Memory of Tomorrow วันพรุ่งนี้ในความทรงจำ

-

เขียนโดย Xiaobei

วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 13.24 น.

  40 ตอน
  0 วิจารณ์
  27.34K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2563 14.05 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) บทที่2 เขาชอบเธอ (2)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่2 เขาชอบเธอ (2)

อี้เป่ยซีมองเขาอย่างเหลือเชื่อ “คุณเป็นโรคหวาดระแวงหรือยังไงกัน? ฉันก็แค่หวังดีอยากช่วยคุณ ในเมื่อคุณไม่เป็นอะไรแล้วก็ปล่อยฉันสิ”

เขาหัวเราะอย่างเย็นชา อี้เป่ยซีรู้สึกว่าอากาศรอบตัวเย็นลงอีกหลายองศา เธอหดตัวอยู่ในผ้าพันคออย่างอดไม่ได้ เขาสะบัดมือเธอออกทันที อี้เป่ยซีเซไปหลายก้าวถึงจะประคองตัวยืนไว้ได้

‘โรคจิต’ อี้เป่ยซีแอบด่าและกำลังจะจากไป เธอกลับเห็นเขายืนอยู่ตรงข้ามอาคารเล็กๆ หลังนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ท่ามกลางออร่าที่มนุษย์ไม่สามารถเข้าถึงได้แฝงด้วยความอ้างว้างระคนโศกเศร้า ช่างมัน...ช่างมันเถอะ โตแล้วต้องใจกว้าง ยังไงก็อย่ามาเจอเขาอีกแล้วกัน ขณะที่กำลังหันกลับ เธอเห็นร่างสูงใหญ่ล้มลงไปกองกับพื้น

“นี่ นี่ คุณเป็นไงบ้าง นี่” อี้เป่ยซีรีบวิ่งเข้าไป เธอเห็นว่าสีหน้าของเขาขาวซีด คิ้วขมวดอย่างเอาเป็นเอาตาย ริมฝีปากก็เม้มราวกับว่ากำลังเจ็บปวดมาก เธอตบๆ คนที่อยู่บนพื้น แต่ไม่มีการตอบสนองเลยสักนิด“ทำยังไงดีล่ะ” เธอมองไปรอบทิศแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาคน

ไม่นะ...ไม่จริงมั้ง คงไม่ถึงกับตายหรอก เพิ่งกลับประเทศมาก็เจอเรื่องแบบนี้ เธอจะไม่โชคร้ายไปหน่อยเหรอ“นี่ๆ คุณเป็นยังไงบ้าง” เขายังหายใจ หัวใจยังเต้นอยู่ ทำไมจู่ๆ ถึงเป็นลมล่ะ ช่างเถอะๆ โทรหาหน่วยฉุกเฉินก่อน

อี้เป่ยซีลนลานหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ข้าวของในกระเป๋าร่วงลงพื้น

“เกิดอะไรขึ้น” เสียงที่น่าดึงดูดใจพลันดังมาจากเหนือหัวของเธอ

“ฉันก็ไม่รู้ค่ะ” เธอตอบอย่างกระวนวาย เมื่อเงยหน้าขึ้นไปก็เจอใบหน้าที่คุ้นเคย“คุณมู่คะ นี่คือเพื่อนของคุณเหรอ?”

มู่ลี่ไป๋พยักหน้าแล้วเผยยิ้มน้อยๆ ดูสดใสเป็นอย่างมาก“รังเกียจที่จะช่วยไหม?”

อี้เป่ยซีคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบรับ และช่วยเขาประคองคนที่ไม่ได้สติเข้าไปในตึกเล็กอันประณีตหลังนั้นด้วยกัน ที่แท้เจ้าของที่นี่ก็เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ

“หนักจังเลย” อี้เป่ยซีช่วยเขาประคองคนเข้าไปในห้อง จากนั้นเดินเข้าไปในห้องรับแขก การตกแต่งดูเรียบง่ายมาก สีดำขาวจับคู่กันอย่างลงตัว ทั้งหรูหราและเปี่ยมไปด้วยความเหินห่าง เธอส่ายหัว

“เมื่อกี้ขอบคุณเธอด้วยนะ คุณหนูอี้” ชายคนนั้นมองประเมินความสนใจใคร่รู้ในดวงตาเธอ

“ไม่เป็นไร” ที่จริงเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมตัวเองจึงยื่นมือเข้าช่วย อาจเป็นเพราะว่าได้กลับไปยังสถานที่เดิมและรู้สึกว่าทุกคนต่างคุ้นเคยกันดี หรืออาจเป็นเพราะอย่างอื่น แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไรก็ไม่สำคัญ ยังดีที่เขาไม่ได้เป็นอะไร“ในเมื่อไม่มีอะไรแล้วฉันก็ขอตัวก่อน ไว้เจอกันค่ะคุณมู่”

“เดี๋ยวๆๆ รบกวนเธออยู่ต่ออีกหน่อย คนป่วยตื่นแล้วต้องการคนดูแล และฉันต้องออกไปเตรียมยาด้วย”

เขาแข็งแรงขนาดนี้ยังต้องการคนดูแลอีกเหรอ อี้เป่ยซีคิดแล้วก็พูดว่า“แบบนี้ไม่ค่อยดีมั้ง คุณจะวางใจปล่อยให้คนไข้คนหนึ่งอยู่ในมือคนที่เจอหน้ากันแค่ไม่กี่ครั้งเหรอ?”

มู่ลี่ไป๋มองเธอด้วยสายตาซับซ้อนเล็กน้อย ทันใดนั้นก็ยิ้มโล่งอก“ฉันประมาทเกินไป ฉันนึกว่าเธอรู้จักกับจื่อหานซะอีก แต่ว่าฉันเชื่อใจคุณหนูอี้ และเชื่อว่าคุณหนูอี้ก็ไม่รังเกียจที่จะช่วยฉันเรื่องนี้ด้วย” เมื่อพูดจบเขาก็จากไปในทันที ไม่ปล่อยให้คนที่อยู่ด้านหลังมีโอกาสปฏิเสธใดๆ

“ฉัน…” เมื่ออี้เป่ยซีเห็นว่าประตูปิดลงก็เบะปาก ก่อนหน้านี้ทำไมถึงมองไม่ออกว่าคุณหมอคนนี้ชอบบังคับใจคนอื่นกันนะ เธอแก้ผ้าพันคอออกมาแขวนไว้บนมือ ยืนอยู่ข้างหน้าต่างบานใหญ่ที่ยาวจรดพื้น บนถนนเงียบสงัดดังเช่นเมื่อก่อน เกล็ดหิมะก็ร่วงลงมาเงียบๆ โดยไม่ส่งเสียงแม้แต่น้อย

ห้องใต้หลังคาในอดีตไม่ได้อบอุ่นและสูงถึงขนาดนี้ ทิวทัศน์ก็ไม่ได้กว้างขวาง คนที่มองยังคงเป็นคนนั้นในตอนแรก เพียงแต่ไม่มีความงดงามและอารมณ์เช่นในอดีตอีกแล้ว ‘พวกคุณยังคิดถึงฉันอยู่ไหมนะ?’

“เซี่ย เซี่ยเซี่ย?” ลั่วจื่อหานเห็นผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่าง หลังจากผ่านไปเนิ่นนานจึงเอ่ยปากด้วยความลังเล เหมือนกับต้องการไขว่คว้าอะไรบางอย่าง แต่ก็ราวกับหวาดกลัวอะไรบางอย่างด้วย อี้เป่ยซีได้ยินว่าเสียงของเขาแผ่วเบาเพียงนี้ก็พลันรู้สึกปวดใจเล็กน้อย

“ขอโทษทีนะ คุณ…อือ…” เขาที่ก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็วกดอี้เป่ยซีเข้ากับหน้าต่างบานใหญ่ที่สะอาดเอี่ยม สองมือที่ขัดขืนถูกรวบอยู่เหนือศีรษะ เนื่องด้วยความแตกต่างระหว่างพละกำลังของชายและหญิง ไม่ว่าอี้เป่ยซีจะออกแรงเพียงใดก็ไม่สามารถดิ้นหลุดได้ ปากของลั่วจื่อหานประกบลงบนปากแดงระเรื่อของเธออย่างดุเดือด ทั้งบ้าคลั่งและเอาแต่ใจ เป็นการบีบบังคับจากสัญชาตญาณขั้นสุด การกระทำอันหยาบคายอย่างชัดเจนนั้นมาพร้อมด้วยอุณหภูมิและอารมณ์ที่หนักหน่วง

ภายในห้องเงียบสงบ เสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นในฉับพลันชัดเจนเป็นที่สุด ลั่วจื่อหานผละออกจากปากของเธออย่างช้าๆ แล้วจ้องมองเธอเขม็ง ในดวงตาของอี้เป่ยซีเต็มไปด้วยความรู้สึกเจ็บช้ำน้ำใจและรังเกียจ ปากแดงมีอาการบวมเล็กน้อยจากความป่าเถื่อนเมื่อครู่ ยิ่งอวบอิ่มกว่าเดิมจนอดใจไม่ไหว อยากจะกัดอีกสักรอบ

“แค่ก พวกนายต่อกันเถอะ ฉันมาผิดจังหวะเอง”มู่ลี่ไป๋พูดจบก็จะถอยหลังออกไป อี้เป่ยซีดิ้นสุดแรงจนหลุดพ้นจากการควบคุม แล้วรีบวิ่งออกไปจากห้องทันที เธอถลึงตามองมู่ลี่ไป๋ขณะที่เดินผ่านเขา กุมปากพลางวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

มู่ลี่ไป๋มองผู้ชายใบหน้าขาวซีดที่อยู่ในห้องอย่างงุนงง “เมื่อกี้พวกนายเกิดอะไรขึ้น”

ลั่วจื่อหานมองไปที่ประตูครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปที่หน้าชั้นวางเหล้า จากนั้นก็เทเหล้าให้ตัวเองหนึ่งแก้ว

“นายอยากตายรึไง เมื่อกี้เป็นลมแล้วยังจะดื่มอีก อยากไปโรงพยาบาลจริงๆ ใช่ไหม?”

ลั่วจื่อหานมองเขาด้วยความเกียจคร้าน “ฉันรู้ลิมิตน่ะ”

“รู้ลิมิตแล้วทำไมถึงเป็นลมอยู่ที่ถนนได้ การจัดการลิมิตของคุณชายลั่วนี่แม่นยำจริงๆ” เมื่อมู่ลี่ไป๋เห็นว่าเขาไม่ขัดขืนก็รีบคว้าแก้วเหล้ามา“เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”

“ฉันต้องถามนายมากกว่าว่าเกิดเรื่องอะไร?”

“ก็กลัวว่านายตื่นแล้วจะไม่มีคนดูแลนี่นา”

ลั่วจื่อหานมองไปยังนอกหน้าต่าง เมื่อกี้เธอมองอะไรอยู่ถึงได้เศร้าและสุขอย่างนั้น“ไม่จำเป็น”

“งั้นคุณชายลั่วอธิบายหน่อยได้ไหมว่าทำไมถึงทำเรื่องแบบนี้กับเพื่อนของฉัน?”

“เพื่อนของนาย?”

มู่ลี่ไป๋พยักหน้า“พูดไปเรื่องมันยาว ฉันรู้จักเธอตอนที่ไปผ่าตัดให้คุณชายใหญ่ของบ้านสกุลลู่เมื่อปีก่อน ตอนนั้นเธอยังเป็นแฟนตัวน้อยๆ ของคุณชายใหญ่ลู่อยู่เลย แต่ว่าน่าเสียดาย” น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถพาคนคนนั้นกลับมาจากประตูแห่งความตายได้ เขาหลับตาแน่น แม้ว่าตอนนี้จะชินกับความเป็นความตายแล้ว แต่ไม่ว่าเมื่อไรที่นึกถึงชีวิตที่อ่อนวัยและสวยงามนั้น ในใจก็ยังรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง

ลั่วจื่อหานมองดูโต๊ะสีดำที่สะท้อนแสงไฟสลัว มองเห็นโครงร่างที่ค่อนข้างเลือนรางของตัวเองบนโต๊ะ ที่แท้เธอก็คือคนนั้นที่เขาพูดถึงบ่อยๆ‘ขออวยพรให้นายเจอคนที่ใช่เหมือนกัน’ คำอวยพรที่สวยหรูในปีนั้นยังคงดังอยู่ข้างหู แต่คิดไม่ถึงว่าไม่ทันถึงปี คนคนนั้นก็จากโลกนี้ไปแล้ว อีกทั้งเขาไม่เห็นแม้แต่เงาของเซี่ยเซี่ย ในใจรู้สึกขมขื่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

มู่ลี่ไป๋มองเขาด้วยความกังวล และวางยาลงบนโต๊ะ“คิดจะอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน?ยังไม่มีข่าวเลยเหรอ?”

ลั่วจื่อหานส่ายหัว“อีกสองวันก็น่าจะกลับแล้วล่ะมั้ง” เขากุมขมับด้วยความอ่อนล้าเล็กน้อย ในหัวกลับมีภาพดวงตาที่มีน้ำตาคลอเมื่อครู่ ดวงตาที่เป็นประกายยิ่งแจ่มชัดกว่าเดิมจนยากจะลืมเลือน…

------------

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา