โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  113.49K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

143) ข่าวลือ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ฟิโลโซเฟอร์ตื่นขึ้นมาบนเตียงนุ่มๆ ในห้องที่คุ้นเคย   หน้าต่างนั้นเปิดแง้มอยู่ทำให้สายลมพัดผ่านเข้ามา   สร้างคลื่นเล็กๆ ให้กับผ้าม่านสีอ่อน

 

นี่คือหอนอนแห่งปราสาทขาว   เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร   ในเมื่อก่อนหน้านั้นยังอยู่ในทุ่งหญ้านอกเมืองโอรีเวีย   หรือทั้งหมดคือความฝัน

 

เด็กชายผุดขึ้นนั่ง   แล้วพลันต้องสะดุ้งรู้สึกเจ็บแปลบตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย   มีทั้งรอยช้ำและแผลเล็กๆ มากมาย   หนักสุดตรงหัวไหล่   ที่รอยคมเขี้ยวจมลึกพอสมควร

 

เด็กน้อยสัมผัสรอยแผลนั้นแล้วยิ้มขำ   ดารีลผู้สุภาพเรียบร้อย   เมื่อถูกยั่วให้อยู่ในอารมณ์เกรี้ยวกราด   ก็กลายเป็นอีกคน   ที่มือหนักแบบไม่เกรงใจใคร

 

 

            ฟิโลโซเฟอร์เดินไปที่หน้าต่าง   หวังจะได้พบใครบางคน   เบื้องล่างนั้นมีแต่ความว่างเปล่า   ลางสังหรณ์บางอย่างชวนให้หวั่นใจแปลกๆ เขารีบควานหากระพรวนทองเหลือง   พบว่ามันยังอยู่ดี   ตาทว่ากลับไม่สร้างความโล่งใจเลยแม้แต่น้อย

 

เด็กชายตัวน้อยสูดสมหายใจลึกยาว   กลิ่นหอมเย้ายวนดังรุ่งอรุณยังติดตรึงทั่วผิวกาย   ในคืนที่ผ่านมานั้นล้วนแต่เรื่องประหลาด   น่าจดจำไม่รู้ลืม

 

“ เฮ้! นั่นเจ้ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ” 

 

โลธอร์ทักเสียงงัวเงีย

สหายร่างอ้วนเพิ่งตื่นขึ้นมาตอนนั้นเอง

 

“ นั่นสิ   พวกเจ้าสองคนไปที่ไหนกัน   รู้หรือไม่ฟีไลร่าเป็นกังวลมาก ” 

 

อีเลียสว่าบ้าง

 

“ ใช่   คาโอเรียเองก็บ่นใหญ่เลย ”    

 

“ ข้าไปแถวนี้แหละ   ไม่ไกลหรอก ”

 

เด็กชายชาวซีนาร์ยตอบเลี่ยงๆ

เขาคว้าเสื้อคลุมยาวมาสวม

 

ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเมื่อคืนแอบไปเล่นพิเรนทร์

กับคนพิลึกเช่นดารีล

 

“ แถวนี้น่ะแถวไหน   ไม่ใช่ว่าพากันหนีไปหาของอร่อยกิน   โดยไม่ชวนพวกเรานะ   ถ้าเป็นดังนั้นล่ะก็ข้าโกรธจริงด้วย ”

 

โลธอร์ขู่

 

“ ใครเขาทำอย่างนั้นกัน ”

 

เด็กชายว่า

 

“ ความจริงคือข้ายังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เย็นวาน   เพราะฉะนั้นจงรีบลุกขึ้นเถอะ   ข้าหิวจะแย่แล้ว ”  

 

 

เมื่อทั้งหมดลงมายังโถงอาหาร   กลุ่มเด็กผู้หญิงก็มารออยู่ก่อนแล้ว   พร้อมกับอาหารมากมายบนโต๊ะ   โลธอร์นั้นแม้จะตัวหนาหนักกว่าสหายทั้งปวง   แต่เขาก็สามารถแหวกผู้คนไปถึงนั้นได้ก่อน

 

“ เดี๋ยวสิ   เจ้าจะละเลงสองมือทั้งที่คนอื่นยังไม่ได้กินไม่ได้   ไร้มารยาทเสียจริง   รู้จักช้อนส้อมหรือไม่ ”

 

เลโอน่าเอ็ด

พร้อมกับใช้ช้อนก้านยาวตีข้อมือเด็กอ้วน

 

“ ทำไมล่ะ   ข้าล้างมือแล้ว   ปรกติไม่เคยล้างเลยนะ ”

 

เด็กสาวผิวเข้ม

ได้แต่เบ้ปากให้กับคำพูดนั้น

 

“ ฟิโลโซเฟอร์ ”

 

ฟิไลร่าส่งเสียงหวาน

แล้ววิ่งตรงเข้าไปหา

 

“ เจ้าหายไปไหนมาทั้งคืน ”

 

นางกระโดดเกาะไหล่ด้วยความคุ้นเคย

 

เด็กชายชาวชีนาร์ยถึงกับสะดุ้ง

รู้สึกแปลบๆ ที่แผลจากรอยกัด

แต่เป็นความเจ็บปวดที่น่าพึงพอใจ

 

“ เกิดอะไรขึ้น   เจ้าบาดเจ็บหรือ ”

 

เด็กหญิงผมสีเงินสงสัยเมื่อเห็นอาการเช่นนั้น

 

ฟิโลโซเฟอร์ส่ายหน้า

เขาใช้กำปั้นกดตรงหัวไหล่

แก้มแดงแทบถึงใบหู

 

เด็กชายตัวน้อยหัวใจพองโต

ที่เห็นฟีไลร่าสนใจเรื่องของเขา

 

           

            ในระหว่างมื้ออาหาร

คาโอเรียยื่นหน้าเข้ามากระซิบถาม

สีหน้าและน้ำเสียงมีแววขัดเคืองเล็กน้อย

 

“ ตกลงพี่ชายข้าหายไปไหน   อยู่ๆ วิ่งไปไม่บอกกล่าวแบบนี้ไม่ถูกต้องนะ   ข้าถึงกับนอนไม่หลับ   จะออกไปตามก็เกรงจะพลัดหลงไปอีกคน ”

 

“ ข้าโตขนาดนี้แล้วแค่ออกไปเดินเล่นยังต้องรายงานอยู่หรือ ”

 

เด็กชายกล่าวหน้าตาเฉย

 

“ ท่านพ่อจะต้องรู้เรื่องนี้ ”

 

คาโอเรียขู่

 

“ ถ้าท่านพ่อรู้ว่าไปกับดารีลเขาไม่มีทางตำหนิข้า   ท่านแม่ยิ่งแล้วใหญ่   อยากฟ้องก็เชิญเลย ”

 

“ พี่ชายข้าจะทำดารีลเสียคน   รู้ตัวหรือเปล่า ”

 

ฟิโลโซเฟอร์ตอบโต้

ด้วยเสียงหัวเราะหึๆ ในลำคอ

 

การสนทนาของคนทั้งคู่

ไม่ได้รอดพ้นไปจาก

ความสนใจของฟีไลร่าเลย

 

นางคอยเงี่ยหูฟังอยู่ตลอด

ในขณะที่ตักกินอาหารไปเรื่อยๆ

 

“ ตกลงพี่ชายกับดารีลไปทำอะไรกันแน่ ” 

 

เด็กหญิงตัวน้อยผู้มีผมสีทองสวยงามดังเกลียวคลื่นเอ่ยคาดคั้น

 

“ ข้าก็บอกแล้วไงว่าแต่ไปเดินเล่นกัน ”

 

คนเป็นพี่ตอบ

 

“ มีคนตายในปราสาทขาว   เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้   แต่พวกเจ้าชวนกันไปเดินเล่น   ไม่พิลึกไปหน่อยหรือ ”

 

อีเลียสเอ่ยขึ้นบ้าง

เขาเองก็สนใจฟังบทสนทนาเมื่อครู่อยู่เหมือนกัน

 

เมื่อเห็นว่าเด็กชายชาวซีนาร์ยไม่เอ่ยอะไร

เขาจึงตั้งคำถามใหม่

 

“ พ่อมดน้อยดารีลเล่าอะไรให้เจ้าฟังบ้าง   เกี่ยวกับความตายของอาจารย์โดเฮเกน   เกิดอะไรขึ้นในห้องนั้นกันแน่   มีข่าวลือแปลกๆ ว่าหมอนั่นอาละวาดหนักจนเกือบจะสังหารครูฝึกดาบเฮอร์เมสต่อหน้าคนในสภา   ผู้พิทักษ์หน้ากากทองหนีกันอลหม่าน   โชคดีที่จอมเวทวาลานและสมาชิกสภาช่วยกันหยุดเหตุร้ายได้ทันไม่อย่างนั้นคงมีคนตายเพิ่มอีกหลายคน   เจ้าไปด้วยกันทั้งคืน   เขาไม่ได้เล่าอะไรบ้างเลยหรือ ”

 

ฟิโลโซเฟอร์ถอนหายใจ

ข่าวลือร้ายแรงแบบนั้นเขาเพิ่งได้ยิน

 

“ เรื่องเมื่อวานเขาไม่เอ่ยถึงและข้าก็ไม่เอ่ยถาม   ข้าพอเข้าใจแล้วว่าเหตุใดดารีลจึงเศร้านัก   เมื่อวานเกิดนั้นอะไรขึ้นสุดที่จะรู้   แต่หากดารีลก่อเรื่องเช่นนั้นขึ้นจริง   เขาคงเดินตัวปลิวไปทั่วโอรีเวียได้อยู่หรอก ” 

 

“ เขาเป็นคนโปรดของจอมเวทวาลานนี่นาใครจะกล้า ”

 

อีเลียสแย้ง

 

“ ไม่เข้าใจเหตุใดเจ้ามองดารีลชั่วร้ายนัก   เมื่อเร็วๆ นี้เขาเพิ่งช่วยชีวิตพวกเรามิใช่หรือ   ข้าไม่แปลกใจเลยเหตุใดดารีลจึงคิดจะจากไป ”

 

“ เขามีแผนจะไปไหนหรือ ”

 

ฟีไลร่ารีบถามขึ้น

ในใจนั้นร้อนรนอยู่ไม่น้อย

 

“ ข้าไม่รู้หรอก   เขาไม่เอ่ยตรงๆ หวังว่าคงไม่ใช่ในเร็ววันนี้ ”

 

เขาล้วงมือลงไปกำลูกกระพรวน

รู้สึกหวั่นใจอย่างประหลาด

 

หากว่าดารีลโกหก

ที่หมายสุดท้ายของคืนวาน

 

ถ้าเขาไม่ดึงดันที่จะตามไป

หนุ่มน้อยคนนั้นจะหยุดอยู่แค่ในทุ่งหญ้าจริงหรือ

 

ภาพหุบเขาสีดำปรากฏชัดขึ้นในความทรงจำ

เมื่อดารีลไปถึงที่นั่น

 

เขาจะทำอะไร

กับใคร

 

สุดที่จะรู้

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา