ลำนำบุปผาพิษ

-

เขียนโดย Xiaobei

วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เวลา 17.37 น.

  30 ตอน
  0 วิจารณ์
  23.58K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2562 14.04 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

30) บทที่ 59-60

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 59 คงไม่ใช่ว่าท่านตัดใจจากนางไม่ได้กระมัง?

คนทั้งสองหารือกันอยู่สักพัก เนื้อหาการพูดคุยก็คือทำอย่างไรถึงจะกำจัด ‘พยาน’ ทั้งสองคนทิ้งไปโดยไม่มีใครรู้เห็น รวมถึงจะลอบทำร้ายกู้ซีจิ่วอีกยังไงดี

เรื่องการกำจัด ‘พยาน’ นี้ทั้งสองคนมีความเห็นตรงกัน จึงคิดหาวิธีได้อย่างรวดเร็ว

แต่พอเป็นการวางแผนเรื่องกู้ซีจิ่วคนทั้งสองกลับมีความเห็นต่างกันอยู่บ้าง

แม้กู้เทียนฉิงจะดูเหมือนเป็นคนอ่อนโยนใจดีมีเมตตา แต่วิธีการที่คิดขึ้นมานั้นชั่วร้ายเหลือคณา เพียงชั่วลมหายใจเดียวก็คิดวิธีการร้ายๆ ได้หลายวิธี

แต่ไม่ว่าจะเป็นแผนการใดก็ล้วนมีช่องโหว่ทั้งสิ้นจึงถูกองค์ชายหรงเหยียนปฏิเสธไป กู้เทียนฉิงจึงโวยวายขึ้นมาอย่างเหลืออด “นั่นก็ไม่ดี นี่ก็ไม่ได้ คงไม่ใช่ว่าท่านตัดใจจากนางไม่ได้กระมัง?! หวั่นไหวกับนางเข้าจริงๆ แล้วหรือไง?”

องค์ชายหรงเหยียนถึงกับชะงักงัน แล้วเอ่ยปฏิเสธ “จะเป็นไปได้ยังไง?! ข้าแสนจะรังเกียจนังอัปลักษณ์คนนั้น หากไม่ใช่เพราะการหมั้นหมายนี้ แค่ให้ข้ามองนางก็รู้สึกขยะแขยงแล้ว! เทียนฉิง เจ้าวางใจเถอะ ต่อให้ในวันหน้าข้าจำเป็นต้องแต่งนางเข้ามาจริงๆ ก็จะหาวิธีเขี่ยนางทิ้ง ลดขั้นให้เป็นเพียงอนุ แล้วแต่งตั้งเจ้าเป็นชายาเอก”

กู้เทียนฉิงหน้าแดงก่ำ “ข้าจะไม่ยอมมีสามีร่วมกับนังคนชั้นต่ำนั่นเด็ดขาด! ต่อให้เป็นอนุข้าก็ไม่ยอม! ท่านห้ามแต่งกับนางเด็ดขาด!”

“ได้ๆ ข้าจะไม่แต่งกับนาง ถึงอย่างไรนางก็ยังเด็ก พวกเรายังมีเวลาวางแผนอีกนาน” องค์ชายหรงเหยียนเริ่มเอ่ยประนีประนอม

“หรงเหยียน ท่านรอไหว ข้ารอไหว นางก็รอไหว แต่ลูกในท้องของข้ารอไม่ไหวแล้ว! หากผ่านไปอีกสองสามเดือนท้องของข้าก็ปิดบังไว้ไม่ได้แล้ว...” กู้เทียนฉิงร้อนใจยิ่งนัก

องค์ชายหรงเหยียนรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที “ได้ เจ้าให้ข้าคิดหน่อย ให้ข้าคิดก่อน จะต้องหาวิธีได้แน่”

เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า แล้วมองกู้เทียนฉิงที่อยู่ข้างๆ พลางกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “ดึกมากแล้ว เทียนฉิงเจ้าควรกลับไปได้แล้ว ยามนี้สถานการณ์ตึงเครียดนัก ทั้งยังไม่สามารถให้ผู้อื่นรับรู้ความสัมพันธ์ระหวางเราได้... ”

ทั้งสองยังสนทนากันอีกหลายประโยค ถึงได้ปล่อยมือกันอย่างจำใจ แล้วแยกย้ายกันไป

ภายในป่ากลับมาเงียบสงบอีกครั้งอย่างที่เคยเป็นมา มีสายลมพลิ้วผ่าน ทันใดนั้นใบของต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ห่างไปไม่ไกลก็ส่ายไหว พลันมีคนชุดดำผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้น

รูปร่างเล็กกะทัดรัด นัยน์ตาสุกสกาวดุจดวงดารา นี่ย่อมเป็นกู้ซีจิ่วตัวอัปลักษณ์ที่สองคนนั้นกล่าวถึง!

เธอไม่เพียงแต่ใช้วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาได้ดี วิชาพรางกายก็ยังดียิ่งกว่า!

ก่อนหน้านี้เธอซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้จนแทบจะกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกันกับความมืด สองคนนั้นพูดคุยกันอยู่ที่นี่ตั้งนานสองนาน แต่ไม่ได้รับรู้เลยว่าเธออยู่ใกล้ถึงเพียงนี้!

ยามนี้เธอนั่งห้อยขาอยู่บนกิ่งไม้ เท้าเล็กๆ แกว่งไปมาอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีสบายๆ เธอกระดิกนิ้วเล็กน้อย ริมฝีปากน้อยๆ หยักเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันจางๆ

การที่เธอยอมเสียสละเวลานอนเพื่อความงามมาสะกดรอยตามแม่บัวขาวดอกนี้ช่างคุ้มค่ายิ่งนัก!

ดูเหมือนว่าเธอจะได้ยินข่าวเด็ดเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ!

สร้อยมุกทะเลใต้ที่สลักชื่อไว้เอย ตั้งท้องได้สองเดือนแล้วเอย อ้อ ยังมีแผนการร้ายที่มุ่งเป้าไปยัง ‘พยาน’ ทั้งสองคนนั้นด้วย...

จุ๊ๆ หากเธอไม่ใช้แผนซ้อนแผน แล้วจะสาสมกับความชั่วร้ายของเดนมนุษย์ทั้งสองคนนี้ได้อย่างไร?

เธอหลับตาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วลุกขึ้นพลางบิดขี้เกียจ เห็นทีคืนนี้คงจะนอนเพื่อความงามไม่ได้แล้ว เธอยังต้องไปจัดการเรื่องบางอย่างต่อให้ชายโฉดหญิงชั่วคู่นั้นได้เจอดี!

ในขณะที่เธอกำลังยืนขึ้น ทันใดนั้นก็จับสัมผัสอะไรบางอย่างได้จึงหันไปมองทันที

ด้านหลังเงาไม้ที่โยกไหวไปมาไม่มีสิ่งใดเลย

เธอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แปลกแท้ เมื่อกี้จู่ๆ เธอก็รู้สึกเหมือนมีคนหายใจรดต้นคอเธออยู่...

-------------------------------------------------------------------------------------

บทที่ 60 ตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นอยู่เบื้องหลัง

แต่ว่าข้างหลังก็ไม่อะไรอยู่เลยนี่นา มีเพียงกิ่งไม้เล็กๆ ไม่กี่กิ่งที่โยกไหวตามแรงลม กิ่งไม้เล็กบางเช่นนี้แม้แต่นกยังเกาะไม่ได้ แล้วคนจะไปยืนอยู่บนนั้นได้อย่างไร

เธอเม้มปากนิดๆ แล้วล้วงเอากระบี่เล่มหนึ่งออกมาจากเอว เล่นมันอยู่พักหนึ่ง จู่ๆ ก็ราวกับพลั้งมือ เหวี่ยงกระบี่ไปยังด้านหลังอย่างฉับพลัน!

คมกระบี่วาดโค้งจนเกิดประกายแสง แฉลบผ่านด้านหลังของเธอ

หากว่ามีอะไรอยู่ด้านหลังของเธอจริงๆ กระบี่ที่รวดเร็วดุจสายฟ้าของเธอนี้คงเพียงพอจะทำให้อีกฝ่ายปรากฏตัวออกมา

ทว่าเมื่อกระบี่นี้แฉลบผ่านด้านหลังของเธอไป นอกจากอากาศที่ว่างเปล่าแล้วก็ไม่โดนสิ่งใดอีกเลย

‘หรือว่าจะเป็นผี?’

กู้ซีจิ่วหรี่ตาลงเล็กน้อย ตวัดปลายนิ้ว เมื่อร่ายคาถาก็มีแสงสีฟ้าอ่อนๆ พุ่งออกมาปลายนิ้วของเธอแล้วหมุนวนเป็นวงอยู่ในอากาศ วนเวียนอยู่เบื้องหลังของเธอในรัศมีหนึ่งจั้งก่อนจะลอยกลับมาอยู่ในมือเธอ

เธอจ่อมือนั้นแนบจมูกแล้วสูดดม แต่ก็ไม่ได้กลิ่นใดทั้งสิ้น

คาถานี้เป็นคาถาขับไล่วิญญาณ ในยุคปัจจุบันเธอพอจะรู้จักผู้มีวิชาอยู่หลายท่าน เธอมีความสัมพันธ์อันดีกับนักปราบผีท่านหนึ่งในนั้น นักปราบผีท่านนั้นสอนวิชาวาดยันต์เรียกผีกักวิญญาณให้เธออยู่หลายบท ถึงแม้เธอจะเรียนแค่เพียงผิวเผิน แต่ก็พอจะรับมือกับวิญญาณกระจอกได้อย่างไม่มีปัญหา

เมื่อร่ายคาถานี้แล้ว วิญญาณร้ายใดที่ล่องหนอยู่ล้วนจะปรากฏกายออกมา ตอนนี้ก็ร่ายคาถานี้ไปรอบหนึ่งแล้ว แต่ก็ไม่ปรากฏสิ่งใด เห็นทีว่าเธอคงระแวงมากไป

‘หรือจะเป็นแค่ลม?’

ร่างกายของเธอว่องไวดุจสายฟ้าแลบ เลือนหายไปจากจุดนั้นทันที...

เงาร่างของเธอเพิ่งจะเลือนหายไปได้ไม่นาน บนต้นไม้ใหญ่ต้นเดิมก็มีร่างของคนผู้หนึ่งปรากฏออกมา

บนร่างสวมเสื้อคลุมพลิ้วบางเบาดุจธาราไหลรินจากหุบเขา ปล่อยผมยาวสยายอย่างสบายๆ เพียงแค่รัดแถบแพรไว้บนหน้าผากเส้นหนึ่ง กลางแถบแพรนั้นมีอัญมณีสีแดงดั่งโลหิตอยู่หนึ่งเม็ด มีรูปทรงดุจนัยน์ตาอันเย้ายวนของสุนัขจิ้งจอก ส่องประกายอยู่ภายใต้แสงจันทรา

ใบหน้าของคนผู้นี้มีหน้ากากจิ้งจอกครอบทับไว้ ดวงตาทั้งคู่ที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากดั่งสายน้ำนิ่งลึกล้ำ ลึกลับและไม่อาจคาดเดาได้ ประเดี๋ยวก็คล้ายเย็นชาประเดี๋ยวก็คล้ายอบอุ่น

เขาเองก็นั่งอยู่ที่นั่น นั่งอย่างสบายอารมณ์ยิ่งกว่ากู้ซีจิ่วเมื่อครู่นี้เสียอีก เสื้อคลุมห้อยลงไปใต้ต้นไม้ ปลิวไสวไปตามลม

กิ่งไม้ที่อยู่ใต้ร่างเขาเรียวเล็กยิ่งนัก เล็กบางประหนึ่งกิ่งหลิวที่เพิ่งแตกยอดในฤดูใบไม้ผลิก็มิปาน แม้แต่เด็กตัวเล็กๆ ก็สามารถหักมันได้ด้วยซ้ำ

กิ่งไม้เล็กถึงเพียงนี้ทว่าเขากลับนั่งอยู่บนนั้นได้อย่างมั่นคงมาก แม้แต่อาการสั่นไหวสักนิดก็หามีไม่

หากสังเกตดูอย่างถี่ถ้วนล่ะก็ จะพบว่ากิ่งไม้ของเขานั้นอยู่ใกล้กับกิ่งไม้ที่กู้ซีจิ่วเคยนั่งอย่างยิ่ง หากว่ากู้ซีจิ่วยังนั่งอยู่ที่นั่นละก็ จะคล้ายกับนั่งอยู่ในอ้อมกอดของคนผู้นี้เลยทีเดียว...

คนผู้นี้ชันเข่าข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งเท้าอยู่ใต้คางด้วยท่าทีเกียจคร้าน เส้นผมยาวแผ่สยายคลุมร่างเขาเอาไว้ เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าสถานที่นี้มืดครึ้มนัก ทว่าเมื่อเขานั่งอยู่ที่นี่ก็ดูสดใสคล้ายเป็นฤดูใบไม้ผลิ รอบข้างดูสว่างไสวขึ้นทันตา

เขามองจุดที่กู้ซีจิ่วหายตัวไป ริมฝีปากสีอ่อนยกยิ้มบางๆ

เป็นตั๊กแตนจับจักจั่นโดยมีนกขมิ้นอยู่เบื้องหลังโดยแท้[1] เจ้าวายร้ายน้อยผู้นั้นคงคิดไม่ถึงว่าเขาจะอยู่ด้านหลังนางมาโดยตลอด...

แต่เจ้าวายร้ายน้อยผู้นี้ก็มีประสาทสัมผัสที่ดีเยี่ยมเป็นพิเศษ เมื่อครู่เขาเพียงหายใจเบาๆ รดลำคอของนางแค่นิดหน่อย ก็ต้องแลกด้วยการเผชิญหน้ากับคมกระบี่ของนาง!

เห็นอยู่ชัดๆ ว่าไม่มีพลังวิญญาณ ทว่าการเคลื่อนไหวกลับรวดเร็วดุจสายฟ้า! หวิดจะโดนมุมเสื้อคลุมของเขาแล้ว...

คาถาที่นางร่ายก็ไม่เลว เขาเองก็พบเห็นคาถามามากมาย แต่คาถาที่นางใช้นั้นเขากลับไม่เคยพบเห็นเลย

ยังมีวิธีหายตัวในชั่วพริบตาที่แสนแปลกประหลาดนั้นอีก...

เจ้าเด็กคนนี้...เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคนจริงๆ

เขาหลุบนัยน์ตาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็หัวเราะออกมาเบาๆ ผุดลุกขึ้นโดยพลัน เงาร่างเลือนรางดุจหมอกควันบางเบา แวบผ่านไปในอากาศและหายลับไป

-------------------------------------------------------------------------------------

[1] ตั๊กแตนจับจักจั่นโดยมีนกขมิ้นอยู่เบื้องหลัง อุปมาถึง ผู้ที่คิดจะลอบจัดการผู้อื่น แต่ไม่รู้ว่ามีผู้อื่นคิดจะลอบจัดการตนอยู่เช่นกัน

 

-- อ่านต่อได้ที่ http://bit.ly/30ZUfGW --

ติดตามโปรเจกต์เสี่ยวเปยและร่วมพูดคุยกับพวกเราได้ที่

https://www.facebook.com/xiaobei.fiction

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา