เก็บใจไว้ให้รัก

-

วันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 14.48 น.

  1 บท
  0 วิจารณ์
  2,066 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 14.53 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) การเจอกันที่ไม่ค่อยประทับใจ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ลลิตา ศิริธำรง ยืนกอดแฟ้มเอกสารประวัติส่วนตัวของตัวเองเอาไว้แน่น 
เงยหน้ามองตึกสูง35ชั้นที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆอย่างอดตื่นเต้นไม่ได้ 
วันนี้เธอมีนัดสัมภาษณ์งานที่บริษัทอินเตอร์คอนสทรัคชั่น 
ซึ่งเป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ของประเทศ ซึ่งมีฐานโรงงานการผลิตอยู่หลายสาขาทั้งในและต่างประเทศ 
ทันทีที่เธอเรียนจบ เฟื่องลดา ซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอซึ่งเธอเคารพและนับถือเป็นพี่สาวก็ให้เธอส่งประวัติมาสมัครงานที่นี่ไว้ 
เพราะเฟื่องลดาเองก็ทำงานอยู่ที่นี่ในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาด ส่วนลลิตาสมัครงานเข้ามาในตำแหน่งบัญชีตรงกับสาขาที่เธอเพิ่งเรียนจบมา
คราแรกเธอก็คิดหวาดหวั่นในใจว่าคนจะหาว่าเธอใช้เส้นสายของเฟื่องลดาเข้ามาทำงานหรือไม่ 
เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าบริษัทแห่งนี้มีแต่คนสมัครแข่งขันกันเข้ามาทำงานสูงเพราะเงินเดือนดี สวัสดิการดี โบนัสดี 
ส่วนใหญ่คนที่ทำงานที่นี่จบมหาวิทยาลัยดังระดับประเทศหรือไม่ก็พวกเกียรตินิยม บางคนจบจากต่างประเทศด้วยซ้ำ
 
แต่เฟื่องลดาก็บอกกับเธอว่าจะไม่ใช้เส้นสายในการช่วยเธอเข้าทำงานอย่างแน่นอน ให้เธอสบายใจได้
เพราะการรับคนเข้าทำงานเป็นการตัดสินใจของฝ่ายบุคคล ซึ่งเฟื่องลดาไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายการทำงานของฝ่ายบุคคลอยู่แล้ว 
นั่นจึงทำใหเธอตัดสินใจยื่นใบสมัครเข้ามา ลลิตาสยื่นสมัครงานเข้ามาทันทีที่เรียนจบ 
และเพียงเวลาไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ฝ่ายบุคคลก็ติดต่อกลับไปให้เธอมาสอบสัมภาษณ์งาน 
ต้องขอบคุณเกรดเฉลี่ยอันสวยหรูของเธอที่การันตีด้วยเกียรตินิยมอันดับ1ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้มาจากมหาวิทยาลัยดังระดับประเทศก็ตาม 
ยิ่งไปกว่านั้นต้องขอบคุณใครบางคนที่ทำให้เด็กสาวที่เกลียดวิชาคณิตศาสตร์จนสุดขั้วหัวใจ
หันมาสนใจในตัวเลขจนเรียนจบคณะบัญชีที่มีแต่ตัวเลขมาด้วยเกรดอันสวยหรูแบบนี้
 
“สวัสดีค่ะ ดิฉันมีนัดสัมภาษณ์งานกับฝ่ายบุคคลค่ะ”
ลลิตาเอ่ยพร้อมกับยกมือไหว้ประชาสัมพันธ์สาวสวยสองคนที่นั่งอยู่หน้าเคาร์เตอร์ 
อันเป็นปราการแรกที่ทุกคนจะต้องผ่านถ้าหากต้องการเข้าไปในตัวอาคาร
 
ปัทมาและปารตีสองสาวประชาสัมพันธ์มองลลิตาอย่างพิจารณาก่อนจะหยิบบัตรมาให้เธอแลกก่อนขึ้นไปบนตึกที่เป็นสำนักงานของบริษัท 
เมื่อประชาสัมพันธ์สาวเห็นชื่อบนบัตรที่เธอใช้แลกก็มองหน้ากันก่อนที่หนึ่งในสองสาวจะเอ่ยขึ้น
 
“เชิญที่ห้องสัมภาษณ์ฝ่ายบุคคลได้เลยค่ะ ขึ้นลิฟท์ไปชั้น30แล้วเลี้ยวซ้ายนะคะ 
หน้าห้องจะมีป้ายติดไว้ว่าสัมภาษ์งาน วันนี้หัวหน้าฝ่ายบุคคลจะสัมภาษณ์คุณลลิตาด้วยตัวเองค่ะ”
ปัทมาบอกพร้อมกับผายมือไปทางลิฟท์
 
“คะ!! สัมภาษณ์ดิฉันด้วยตัวเองหรอคะ? ลลิตามุ่นคิ้วถามด้วยความสงสัย
เพราะเท่าที่เคยได้ยินเฟื่องลดาบอก หัวหน้าฝ่ายบุคคลจะลงมาสัมภาษณ์เองก็ต่อเมื่อตำแหน่งสำคัญๆ
อย่างเช่นผู้จัดการสาขา หรือผู้จัดการแผนก แต่เธอแค่สมัครเข้ามาในตำแหน่งพนักงานบัญชีธรรมดาๆเท่านั้นเอง 
ทำไมหัวหน้าฝ่ายบุคคลถึงกับต้องสัมภาษณ์งานเธอด้วยตัวเองด้วย
 
“ใช่ค่ะ คุณช่อซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลโทรมากำชับตั้งแต่เช้าเลยนะคะว่าถ้าคุณลลิตามาให้ไปรอที่ห้องสัมภาษณ์งานได้เลย 
ตอนนี้คุณช่อติดประชุมอยู่ เดี๋ยวสักพักก็คงประชุมเสร็จค่ะ”ปัทมายังคงบอกต่อ
 
“ขอบคุณมากค่ะ”ลลิตาเดินมากดลิฟท์ไปยังชั้นที่เป็นห้องสัมภาษณ์งานของบริษัทตามคำบอกของประชาสัมพันธ์สาวอย่างงงๆ 
เธอกดโทรศัพท์หาเฟื่องลดาหลายรอบแต่ก็ไม่มีคนรับสาย บางทีเฟื่องลดาอาจจะกำลังเข้าประชุมอยู่ก็ได้ 
 
คล้อยหลังลลิตาเดินเข้าลิฟท์ไป ประชาสัมพันธ์สาวก็หันมาคุยกันด้วยความสงสัยไม่ต่างกัน
“ทำไมคุณช่อต้องสัมภาษณ์ด้วยตัวเองด้วย เห็นว่าสมัครตำแหน่งบัญชีไม่ใช่หรอ? ปารตีเป็นฝ่ายเอ่ยถามก่อน
 
“ใครจะไปรู้ล่ะ บางทีอาจจะเป็นลูกท่านหลานเธอสักคนที่ฝากเข้ามาทำงานละมั้ง 
ไม่งั้นคุณช่อจะเสียเวลามาคุยด้วยตัวเองทำไม”ปัทมาตอบแบบไม่ใส่ใจ เพราะเห็นมานักต่อนักกับพวกเด็กฝาก
 
“แต่ดูๆแล้วก็สวยดีนะ บางทีอาจมีซัมติงกับท่านๆสักคนในบริษัทอย่างที่พี่ปัทบอกอยู่ก็ได้ 
อาจจะเป็นเด็กของบอร์ดบริหารสักคนละมั้ง ไม่งั้นคุณช่อคงไม่ลงมาดูด้วยตัวเองหรอก”ปารตีเออออตามน้ำ
 
“สวยแล้วไง ถ้าได้แค่สวยแต่ไม่มีคุณสมบัติ เป็นแค่โนบอดี้ไม่มีชื่อในวงการเซเลปก็เท่านั้น 
สมัยนี้ต้องชาติตระกูลพร้อมหรือไม่ก็เงินต่อเงิน ถ้าแค่สวยก็คงเป็นได้แค่ของเล่นชั่วครั้งชั่วคราว 
อาจฝากให้เข้าทำงาน เอามาไว้ข้างๆกายคอยแก้เหงาให้กระชุ่มกระช่วยหัวใจ แต่ถ้าจะให้จริงจังก็คงจะยากหน่อย 
ก็รู้ๆกันอยู่ว่าท่านๆข้างบนอยู่ระดับไหน”
ปัทมากรอกตามองบนพร้อมกับเติมลิปสติกสีแดงบนปากที่เพิ่งพ่นวาจาร้ายกาจออกมา
 
“โหยย แรงอ่ะ พี่ปัทก็ว่าไปนั่น บางทีน้องเขาอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้”
 
“ของอย่างนี้มันต้องดูกันยาวๆ ยิ่งเป็นเด็กฝากก็ยิ่งน่าจับตามองเพราะไม่รู้ความสามารถจะมีมากแค่ไหน
 ต่อให้เป็นเด็กฝากแต่ถ้าความสามารถไม่ถึงก็คงจะอยู่ไม่นานหรอก 
เพราะอย่างที่รู้ๆคุณปุณณ์ไม่ชอบเด็กเส้นและจริงจังเรื่องงานมาก ต่อให้เป็นเด็กผู้บริหารคนไหนก็ตาม 
แต่ถ้าไม่มีผลงานที่ดีพอรับรองคุณปุณณ์ไม่เก็บไว้หรอก รอดูได้เลย”ปัทมาเอ่ยต่ออย่างไม่ใส่ใจ
 
“จะเด็กใครก็ช่างเถอะ ขอแค่อย่าเป็นเด็กของคุณปุณณ์ก็พอ 
ขอคนนี้ให้อยู่เป็นโสดให้กระชุ่มกระชวยหัวใจดวงน้อยๆของปารตีไปนานๆ ไม่มีคุณปุณณ์นี่ลาออกไปนานแล้วนะ 
ทุกวันนี้ที่ตื่นแต่เช้ามาทำงานก็เพื่อจะได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของคุณปุณณ์ทุกวันอ่ะ 
เห็นหน้าทีมีกำลังใจไปทั้งอาทิตย์”ปารตีหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเมื่อเอ่ยถึงประธานบริษัท
 
“ของเธอคนเดียวที่ไหน ของสาวๆทั้งออฟฟิศต่างหาก 
คุณปุณณ์อ่ะเปรียบดั่งเจ้าชายบนหอคอยงาช้าง ยากหน่อยถ้าใครคิดจะสอยลงมา 
เห็นแต่คนตามเทียวไล้เทียวขื่อทั้งดาราระดับซุปตา ทั้งไฮโซสาว ถามจริงมีใครได้กินบ้างมั้ยละ”
 
ปารตีส่ายหน้าดิกจนผมที่ปล่อยยาวกลางหลังโบกสะบัดไปมา “รูปหล่อ พ่อรวย การศึกษาดี โปรไฟล์เริ่ดก็งี้ มีสิทธิ์เลือก”
 
สองสาวประชาสัมพันธ์พูดคุยหัวเราะกันอย่างอารมณ์ดีเมื่อหัวข้อสนทนาเป็นเรื่องของปุณณ์ ถิระสกุลชัย ผู้เป็นประธานบริษัทอินเตอร์คอนทรัคชั่น
 
ลลิตาเดินออกมาจากลิฟท์เมื่อถึงชั้น30และตัวลิฟท์เปิดออก เธอเดินมาตามทางเดินฝั่งซ้ายตามที่ประชาสัมพันธ์สาวด้านล่างบอก 
ก่อนจะมาหยุดหน้าประตูบานใหญ่ด้านซ้ายมือ ซึ่งเขียนไว้ว่าห้องสัมภาษณ์งาน 
ส่วนอีกด้านฝั่งขวามือซึ่งมีประตูบานใหญ่อยู่ตรงข้ามกัน มีป้ายเขียนไว้หน้าห้องส่าห้องประชุมใหญ่ 
สงสัยคนที่จะสัมภาษณ์งานเธอคงกำลังประชุมอยู่ในห้องนี้แน่ๆ
 
“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ” เสียงจากข้างหลังที่ดังขึ้นเรียกให้สติเธอกลับมา 
ลลิตาหันกลับมามองก่อนจะพบว่าเป็นเสียงของแม่บ้านที่กำลังส่งยิ้มหวานมาให้
 
“คือดิฉันมาสัมภาษณ์งานค่ะ ประชาสัมพันธ์ด้านล่างบอกให้เข้ามารอในห้องได้เลย 
เพราะคนที่ชื่อคุณช่อที่จะสัมภาษณ์งานดิฉันติดประชุมอยู่ แต่ดิฉันไม่กล้าเข้าไปข้างในค่ะ”เธออธิบายตามความจริง
 
“เข้าไปรอข้างในได้เลยค่ะ คุณช่อเข้าประชุมนานแล้วอีกสักพักก็คงประชุมเสร็จ 
คุณเข้าไปนั่งรอได้เลยเดี๋ยวดิฉันจะเอาน้ำเข้าไปให้ค่ะ”แม่บ้านสูงวัยบอกพร้อมกับรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร
ก่อนจะเดินออกไปซึ่งคงจะไปเอาน้ำมาให้เธอนั่นเอง เออดีจริงแฮะแค่เธอมาสัมภาษณ์งานยังมีแม่บ้านมาเสิร์ฟน้ำให้ 
ยังไม่ทันจะเปิดประตูเข้าไปยังห้องที่เป็นจุดหมาย เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์สมาร์ทโฟนในกระเป๋าก็กรีดร้องดังขึ้น 
ร่างบางล้วงหาโทรศัพท์ก่อนจะกดรับสายเมื่อเห็นเป็นชื่อของเพื่อนสนิทบนหน้าจอ
 
“ว่าไงยัยนิ มีอะไรหรือเปล่า?
 
“อยู่ไหน สะดวกคุยไหม”ศรัณย์พรเอ่ยถามมาตามสาย
 
“ตอนนี้ฉันมาสัมภาษณ์งานที่บริษัทพี่เฟื่อง แต่คุยได้เพราะคนสัมภาษณ์งานยังไม่มา”เธอตอบตามความจริง 
และเพราะมัวแต่สนใจคุยโทรศัพท์กับเพื่อนสาวคนสนิทโดยที่มือข้างหนึ่งยังแตะอยู่ที่ประตูบานใหญ่ยังไม่ได้เปิดเข้าไปข้างใน 
จึงไม่รู้เลยว่ามีชายหนุ่มร่างสูงเปิดประตูฝั่งตรงข้ามที่เป็นห้องประชุมออกมา ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นเธอยืนหันหลังคุยโทรศัพท์อยู่
 
“ตกลงแกไปสมัครงานที่อินเตอร์คอนสทรัคชั่นจริงๆหรอ? ฉันบอกให้แกมาสมัครงานที่ก่อเกียติกรุ๊ปไง 
ที่นี่เงินดี สวัสดิการดี อาจแถมฟรีตำแหน่งแฟนประธานบริษัทนะ”ปลายสายเย้ากลับมาอย่างอารมณ์ดี
 
“เอาสิ ถ้าฉันได้เป็นแฟนประธานบริษัทก่อเกียติกรุ๊ปจริงๆ 
ฉันจะจัดการกับน้องสามีอย่างแกเป็นคนแรกเลย 
ฉันจะบอกพี่นิกให้ตัดแกออกจากกองมรดกคนแรกเลยยัยนิ”
 
“ซ้อลิตาใจร้าย แกจะเป็นอาซ้อใจร้ายคอยรังแกน้องสามีผู้น่ารักจริงๆหรอ?
 
“เรียกฉันอาซ้อเนี่ยปรึกษาพี่นิกหรือยัง จะหาแฟนให้พี่นิกถามเจ้าตัวเขาก่อนมั้ย”
ลลิตาย่นจมูกใส่โทรศัพท์อย่างหมั่นใส้
 
“แล้วถ้าหากเฮียนิกเต็มใจแกจะโอเคมั้ยล่ะ”
 
“ก็คงจะเล่นตัวพอเป็นพิธี ทำเริ่ดๆเชิ่ดๆใส่ให้พองาม  
หล่อรวยเก่งเพียบพร้อมด้วยชาติตระกูลดีอย่างคุณศรัณย์พล 
พ่วงด้วยตำแหน่งท่านประธานแห่งก่อเกียติกรุ๊ปเนี่ย ใครจะปฏิเสธลงละค่ะ”
 
“ตกลงถ้าเฮียนิกขอแกเป็นแฟนแกจะตอบตกลง? 
ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงจริงจังจนลลิตาอดแปลกใจในน้ำเสียงไม่ได้ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจังเช่นกัน
 
“จะบ้าหรอ ฉันกับพี่นิกคุยกันแค่ไม่กี่คำ เจอกันแค่ตอนพี่นิกมารับแกที่มหาวิทยาลัย 
อย่างมากก็คอมเม้นท์ในเฟสกันบ้าง จะให้ฉันไปเป็นแฟนกับเขาได้ยังไง 
ไม่ต้องมาทำเป็นขายพี่ชายให้เราเลยนะ เราขี้เกียจปวดหัวสู้รบปรบมือกับสาวๆของพี่นิก 
ว่าแต่โทรมามีธุระอะไรเร่งด่วนมั้ย”
 
ศรัณย์พรถอนหายใจอย่างแรงจนคนคุยสายด้วยยังได้ยินก่อนจะคุยถึงธุระที่โทรมา
“วันเสาร์ตอนเย็นว่างหรือเปล่า พอดีเฮียนิกจะนัดฉลองให้พวกเราที่เรียนจบกันน่ะ 
ฉันโทรนัดยัยเต้ยกับยัยขวัญแล้วนะ เหลือแต่แกนี่แหละว่ายังไงว่างไหมฉันจะได้โทรจองโต๊ะอาหารไว้เลย”
 
“พี่นิกจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงฉลองให้หรอ ขอเลือกร้านเองได้มั้ย อยากกินอาหารญี่ปุ่น ไม่ได้กินนานแล้ว”
 
“งั้นเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่โรงแรม....”ศรัณย์พรพูดพร้อมกับเอ่ยชื่อโรงแรมหรู5ดาวไป
 
“โอ้โห! จองโรงแรมหรูเลยหรอ สงสัยต้องล้างท้องรอแล้วล่ะ 
โอเคเจอกันที่โรงแรม.....ตอนเย็นวันเสาร์นะ”ลลิตาทวนชื่อโรงแรมที่เพื่อนสาวเพิ่งบอกไป
 
ศรัณย์พรนิ่งไปอึดใจก่อนจะตัดสินใจถามต่ออีกรอบ
“ลิตา พี่เฟื่องยังห้ามแกมีแฟนอยู่มั้ย?
 
“ทำไมหรอ มีอะไรหรอ? ดูเหมือนจู่ๆแกจะสนใจเรื่องแฟนของฉันขึ้นมาจังเลยนะ 
เมื่อกี้ก็จะให้ฉันเป็นซ้อใหญ่ ตอนนี้ก็สนใจเรื่องที่พี่เฟื่องห้ามฉันมีแฟนขึ้นมาอีก”
 ลลิตาถามเพื่อนสาวอย่างงงๆ เมื่อเห็นว่าศรัณย์พรยังอ้ำอึ้งไม่ยอมตอบคำถามจึงถามย้ำอีกรอบ 
“แกมีอะไรหรือเปล่านิ จู่ๆมาถามเรื่องฉันแบบนี้” 
 
“คือว่า....คือเฮียนิก....เอ่อ”ศรัณย์พรยังอ้ำๆอึ้งๆไม่ยอมพูดต่อ
 
“พี่นิก ทำไมหรอ? ลลิตาย่นหัวคิวสงสัยว่าศรัณย์พลมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย 
 
ทันทีที่ลลิตาพูดจบยังไม่ทันได้คำตอบจากเพื่อนสาวในสายก็ได้ยินเสียงแม่บ้านพูดขึ้นจากข้างหลัง
 
“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณปุณณ์ ต้องการอะไรหรือเปล่าคะ? แม่บ้านสูงวัยเอ่ยถามขึ้น
เพราะเห็นท่านประธานบริษัทเปิดประตูค้างไว้โดยไม่ยอมเดินออกมา
 
และนั่นก็ทำให้ลลิตาได้สติก่อนจะหันมาทางเสียงด้านหลังด้วยความตกใจ
จนเผลอไปกระแทกแม่บ้านที่ถือถาดพร้อมแก้วน้ำในมือจนน้ำกระเด็นไปโดนร่างสูงที่ยังไม่ทันจะได้เดินออกจากประตู
 
 ลลิตาเบิกตาโพลงด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าเสื้อสูทยี่ห้อดังราคาแพงของชายตรงหน้าเปียกไปด้วยน้ำที่เธอเป็นคนซุ่มซ่ามทำให้เกิดเรื่องขึ้น 
 
“ขอโทษค่ะ คือฉันไม่ได้ตั้งใจ”ลลิตาพยายามเค้นเสียงของตัวเองให้ออกมาจากลำคออย่างยากลำบาก 
อยากจะหายตัวไปจากสถานการณ์อันเลวร้ายนี้ ยิ่งได้สบตากับชายตรงหน้าเธอก็แทบลืมหายใจ 
สายตาคมที่มองกลับมาทำให้เธอรู้สึกเหมือนตกอยู่ในภวังค์ มันช่างดูดุดันคล้ายจะตำหนิเธออยู่ในที 
ที่สำคัญเธอเห็นแววตาแห่งความไม่พอใจซ่อนอยู่ในนั้น ดูจากการแต่งกายและบุคลิกอันน่าเกรงขาม 
และที่สำคัญชายร่างสูงตรงหน้ากำลังเดินออกมาจากห้องประชุม เขาต้องมีตำแหน่งสำคัญในบริษัทแน่ๆ
 
 “ว้าย!!ตายแล้ว คุณปุณณ์! เสียงเล็กแหลมดังขึ้นอย่างตกใจพร้อมกับถลาเข้ามาดูเจ้านายของตนอย่างรวดเร็ว 
ทำให้คนอื่นๆที่ยังอยู่ในห้องประชุมต่างพากันตกใจกับเหตุการณที่เกิดขึ้น 
และนั่นก็ยิ่งทำให้ลลิตาหน้าซีดเผือดเข้าไปใหญ่เพราะถึงเธอจะไม่เคยเจอผู้ชายตรงหน้ามาก่อน 
แต่ชื่อปุณณ์ที่ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยออกมาและท่าทางตกอกตกใจลุกลี้ลุกลนนั่นก็ทำให้เธอรู้โดยอัตโนมัติ
ว่าผู้ชายตรงหน้าคือ ‘ปุณณ์ ถิระสกุลชัย’ ประธานบริษัทแห่งนี้นี่เอง 
เพราะก่อนมาสมัครงานที่นี่ก็พอได้ยินชื่อเสียงและความเข้มงวดจริงจังเรื่องงานของเขามาจากเฟื่องลดาอยู่บ้าง
 
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ยป้า ทำไมซุ่มซ่ามแบบนี้ บ่ายนี้คุณปุณณ์มีนัดลูกค้าข้างนอกด้วย” 
เลขาสาวยังไม่วายหันมาตำหนิแม่บ้านสูงวัยเมื่อเห็นเสื้อสูทราคาแพงของผู้เป็นเจ้านายเปียกไปทั้งแถบ
 
“ป้าขอโทษค่ะ ป้าไม่ได้ตั้งใจ”พูดพลางยกมือไหว้ขอโทษเจ้านายใหญ่แห่งอาณาจักรอินเตอร์คอนสทรัคชั่น
 
“ดิฉันขอโทษค่ะ ดิฉันเป็นคนชนคุณป้าเอง คุณป้าไม่ได้เป็นคนผิดค่ะ”ลลิตาพูดน้ำเสียงตะกุกตะกักด้วยความประหม่า
พร้อมกับยกมือไหว้บุคคลตรงหน้า ตอนนี้เธอรู้สึกได้ถึงเม็ดเหงื่อที่เริ่มซึมตามขมับและฝ่ามือ
 
“เธอเป็นใคร แล้วมาทำอะไรที่นี่”เลขาสาวยังเอ่ยถามต่อด้วยความสงสัย
 
“ดิฉันมีนัดสัมภาษณ์งานที่นี่ค่ะ”
 
ทันทีที่ลลิตาพูดจบเลขาสาวก็หันไปมองหน้าเจ้านายหนุ่มตรงหน้า 
เหมือนจะถามว่าจะทำยังไงต่อแต่ก็เจอกับแววตาว่างเปล่า
ที่ยังคงมองนิ่งที่ร่างของหญิงสาวบอบบางผู้มาสัมภาษณ์งานตรงหน้า
 
“ลิตา”!!
เฟื่องลดากึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาหาลลิตาที่ตอนนี้ยืนสั่นจนแทบจะทรงตัวไม่ไหว
 เมื่อเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับญาติผู้น้องตรงหน้าก็ถอนหายใจเฮือกออกมาด้วยความหนักใจ
 
ลลิตาหันไปสบตากับเฟื่องลดาด้วยสีหน้าอิหลักอิเหรื่อเหมือนพยายามจะขอความช่วยเหลือจากญาติผู้พี่กลายๆ 
 
“ไม่เป็นไร”เสียงห้าวทุ่มที่เปล่งไปด้วยพลังอำนาจเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบที่สาบานได้เลย
ว่าถ้าตอนนี้มียุงสักตัวบินผ่านมาคงได้ยินเสียงแน่ๆ 
 
ลลิตาหันไปสบตากับร่างสูงตรงหน้า ดวงตาคมเข้มของเขามองสบตาเธออย่างไม่หลบสายตาเช่นกัน 
ตึก...ตึก...ตึก
จู่ๆลลิตาก็รู้สึกได้ถึงเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นแรงขึ้นอย่างไม่เป็นจังหวะ 
เธอรู้สึกว่ามันไม่ได้เต้นด้วยความกลัวแต่มันเต้นด้วยความรู้สึกที่เธอเองก็อธิบายไม่ถูกเช่นกัน 
ทำไมนะดวงตาคู่นี้ถึงได้มีอิทธิพลกับเธอถึงเพียงนี้ทั้งที่เคยเจอกับคนตรงหน้าเป็นครั้งแรก แววตาของเขามันช่างเหมือน....
 
“ผมมีเสื้อสูทอีกตัวอยู่ในรถ เดี๋ยวค่อยไปเปลี่ยนในรถเอาก็ได้ ไปกันได้แล้วคุณอัญ 
เรามีนัดกับมิสเตอร์หยวนช่วงบ่าย ผมไม่อยากไปสาย”
ชายร่างสูงเอ่ยขึ้นต่อเมื่อเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้าเอาแต่จ้องหน้าเขาแทบจะไม่กระพริบตา 
 
“อ้อ......คุณช่อช่วยสัมภาษณ์งานคุณผู้หญิงคนนี้ด้วย”ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบไม่บ่งบอกความรู้สึก
 
“ได้ค่ะคุณปุณณ์”หัวหน้าฝ่ายบุคคลที่เดินออกมาทันเห็นเหตุการณ์พยักหน้าตอบรับ
 
ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากร่างสูงตรงหน้าอีก นอกจากพยักหน้าเรียกให้เลขาสาวเดินตามออกไป

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา