เมียนอกสายตา

-

เขียนโดย Natthaphan

วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 22.55 น.

  25 ตอน
  3 วิจารณ์
  18.59K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 23.00 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

23) สงครามคีบอร์ด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

คนตัวสูงเดินอารมณ์ดีแต่เช้าทว่าพอกวาดสายตามองรอบๆ บ้านกลับพบเพียงความว่างเปล่า

"ไปแล้วหรอ? "

ใครบางคนไม่อยู่แล้วทำเอารอยยิ้มเมื่อครู่หายไปทันที

ความรู้สึกสดชื่นที่มีอยู่เต็มอกเริ่มห่อเหี่ยวลงเรื่อยๆ เนื่องด้วยไม่เห็นใบหน้าหวานในยามเช้าอย่างที่ควรจะเป็น

เก้าโมงเช้าที่ข้าวสักเม็ดก็ไม่ตกลงท้อง เพราะไม่มีใครบางคนทานด้วยเมื่อเช้าจึงทานไม่ลงแม้จะเป็นฝีมือของภรรยาก็ตาม

ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนไม่เคยจะสนใจหรือใส่ใจคนคนนั้นเลยสักนิด...แต่ตอนนี้กลับอยากเห็นหน้าเธอทุกวินาทีของชีวิต...มันคือความรู้สึกของอะไรกัน

มือหนายื่นไปกดโทรศัพท์เรียกเลขาเข้ามาหาทว่าคนที่เขาเรียกกลับเป็นนักศึกษาฝึกงาน

"หิว"บอกเสียงเรียบ...คิ้วบางขมวดมุ่น ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาบอก รู้ว่าหิวแต่เมื่อเช้าก็ทำไว้ให้แล้วหนิ แล้วทำไมยังบอกว่าหิว

"ฉันทำอาหารไว้ให้อยู่หนิคะ คุณไม่เห็นหรอ? "

"ทานไม่ลง"

อยากบอกจะตายว่าอยากทานด้วยกัน..แต่ก็ยังทำฟอร์ม

"งั้นเดี๋ยวดิฉันสั่งอาหารมาให้นะคะ"

คงจะเบื่อรสมือเธอแล้วสินะ...หญิงสาวนึกเองเออเองไปเรื่อย

"ไม่ต้อง! "เอ่ยรั้งฑิฆัมพรเอาไว้ก่อน

"ขอชากับของว่างก็พอ"

"ค่ะ"

ไม่ถึงสิบนาทีชาร้อนๆ กับของทานเล่นก็วางลงบนโต๊ะของเขา

หางตานั้นเหลือบมองร่างบางเพียงนิดกลัวว่าถ้าจ้องนานเกินไปแม่กวางน้อยจะรู้ตัว

ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทสีเทาเดินเข้ามานั่งลงบนโซฟาก่อนที่เจ้าของห้องจะเลื่อนสายตาขึ้นมอง

"มาทำอะไร ห้องไม่มีอยู่หรือไง? "น้ำเสียงเย็นชา

"แหม~เย็นชากับน้องชายจังเลยนะครับ กลัวรึไง? "สีหน้าเย้ยหยันทำเอาเวหาเดือดขึ้นทันตา

"ไอ้ธรอย่ามากวนอารมณ์ มีอะไรก็พูดมา"

ความอดทนที่มีขาดสะบั้นนึกอยากจะฟาดหน้าน้องชายหากไม่เกรงใจคุณย่าก็คงจะทำไปนานแล้ว หมั่นไส้!!! ชอบมายิ้มให้แม่กวางน้อยของเขา

"ก็แค่จะมาบอกว่า ฟ้าเขาจะฝึกกับ..."

'ฉันจะย้ายไปฝึกกับพี่ธร'

คำคำนี้ดังขึ้นในโสตประสาท...ไม่...เขาไม่อยากฟังว่าเธอจะไป...ไม่ให้ไป!!!

"ไม่ต้องพูด ไม่อยากฟัง"

"อ้าว! คนจะบอกก็ไม่ฟัง"

นึกแปลกใจกับท่าทีของพี่ชาย กะจะมาบอกว่าฟ้าจะฝึกกับเขาเหมือนเดิมแต่ไหงกลับไม่ยอมฟัง หัวร้อนมาจากไหนกัน???

"ตามใจ...ไม่ฟังก็ไม่บอก ไปแล้วนะดูท่าทางเจ้าของห้องไม่ค่อยอยากจะต้อนรับ"เอ่ยกระแนะกระแหนก่อนจะเดินออกไปพูดคุยอยู่กับเลขาส่วนตัวของพี่ชายนานสองนาน จนคนที่นั่งมองเริ่มขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ แอบได้ยินแว่วๆ ว่าวราธรนั้นชวนเลขาของตนไปทานข้าวเที่ยงด้วยกัน เหอะ! อย่าหวัง...

เมื่อวราธรเดินจากไปแล้วเขาจึงเดินออกไปหาหญิงสาวทันที

"อยากกลับไปมากนักหรือไง? "เอ่ยถามเสียงดังจนพนักงานที่นั่งทำงานอยู่หันมองเป็นตาเดียว

"อะไรคะ? พูดซะเสียงดังเชียว คนอื่นมองหมดแล้ว"

หันมองรอบๆ เป็นดั่งที่เธอบอก ทุกคนมองมาที่เขาและเธอ แต่พอเห็นว่าเจ้านายส่งสายตาพิฆาตไปให้จึงรีบหลบกันแทบไม่ทัน

"รอแป๊บ"

เดินกลับเข้าไปในห้อง หญิงสาวมองตามไปด้วยท่าทีงุนงง

เป็นอะไรของเขา???

เวลาผ่านไปไม่ถึงนาทีชายหนุ่มก็เดินออกมาพร้อมแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ก่อนที่เขาจะเสียบสายเชื่อมต่อกับโน้ตบุ๊กที่หญิงสาวกำลังพิมพ์งานอยู่ พร้อมนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งเดียวกันกับเธอ เพราะหากจะให้ไปคุยในห้องแม่คุณก็คงไม่ยอมเดินไป เขาจึงต้องใช้หัวกับคนแสนดื้อ

'มีเรื่องจะคุยด้วย'ตัวอักษรปรากฏขึ้นที่หน้าจอสี่เหลี่ยม

'อะไรคะ? 'ตอบกลับด้วยการพิมพ์เช่นกัน เพิ่งจะเข้าใจก็ตอนนี้ว่าเขานั้นเอาคีย์บอร์ดมาทำไม

'จะกลับไปฝึกกับไอ้ธรหรอ? 'หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ก็นึกว่าเรื่องใหญ่โตอะไร แล้วไปได้ยินจากไหนมาว่าเธอจะกลับไป

'ถ้าฉันจะไปแล้วจะทำไมคะ? '

นึกอยากกวนประสาทคนใจร้าย ชอบว่าเธอตลอดโดยไม่ฟังเหตุผล คิ้วบางยักขึ้นเล็กน้อยด้วยท่าทีกวนๆ

อยากจะยิ้มให้กับท่าทางที่เธอทำ...มันน่ารักดี เขาไม่เคยเห็นมุมนี้ของเธอมาก่อนแต่กระนั้นก็ยังตีหน้าขรึมเพราะยังรู้สึกเคืองที่หญิงสาวจะกลับไปฝึกงานกับวราธร

'ใครอนุมัติให้เธอไปไม่ทราบ? '

'พี่ธร'

หมั่นไส้คนข้างๆ จึงแกล้งพิมพ์ชื่อวราธรอย่างสนิทสนมและมันก็ได้ผล ชายหนุ่มเริ่มทำสีหน้าไม่ชอบใจในสิ่งที่ภรรยาเขียน

'ทีกับไอ้ธรเรียกพี่ทีกับฉันเรียกคุณ ลำเอียง'

'ถ้าไม่มีธุระอะไรที่สำคัญแล้ว ดิฉันขอทำงานต่อนะคะ'

'ไม่ ยังคุยไม่จบ'

'แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณหนิ'

'ทำไม? เขินหรอที่โดนจูบเมื่อวาน'

ดวงตากลมโตเบิกกว้างทันทีก่อนจะมองค้อนชายหนุ่มอย่างเอาเรื่องแต่กระนั้นแก้มนวลก็ขึ้นสีแดงระเรื่อ อุตส่าห์พยายามทำตัวให้ปกติที่สุด ทว่าสุดท้ายก็ถูกชายหนุ่มทำลายจนหมดสิ้น

"ฉันจะทำงาน ออกไปได้แล้ว"เอ่ยบอกแทนการพิมพ์เพราะสุดจะทนกับคนเจ้าเล่ห์

"ชู่วววว~เบาๆ สิเดี๋ยวคนอื่นก็รู้หมดหรอก"กระตุกยิ้มด้วยท่าทางร้ายๆ แววตานั้นทำท่ากวาดมองรอบๆ เพื่อให้คนเผลอพูดเสียงดังรู้ตัว

'ออกไปได้แล้ว'

หันมาพิมพ์ต่อเพราะหลังจากที่ออกเสียงเมื่อครู่มันทำให้คนอื่นๆ หันมามองด้วยท่าทางจับผิด

'ไม่ออก จนกว่าเธอจะบอกว่าไม่ย้าย'

'มันเป็นสิทธิ์ของฉัน'

ก็มันจริงหนิ เธอจะฝึกงานกับใครหรือที่ไหนมันก็เป็นเรื่องของเธอ แล้วเขาจะมายุ่งวุ่นวายหรือเดือดร้อนด้วยทำไม คะแนนก็ไม่ได้กับเธอเสียหน่อย หากแต่เพราะไม่อยากเสียเธอไปเขาจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อฉุดรั้งเธอให้อยู่ใกล้ที่สุด...

'ถ้ายังจะดื้อ ฉันจะลงโทษเธอตรงนี้จริงๆ ด้วย"

ใบหน้าคมยื่นเข้ามาใกล้พร้อมกระตุกยิ้มราวเสือที่กำลังจะเข้าตะครุบเหยื่ออันโอชะ

ลงโทษ!!!

มือบางยกมือขึ้นปิดปากตัวเองทันทีก่อนจะถลึงตาห้ามคนที่ดูจะดื้อมากกว่า

'ถ้าไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าเป็นเมียฉัน ก็อย่าดื้อ'เธอพยักหน้ากลับทั้งที่มือยังปิดปากตัวเองเอาไว้แน่น

ริมฝีปากหนายิ้มออกมาอย่างพึงพอใจกับคำตอบของเธอ

"งานก็มีแค่นี้แหละ เอาะ! อีกสิบนาทีไปดูงานกับผมด้วยนะ"

ผม? นึกแปลกใจกับการใช้สรรพนามใหม่ของชายหนุ่ม แต่กระนั้นก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

"ค่ะ"ทำทีเป็นปกติเพื่อให้คนอื่นคิดว่าคุยเรื่องงาน แต่แท้จริงแล้ว...

 

ร่างบางเดินตามชายหนุ่มไปเรื่อยๆ พลางทอดมองห้างสรรพสินค้าที่เพิ่งจะถูกเปิดใช้หมาดๆ วันนี้เธอมากับเขาเพียงสองคนถ้าไม่นับรวมการ์ดที่เดินตามอยู่ห่างๆ สองสามคน

"โรงหนัง? "มาทำอะไรที่โรงหนังไหนบอกจะไปดูงาน...นึกงงๆ กับคำพูดของชายหนุ่ม

“มาทำอะไรคะ?”

“มาตรวจความเรียบร้อย อยากดูเรื่องอะไร?”

“คะ?”

ตรวจ? ไม่ใช่การเดินดูความเรียบร้อยเฉยๆ หรือ แล้วเหตุใดต้องเลือกหนังด้วยล่ะ??

“อยากดูเรื่องอะไร เร็วๆ เรามีเวลาไม่มากนะ”

“เอ่อ...ตามใจคุณเลยค่ะ”

“ให้ฉันเลือกหรอ?” พยักหน้าตอบแม้จะยังงงๆ กับการตรวจงานของชายหนุ่ม

เขามาตรวจดูความเรียบร้อยของห้างที่เพิ่งจะเปิดใหม่ได้เพียงอาทิตย์เดียว ส่วนที่มาโรงหนังเพราะจะดูว่ามันใช้งานได้ดีหรือเปล่า ไม่มีสิ่งบกพร่องใดๆ เขาบอกเธอเช่นนี้ แต่ใครจะรู้ว่ามันเป็นแผนการสกัดดาวรุ่งน้องชายตัวแสบต่างหาก

เท้าบางค่อยๆ ก้าวลงบันไดท่ามกลางความมืด การมองไม่ค่อยเห็นจึงเดินลำบากอยู่พอควร

“ว้าย!”

เสียงร้องของคนข้างหลังที่เดินสะดุดพรมทำให้ชายหนุ่มรีบหันไปรับร่างของเธอเอาไว้ได้ทันเพียงเสี้ยววินาที ดวงตาทั้งสองคู่สบกัน คนหนึ่งมั่นคงอยู่เพียงจุดจุดเดียวส่วนอีกคนสั่นไหวไร้จุดหมายเพราะรู้สึกไม่เข้าใจในสิ่งที่สัมผัสได้ เป็นห่วง? เขาเป็นห่วงหรือ?

แสงสว่างจากหน้าจอใหญ่ยักษ์ทำให้พอมองเห็นแววตานั้นรางๆ มันบอกเธอว่าชายคนนั้นเป็นห่วง เป็นห่วงจริงๆ ไม่ได้เสแสร้ง จนเธออดที่จะนึกถึงคำบางคำไม่ได้…

‘ซุ่มซ่าม เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ’

คำที่เขาเคยพูดในวันที่เขานั้นขับรถเฉี่ยวเธอจนล้ม คำที่ยังคงก้องอยู่ในหัวใจของเธอไม่เคยลืม แล้ววันนี้เขาจะพูดแบบนี้อีกไหมนะ หากพูดซ้ำอีกแผลเก่าคงจะฉีกขาดหนักกว่าเดิม

“เดินดีๆ หน่อยสิ ระวังหน่อย”

น้ำเสียงนุ่มละมุนเอ่ยบอกก่อนจะกอบกุมมือบางไว้แน่นราวกับว่ากลัวเธอจะล้มไปอีกรอบ ชายหนุ่มพาเธอมานั่งประจำที่ ดวงตาคมกวาดมองรอบๆ ด้วยสีหน้าสงสัย

“มีแค่เราหรอคะ?”

“โรงหนังนี้ยังไม่เปิดอย่างเป็นทางการ วันนี้เรามาตรวจดูความเรียบร้อยเฉยๆ ก็เลยมีแค่เรา”

เรา...ทำไมรู้สึกอบอุ่นกับคำคำนี้จัง

“ออ...ค่ะ”

เชื่อสนิทใจ ทว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย โรงหนังนี้สามารถเข้าดูได้ตั้งแต่วันที่ห้างเปิดแล้วแต่ที่ไม่มีคนอื่นก็เพราะเจ้าของห้างนั้นเหมาโรงเพื่อหาข้ออ้างได้อยู่ใกล้ๆ เมียต่างหาก

เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง การดูหนังของหญิงสาวก็ไม่ต่างอะไรกับการไม่ได้ดูเพราะมือบางนั้นยกขึ้นปิดดวงตาของตัวเองไว้ทุกตารางนิ้ว มีเพียงแต่หูกระมังที่ยังได้ยินอยู่ เธอคิดผิดจริงๆ ที่ให้ชายหนุ่มเลือกหนัง หากดูกันหลายๆ คนเธอก็คงไม่กลัวหรอกแต่นี้มีเพียงเขากับเธอเท่านั้นที่อยู่ที่นี่

คนตัวใหญ่พุ่งเข้ากอดคนข้างๆ ไว้แน่น จนเจ้าของร่างตกใจหนักกว่าเดิม ก่อนจะเอามือที่ปิดตานั้นออก พลางหันมองท่าทางหวาดกลัวของชายหนุ่มด้วยความสงสัย

“เป็นอะไรคุณ มากอดฉันทำไม?”

“ผมกลัวผี”

กลัวผี? แต่เลือกดูหนังผีเนี้ยนะ บ้ารึเปล่า

“คุณเป็นคนเลือกนะ จะกลัวทำไม?”

“ก็ตอนแรกคิดว่ามันไม่น่ากลัวหนิ ขอมือคุณหน่อย ผมกลัว”

หญิงสาวยังไม่ได้เอ่ยใดๆ กลับ มือของเธอก็ถูกคนข้างๆ เอาไปยึดไว้เป็นของส่วนตัวเสียแล้ว ไม่มีสิทธิ์เอ่ยปฏิเสธ ไม่มีสิทธิ์ดึงกลับอีกต่างหาก

ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงัดจนน่ากลัว น่ากลัวกว่าในหนังเสียอีก

“กลับมั้ยคุณ?” เอ่ยถามเมื่อรู้สึกว่ามันวังเวงเกินจะทนไหว

“อีกนิดเดียวก็จบแล้ว รอก่อน”

สุดท้ายก็ต้องทนดูให้จบ...

ในเวลาต่อมาจู่ๆ ร่างบางก็สะดุ้งโหย่งไม่ใช่ว่าเพราะผีในจอแต่เป็นเพราะคนข้างๆ ต่างหาก

“คุณ! คุณทำอะไรเนี้ย?”

ยกมืออีกข้างที่ว่างขึ้นจับแก้มตัวเองเมื่อรู้สึกว่าชายหนุ่มนั้นแอบหอมแก้มเธอ

“โทษทีเมื่อกี้ตกใจผีน่ะก็เลยเผลอหันไปหา แล้วเผอิญจมูกผมมันคงโด่งไปหน่อยมันเลยไปชนแก้มคุณ”

แก้ตัวหน้าตายทั้งๆ ที่จริงแล้วตัวเองนั้นแอบเอาเปรียบเธอจริงๆ โดยที่มันไม่ใช่อุบัติเหตุแต่มันคือความตั้งใจของใครบางคน เผลอแอบมองใบหน้าหวานจนละสายตาไปไม่ได้ เนื้อนวลสีขาวผ่องสะท้อนกับแสงอ่อนๆ ยิ่งชวนให้น่ามองจนเผลอไผลอยากจะสูดดมกลิ่นหอมๆ ของหญิงสาว หากทำได้มากกว่านี้ก็คงทำไปแล้ว ยิ่งได้มองริมฝีปากที่เคยสัมผัสยิ่งอยากจะเข้าไปลิ้มลองรสชาติหอมหวานนั้นอีกสักครั้ง

“หรอคะ?” คำแก้ตัวแปลกๆ จนคิ้วบางขมวดมุ่น

“อือ ถามไรเยอะแยะคนจะดูหนัง” ทำทีเป็นหงุดหงิดเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่าง ความรู้สึกที่กลัวใจตัวเอง...กลัวว่าหากมองริมฝีปากนั้นใกล้ๆ นานกว่านี้จะห้ามใจเอาไว้ไม่อยู่

ทำอะไรบุ่มบ่ามเกินไปเดี๋ยวเหยื่อจะรู้ตัวเสียก่อน...

 

เช้าวันใหม่ที่ท้องฟ้าดูจะสดใสกว่าเก่ากับแววตาแสนอบอุ่นของใครบางคน

นารีรัตน์เลื่อนไฟล์งานไปเรื่อยๆ หารายงานการประชุมที่มอบหมายให้ฑิฆัมพรช่วยพิมพ์ในเมื่อวาน ผ่านไปไม่ถึงนาทีก็เจอเสียที เธอกดปริ้นโดยไม่คิดอะไรก่อนจะหยิบขึ้นมาแล้วให้เลขารุ่นน้องไปแจกให้ผู้ร่วมประชุม เจ้าตัวนั้นก็ไม่ได้อ่านเพราะคิดว่าตัวเองนั้นทำถูกต้องเรียบร้อยแล้วและคิดว่านารีรัตน์คงจะตรวจสอบมาก่อนหน้าที่จะยื่นให้เธอ

เอกสารนับสิบชุดถูกวางลงให้ผู้ร่วมประชุมก่อนที่ทุกคนที่ได้อ่านจะขมวดคิ้วด้วยความงุนงง มันเครียดขนาดนั้นเลยหรือนักศึกษาฝึกงานแอบคิดในใจเมื่อได้ทอดมองสีหน้าของแต่ละคน

"มีอะไรกัน? "

คนที่กำลังอธิบายในเรื่องงานต้องหยุดชะงักก่อนจะเอ่ยถามลูกน้องเมื่อเห็นสีหน้าที่เคร่งเครียดเกินเหตุ มือหนายื่นไปหยิบเอกสารของตนขึ้นมาอ่าน พอเห็นบทความในนั้นก็ทำเอาชายหนุ่มต้องกลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่ พลางหันขวับไปมองร่างบางข้างๆ แววตาใสซื่อเงยมองเจ้านายด้วยความสงสัย คล้ายว่ามันกำลังจะถามเขาว่า มีอะไรหรอ?

"วันนี้ปิดการประชุมก่อน ค่อยวางแผนใหม่อีกที"เอ่ยแก้สถานการณ์ตรงหน้า

เนื่องด้วยข้อมูลในเอกสารไม่ใช่เรื่องที่จะประชุมแต่กลับเป็นบทสนทนาของเขากับภรรยาต่างหาก ยัยนั้นก็ยังคงไม่รู้อะไรเหมือนเดิม เธอหันมองเขาด้วยความไม่เข้าใจราวกับแมวน้อยขี้สงสัย

"ออกไปได้แล้ว แล้วก็วางเอกสารไว้ด้วย"เอ่ยบอกเสียงเข้มทำเอาพนักงานต้องรีบลุกออกไปด้วยความเร็วแสง

"คุณฟ้า ไปเก็บเอกสาร"

คนที่ยังคงรู้สึกงงๆ เดินไปเก็บเอกสารอย่างที่เขานั้นบอกก่อนที่ความสงสัยเมื่อครู่จะกระจ่างแจ่มแจ้ง

หญิงสาวหันขวับมามองชายหนุ่มด้วยสีหน้าประมาณว่า ซวยแล้วไง!!

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา