว แถมไม่ต้องปวดหัวด้วย” ทว่าเหล่าติ่งเรย์พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า

“ไม่ได้เด็ดขาด!!!”

“ความห่างไกลคงจะฆ่าฉันตายแน่ๆ!” ไข่มังกรเดรกดราม่า

“ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะ!”

“นายคงไม่เข้าใจคนที่มีลมหายใจได้เพราะรอยยิ้มของใครบางคนหรอก!” ลูกแก้วฟรานครวนครางออกมา “ชีวิตมันจะไปมีความหมายอะไรถ้าต้องขาดเรย์จังไป”

“อยากมองรอยยิ้มก็ไปเป็นลิ้นไก่ของหล่อนซะเลยสิ! ไป๊!!!”

“โอ้ว…เบเบ้” ก้อนหินจิลเพ้อออกมา

“อ๊ากกกกกก! ตูจะบ้าตาย!!!” หัวผมปวดตุ้บๆเหมือนกับไมเกรนจะกำเริบ

“งั้นให้มันเป็นแผนสุดท้ายก็แล้วกัน” กะโหลกเซนสรุป ดูจากอาการจะเป็นจะตายของคนอื่นๆแล้ว ผมก็คงไม่มีทางเลือกมากนักนอกจากยอมเห็นด้วยไปกับเขา

พวกเราเดินกันต่อเรื่อยๆจนมาพบกับสระน้ำขนาดใหญ่ที่มีใบบัวลอยคออยู่ทั่ว ดอกบัวสีฟ้าครามดูแปลกตาเบ่งบานอยู่ตรงบริเวณใจกลางสระ น้ำในสระใสสะอาดจนมองเห็นปลาที่เวียนว่ายอยู่ก้นสระได้อย่างชัดเจน ผมไม่พบมอนสเตอร์ตัวอื่นๆในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ดี พวกเราเลยลงความเห็นกันว่า พักกินน้ำตรงนี้ซักพักก็คงไม่เลวนะ

“จริงด้วย! เรามาดูความสามารถใหม่ที่เราได้กันเถอะ” ผมซึ่งเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทร้องขึ้นมา เพื่อนๆเห็นดีเห็นงามด้วย เพราะในโลกเก่าพวกเราก็มักจะทำอะไรแบบนี้อยู่เสมอ ทุกคนมีความเข้าใจตรงกันว่าการรู้ขีดความสามารถของคนในทีมจะทำให้พวกเราทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้น ไม่ติดขัดมากนัก ซึ่งนั่นก็เป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่ทำให้กลุ่มของพวกผมสนิทกันสุดๆ

ทุกคนเรียกหน้าจอความสามารถให้มันปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของพวกเขา ผมกวาดสายตามองข้อความใหม่ที่เพิ่มขึ้นมานอกจากย่อยสลายกับแบ่งร่าง

“ความสามารถใหม่ของฉันเป็น กระสุนสไลม์” ผมบอกกับทุกคน แค่ชื่อมันอาจจะฟังดูดีนะ แต่เมื่อลองไล่สายตาอ่านรายละเอียดของมันแล้ว ผมก็แทบอยากจะร้องออกมาดังๆว่า ไอ้เทพพระเจ้าเฮงซวย!

ผมรู้! บางทีผมอาจจะดูหยาบคายเกินไปหน่อย แต่เชื่อผมเถอะ ถ้าคุณได้มาเผชิญชะตาชีวิตแบบเดียวกันกับผม การได้ลงความหงุดหงิดกับเทพเจ้าบ้างในบางครั้งจะกลายเป็นเรื่องที่ทำให้คุณรู้สึกดีอย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะ

ถึงไหนแล้วนะ…รายละเอียดความสามารถใช่ไหม ผมต่อเลยนะ

“ใช้ร่างกายหนึ่งในห้าส่วนของตัวเองยิงใส่ศัตรู ส่วนที่ถูกยิงออกไปจะกลายเป็นร่างแยกของตนเองที่มีพลังหนึ่งในห้าส่วน” ผมสรุปความสามารถให้เพื่อนๆฟังแบบสั้นๆ “แน่นอนว่าค่าสถานะต่างๆก็จะลดลงไปหนึ่งในห้าส่วนด้วยเช่นกัน”

“ก็แค่ทักษะแบ่งร่างอีกทักษะหนึ่งไม่ใช่รึยังไง” ไข่มังกรเดรคพูด “นี่นอกจากแบ่งร่างยิบย่อยแล้วนายไม่คิดจะมีความสามารถอื่นเลยรึยังไงกัน”

“แล้วจะให้ฉันไปถามใครกันล่ะ!” ผมรู้สึกหัวเสียสุดๆเลยล่ะตอนนี้ ทำไมผมถึงได้แต่ความสามารถเกี่ยวกับการแยกร่างล่ะเนี่ย เอ…หรือว่าบางทีผมอาจจะเป็นลูกผสมระหว่างเผ่าสไลม์กับเผ่านินจาก็ได้

แล้วทุกคนก็อธิบายความสามารถใหม่ของตัวเองออกมาบ้าง ผมเชื่อว่าพวกคุณบางคนไม่ได้มีเวลาว่างขนาดมานั่งอ่านบทสนทนายืดยาวที่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องไร้สาระได้ทั้งวี่ทั้งวันหรอก งั้นผมจะสรุปสั้นๆให้พวกคุณฟังเลยก็แล้วกัน

โดยเริ่มจากกะโหลกเซน เขาได้ความสามารถ “มอนสเตอร์กลางคืน” ซึ่งจะทำให้ค่าสถานะต่างๆของเขาเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเข้าสู่ช่วงเวลากลางคืน แต่ด้วยค่าสถานะเดิมที่มีอยู่ไม่มากนัก ทักษะนี้จึงกลายเป็นเหมือนของประดับให้ช่องทักษะมันดูเยอะขึ้นมาเฉยๆ

ก้อนหินจิล ได้ความสามารถใหม่เป็นการ “กินหิน” ชื่อเห่ยดีเนอะ…คิดเหมือนผมกันไหม แต่ถึงชื่อจะดูพิลึก มันกลับมีประโยชน์มากเลยทีเดียว เพราะเมื่อเขาสั่งใช้ความสามารถนี้ เขาจะสามารถกินก้อนหินที่มีขนาดไม่ใหญ่มากไปกว่าตัวของเขาได้ เพื่อให้ได้รับพลังชีวิตที่หายไปคืนกลับมาส่วนหนึ่งด้วย แต่พอผมถามเขาว่ารสชาติของหินเป็นยังไงบ้าง เขาก็ตอบผมกลับมาสั้นๆว่า

“แหยะ…” และนี่ก็เป็นข้อเสียอีกข้อของความสามารถนี้นอกจากชื่อที่ฟังดูเห่ยสนิท

ไข่มังกรเดรคได้ความสามารถในการ “โหม่ง” รายละเอียดบอกไว้เพียงสั้นๆว่า เป็นการโจมตีที่แรงกว่า ความสามารถ “พุ่งชน” บางทีผมก็แอบคิดนะว่าหมอนี่เป็นเผ่ามังกรจริงๆรึเปล่าน่ะ เพราะแต่ละทักษะที่เขามีนี่แบบ…ธรรมดาจนน่าใจหายเลยจริงๆ

คนสุดท้ายแล้ว ลูกแก้วฟรานได้ความสามารถ “อาณาเขตแห่งการเยียวยา” น่าจะเป็นความสามารถใหม่ที่พีคที่สุดเท่าที่เพื่อนๆในกลุ่มของผมเคยมีมาเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากชื่อที่ฟังดูหรูหราราคาแพงแล้ว สิ่งที่ความสามารถนี้สามารถทำได้ยังเจิศจรัสจัดว่าเด็ดอีกด้วย เพราะเมื่อลูกแก้วฟรานใช้งานความสามารถนี้ เขาจะสร้างอาณาเขตเวทมนตร์เล็กๆขึ้นมารอบๆตัวของเขา สมาชิกในทีมที่อยู่ในอาณาเขตจะค่อยๆได้รับการฟื้นฟูพลังชีวิตอย่างต่อเนื่อง โหย!!!

ทว่าสิ่งเดียวที่ทำให้ความสามารถนี้หมดความน่าสนใจไปเลยคือ…ตัวคนใช้นี่แหละ

คุณลองนึกภาพตามผมนะ สมมุติว่าในจังหวะที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด แล้วคุณเกิดก้าวพลาดถลาเข้าหาฝ่าเท้าของศัตรูจนพลังชีวิตหายไปเกือบหมด คุณก็เลยเกิดอารมณ์แบบว่า เราต้องการความช่วยเหลือจากคุณหมอฟรานซะแล้วสิ! แล้วก็วิ่งไปหาหมอนั่นที่กำลังยืนร้องเพลงให้กำลังใจตัวเองอยู่นอกสนามต่อสู้ คุณจำเป็นจะต้องยืนให้ใกล้ที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะอาณาเขตฟื้นฟูไม่ได้กว้างอะไรขนาดนั้น

คำถามคือ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปได้ซักพักหนึ่ง

คำตอบก็คือ พลังชีวิตของคุณจะกลับมาเต็มเปี่ยม แต่คุณจะกลายเป็นบ้าแทน ซึ่งถ้าใครบอกว่ามันคุ้มค่าก็เชิญเลยครับ คุณได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้!

เราพักผ่อนหย่อนใจกันอยู่ริมสระด้วยความหวังว่าช่วงเวลาสงบสุขแบบนี้จะอยู่ต่ออีกซักพัก แต่พวกผมก็ไม่ใช่กลุ่มมอนสเตอร์ที่โชคดีอะไรกันขนาดนั้น เพราะในขณะที่ผมแช่น้ำตื้นๆอยู่อย่างสบายอกสบายใจ ก้อนหินจิลก็ร้องขึ้นมาว่า “ฉันว่าพุ่มไม้มันสั่นๆนะ”

“คิดไปเองรึเปล่า” ไข่มังกรเดรคที่ลอยคออยู่กลางสระพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆไม่ทุกข์ไม่ร้อนใดๆ

“ฉันหล่อไปเลยใช่รึเปล่า” ลูกแก้วฟรานกำลังนอนอาบแดดอยู่ริมสระ…เพื่ออะไร!!!

“ลมพัดรึเปล่า” ผมโยกตัวในน้ำตื้นๆเย็นๆพลางฮำเพลงอย่างอารมณ์ดี “อย่าคิดมาก”

“แต่ลมสงบมาพักใหญ่แล้วนะ” กะโหลกเซนบอก และนั่นก็เป็นวินาทีสุดท้ายที่เราได้ทำตัวผ่อนคลายกัน ทุกคนขึ้นมาจากสระด้วยท่าทีตึงเครียด

“ก็คิดไว้อยู่แล้วเชียวว่าทำไมวันนี้มันสงบสุขนัก” ไข่มังกรเดรคดูเป็นกังวล

“ความหล่อของฉันดึงดูดมอนสเตอร์สาวๆเข้ามาอีกแล้วงั้นเหรอเนี่ย” ลูกแก้วฟรานพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อยากขี้เหร่จริงๆ”

“แต่รู้สึกว่าทั้งหมดที่พวกเรามีปัญหาด้วยนี่ ตัวผู้ล้วนๆเลยนะ” ผมแย้ง “ฉันว่าเป็นความซวยของนายมากกว่าที่ดูดพวกมันเข้ามาน่ะ”

อุ๊ฟ…ไม่ใช่สิ ผมควรจะบอกว่า เป็นความซวยของพวกเราต่างหาก ถึงจะถูก

แล้วทุกอย่างก็พลันกระจ่างแจ้ง สิ่งมีชีวิตที่ร่างกายใหญ่กว่าเราถึงสี่เท่าก้าวพ้นออกมาจากพุ้มไม้ มันชูคอขึ้นสูงบดบังแสงแดดที่สาดส่องลงมาในมุมเฉียง มอนสเตอร์ที่ปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าพวกผมคือเต่ายักษ์ที่มีกระดองหนาสีเขียวเต็มไปด้วยตระไคร่น้ำ ใบหน้าเหี่ยวย่นมีหนวดเคราหงอกขาวงอกออกมาอย่างผิดธรรมชาติเต่า ดวงตาสีอัมพันจับจ้องมาที่พวกผมด้วยท่าทีสงบนิ่ง มันมีนามว่า ผู้เฒ่าเต่า ระดับ10 มอนสเตอร์ที่ไม่ว่าจะตะแคงมองมุมไหนก็เก่งกว่าพวกผมเห็นๆ

ถึงตอนนี้ผมอยากจะตะโกนถามฟ้าดังๆเลยว่า ขอใช้ชีวิตแบบสโลวไลฟ์บ้างไม่ได้เลยรึยังไง!!!

เฮ้อ…คิดถึงเรย์จังเลย : ก้อนหินจิล

โปรดติดตามตอนต่อไป

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตคุณ หลังจากอ่านนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา