เขาเรียกพวกผมว่าปาร์ตี้มอนสเตอร์สุดกาก...ผมก็ไม่ได้เถียงนี่!

-

เขียนโดย cQMan

วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 18.01 น.

  12 ตอน
  11 วิจารณ์
  10.05K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2562 04.11 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) ตอนที่ 6 ผมไม่ชอบที่มืดๆและสิ่งที่ซ่อนอยู่ในที่มืดๆ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 6

ผมไม่ชอบที่มืดๆและสิ่งที่ซ่อนอยู่ในที่มืดๆ

 

ตอนนี้ผมมองไม่เห็นอะไรเลยทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นหนทางเบื้องหน้าหรือแม้แต่อนาคตของผมเองก็ตาม ท้อแท้ชะมัด

พวกเราเดินเกาะกลุ่มกันเหมือนกลุ่มก้อนกลมๆอะไรซักอย่างที่หนึ่งในนั้นดันเรืองแสงได้ ความโชคดีที่เดินไปเจอแอ่งน้ำเล็กๆทำให้ลูกแก้วฟรานได้ล้างสิ่งอันไม่พึงประสงค์ออกจากตัว เขากลับมาสดใสและพร้อมจะส่องแสงอีกครั้ง

พวกเราทั้งหมดจำเป็นต้องพึ่งเจ้าฟราน มันเป็นความจริงที่น่าเจ็บปวดและยากจะยอมรับ

เสียงสัตว์ป่านักล่ายามวิกาลร้องระงมสะท้อนก้องไปทั่วป่าใหญ่ ฟังไปฟังมาเหมือนเสียงภูติผีน่าสยอง รอบด้านมืดสนิทเหมือนมีคนมาขโมยแสงจากดวงดาวไปจนหมด เพราะบริเวณนี้เป็นป่าที่มีต้นไม้ขึ้นหนาทึบ อากาศยามค่ำคืนใจกลางป่าใหญ่มันหนาวเสียจนทำเอาโมเลกุลของเหลวในร่างกายผมแทบแข็งจับตัวกันเป็นก้อน ผมคิดว่าถ้าเกิดผมยังฝืนเดินทางต่อไปนานกว่านี้ ไม่นานผมคงพร้อมเสิร์ฟคู่กับน้ำผลไม้ในเมนูวุ้นเย็นแน่ๆ

“ฉันถามได้ไหมว่าพวกเรากำลังจะไปที่ไหนกัน” ไข่มังกรเดรคเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือจากความเย็น

“ไม่รู้สิ นรกล่ะมั้ง” อาจจะดูเหมือนว่าผมตอบไปส่งๆนะ แต่หลังจากคำนวณโอกาสในการถูกพี่เบิ้มหิวโซซักตัวสองตัวที่กำลังมองหาของว่างในตอนกลางคืนคาบไปหม่ำ ก็เหมือนว่าปากประตูนรกน่าจะอยู่ใกล้แค่เอื้อม

“อย่างน้อยในนรกก็คงไม่หนาวมากนัก” ฟันของก้อนหินจิลกระทบกันดังกึกๆๆๆ

พวกเรายังคงเคลื่อนที่กันเป็นกลุ่มก้อน ไปข้างหน้าอย่างช้าๆ มอนสเตอร์ขนาดเท่าลูกบอลทั้งห้าตัวหันหลังชนกันเอาหน้าออกไปคนละทิศเพื่อกำจัดปัญหามุมมองที่แคบเกินไปของพวกเรา โดยมีลูกแก้วฟรานนำอยู่ด้านหน้าคอยส่องแสงนำทาง

“ฉันคิดว่าพลังพิเศษของฉันกำลังจะหมด” จู่ๆลูกแก้วฟรานก็เอ่ยขึ้น “แต่ไม่ต้องห่วง กำลังใจฉันยังเหลือเต็มร้อย”

“ไม่ได้อยากรู้เฟ้ย!” ผมกับไข่มังกรเดรคแหกปากพร้อมกันอย่างลืมตัว

“เงียบหน่อย” กะโหลกเซนกล่าวเสียงแผ่ว พวกผมหน้าเจื้อนไปเหมือนเด็กน้อยแสนซนที่โดนคุณแม่ดุ หรือไม่ก็หมาที่โดนเจ้านายตำหนิ คือถ้ามีหูมันก็คงจะลู่ลงอย่างรู้สึกผิดแล้วล่ะ

ในวินาทีนั้นเอง ความสามารถในการเรืองแสงของลูกแก้วฟรานก็หมดลง ทิวทัศน์เบื้องหน้าที่พวกเราเห็นดับมืดอย่างฉับพลัน บรรยากาศน่ากลัวทวีคูณอย่างก้าวกระโดด พวกเราหยุดกึกเพราะไม่สามารถเคลื่อนไหวต่อได้ ไม่มีใครที่สามารถมองเห็นในความมืดแม้แต่กะโหลกเซนซึ่งเป็นเผ่าปีศาจก็ตาม ผมรู้สึกเหมือนมีสายตานับร้อยคู่กำลังจับจ้องมาที่พวกผม เหมือนสายตาของพวกแม่บ้านในตลาดสดตอนเช้ามืดที่กำลังจับจองเนื้อที่ดีที่สุดที่อยู่ในร้านขายเนื้อเจ้าประจำ

“แล้วจะเอายังไงกันต่อดีล่ะทีนี้” ไข่มังกรเดรคบ่น

“คงมีแต่ต้องรอเท่านั้น” ผมสรุป เพราะเราไม่สามารถจุดไฟได้ แถมป่าก็ทึบเกินไป ความสามารถในการเรืองแสงจึงเป็นความหวังเดียวของพวกเรา

“อยากแช่น้ำอุ่นจัง” ก้อนหินจิลแสดงความหนาวออกมาชัดเจนกว่าคนอื่น ชัดเจนเท่าๆกับเสียงฟันที่กระทบกันของเขานั่นแหละ

“มีหวังนายได้ละลายลงไปนอนก้นที่ก้นอ่างก่อนหายหนาวแน่ๆ” ผมย้ำเตือนว่าสภาพในตอนนี้ของเขาเป็นเช่นไร แต่เดี๋ยวนะ! ก้อนหินนี่ควรจะหนาวได้ด้วยงั้นเหรอ…

“ฉันรู้สึกเหมือนมีคนกำลังมองอยู่เลย” จู่ๆลูกแก้วฟรานก็พูดด้วยน้ำเสียงแปลกใจ “ไม่เห็นจำได้เลยว่าฉันกลายเป็นคนดังไปแล้ว”

“อย่ามาไร้สาระตอนนี้ได้ไหม” ไข่มังกรเดรคเอ่ยอย่างหงุดหงิด แต่คำพูดของลูกแก้วฟรานทำให้ผมเสียวสันหลังวาบ ถึงแม้ผมจะไม่มีสันหลังก็ตามแต่

แล้วผมก็ได้ค้นพบว่า ความซวยหาพวกเราเจอได้ง่ายขึ้นหากเราอยู่ในที่มืด

เสียงกรอบแกรบๆซึ่งเป็นเสียงที่เยียบย่ำไปบนใบไม้แห้งดังอย่างแผ่วเบา แต่ผมรู้สึกได้ว่ามันดังมาจากใกล้ๆนี้เอง บางทีอาจจะดังมาจากหลังเงาพุ่มไม้ตะคุ่มๆตรงนั้นก็ได้

ผมไม่รู้ว่าจะต้องเอ่ยคำนี้ออกมากี่ครั้ง ที่มันคือความจริงที่พวกเรากำลังเผชิญหน้าคือ ซวยแล้วโว้ย!

“แฟนคลับมาหาถึงที่เลย ทำตัวไม่ถูกแฮะ” ลูกแก้วฟรานดูตื่นเต้น

“เงียบน่า!” ไข่มังกรเดรคตะคอกด้วยเสียงลม

พวกเราหยุดนิ่งอย่างลุ้นระทึกและหวาดกลัวแทบลืมหายใจ เสียงฝีเท้ามากมายดังมาจากรอบทิศทาง บอกเป็นนัยๆว่าสิ่งมีชีวิตสปีชีส์ไหนซักอย่างตีวงล้อมพวกเราเอาไว้หมดแล้ว เหลือแค่ออกมาโชว์ตัวให้เราเห็นเท่านั้นว่าเรากำลังจะถูกเคี้ยวเล่นโดยอะไร

แล้วสายตาหลายคู่ก็ค่อยๆแหวกฝ่าความมืดออกมา ตาแดงก่ำของอสูรกายร้ายทั้งหมดเพ่งมองมาที่พวกผมอย่างหิวกระหาย เสียงคู่คำรามที่แทบทำให้หัวใจของผมหยุดเต้น…ว่าแต่ สไลม์เนี่ย มีหัวใจไหมนะ

เงาร่างของสัตว์ร้ายหลายสิบตัวก้าวย่างออกมาจากที่กำบัง กระชับวงล้อมบีบพวกผมเข้ามาอย่างเชื่องช้า ลูกแก้วฟรานครางเสียงสูงอย่างลืมตัว ในขณะที่ก้อนหินจิลเอาแต่ตัวสั่น ผมไม่สามารถละสายตาไปจากพวกมันได้ คงเป็นความกลัวที่สั่งให้ผมทำแบบนั้น

หนึ่งในกลุ่มของพวกมันก้าวล้ำออกมาข้างหน้า ผมได้แต่หวังว่ามันจะแค่ก้าวออกมาทักทายพอเป็นพิธีแบบ “เฮ้! พวกนายมาเดินร่อนอะไรกันในป่าตอนดึกๆดื่นๆแบบนี้เนี่ย! เดี๋ยวก็โดนจับหรอก มันผิดกฏหมายนะรู้ไหม! แต่ยังไงก็โชคดีแล้วกันเพื่อนฝูง!” แปะมือ แล้วแยกย้ายกันไปพร้อมรอยยิ้มแห่งมิตรภาพ แต่มันก็คงไม่มีทางเป็นจริงแม้ในฝันก็ตาม

ในที่สุดมันก็ทำในสิ่งที่ผมกลัว อสูรร้ายตรงหน้าอ้าปากกว้าง ผมกลัวจนตัวแข็งทื่อขยับไปไหนไม่ได้ ผมซึ่งอยู่ใกล้สุดจึงกลายเป็นคนแรกที่โดนเจ้าสิ่งนั้นจับกิน

งับ!

“อ๊ากกกกก! โดนเขมือบแล้ว!!!” ผมแหกปากตะโกนลั่นเมื่อร่างกายสัมผัสกับฟันซี่แหลมๆของมัน ผมพยายามดิ้นและรู้สึกได้ว่าพลังชีวิตของตัวเองกำลังลดลง ดูเหมือนว่ายิ่งดิ้นมันจะยิ่งงับผมแน่นขึ้น ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ตอนนี้สิ่งที่ผมควรสนใจมากที่สุดคือชีวิตน้อยๆของตัวเอง “อย่ากินฉ๊านนนนนน!!!”

แล้วจากนั้นผมก็ได้ยินเสียงโหยหวนของเพื่อนๆดังตามมาติดๆ ไม่ต้องบอกผมก็รู้ว่าพวกนั้นกำลังเจอเคราะห์กรรมแบบเดียวกันกับผม

“ปล่อยตูนะโว้ย! ไอ้เจ้าอ้วกมนุษย์ขนดกปากเหม็น!!!” เสียงของไข่มังกรเดรคก่นด่าลั่นป่า แม้มันจะเป็นคำด่าที่ดูไม่รุนแรงนักสำหรับอีกฝ่าย แต่ก็ทำให้ผมขมคอได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

“ได้โปรด! อย่ากินเดรคเข้าไปเลยนะ!” เป็นเสียงของก้อนหินจิลที่ดังขึ้นมา ไข่มังกรเดรครู้สึกซาบซึ้งที่แม้จะน่าสิวหน้าขวานขนาดนี้ ก้อนหินจิลก็ยังเป็นห่วงเพื่อนจากใจจริง เพื่อนผู้แสนมีจิตใจงดงามกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนว่า

“เพราะการกินไข่สดๆอาจจะทำให้พวกคุณท้องเสีย ทางที่ดีควรจะเอาไปปรุงให้สุกก่อน จากนั้น…”

“นี่แกห่วงเรื่องนั้นเองหรอกเร๊อะ!!!” ผมกับไข่มังกรเดรคแหกปากร้องแทรกขึ้นมาพร้อมกันอย่างลืมตัวและลืมตาย แย่แฮะ ชักจะติดเป็นนิสัยไปแล้วสิเนี่ย

“ปล่อยเลยนะ! ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน!!!” ลูกแก้วฟรานโวยวายอย่างเหลืออดในขณะที่พยายามดิ้นออกจากฟันอันแหลมคมของอีกฝ่าย เขาขู่คำรามออกมาว่า “ปล่อยเซ่!!! อยากโดนฉันหยิ่งใส่นักใช่ไหม! ฉันจะไม่มีทางแจกลายเซ็นพวกนายแน่ๆ! อย่าหวังจะได้บัตรจับมือจากฉันเลย!!!”

เอ่อ…พวกพี่ๆครับ ช่วยรีบๆเคี้ยวไอ้เจ้านี่ที ถ้ากลืนลงไปได้เลยผมจะรู้สึกขอบคุณพวกพี่มากๆเลยครับ

“ทุกคนใจเย็นๆ” เสียงของกะโหลกเซนดังขึ้นอย่างเยือกเย็น ฟังดูไม่มีความหวาดกลัวใดๆทั้งสิ้น นี่แหละเพื่อนที่ผมภูมิใจ “ตั้งสติกันก่อน ฉันคิดว่าพวกนี้ไม่ได้ต้องการจะทำร้ายเรา”

และนั่นเองก็ทำให้ผมได้สติ “จริงด้วย!” ผมร้องออกมา หลังจากที่ผมหยุดดิ้น เจ้าตัวที่คาบผมอยู่ก็คลายแรงกัดลงไปบ้าง แล้วพวกเพื่อนๆก็ค่อยๆสงบลงตามกันไป

“พวกมันเหมือนกำลังจะพาเราไปไหนซักที่” ไข่มังกรเดรคร้องออกมาเมื่อรู้สึกตัวว่าฝูงอสูรร้ายกำลังเคลื่อนที่ “มันกำลังจะพาเราไปที่รังของพวกมันแน่ๆ!”

“แสดงว่าพวกเขาคิดจะปรุงเราก่อนกินจริงๆด้วยสินะ” ก้อนหินจิลถอนหายใจ “ค่อยยังชั่ว”

“ค่อยยังชั่วบ้านแกน่ะเซ่!!!” ผมพยายามห้ามตัวเองแล้วนะ แต่ก็อดใจที่จะไม่แหกปากออกไปพร้อมๆกับไข่มังกรเดรคไม่ได้จริงๆ

“ยังไงก็ตาม หยุดขัดขืนกันก่อน ยิ่งดิ้นพลังชีวิจเราจะยิ่งลดลง” กะโหลกเซนแนะนำ ผมเห็นด้วย เพราะการดิ้นของผมทำให้ผมเหลือพลังชีวิตเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ผมกวาดสายตามองเพื่อนๆที่ถูกคาบอยู่ในปากของอสูรร้ายท่ามกลางฝูงของพวกมันที่กำลังเคลื่อนที่ฝ่าเงามืดไปอย่างช่ำชอง ทุกคนปลอดภัยดีและเริ่มสงบสติอารมณ์กันได้แล้ว

ผมไม่รู้ว่าพวกมันกำลังจะพาพวกเราไปที่ไหน หรือพวกมันมีเป้าหมายอะไร สิ่งที่ผมทำได้ในตอนนี้คืออธิฐานในใจว่า ถ้าจะต้องกลายเป็นอาหารของเจ้าพวกนี้จริงๆ ก็ขอให้รสชาติของผมอร่อยถูกปากพวกมันด้วยเถอะนะ…คืออย่างน้อยๆผมก็อยากเป็นที่ประทับใจของใครก่อนตายมั่ง ก็แค่นั้น

 

แต่ฉันชอบความมืดนะ : กะโหลกเซน

โปรดติดตามตอนต่อไป

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตคุณ หลังจากอ่านนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา