DREAMS COME TRUE จากฝัน...ถึงเธอ

10.0

เขียนโดย winnerella

วันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 12.04 น.

  17 บท
  0 วิจารณ์
  13.85K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 17.42 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) ความผูกพัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

...(ปอ)...

แสงจันทร์สาดส่องผ่านหน้าต่างของห้องนอน พอทำให้ผมมองเห็นเงารางๆ ของเพื่อนร่วมห้องที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง หลังจากที่ไอ้ดิวไปดื่มเบียร์ต่อกับพวกพี่สายฟ้า มันกลับมาตอนไหนผมก็ไม่รู้ เวลาล่วงเลยไปหลายชั่วโมงหลังจากพี่ธารมาส่งผมที่ห้อง ผมจำไม่ได้ว่าผมหลับไปตั้งแต่เมื่อไร สิ่งเดียวที่ผมพอจะจำได้คือ พี่ธาร...กำลังยืนมองไดอารี่ผม

น้ำตาที่ไหลนั้นหมายความว่าอะไร...

ผมลืมตาตื่นขึ้นมา นาฬิกาแสดงตัวเลขของเวลาตอนนี้ตีสามกว่าแล้ว ผมมองไปรอบๆ ราวกับว่าเวลามันหยุดเดิน ไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกจากเสียงกรนของคนเมา ในหัวผมยังจดจำสายตาของพี่ธารได้ดีหลังจากที่เห็นชายคนนั้นยืนอ่านไดอารี่ของผม ทำไมเขามองผมด้วยสายตาแบบนั้น ดวงตาคู่นั้นดูอบอุ่นดูมีความสุข แต่น้ำตา...ไม่อาจจะซ่อนความจริงของความรู้สึกได้ ทำไมพี่ธารร้องไห้ ผมนอนคิดตลอดทั้งคืน ก็ยังหาคำตอบไม่ได้

เช้าแรกของการเรียนพื้นฐานก่อนเปิดเทอม ผมยังคงต้องทำหน้าที่ปลุกไอ้ดิวเหมือนเดิม ไอ้ขี้เมามันยังคนอ้อนวอนขอนอนต่อ แต่ผมก็ไม่ยอมให้มันนอนอีกต่อไป หลังจากผมจัดการตัวเองเสร็จ ผมก็เดินตรงไปที่เตียงมันเพื่อกระชากผ้าห่มมันออกมา

"ไอ้ดิว มึงต้องตื่น!! เดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน ถ้ามึงไม่ตื่น กูไม่รอแล้วนะ"

"ไอ้เชี่ยยยยยย เอาอีกแล้วกู" ผมเดาว่ามันคงลืมไปแน่ๆ ว่าวันนี้ต้องมีเรียน เพราะมันยังกล้าไปดื่มเบียร์ต่อกับพวกพี่สายฟ้า จนสภาพมันเป็นหมาขนาดนี้

"รีบไปอาบน้ำ จะได้ลงไปกินข้าว"

"เออๆ”

หลังจากเสียงตอบของมัน มันก็พุ่งตรงไปห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตา แต่งตัวเสร็จใช้เวลาเพียงแค่ห้านาที เราเดินลงมาจากหอจนถึงชั้นหนึ่ง ผมหันมองไปทางขวามือของผม ทางเดินของหอพักยาวสุดสายตาขนาบข้างด้วยห้องพักของนักศึกษา ผมยืนอยู่ตรงหน้าบันไดชั้นหนึ่ง มันพอทำให้ผมเห็นห้องที่สองของชั้นหนึ่ง ก่อนได้ยินเสียงเปิดประตูจากห้องนั้น

คนที่อยู่ในห้องกำลังเดินออกมา พี่ธาร... วันนี้พี่ธารแต่งตัวสบายๆด้วยเสื้อยืดสีดำกางเกงยีนส์สามส่วน แล้วแตกต่างกับผมที่แต่งตัวถูกระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมหันหน้ากลับมาทางตรงเพื่อจะเดินออกจากหอนี้ 

"เดี๋ยวปอ" เสียงทักจากพี่ธารดังขึ้นทันทีที่ผมพยายามหลบสายตา

"คะ ครับ"

"วันนี้ไปเรียนวันแรกใช่ไหม"

"คะ ครับ" ผมได้แต่ตอบประโยคคำถามด้วยคำตอบเดียวเสมอ สายตาผมยังไม่กล้ามองหน้าพี่ธารตรงๆ

"ไปยังไง ให้พี่ไปส่งไหม"

"คะ คือ..." ไม่ทันทีผมจะได้ตอบคำถาม เพื่อนสนิทอย่างไอ้ดิวเสนอตอบคำถามให้อย่างรวดเร็ว

"ไม่เป็นไร พี่ธารสุดหล่อของปอ เดี๋ยวมันไปกับผมคร้าบบ" คำตอบมันทำให้ผมต้องเอาศอกกระทุ้งท้องมัน เพื่อให้เจ้าตัวหยุดพูด ก่อนจะพูดอะไรไม่เข้าหูไปมากกว่านี้

"เดี๋ยวผมไปกับดิวครับ" ผมตอบคำถามนั้นด้วยประโยคที่ผมคิดว่าดีที่สุด ณ ตอนนี้

"ได้ครับ ขับกันดีๆนะ" ยิ้ม

เสียงตอบอันนุ่มนวลของพี่ธาร ทำให้ผมถึงกับยืนแข็งทื่อ หน้าแดง หูร้อนขึ้น รู้สึกตัวร้อนๆขึ้นยังไงไม่รู้ ความรู้สึกนี้คืออะไรเนี่ย หรือว่าผมเขินพี่ธาร

"ทำไมมึงหน้าแดง" ไอ้ดิวมันยังคงทำหน้าที่ในการจับผิดผมได้ดีเหมือนเดิม

"บ้า พอ รีบไปกินข้าว เดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน"

ผมรีบดึงแขนไอ้ดิวออกจากตรงนี้ แต่มันยังคงไม่วายที่จะอำลาพี่ธารด้วยประโยคที่ผมอยากจะฆ่ามันจริง 

"ไปแล้วนะคร้าบบบ พี่ธาร จะขับรถอย่างดี ปอของพี่ปลอดภัยแน่นอน"

เราเดินทางไปตึกเรียนหลังจากกินข้าวเช้าเรียบร้อยแล้วโดยใช้มอเตอร์ไซค์ของไอ้ดิว ผมยังไม่มีรถจึงต้องอาศัยมันไปก่อน สถานที่เรียนเป็นตึกคณะแพทย์ ใต้ถุนเต็มไปด้วยเหล่าบรรดานักศึกษาแพทย์ปีหนึ่งที่นั่งกันเป็นกลุ่มพูดคุยทำความรู้จักกัน เรามาถึงก่อนเวลาเรียนเกือบสามสิบนาที จึงทำให้พอมีเวลาที่เราได้พูดคุยกับเพื่อน

"ปอ" เสียงพาวเอ่ยทัก ผมที่กำลังเดิมมองหาที่นั่งรอก่อนจะถึงเวลาเรียน เราเดินไปตามเสียงเรียกนั้น ก่อนผมได้ยินประโยคที่ผมอึ้งเมื่อได้ยินพาวพูด

"พี่ธารฝากอันนี้มาให้นะ"

ผมมองไปที่มือของพาว เธอถือสิ่งของที่ผมเคยเห็นมันมาแล้วครั้งหนึ่ง... ใช่ ผมเคยเห็นมันมาแล้ว มันเป็นสร้อยข้อมือแบบเดียวกับที่พี่ธารใส่

"ทะ ทำไมถึงให้ หรอ"

"เราก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อเช้าเราเจอพี่ธารที่หน้าหอก่อนมานี่แหละ พี่เขาก็ยื่นสร้อยอันนี้มาให้เรา บอกว่าฝากให้ปอ แค่นั้นอะ"

"ขอบใจนะ" ในใจผมคิดหาเหตุผลไม่ออกว่าทำไมพี่ธารถึงให้ผม เมื่อเช้าก็เจอกันนิ ทำไมไม่ให้ผมเองนะ

"เฮ้ย ไหนดูดิ๊" ไอ้คนอยากรู้อยากเห็นอย่างไอ้ดิว คว้าสร้อยข้อมือเอาไปดู "ทำไมกูไม่เห็นได้อะไรน่ารักๆ แบบนี้วะ ไม่ยุติธรรมกับกูเลย"

"เอาคืนมา ไอ้ดิว" ผมพูดแนวตะคอกเล็กน้อย ก่อนที่ไอ้ดิวมันจะส่งสิ่งนั้นคืนให้กับผม

"หรือว่าพี่ธาร ชอบมึงวะ" ข้อสงสัยของไอ้ดิว ฟังดูแปลกกับผู้ชายอย่างผมไม่ใช่น้อย แต่มันกลับว่าทำให้ใจของผมเต้นแรงอีกครั้ง ตุบ ตุบ ตุบ คนอย่างไอ้ดิวไม่เลิกที่จะขยี้ให้ผมจมดิน

"เมื่อเช้ารู้ไหมทำไม" มันตั้งประโยคคำถามชวนสงสัยให้กับพาว

"ทำไมหรอ" พาวตอบรับคำถามมันเบาๆ หลังจากที่มันตกเหยื่อได้แล้วมันก็เริ่มพูดต่อ

"ก็เมื่อเช้าเว่ย เราลงมาพร้อมกับปอ รู้ไหมเราเจอใคร เจอพี่ธารไง" มันยังคงค่อยๆเล่าเรื่องตามสไตล์ของมัน ที่จะเปิดเผยความลับของคนอื่นอย่างช้าๆ "พี่ธารอาสาจะมาส่งมันด้วย อย่างงี้ไม่ชอบแล้วจะเรียกว่าอะไร จริงไหมพาว" มันยังคงถามความเห็นของเพื่อนให้คิดเห็นแบบมัน...

ผมไม่รู้ว่าการมีเพื่อนแบบมันคือดีไม่ดี ความลับอะไรของผมมันบอกคนอื่นหมด ผมได้แต่ถอนหายใจ

"พอๆ เตรียมขึ้นไปเรียนกันเถอะ ใกล้ถึงเวลาแล้ว" ผมรีบพูดตัดบทก่อนที่เรื่องมันจะไปกันใหญ่ แต่ผมเองรู้สึกร้อนๆที่หัวยังไงไม่รู้ โกรธไอ้ดิวมันหรอ หรือว่า ไม่ใช่กันแน่...

ถึงเวลาที่เราต้องเข้าเรียน สถานที่เรียนเราอยู่ชั้นสองของอาคารเรียนรวมคณะแพทย์ ห้องเรียนเรามีที่นั่งเรียนเป็นแบบสโลป นักศึกษาแพทย์ต่างจับจองที่นั่งเรียนกันเต็มไปหมด เหลือที่นั่งข้างหลังเท่านั้นที่พอเป็นที่ว่างให้กับผมและเพื่อน ไม่นานอาจารย์แพทย์ก็เข้ามา เสียงคุยของนักศึกษาทุกคนเงียบลง

สายตาทุกคู่ในห้องต่างจ้องมองไปที่อาจารย์แพทย์ ลักษณะเขาดูน่าเกรงขาม ใส่เสื้อกาวน์สั้นทับเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีน้ำเงิน หน้าตาวัยกลางคนยังดูหนุ่มอยู่เลย ผมได้แต่คิดว่าจะดุไหมวะ

อาจารย์เข้ามาแค่แนะนำเรื่องราวต่างๆ ทั้งการใช้ชีวิตของนักศึกษาแพทย์ว่าเราควรจะทำยังไง เราจะเจออะไรบ้าง ถ้ามีปัญหาจะปรึกษาใครได้บ้าง มันครอบคลุมจริงๆ รวมทั้งเรื่องการเรียนการสอนในช่วงก่อนปิดเทอมนี้ ส่วนใหญ่เป็นการเรียนพื้นฐานทั่วไปของระบบต่างๆ ในร่างกายมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบหายใจ ระบบทางเดินอาหาร แต่สิ่งเดียวที่ทำให้ไอ้ดิวรู้สึกกระปรี้กระเปร่าเป็นอย่างมากก็คือระบบสืบพันธุ์

"มึงรู้ไหม กูชอบเรื่องนี้ที่สุด" มันหันมากระซิบข้างหูผม ผมนี่ขนลุกไปทั้งตัว

"เออๆ กูรู้ มึงนั่งดีๆได้แล้ว"

"โห่ไรว่ะ ไม่หนุกเลย..."

เราเรียนเรื่องระบบพื้นฐานต่างๆ ตลอดทั้งอาทิตย์ ถามว่ามันหนักมากไหม ผมว่ามันก็เป็นเรื่องที่เราเคยเรียนมาตอนมัธยมปลายนั่นแหละครับ แต่แค่มันลึกลงไปอีกเยอะกว่าที่เราเคยรู้ มีเรื่องใหม่ๆ ให้เราได้เรียน แต่ถ้าเทียบกับปีอื่นๆแล้วรุ่นพี่บอกว่าพวกนี้เทียบไม่ได้กับสิ่งที่จะเจอในอนาคต มันเป็นแค่เศษหนึ่งส่วนล้านล้านล้าน...เท่านั้น 

สุดสัปดาห์ของอาทิตย์แรกในการเรียน เราต้องเตรียมตัวอ่านหนังสือเพื่อการทดสอบก่อนเรียนที่จะมาถึงในวันจันทร์หน้า ผม ไอ้ดิว และเพื่อนผู้หญิงของเราสองคนอย่างพาวและแพรว ก็เลยนัดไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดกลางของมหา’ลัย หอสมุดนี้เป็นตึกเจ็ดชั้น แต่ละชั้นก็มีโต๊ะอ่านหนังสือจำนวนมากพอที่จะให้นักศึกษาทั้งมหา’ลัยมานั่งอ่านเพื่อเตรียมสอบ ข้างหอสมุดก็มีศูนย์อาหารเล็กๆพร้อมกับร้านสะดวกซื้อที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเผื่อใครหิวก็ลงมากินได้ตลอดเวลา 

โชคดีช่วงนี้คนไม่เยอะมากเพราะยังเป็นช่วงปิดเทอมอยู่ ก็มีแต่พวกเราคณะแพทย์ที่มาใช้กันตอนนี้ เลยพอให้เราหาที่นั่งได้สบายๆ พวกเราเลือกนั่งกันที่ชั้นสามเพราะดูแล้วมันเงียบสงบที่สุด ชั้นนี้มีห้องประชุมที่กั้นด้วยกระจกใสแบ่งเป็นห้องๆ พอมีคนเข้าไปนั่งประชุมกันบ้าง

"วันจันทร์เราเรียนเรื่องอะไรวะ" คนที่ไม่สนใจในวิชาเรียนอย่างไอ้ดิว มันไม่เคยที่จะดูตารางสอนใดๆ เลยก่อนถาม ตลอดช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมไม่รู้ว่าความเมาของมันยังไม่หายหรือว่ามันง่วงของมันเอง มันหลับเกือบทุกชั่วโมงที่เราเรียน ผมปลุกมัน มันก็หลับต่อ

"เรียนเรื่องระบบสืบพันธุ์หนะ"เสียงของแพรวพูดขึ้นอย่างเขินอาย

"โห่ ถ้าไม่ได้ แพรว เราต้องไม่รู้แน่เลยว่าเรียนเรื่องอะไร แพรวนี้ดีที่สุดเลย"

ผมได้แต่คิดในใจ ถ้ามึงดูตารางสอนมึงรู้ไปนานแล้ว ไอ้ขี้เมา

ไอ้ดิวกับแพรวดูสนิทกันมากขึ้น คงเป็นเพราะตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา ในช่วงเย็นเกือบทุกๆวันจะมีการซ้อมลีดคณะ ไอ้ดิวมันมักจะบ่นกับผมเสมอว่าเหนื่อยมาก ไม่น่าไปลงชื่อสมัครเลย แต่มันก็ไปซ้อมทุกวันนะครับเห็นอย่างนี้ เพราะว่านอกจากมันจะได้เจอพี่คนสวยของมัน มันยังได้อยู่กับใกล้ชิดแพรวอีกด้วย

เรานั่งอ่านหนังสือกันไปเรื่อยๆ พูดคุยกันบ้างเล็กน้อย เวลาก็ผ่านไปนับหลายชั่วโมง

"มึงๆ พวกพี่ธารปะ ที่นั่งในห้องประชุมอ่ะ ห้องนั้นอะ"

ผมหันไปมองตามที่ไอ้ดิวมันบอก ใช่... พี่ธาร กับพวกพี่วินัยกำลังนั่งประชุมกันในห้องประชุมของห้องสมุด มันเป็นห้องที่มีกระจกใสๆเป็นฉากกันความเป็นส่วนตัวจากคนภายนอก ซึ่งเราสามารถมองเห็นคนภายในห้องได้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ผมคิดว่าคงประชุมกันเรื่องรับน้อง

"จริงๆ กูเห็นพี่เขานานแล้วล่ะ ตั้งแต่เรามา แต่ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไร กูบอกมึงเพราะว่า กูเห็นพี่ธารมองมาที่มึง" ประโยคคำพูดสุดท้ายของได้ดิวทำให้ ใจผมเต้นแรง

"นี่ เราสงสัยนะ ปอกับพี่ธารเป็นอะไรกันหรอ" พาวน้องสายรหัสพี่ธารถามด้วยความสงสัย

"เปล่าๆ ไม่ได้เป็นอะไรกัน"

"ก็แหม่ ขนาดเราเป็นน้องรหัสพี่ธาร เรายังไม่ได้สร้อยข้อมือน่ารักๆ แบบนั้นเลย เราได้แต่ปากกา ดินสอ สมุดลายเบ็นเท็น"

ผมมองไปที่สร้อยข้อมือนั้นที่มันอยู่บนข้อมือขวาของผม ใจผมเต้นแรงชัดเจนขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

"เห็นไหมพาว พาวก็สงสัยแบบเดียวกับเราใช่ไหมล่ะ สองคนนี้ต้องมีซัมติง" มันพูดเสริมคำพูดของพาวเพื่อให้มีน้ำหนัก

"คะ คือเดียวเราไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ" เสียงของแพรวเหมือนมาจากสวรรค์ขัดบทสนทนาที่กำลังจะไปกันใหญ่

"แพรวงั้นเราไปด้วย" พาวเสนอตัวเป็นเพื่อนแพรวไปเข้าห้องน้ำ

"งั้นกูไปหาอะไรแดก หน้าหอสมุดก่อนและกัน ส่วนมึง ปอ นั่งเฝ้าโต๊ะนะ"

ผมจึงต้องนั่งเฝ้าโต๊ะคนเดียวโดยปริยาย แต่ก็ยังดีที่ทำให้บทสนทนานั้นจบลง

หลังจากที่เพื่อนผมแยกย้ายไปประมาณเกือบสิบนาที เสียงที่ผมคุ้นเคยดังขึ้นมา

"ทำไม นั่งคนเดียวละ"

ผมหันไปตามเสียงทักเอ่ยนั่น

"คะ คือ เพื่อนไปเข้าห้องน้ำ คะ ครับ"

สายตาของคู่สนทนา ไม่ได้มองมาที่หน้าผมโดยตรง แต่กลับมองไปที่สิ่งของที่อยู่บนข้อมือผม

"พี่ดีใจนะที่เราใส่มัน" เสียงของพี่ธารเปล่งออกมา ผมรับรู้ได้ถึงความผูกพันกับสิ่งของสิ่งนี้

"ทะ ทำไม พี่ถึงให้ผม"

"มันเป็นของเรา ปอ"

เป็นของผม...

พี่ธารเลยเอ่ยคำถามผมทันที ไม่ทันจะให้ผมได้ถามข้อสงสัยต่อ 

"ปอ กำลังอ่านเรื่องอะไรอยู่"

"เรื่องระบบสืบพันธุ์นะครับ วันจันทร์หน้ามีสอบก่อนเรียน"

"อย่าเครียดมากนะ ถ้าเรื่องไหนไม่เข้าใจ ถามพี่ได้นะ"

หลังจากที่ผมได้ยินประโยคนั้น ในหัวผมตอนนี้กลับนึกถึงไดอารี่หน้านั้นที่ผมเปิดกางไว้อยู่บนโต๊ะของผม ...ใต้ต้นหูกวาง...

"งั้นพี่ไปก่อนนะ" ฝ่ามือของพี่ธารลูบหัวผมเบาๆ ผมรู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งตัว พยายามทำตัวให้ไม่สั่นมาก

"คะ ครับ"

ผู้ชายที่แสนอบอุ่นเดินจากไป ผมได้แต่มองร่างนั่นเดินออกห่างจากผมไปเรื่อยๆ

สายตาผมกลับสะดุดที่ข้อมือข้างขวาของพี่ธาร สร้อยข้อมือจี้รูปดาวนั้น มันเหมือนของผมไม่มีผิด...

ชายร่างสูงคนนั้นจะหันกลับมามองผมอีกครั้งหนึ่ง

ความรู้สึกข้างในใจของผมกับพี่ธารทำไม...มันมากขึ้นเรื่อยๆ ...

หรือว่าจริงๆแล้วผม ชอบพี่ธารกันนะ...

 

... (ธารา) ...

หลังจากที่ผมได้อ่านไดอารี่ของปอเมื่อตอนนั้น ในหัวผมคิดเสมอว่าป่านไม่ได้จากผมไม่ไหนเลย ป่านยังอยู่ตรงนี้ ผมกลับมานั่งมองสร้อยข้อมือที่ป่านให้กับผมมา เปิดลิ้นชักโต๊ะ ก่อนจะหยิบสร้อยข้อมือจี้รูปดาวอีกอันขึ้นมา ถึงแม้ตอนนี้ป่านจะไม่ได้อยู่ในชีวิตของผมแล้ว แต่ความรู้สึกที่มีให้กับป่านมันยังอยู่ในหัวใจผม อยู่ที่เดิมเสมอตลอดมา

หลังจากที่ป่านจากไป ผมไม่เคยเปิดใจให้กับใคร หัวใจผมปิดตาย แต่ทำไมมีความรู้สึกอะไรเกิดขึ้นระหว่างผมกับปอ หรือว่ามันเป็นความรู้สึกที่ผมคิดถึงป่านกันแน่ ผมก็ไม่รู้ 

สร้อยข้อมือนี้มีความหมายกับผมมาก ผมรู้แล้วว่าตอนนี้มันควรจะอยู่กับใคร 

เช้าวันอาทิตย์นี้พวกพี่วินัยต้องประชุมกันวางแผนเรื่องที่จะไปรับน้องนอกสถานที่ เราจึงไปที่ห้องสมุดกลางของมหา’ลัย เราประชุมกันเพื่อสรุปหน้าที่ว่าใครทำอะไร รับผิดชอบอันไหนบ้าง ผมเองก็รับผิดชอบเรื่องสถานที่และก็พวกอาหารมื้อต่างๆของพวกเรา โชคดีที่ติดต่อไปทางโรงเรียนจะช่วยจัดมื้ออาหารให้เราโดยเราไม่ต้องหากินเอง โดยชาวบ้านจะเป็นคนร่วมแรงกันทำให้เรากิน เพื่อตอบแทนที่เราไปช่วยพัฒนาโรงเรียนในหมู่บ้าน

เราประชุมกันไปเรื่อยๆ ผมก็เบื่อๆนิดหน่อย แต่สายตาของผมกับไปเห็นสิ่งที่ผมไม่เบื่อขึ้นมา ปอ กับเพื่อนเดินขึ้นมาที่ชั้นเดียวกับผม คงมาอ่านหนังสือกันตามปกติ นั่งโต๊ะที่ตำแหน่งสายตาผมสามารถมองเห็นได้พอดี แต่โชคร้ายที่ปอนั่งหันหลังให้กับผม ผมได้แต่นั่งมองคนคนนั้นอย่างไม่ละสายตา 

"ไอ้ธารเหม่ออะไร" ไอ้สายฟ้าทักขึ้นเมื่อเห็นความผิดปกติของผม

"เปล่าๆ กูแค่เหนื่อยๆ เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ"

ผมลุกเดินออกจากห้อง แต่สายตาผมกลับไม่ได้ละไปจากปอเลย โชคช่วยผมที่ตอนนี้ ปอนั่งอยู่ที่โต๊ะคนเดียว ผมจึงใช้โอกาสนี้เพื่อจะได้คุยกับน้องมากขึ้น แล้วอาจจะมีโอกาสพูดเรื่อง ข้อความในไดอารี่นั้น

แต่เมื่อเจอจริงๆ ผมกลับพูดอะไรไม่ออกเหมือนเดิม แต่ผมทิ้งเพียงประโยคที่คล้ายๆกับข้อความในไดอารี่นั้น พอจะทำให้ปอได้รับรู้

"ถ้าเรื่องไหนไม่เข้าใจ ถามพี่ได้นะ"

ผมเดินออกจากโต๊ะที่เด็กนักเรียนคนเดิมที่ผมเคยเจอครั้งก่อนแต่ตอนนี้กลายเป็นรุ่นน้องคณะผมไปแล้ว ทิ้งเพียงข้อความที่เหมือนกันกับไดอารี่หน้านั้นให้คนที่ฟังได้รู้สึกถึงบางอย่าง ผมหันหลังกลับมาดูที่โต๊ะที่ปอนั่งอยู่คนเดียวอีกครั้งหนึ่ง ก่อนเจอสายตาของปอคู่นั้นมองมาที่ผม

ผมว่าข้อความของผมนั้น...ส่งถึงปอแล้ว

 

...(ปอ)...

เช้าวันทดสอบก่อนเรียนเรื่องระบบสืบพันธุ์ได้เริ่มต้นขึ้น นักศึกษาปีหนึ่งคณะแพทย์ต่างเข้ามาที่ห้องเรียน นั่งห่างกันประมาณหนึ่งเก้าอี้ ตามที่มีกระดาษข้อสอบวางไว้

"ให้ทุกคนเริ่มทำข้อสอบได้ มีเวลาทำสามสิบนาที"

สิ้นเสียงคำสั่งนักศึกษาทุกคนต่างก้มหน้าก้มตากันทำข้อสอบ ข้อสอบชุดนี้มีเพียงสิบห้าข้อ เป็นเรื่องเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอนาโตมี่ของโครงสร้างระบบสืบพันธุ์ทั้งชายและหญิง การเจริญของตัวอ่อนในระยะต่างๆ การตั้งครรภ์ รวมทั้งกับคำถามข้อที่สิบห้า

'จากรูปที่กำหนดให้ เป็นแฝดสยาม (Saimese twins) แบบใด'

มองไปรูปโจทย์ที่ได้ชี้แจ้งไว้ มันเป็นรูปของเด็กทารกที่หันหน้าเข้าหากัน ร่างกายของแต่ละคนนั้นมีครบชัดเจน แต่กลับมีเพียงส่วนของหน้าอกของเด็กทั้งสองเชื่อมติดกัน แผลเป็นของผมมันเจ็บขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เหมือนมีใครเอามีดกรีดลงตรงกลางอกของผม ผมได้แต่เพียงใช้มือสัมผัสรอยแผลเป็นผ่านเสื้อนักศึกษาเผื่ออาจจะช่วยให้ความเจ็บนี้จางหายไป ผมเลือกตอบคำตอบในข้อนั้น ก่อนจะหมดเวลาในการทำข้อสอบ

"ไอ้ปอ เมื่อกี้เป็นอะไร กูได้ยินเสียงซี๊ดมาจากมึง แล้วมึงก็จับอกตัวเอง" ไอ้ดิวคงเห็นความผิดปกติจากตัวผม

"เปล่าๆ"

ผมได้แต่เพียงตอบมันไปอย่างงั้น มือผมยังคงสัมผัสกับรอยแผลเป็นนั้น ทำไมมันเจ็บจังเลย...

หลังจากทำข้อสอบเสร็จก็เป็นเวลาที่อาจารย์แพทย์จะเฉลยข้อสอบชุดนี้ อันนี้เป็นข้อสอบก่อนเรียนเฉยๆ อาจารย์บอกว่าไม่เก็บคะแนน ทำให้ทุกคนในห้องต่างโล่งใจมาก เพราะนี้ขนาดทดสอบก่อนเรียนยังยากขนาดนี้ ถ้าสอบจริงจะยากขนาดไหน อาจารย์เฉลยข้อสอบไปเรื่อยๆ พร้อมกับตอบคำถามของเหล่านักศึกษาที่สงสัยว่าทำไมตอบข้อนี้ ทำไมไม่ตอบข้อนั้นไปเรื่อย จนมาถึงข้อสุดท้าย...ข้อที่สิบห้า

"ข้อสุดท้ายแล้ว เดี๋ยวเราจะได้เริ่มเรียนเนื้อหากัน" อาจารย์พูดพลางอ่านโจทย์ข้อนี้ไปด้วย

อาจารย์เฉลยว่าเป็นแฝดสยามที่ลำตัวด้านหน้าติดกันบางส่วนนั้นก็คือส่วนอก เรียกว่า ธอราโคฟากัส (Thoracopagus) โดยอวัยวะภายในของเด็กทั้งสองจะมีสองชุดแยกออกจากกันแต่อาจจะมีบางส่วน เช่น เยื่อหุ้มปอดหรือเยื่อหุ้มหัวใจเปิดติดต่อกัน

โอเค ผมโชคดีที่ตอบถูก ผมไม่ได้สงสัยอะไรกับข้อนี้เท่าไร

"อาจารย์ค่ะ จำเป็นไหมว่าแฝดสยามต้องเป็นเพศเดียวกัน" เสียงนักศึกษาแพทย์คนหนึ่งดังขึ้นมา ต่างสร้างความสนใจให้กับเพื่อนร่วมชั้นเรียนอย่างมาก รวมถึงผมด้วย ผมไม่รู้ว่าทำไมผมต้องให้ความสนใจกับเรื่องนี้ขนาดนั้นก็ไม่รู้...

"ถือเป็นคำถามที่ดีนะ ตามตำราต่างๆทั่วไปยังคงบอกไปในทางเดียวกันหมดนะ แฝดสยามควรจะเป็นเพศเดียวกัน เพราะมันเกิดจากการแบ่งตัวจากตัวอ่อนที่มีพันธุกรรมเดียวกัน อาจารย์เองก็ยังไม่เคยเห็นที่เป็นเพศต่างกันสักที”

“และมันมีโอกาสเกิดเป็นคนละเพศไหมค่ะ”

“ตามทฤษฎีมันอาจจะเป็นไปได้ แต่คงยากมากๆ เอาล่ะ เรามาเริ่มเรียนเนื้อหากันต่อได้แล้วจ๊ะ”

'คนละเพศ' มันยังคงเป็นคำถามที่ทำให้ผมสงสัยอยู่ดี มันจะเกิดขึ้นจริงไม่ได้หรอ ต่อให้มันมีโอกาสน้อยมากๆ แสดงว่ามันต้องเกิดขึ้นได้สิ ผมยังคงเอามือลูบที่รอยนูนของแผลเป็นกลางอกผ่านเสื้อนักศึกษาเบาๆ ความเจ็บเล็กๆที่เกิดขึ้นตอนนี้มันหมายความว่าอย่างไรกันนะ

หลังจากเราเรียนเนื้อหาของวันนี้จบ ผมยังคงคิดเรื่องแฝดสยาม คนละเพศ วนเวียนอยู่ในหัวผม มันจะเป็นไปไม่ได้จริงๆหรอ แล้วถ้ามันเป็นไปได้ตามทฤษฏีล่ะ มันจะเป็นยังไง

"มึง ดิว แฝดสยามมันจะเป็นคนละเพศไม่ได้จริงๆหรอ" ผมถามเพื่อไขข้อสงสัยผม

"ก็จากที่ฟังอาจารย์มา มันก็อาจจะเกิดขึ้นจริงก็ได้มั้ง ทฤษฎีมันก็มีอยู่ แต่กูไม่รู้บนโลกนี้มันจะมีใครเป็นแบบนั้นไหม โอกาสมันอาจจะเกิดขึ้นยากมากมั้ง แบบ หนึ่งในล้านล้านล้าน" 

คำพูดของไอ้ดิวมันก็ฟังดูมีเหตุผลเหมือนกัน โอกาสมันก็อาจจะเกิดขึ้นได้

มันอาจจะเกิดขึ้นจริงกับใครสักคนบนโลกนี้ก็ได้...

“ไอ้ดิว ก่อนกลับแวะไปห้องสมุดหน่อยสิ”

“มึงจะไปทำไม”

“เออน่า พากูไปหน่อยแป๊บเดียวเอง”

ความสงสัยต่อคำถามที่ว่า แฝดสยามเป็นคนละเพศได้ไหม ในหัวผมยังคงมีอยู่ ผมต้องหาคำตอบมันให้ได้ ผมมาถึงห้องสมุดกลางของมหา’ลัย เดินตรงไปที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่มุมห้องข้างแผนกบรรณารักษ์ มันใช้สำหรับค้นหาหนังสือที่ต้องการ ผมใช้คำค้นหาว่า แฝดสยาม (Saimese twins) ก่อนที่เหล่าบรรดารายชื่อหนังสือต่างๆในวิชาที่ชื่อว่าสูตินรีเวชวิทยา (obstetrics and gynecology)จะปรากฏขึ้นทางหน้าจอ

หน้าจอคอมพิวเตอร์มันแสดงถึงหมวดหมู่ของหนังสือที่เราค้นหา รายชื่อหนังสือ เลขตู้หนังสือ รวมถึงชั้นที่หนังสือเหล่านั้นอยู่

สูตินรีเวชวิทยา (obstetrics and gynecology)

Dewhurst’s textbooks of obstetrics and gynecology

DC Dutta’s textbooks of obstetrics

Oxford textbooks of obstetrics and gynecology

Williams obstetrics

....

รายชื่อหนังสือที่ปรากฏขึ้นมาให้ผมเห็นมีเป็นสิบๆชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อผมเองก็ไม่คุ้นเลย อ่านชื่อหน้าปกบางอันก็อ่านไม่ออก ผมเพียงได้แต่จดชื่อของหนังสือ จดเลขตู้ จดชั้น ตามหน้าจอเท่านั้น ก่อนผมจะเดินไปหาหนังสือพวกนั้น พร้อมลากไอ้ดิวไปด้วย แต่เจ้าตัวดูไม่อยากช่วยเหลือผมเท่าไร

ชั้นนี้เป็นชั้นที่สี่ของหอสมุดกลาง มันไม่ได้แตกต่างจากชั้นอื่นๆเท่าไร มีโต๊ะนั่งอ่านหนังสือ มีห้องประชุมเหมือนชั้นสามที่เราเคยมานั่งอ่านหนังสือกัน เพียงแต่ชั้นนี้ส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือเกี่ยวกับทางการแพทย์ทั้งหมด

“มึงเข้าไปหาเองนะ กูขอนั่งรอตรงนี้แหละ กูเหนื่อยมากวันนี้”

“โอเค รอกูแป๊บหนึ่งและกัน”

จริงๆผมเกรงใจมันมาก เพราะมันอุตส่าห์พาผมมา แถมยังจะต้องมาช่วยผมหาอีก ผมเลยปล่อยให้มันนั่งรอที่โต๊ะ แล้วเดินเข้าไปหาหนังสือพวกนั้นเอง ผมพยายามหยิบหนังสือมาเท่าที่ผมจะหยิบได้ บางเล่มก็หาไม่เจออาจเป็นเพราะมีคนยืมไป

ผมขนหนังสือซ้อนเป็นชั้นๆหลายเล่มจนบดบังการมองเห็นของผม ผมค่อยๆเดินอย่างช้าๆเพื่อไม่ให้ของที่ถือมาตกลงกับพื้น มาถึงโต๊ะผมค่อยๆวางหนังสือลง จนเห็นสภาพตอนนี้ของไอ้ดิว มันนอนฟุบโต๊ะอยู่ มีเสียงกรนเบาๆ ผมเลยต้องทำตัวเงียบ ค่อยๆเปิดหนังสือเพื่อหาสิ่งที่ผมสงสัย

ผมไม่รู้ว่าผมใช้เวลานานเท่าไรแล้วกับการเปิดดูหนังสือพวกนี้ ข้อมูลที่ผมสงสัย ในหนังสือก็ไม่ได้มีคำตอบให้ผม ทุกๆเล่มล้วนเขียนแบบที่อาจารย์พูด ‘แฝดสยามควรจะเป็นเพศเดียวกันเพราะเกิดจากตัวอ่อนที่มีพันธุกรรมเดียวกัน’ ผมได้แต่ถอนหายใจให้กับความสงสัยของผม

“มึงงงง” เสียงของคนที่นอนฟุบโต๊ะดังขึ้นอย่างยืดยาน “กูหิวข้าวแล้ว”

ผมรีบมองไปที่มือถือ ตอนนี้เวลาทุ่มหนึ่งแล้ว ผมมาอยู่ที่นานมากแล้วสินะ

“พอเหอะมึง กูไม่ไหวแล้ว เลิกสงสัยได้แล้ว” เสียงของไอ้ดิวมันยังคงอ้อนวอนให้ผมหยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่ ผมจำใจต้องทำตามคำร้องขอ เพราะตอนนี้ผมรบกวนมันมามากแล้ว

เราเดินทางออกจากห้องสมุด แวะกินข้าวที่ศูนย์อาหารหน้าหอในก่อนกลับเข้าหอพัก เมื่อมาถึงไอ้ดิวก็ลมตัวลงนอนทันที เสียงกรนก็ดังต่อจากนั้นไม่นาน ผมเดินมาที่เก้าอี้ที่โต๊ะอ่านหนังสือของผม นั่งลงนิ่งๆในหัวของผมยังคงมีแต่คำถามเดิมๆ

ผมอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมจะเข้านอน ในทุกๆวันผมต้องเขียนไดอารี่เสมอ แต่วันนี้กลับเปลี่ยนไป ที่โต๊ะตัวเดิมแต่สิ่งที่ผมทำไม่เหมือนเดิม ผมเปิดโน้ตบุ๊กของผมเพื่อหาคำตอบของคำถามที่ผมสงสัย ไฟในห้องถูกปิดลง มีเพียงแสงไปจากโคมไฟที่โต๊ะของผมและหน้าจอของโน้ตบุ๊กที่ยังคงส่องสว่าง

ผมเปิดไปที่กูเกิ้ล เว็บไซต์ที่ผมคิดว่ามันน่าจะมีคำตอบของเรื่องที่ผมสงสัย ผมใช้คำค้นหาง่ายๆอย่าง ‘แฝดสยามคนละเพศ’ แต่มันกลับไม่ได้คำตอบอะไรเลย ผมจึงลองเปลี่ยนคำค้นหาเป็นภาษาอังกฤษดูเผื่อจะเจอคำตอบของสิ่งที่ผมต้องการ

Can Siamese twins have different gender?

หลังจากที่ผมได้เปลี่ยนคำค้นหา บทความหนึ่งปรากฏขึ้นบนหน้าจอ บทความภาษาอังกฤษนี้ได้แสดงเนื้อหาที่ผมคิดว่ามันอาจจะเป็นคำตอบให้กับผม มันเป็นบทความเมื่อสิบปีก่อน เนื้อหามันได้ระบุเพียงว่า ‘เป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่คุณแม่ชาวอินเดียได้กำเนิดลูกแฝดสยามคู่หนึ่งที่เป็นคนละเพศ เพียงแต่อวัยวะของเขาทั้งสองเชื่อมต่อกันมากเกินไปทำให้ไม่สามารถผ่าตัดแยกออกได้ พวกเขาอยู่บนโลกนี้ได้เพียงสามสัปดาห์ กรณีที่เกิดขี้นนับว่าเป็นเรื่องในเกิดขึ้นได้ยากมากในทางการแพทย์’

ความรู้สึกตอนนี้ของผมกลับสงสารพวกเขาเหลือเกิน ทำไมแฝดสยามคู่นั้นไม่มีโอกาสใช้ชีวิตของพวกเขา  หรือสิ่งที่ผมสงสัยมันไม่ควรจะเกิดขึ้น เพราะถ้าเกิดขึ้นมาก็ไม่สามารถมีชีวิตรอด

แฝดสยามคนละเพศ

ตุบ ตุบ ตุบ เสียงหัวใจผมเต้นแรงและเร็วขึ้น

เจ็บ... ทำไมผมเจ็บที่แผลเป็นอีกแล้ว

ผมเพียงคิดว่า อย่างน้อยต่อให้มันเป็นเพียงทฤษฎีที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่มันก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา