โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  113.61K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

36) ม้าสองตัว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

พวกเขาเดินมาถึงตึกคูหาหนึ่ง   ด้านหน้ามีซุ้มประตูโค้งกว้างขวาง   ประดับประดาด้วยดอกไม้สีสวยบานสะพรั่ง   ผู้คนแต่งกายสวยงามเดินเข้าออกขวักไขว่   กลิ่นหอมฟุ้งกระจายออกมาเป็นระยะ   พอก้าวผ่านซุ้มประตูนั้น   ก็พบว่าด้านในเป็นห้องโถงใหญ่   ปูพื้นด้วยหินอ่อนสีขาวสะอาดตา   มีตู้ลิ้นชักขนาดใหญ่กลายตู้เรียงรายกันอยู่  

 

อาเธอร์เข้าไปพูดคุยกับคนที่ดูแลตู้   เขาคิดราคาทั้งหมดเป็นราคาสี่เหรียญเงินนับเป็นราคากลางๆ ไม่ถูกไม่แพง   คนดูแลตู้มอบชุดคลุมเนื้อละเอียดสีขาวบางเบาให้กับทุกคน   และกุญแจดอกหนึ่งให้อาเธอร์   กุญแจนั้นแขวนไว้ด้วยสายสร้อยสีเงินเส้นเล็กๆ พวกเขาชี้ให้อาเธอร์ไปเปลี่ยนชุดในห้องว่างห้องหนึ่ง  

 

หลังจากสวมชุดของโรงอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว   อาเธอร์เอาเสื้อผ้าของพวกเขาทั้งหมดไปเก็บในลิ้นชัก   ที่หน้าตู้มีสัญลักษณ์แบบเดียวกับลูกกุญแจ

 

“ ห้องอาบน้ำแยกชายหญิง   เจ้าและคาโอเรียเดินตามกลุ่มผู้หญิงไป   ทำตามอย่างที่คนอื่นเขาทำนะ ”

 

อาเธอร์กะซิบบอกคาโลไรน์

แต่นางยังคงประหม่า

 

“ ไม่เป็นไรหรอกน่าเชื่อข้าสิ ”

 

เขาให้กำลังใจ

 

“ ใช่รีบอาบรีบกลับ   เว้นแต่ท่านแม่จะติดใจ   อยากอยู่ที่นี่นานๆ ”

 

ฟิโลโซเฟอร์ว่าบ้าง

มารดาของเขาจึงดีดหูเข้าให้ด้วยความหมั่นเขี้ยว

 

อาเธอร์เดินนำหน้าบุตรชายไปตามอุโมงค์กว้างมาจนถึงโถงอีกแห่งหนึ่ง   โถงนี้กว้างกว่าด้านหน้ามากมีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่กลางห้อง   รอบๆ สระเรียงรายไปด้วยเตียงหินสี่เหลี่ยมเล็กๆ ผู้คนในนี้ล้วนแต่งกายด้วยชุดคลุมสีขาวเนื้อละเอียดบางเบาแบบเดียวกับที่พวกเขาสวมใส่   คนเหล่านั้นบ้างนั่งอยู่ริมสระบ้างนอนอยู่บนเตียงหินอ่อนและมีสตรีที่สวยงามแต่งกายวาบหวิวคอยนวดน้ำมันหอมให้   แต่ส่วนใหญ่แช่อยู่ในสระน้ำ

 

“ เราต้องลงไปในสระนี้ใช่ไหม ”

 

เด็กชายถามบิดา

หลังจากสำรวจรอบบริเวณแล้ว

เขาหวังว่าเรื่องนวดน้ำมันโดยสตรีเหล่านั้น

คงมิใช่กิจกรรมบังคับ

เพราะแค่คิดก็ขนลุกแล้ว

 

“ ถูกแล้ว   หรือเจ้าอยากไปนอนให้เขานวดน้ำมันก็ย่อมได้ ”

 

พูดยังไม่ทันจบ

ฟิโลโซเฟิอร์ก็กระโดดตูมลงไปจนน้ำแตกกระจาย

เรียกสายตาคนทั้งสระให้หันมา

 

“ ลูกข้าเจ้าต้องสุภาพกว่านี้ ”

 

อาเธอร์ตามลงมากระซิบเตือนเบาๆ

 

น้ำนั้นอุ่นจัดและมีกลิ่นหอมของสมุนไพร

แม้จะมีสีเขียวอมฟ้าแต่ก็ใสสะอาดจนมองเห็นก้นสระ  

ที่กลางบ่อมีรูปสลักเทพีแบกคนโทเทน้ำร้อนลงมาไม่ขาดสายส่งไอคละคลุ้งไปทั่วห้อง

ทำให้ทั่วทั้งบริเวณโถงอุ่นจัดและหอมฟุ้ง

 

ฟิโลโซเฟอร์นอนแช่น้ำอย่างสบายกายใจ

พลันก็คิดถึงหนุ่มน้อยพ่อมดที่เขาพบเจอเมื่อวันก่อน

กลิ่นหอมชวนลุ่มหลงนั้นยังตราตรึงไม่หาย

เขานึกสงสัยว่าเจ้านั่นคงอาบน้ำในที่แบบนี้ทุกวัน

กลิ่นถึงได้ติดทนนานขนาดนั้น

แต่มั่นใจว่าดารีลคงไม่ได้อาบที่ร้านนี้

เพราะกลิ่นหอมนั้นแตกต่างกันมากเหลือเกิน

 

 

หลังจากอาบน้ำเสร็จพวกเขาก็กลับออกมาพร้อมกับกลิ่นกายหอมกรุ่น

คาโอเรียกับมารดายืนคอยอยู่ก่อนแล้ว

ทั้งคู่มีสีหน้าแปลกประหลาด

 

“ เป็นอย่างไรบ้าง   ชอบใจกันหรือเปล่า ”

 

อาเธอร์ถามพลางเปิดตู้ส่งเสื้อผ้าให้ทุกคน

 

“ อากาศหนาวเย็นแบบนี้   ได้อาบน้ำอุ่นสบายตัวก็จริง   แต่ให้อาบท่ามกลางคนมากมายข้าว่าไม่สนุกเลย ”

 

คาโอเรียตอบ

 

“ ใช่ราคาก็ไม่ได้ถูกๆ แบบนี้ต้มน้ำอาบเองที่บ้านยังจะสบายใจกว่า ”

 

คาโลไรน์ว่าบ้าง

 

“ จริงทีเดียว   แต่ข้าแค่อยากพาพวกเจ้ามาเปิดหูเปิดตา   อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าคนเมืองนี้เขาทำอะไรที่ไหนกันบ้าง   เอาล่ะไปเปลี่ยนชุดกัน ”

 

หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว

พวกเขาก็ดูกลมกลืนกับชาวเมือง

ด้วยเนื้อตัวที่สะอาดสะอ้านกลิ่นกายหอมกรุ่น

และเสื้อผ้าสวยงามประณีต

 

“ ข้างนอกอากาศหนาวจัง ”

 

คาโอเรียว่าพลางห่อไหล่

เมื่อพวกเขาเดินออกมาพ้นโรงอาบน้ำ

แม้จะเป็นเวลาบ่ายแต่อากาศวันนี้ก็เย็นยะเยือก 

 

“ อยากกลับเข้าไปข้างในอีกล่ะสิ ”

 

ฟิโลโซเฟอร์ล้อ

แต่ข้างในโรงอาบน้ำก็อุ่นสบายจริง

 

“ ไม่ล่ะตอนนี้ข้าหิวแล้ว ”

 

นางตอบสายตาก็กวาดไปรอบๆ

หวังว่าจะพบกับร้านขายขนมหวานสักร้าน

แล้วสายตาก็พลันปะเข้ากับสิ่งหนึ่ง

 

“ ดูม้าคู่นั้นสิ ”

 

เด็กหญิงอุทาน

 

“ เหมือนม้าของเราเลย ”

 

อาเธอร์หันไปมองแล้วถึงกับอึ้ง

ไม่ใช่แค่เหมือนแต่มันใช่เลยเกวียนเล่มนั้นด้วย  

ทั้งหมดจอดนิ่งอยู่หน้าโรงอาบน้ำราวกับความฝัน  

พวกเขาเดินล้อมเข้าไปดูใกล้ๆ

 

“ เบ็ตตี้   เบ็ตเต้อ ”

 

อาเธอร์เรียกมันด้วยเสียงสั่นพร่า  

ม้าคู่ชีวิตที่เขาได้แต่คิดถึงและเฝ้าวิตกถึงชะตากรรมของมัน

นึกไม่ถึงว่าจะได้พบกันอีกครั้งในที่แห่งนี้

ม้าทั้งคู่ผงกหัวรับและกระทืบเท้าเบาๆ ด้วยความตื่นเต้นดีใจ

 

“ สหายทั้งหลาย   พวกเจ้าปรารถนาสิ่งใดหรือ   เหตุใดจึงเข้าไปวุ่นวายกับทรัพย์สินของผู้อื่น ”

 

เสียงละมุนหูดูมีเมตตาดังมาจากด้านหลัง

เมื่อพวกเขาหันไปก็พบกับชายชราร่างผอมบางผมหงอกขาวทั้งหัว

ผู้เฒ่าชาโคลนั่นเอง

 

“ ท่านผู้เฒ่า ”

 

คาโลไรน์อุทาน

 

“ ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร ”

 

อาเธอร์ถามบ้าง

น้ำเสียงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

 

“ ข้าบอกแล้วว่าข้าตัวตนเดียวเดินทางสะดวก   ทางไหนเปิดข้าไปทางนั้นใกล้หรือไกลไม่สำคัญ   สุดท้ายก็ถึงเป้าหมายอยู่ดี ”

 

ว่าแล้วเขาก็เงยหน้าดูท้องฟ้า

 

“ ดูเหมือนโชคชะตาจะเป็นใจ   ข้ากำลังวิตกอยู่เลยว่าจะหาพวกเจ้าได้อย่างไร   ในเมืองกว้างใหญ่แห่งนี้ ”

 

“ ท่านตามหาพวกเราหรือ ”

 

ฟิโลโซเฟอร์ว่า

 

“ แน่นอนสิ   ข้าขี้เกียจเฝ้าสมบัติให้พวกเจ้าจะแย่   จงเอาของพวกเจ้ากลับไปเสีย ”

 

“ แต่เรายกให้ท่านแล้ว ”

 

อาเธอร์แย้ง

 

“ ข้าตัวคนเดียวไร้พันธะ   ทรัพย์สินคือภาระที่คอยถ่วง   ข้าแก่แล้วแต่ม้าของเจ้ายังหนุ่ม   เอาคืนกลับไปน่ะดีแล้วเพราะข้าคงเหลือเวลาดูแลพวกมันได้ไม่นานนัก ”

 

ผู้เฒ่าชาโคลอธิบายอย่างอารมณ์ดี

 

“ ท่านอย่าพูดแบบนั้นสิ ”

 

คาโลไรน์ทักท้วงด้วยน้ำเสียงจริงจัง

แต่ผู้เฒ่าชาโคลก็หัวเราะเพราะเขาไม่ได้จริงจังกับคำพูดนั้น

 

“ ถ้าเช่นนั้นท่านจงมากับเราเสีย   ข้าอยากเลี้ยงอาหารดีๆ สักมื้อ ”

 

อาเธอร์เสนอ

ชายชราเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอีกครั้ง

 

“ ยังมีเวลาอีกมากหรอกน่าก่อนประตูเมืองปิด   หรือท่านจะค้างที่บ้านข้าก็ยังได้ ”

 

คนหนุ่มกว่าพูดขัดขึ้น

 

“ ข้ายังมีอีกหลายที่ที่จะต้องไปและอยากจะไป   เวลามากมายสำหรับเจ้า   บางทีก็น้อยเหลือเกินสำหรับข้า ”

 

“ ท่านก็พูดเกินไปทานข้าวสักมื้อ   ใช้เวลาไม่ถึงปีหรอกหรือไม่จริง   อีกอย่างถึงอย่างไรท่านก็ต้องทานอาหารอยู่แล้ว   มาร่วมวงกับเราเถอะข้าไม่ทำท่านเสียเวลาหรอก ”

 

“ บอกตามตรงเลยนะ   ข้าเพิ่งทานอาหารกลางวันไปเมื่อครู่   เจ้ามาชวนผิดเวลา ”

 

“ แล้วกัน   ท่านนี่จริงๆ เลย ”

 

อาเธอร์เกาหัวด้วยอาการจนปัญญา

ชายชราหัวเราะชอบใจสายตาจับจ้องคนหนุ่มด้วยความเอ็นดู

 

“ จริงสิท่านชาโคล   เมืองกัลป์ทีลอทเป็นอย่างไรบ้าง   หลังจากการโจมตีของมังกรไฟ   ท่านรู้ข่าวบ้างหรือเปล่า ”

 

ฟิโลโซเฟอร์ถามขึ้น

 

“ สองวันหลังจากพวกเจ้าออกเดินทาง   กลุ่มผู้ใช้เวทมนต์และนักล่ามังกรก็มาถึง   พวกเขาขับไล่มังกรออกไปแต่ความเสียหายมากมายนัก   บ้านเมืองถูกไฟเผาอย่างหนักผู้คนก็กระจัดกระจาย   ข้าขออาศัยเดินทางตามหลังเหล่านักล่ามังกรเพื่อผ่านเมืองนั้นออกมาก่อน   เลยไม่รู้ว่าคนที่เหลือเขาจัดการปัญหากันอย่างไร ” 

 

ชายชราตอบตามตรง

 

“ น่าสงสารชาวเมืองเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาบ้างนะ ”

 

คาโลไรน์ว่า

 

“ ในตอนนี้ความสงสารใช้ได้กับทุกคน   พวกเจ้าควรคิดและวางแผนเผื่อตัวเอง   วันข้างหน้าอาจไม่สวยงามดังเช่นวันนี้ ”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา