เพียงพริบตา

-

เขียนโดย Xiaobei

วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 14.17 น.

  8 ตอน
  0 วิจารณ์
  7,116 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) บทที่หนึ่ง จากหมู่บ้านที่อดอยาก : ถึงจุดหมาย (1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่หนึ่ง จากหมู่บ้านที่อดอยาก : ถึงจุดหมาย (1)

เมื่อเข้าไปยังเอโดะ ก็เดินมุ่งหน้าไปที่ย่านยามะทานิ แวะยังร้านฟุซายะผู้ว่าจ้าง อิซาจิรายงานว่าเด็กผู้หญิงหนึ่งคนตายไปตอนอยู่ย่านพักแรมซาซาคาวะ

ได้ยินดังนั้นคิวเฮย์ก็ทำสีหน้าบิดเบี้ยวเหมือนกระดูกกำปั้น

“ถึงจะเป็นอิซาจิซัง แต่ทำให้เด็กตายไประหว่างทางคนหนึ่งแล้วจะทำอย่างไรเล่า ไม่สมกับเป็นเจ้าเลย ข้ารู้ที่ที่เด็นชิจิมันจะไปอยู่แล้ว จะใช้ให้ลูกน้องไปจัดการมันเสีย แต่เจ้าจะต้องเป็นคนจ่ายเงินมัดจำสี่เรียว”

การที่เด็กผู้หญิงจะเสียชีวิตระหว่างทางนั้นเกิดขึ้นได้บ่อยๆ แต่สาเหตุนั้นจะถูกมองว่าไปรับเด็กสุขภาพไม่ดีมา ที่ดูไม่ออกนั้นจึงเป็นความผิดพลาดของอิซาจิเอง

“เรื่องที่มันผ่านไปแล้วก็ช่วยไม่ได้ เอาสองคนนั้นไปที่หอระดับสูง ส่วนหอโอวาริยะข้าจะเป็นคนไปขอโทษเอง เจ้าพาพวกนางไปส่งเสีย หลังจากนั้นข้ามีที่จะให้เจ้าไปต่อ”

หลังจากนั้นอิซาจิก็ถูกบ่นเรื่องเล็กน้อยอยู่ครึ่งชั่วยาม แต่เขามีทักษะปล่อยให้มันไหลผ่านหูไปอยู่แล้ว

ย่านยามะทานิอยู่ไม่ไกลจากโยชิวาระ อิซาจิจึงพาเด็กหญิงทั้งสองมุ่งหน้าไปยังโยชิวาระ

เดินอยู่ชั่วครู่ก็ถึงย่านนิฮงสึซึมิ จากนั้นเลี้ยวขวา ที่นั่นกลายเป็นทำนบของคลองยามะทานิ มันยาวไปข้างหน้าราวแปดโจ

โคมาโนะเดินไปพลางมองดูกระแสน้ำในคลองยามะทานิ พลันรู้สึกถึงคนที่ไล่ตามหลังมา เมื่อหันไปมองก็พบกับเกี้ยวแบกหาม เกี้ยวนั้นผ่านด้านข้างของทั้งสามคนไป หลังจากมองตามไปสักพัก ซามุไรก็ควบม้าผ่านไปด้วยความรวดเร็ว ผู้คนเดินสวนกันไปมาไม่จบสิ้น

“ทุกคนเป็นแขกของโยชิวาระ”

อิซาจิบุ้ยคางเหมือนดูแคลน

เส้นทางไปยังทำนบนั้นมีร้านรวงเรียงราย มองเห็นหลังคากระเบื้องอัดแน่นอยู่ทางซ้าย นั่นเป็นด้านหนึ่งของโยชิวาระ

“พักกันก่อนเถิด พวกเจ้าก็นั่งลงเสีย”

กลิ่นหอมของดังโงะย่างที่ลอยจากร้านแผงลอยมาตามลมเข้าจั๊กจี้จมูก

อิซาจินั่งลงที่เก้าอี้พับเคลื่อนย้ายได้ของร้านดังโงะ เมื่อสั่งมิตะไรดังโงะสามที่แล้วก็จ้องมองปลายทำนบ ก่อนพูดขึ้นมาอย่างช้าๆ

“เห็นต้นหลิวตรงนั้นไหม นั่นเป็นต้นหลิวที่เรียกกันว่าต้นหลิวยืนส่ง แขกที่กลับออกจากโยชิวาระมักจะหันกลับมามองด้วยความเสียดาย จึงเรียกกันเช่นนั้น ว่ากันว่าเวลามันถูกลมพัดไหวจะดูคล้ายหญิงคณิกาโบกมือให้ แต่ข้ามองไม่เห็นเป็นเช่นนั้นดอกนะ กลับเห็นเป็นแค่ผู้หญิงผูกคอตายด้วยความคับแค้นก็เท่านั้น...”

เมื่อชาและดังโงะถูกยกมา อิซาจิก็ดื่มชาเข้าไปหนึ่งอึกแล้วพูดต่อ

“ตรงต้นหลิวนั้นมีทางเลี้ยวไปด้านซ้าย จากตรงนั้นไปจะเป็นเนิน เนินนั้นเรียกกันว่าเนินเอะมง เพราะแขกผู้มาเยือนโยชิวาระจะจัดแจงปกเสื้อผ้ากันตรงนั้น จึงเรียกกันเช่นนั้น [1] ถัดไปคือถนนโกะจุกเค็น”

โคมาโนะกับสึซึเคี้ยวดังโงะแก้มตุ่ย น้ำเชื่อมติดเลอะอยู่รอบๆ ปาก พลางฟังผ่านๆ อย่างไม่สนใจ ถนนโกะจุกเค็นนั้นหักเลี้ยวเป็นสามแยกเพื่อไม่ให้มองเห็นด้านในเมืองคณิกาจากด้านนอกโดยตรง

“ถัดไปจะเป็นประตูใหญ่ ถ้าพวกเจ้าเดินผ่านประตูใหญ่ไปแล้ว จะออกมาไม่ได้จนกว่าจะหมดสัญญา”

ปากทั้งสองคนหยุดขยับ เมื่อวันก่อนได้ยินเรื่องนี้จากแขกที่พักห้องเดียวกันในโรงเตี๊ยมโคงะ ทว่าโคมาโนะลังเลว่าคำพูดเป่าหูของอิซาจินั้นจริงจังแค่ไหน จึงไม่อาจรู้ได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่

อิซาจิไม่ได้เล่ารายละเอียดมากไปกว่านั้น แม้ตัวเขาเองจะบอกว่าเป็นไปเพื่อการมีชีวิตรอด แต่ก็เข้าใจอย่างเจ็บปวดว่าตนเองนั้นมีส่วนกับการกระทำอันโหดร้ายมากเพียงใด อิซาจิมองหน้าของโคมาโนะและสึซึสลับกันไปมา

“แต่พวกเจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป โยชิวาระมีสิ่งจำเป็นเพื่อการดำรงชีวิตอยู่อย่างครบครัน ของที่ไม่สามารถหาได้เมื่ออยู่ข้างนอก อาจจะได้มาตอนอยู่ในนั้นก็เป็นได้”

อิซาจินั้นไม่รู้ว่าเด็กสองคนนี้โชคดีหรือโชคร้าย มีเด็กหลายคนที่ตายไปหลังจากเพิ่งเกิดได้ไม่นาน เด็กที่ป่วยตายก่อนจะอายุได้สามขวบ เด็กที่อดตาย เด็กที่ถูกพ่อแม่ทิ้งลงไปในแม่น้ำเพราะต้องการลดส่วนแบ่งอาหาร เขาเห็นภาพเหล่านั้นมามากมาย

“กินดังโงะของข้าเสียสิ หากไม่กินในยามที่กินได้ จะได้กินอีกครั้งเมื่อใดก็ไม่รู้”

ทั้งโคมาโนะและสึซึที่มาจากหมู่บ้านอดอยากไม่สามารถกินได้หมดด้วยกระเพาะที่หดเล็กลง แต่ถึงกระนั้นทั้งสองคนก็ยัดดังโงะที่อยู่บนจานเข้าปากไปคนละไม้ อิซาจิที่เห็นภาพนั้นยกมุมปาก ยิ้มอย่างรู้สึกสบายใจ

ใกล้จะสิ้นเดือนแปด ฝนหยุดตกแล้ว แต่ท้องฟ้าครึ้มเมฆที่ราวกับจะมีเม็ดฝนตกลงมาก็เหมือนจะโอบคลุมพวกโคมาโนะ

※※※※

ประตูใหญ่โยชิวาระนั้นเป็นประตูคาบุกิ [2] สูงกว่าตัวคนสามเท่า หลังคาของมันปูด้วยแผ่นไม้สีดำเงา เสาประตูทำจากไม้ดิบ

เมื่อผ่านเข้าไปจะเป็นเมืองคณิกาโยชิวาระ โลกตัดขาดที่ล้อมรอบด้วยคูเมืองและกำแพงไม้สีดำขลับซึ่งมีหอกแหลมติดอยู่ เป็นเมืองโคมแดงที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวแบบหนึ่ง ซึ่งถูกเรียกกันว่านรกหรือโลกอันโหดร้าย

รอบๆ นั้นมีคูอยู่อย่างที่ได้ยินมาจริงๆ มันขุ่นคลั่กมีสีดำเมี่ยมราวกับโอฮางุโระ [3] จึงถูกเรียกว่าคูน้ำโอฮางุโระ เป็นคูที่ว่ากันว่าถูกขุดขึ้นมาเพื่อป้องกันการหลบหนีของพวกหญิงคณิกา ทว่าแต่เดิมมันเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ระบายน้ำเสียซึ่งออกมาจากเมืองคณิกาไปยังคูน้ำยามะทานิ ไม่ใช่สิ่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ป้องกันการหลบหนี ซ้ำยังไม่ได้เป็นคูที่ไหลเอื่อยและมีกลิ่นเหม็นเท่าที่เคยได้ยินมา กลับมีความกว้างราวสองมะ และกระแสน้ำก็ไหลแรง

ทางเข้าออกที่ใช้ตามปกติในโยชิวาระนั้นมีแค่ประตูใหญ่ แต่ฝั่งตรงข้ามกับประตูใหญ่ยังมีประตูหลังอีกหนึ่งแห่ง และประตูที่สร้างขึ้นทางซ้ายและขวาด้านละสี่ประตู ดังนั้นนอกจากประตูใหญ่แล้วยังมีทางเข้าออกอีกรวมทั้งหมดเก้าแห่ง ทว่าทางเข้าออกทั้งด้านซ้ายและขวากับด้านหลังจะปิดตลอดเวลา มีสะพานยกที่สร้างเอาไว้เพื่อข้ามคูน้ำ ยามมีงานเฉลิมฉลองอย่างงานเทศกาลหรืองานเลี้ยง ประตูพวกนี้จึงจะถูกเปิด สะพานถูกปลดลงมา ทำให้เห็นความครึกครื้นของลูกค้าที่มาเที่ยวเล่น

ประตูใหญ่นั้นงดงาม ในสายตาของเด็กแล้วจะต้องสะดุดตาแน่นอน แต่โคมาโนะไม่ได้รู้สึกอะไรลึกซึ้งมากนัก แม้จะถูกบอกว่าเธอจะไม่ได้ออกมาจนกว่าจะหมดสัญญา แต่ก็ไม่ได้ลังเลใดๆ ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน ความรู้สึกยอมแพ้เช่นนั้นแผ่ขยายออกจากมุมลึกของหัวใจ แล้วเติมจนเต็มร่าง

..........................................

[1] ปกเสื้อ ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียงว่า ‘เอะมง’

[2] ประตูคาบุกิ คือประตูที่มีคานเสียบอยู่ด้านบนระหว่างเสาประตูทั้งสองข้าง อาจจะมีหรือไม่มีหลังคาบนประตูก็ได้

[3] โอฮางุโระ เป็นคำเรียกของการทาสีฟันให้ดำของคนญี่ปุ่นสมัยโบราณ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา