โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  113.54K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

119) เกรบ๊อก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ดารีลลากเด็กชายชาวซีนาร์ยมายังหน้าเตาผิง   อันมีทางเชื่อมไปยังห้องเก็บของที่เด็กและสตรีซ่อนตัวอยู่   ฟิโลโซเฟอร์นั้นได้แต่ดิ้นรนขัดขืน

 

“ ไม่ยุติธรรมเลย   สองคนนั้นยังได้อยู่สู้   เหตุใดเจ้าจึงให้ข้าไป ”  

 

เด็กชายท้วง

 

“ เจ้าควรปกป้องน้องสาวมิใช่หรือ ”

 

หนุ่มน้อยคนนั้นถาม

 

“ แน่ใจได้อย่างไรว่ามันจะไม่ไปที่นั่นก่อน   เราทุกคนไม่ควรไปออกันตรงหน้าประตูหรือ ”

 

เด็กชายย้อนถาม

 

“ ถ้าใครบางคนอยากทำเสียงดัง   ก็ต้องกระทืบเท้าลงตรงนี้   คงไม่มีประโยชน์ที่จะไปไล่ล่าคนกลุ่มเล็กๆ ในที่ลับๆ ข้ามั่นใจเรื่องนี้และเดิมพันไว้สูงมาก   หากเราไปออกันที่หน้าประตูก็เท่ากับชี้เป้าให้คนที่เหลือ   เจ้าเข้าไปอยู่กับพวกเขาเถอะ   หากแม้นข้างนอกไม่เหลือใครแล้วถ้าโชคดีมันอาจเลิกรา   แต่ถ้าไม่นั่นก็คือเวลาที่เจ้าต้องแสดงฝีมือ ”

 

“ จะอยู่ที่ไหนข้าก็ปกป้องนางได้เช่นกัน ”

 

“ ถ้าอย่างนั้นอาวุธของเจ้าล่ะ ”

 

ฟิโลโซเฟอร์ส่งดาบไม้ให้เขาดู

ดารีลรับมาจับหักเป็นสองท่อน

ก่อนโยนเข้าไปในเตาผิง

 

“ แค่ฟืนท่อนเล็กๆ ข้าไม่นับ ”

 

“ เจ้าก็พูดเป็นเล่นไป   ปีก่อนนี้ข้ายังใช้ท่อนไม้นี่แหละสู้กับหมาป่า   จนชิงเอากระต่ายตัวน้อยมาให้คาโอเรียได้สำเร็จ   แต่ช่างเถอะไม่มีอาวุธข้าก็สู้มือเปล่าได้ ”      

 

เด็กชายชาวซีนาร์ยว่า

เขาไม่รู้สึกโกรธเคืองต่อการกระทำของดารีลแม้แต่น้อย

 

เจ้าของร่างบางในชุดคลุมขาวคนนั้นจ้องมองเด็กชายแล้วส่ายหน้า

 

“ เหตุใดจึงดื้อดึงนัก   ข้าอุตส่าห์อยากให้เจ้าปรอดภัย ” 

 

“ เจ้าสิ่งนั้นมันมาถึงที่นี่นานแล้ว   เหตุใดจึงไม่ยอมพังประตูเข้ามา   หรือมันรออะไร ”

 

คนอายุน้อยกว่าทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง

 

“ รอพวกเรานี่แหละ   เคอร์คารอลชอบเล่นกับจิตใจของคน   หลังจากต้อนเหยื่อจนมุมแล้วมันจะทำเป็นนิ่งเฉย   จนกว่าใครคนหนึ่งจะแสดงธาตุแท้ออกมานั่นแหละ   เราจึงจะได้เผชิญน้ากับมันอย่างแท้จริง   เอาล่ะเลิกพล่ามเสียที   ไปหาที่ซ่อนได้แล้ว   คาโอเรียรอเจ้าอยู่นะ ”

 

เขาว่าพลางดันไหล่ฟิโลโซเฟอร์

แต่เด็กชายได้ขืนร่างเอาไว้

 

“ เดี๋ยวสิ ”

 

เด็กชายตัวน้อยว่า

 

“ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง   หากทุกคนนั่งอย่างสงบเจ้าสิ่งนั้นก็จะไม่โจมตีใช่หรือไม่   เหมือนตอนที่เราเผชิญหน้ากับมันด้วยกัน   เจ้าเองที่บอกให้ข้าอยู่นิ่งๆ และมันก็ได้ผล ”

 

“ เป็นไปได้ยาก   ปีศาจตนนั้นเจ้าเล่ห์มาก   มันไม่ปล่อยเหยื่อนั่งจิบชาสบายใจหรอก   เจ้าไม่เห็นหรือว่าวันนั้นมันบีบข้าได้อย่างไร   และสุดท้ายคนที่ชนะก็ไม่ใช่ข้า ”

 

“ แล้วเจ้ายังจะให้ข้าแสดงความเห็นแก่ตัวต่อหน้าเคอร์คารอลอีกหรือ ” 

 

ฟิโลโซเฟอร์ต่อว่า

 

“ หรือจะให้ข้ามัดเจ้า   โยนออกไปให้มันแทะกินเล่นถ่วงเวลา   แล้วฉวยโอกาสนั้นพาคนอื่นหลบหนี ” 

 

เสียงของนักเวทน้อยเริ่มแข็งกร้าว

 

“ ก็เอาสิ   ตามแต่ใจเจ้าเลย   ถ้าคิดว่านั่นเหมาะสมแล้ว ”

 

เด็กชายตัวน้อยก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน

 

เสียงระฆังชวนคลื่นเหียนดังหง่างขึ้นครั้งหนึ่ง

แล้วเงียบหายไป

 

เด็กๆ ต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

แต่ทุกคนก็ยืนหยัดไม่ถอยสักก้าว

 

ดารีลจ้องเขม็งไปที่ประตูบานใหญ่

 

“ ข้าสามารถสาปเจ้าได้โดยไม่ต้องเสียเวลาคิด   ดังนั้นจะไปดีๆ หรือข้าต้องลงมือ ”

 

เขาพูดโดยไม่หันมามองคู่สนทนา

 

“ เช่นนั้นเจ้าไม่สังหารข้าเลยล่ะ   มันไม่ต่างกันหรอก   เจ้าก็รู้ดี   ข้าไม่มีวันปล่อยเจ้าไว้เพียงลำพังเด็ดขาด ”

 

คำพูดของเด็กชายทำให้เขาต้องหันกลับมา

 

“ ข้าเกลียดคนแบบเจ้าที่สุด   ในทุกแผนการรบ   ต้องมีคนเสียสละเพื่อที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย   ไม่อย่างนั้นแผนการก็ไม่อาจดำเนินไปได้ ”

 

“ แต่ข้ารักเจ้า   เห็นเจ้าเป็นคนในครอบครัว   เป็นดังเพื่อน   เป็นดังพี่   และข้าไม่อาจสละเจ้าได้ไม่ว่าด้วยเหตุใด ”

 

มีเสียงกระแทกและเสียงขูดข่วนดังสะท้านขึ้นจากทางด้านนอก

 

ดารีลถอนหายใจ

 

“ นี่เป็นช่วงเวลาที่เลวร้าย   เจ้าอย่ามาเพ้อเจ้อได้หรือไม่   ข้าน่ะจะไม่อดทนแล้วนะ ”

 

พูดจบเขาก็หันหลังให้

แล้วเดินตรงไปที่หน้าประตู

โดยไม่แม้แต่จะชำเลืองมองมาทางฟิโลโซเฟอร์

 

ประตูไม้ถูกฟาดอย่างแรงจนแตกทะลุ

ใบหน้าผอมแห้งเหมือนมีเพียงแค่หนังหุ้มกระดูก

มุดผ่านรอยแยกนั้นเข้ามา

พร้อมกับส่งเสียงครืดคราด

 

เด็กชายชาวซีนาร์ยถึงกับตัวเย็นวาบ

ฝันร้ายภายใต้หุบเขามรณะได้ย้อนกลับมาเยือนอีกครั้ง

 

ดารีลหมุนคทารอบหนึ่ง

มันกลับกลายเป็นธนู

 

เขายิงเจ้าสัตว์ร้ายตัวนั้น

ร่างของมันตายปิดคารูที่ใช้มุดเข้ามา

 

“ เกรบ๊อค   มันคือเกรบ๊อค ”

 

อีเลียสร้อง

เขานั้นตื่นกลัวเป็นอย่างมาก

 

“ ขอบใจ   ข้ากำลังอยากรู้อยู่พอดี   เพื่อนเก่าเจ้าหรอกหรือแนะนำข้าบ้างสิ   ดูทรงคงเป็นคนสุภาพไม่น้อย ”

 

โลธอร์ว่าด้วยท่าทางแสนซื่อ

แต่ก็สร้างเสียงหัวเราะขึ้นมาได้ครืนหนึ่ง

 

ซากของสัตว์ร้ายตัวนั้นถูกดึงออกไปฉีกเนื้อกินโดยเพื่อนของมันเอง

มือเล็กๆ แห้งเหี่ยวมากมายแย่งชิงกันยื่นเข้ามา

พวกมันช่วยกันหักแผ่นไม้เพื่อเปิดรอยแยกให้กว้างขึ้น

 

ดารีลโยนถุงผ้าสีเข้มเข้าไปในกระถางไฟ

กลิ่นกำยานฉุนแรงคลุ้งไปทั้งห้อง

 

“ เกรบ๊อค   สัตว์ปีศาจที่มีถิ่นกำเนิดจากที่มืดและถ้ำลึก   มันแพ้ไฟ   สายตาไม่ดี   แต่จมูกดมกลิ่นเป็นเลิศ ”

 

ดารีลว่า

 

สัตว์ปีศาจร่างเหี่ยวยื่นหน้าเข้ามา

แล้วก็ต้องสะบัดหน้า

เพราะกลิ่นกำยานเข้มข้นทำให้จมูกที่รับกลิ่นดีเกินไประคายเคือง

 

“ มีคำแนะนำอื่นอีกไหม”

 

อีเลียสถามหวาดๆ

 

“ มี   อย่าให้มันเข้าถึงตัวได้เพราะเขี้ยวกับกรงเล็บของมันคมมาก   จงจัดการมันที่หัวหรือลำคอ   ถ้าโดนทำร้ายตรงส่วนแขนขามันจะโกรธและพุ่งเข้าใส่เร็วขึ้น ”

 

“ โอเค   ฟังดูง่ายดี”

 

โลธอร์ว่า

 

“ คำเตือนข้อสุดท้าย   ร่างของเกรบ๊อคติดไฟง่าย   ระวังมันลุกเป็นไฟแล้วคลอกพวกเรากันเอง ”

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา