โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  113.66K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

81) ร้านขนมหวาน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ร้านที่ว่าเป็นร้านขนมหวานหลากชนิด  

กลิ่นนมเนยผสมกุหลาบกระจายทั่วห้อง  

ทั้งร้านสว่างไปด้วยแท่งเทียนสีแดง  

เด็กๆ สั่งขนมและโกโก้ร้อน

 

“ อันที่จริงถ้ากินกับน้ำผลไม้มันจะเข้ากันกว่านะ ”

 

โลธอร์แนะนำ

 

“ แต่อากาศแบบนี้ดื่มโกโก้ร้อนถูกต้องที่สุด   ว่าอย่างไรฟิลอซน้อยอร่อยใช่หรือไม่   มื้อนี้ข้าเลี้ยงเองทุกคนเต็มที่เลย ”

 

“ อย่าลืมเรื่องพรุ่งนี้ด้วย ”

 

ฟีไลร่าทวง

 

เด็กชายชาวซีนาร์ยนั่งกินเงียบๆ ไม่พูดอะไร

เขาคิดว่าขนมหวานร้านที่ดารีลเคยพาไปอร่อยกว่าพอสมควร  

 

เสียงระฆังดังก้องเบาๆ ในอากาศ  

อีเลียสเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ

 

“ ตอนนี้คงสามยามแล้วกระมัง ”

 

“ แต่ถนนข้างนอกผู้คนยังพลุกพล่านอยู่ ”

 

ฟิโลโซเฟอร์บอก

 

“ ใช่และดูเหมือนคนจะมากกว่าปีก่อนๆ และอาจจะมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเหตุการณ์ยังดำเนินไปแบบนี้ ”

 

อีเลียสว่า

 

“ เรากลับกันได้หรือยัง   ข้ารู้สึกหนาวแปลกๆ เกรงว่าจะมีหิมะตกลงมาอีก ”

 

เลโอน่าเสนอ

 

 

ดังนั้นเด็กๆ ออกมายืนหน้าร้าน

 

“ บรื๋อ   ข้างนอกหนาวขนาดนี้เลยหรือ ”

 

อีเลียสว่าพลางถูมือ

 

“ ก็ข้างในมันอุ่นจัดนี่ ”

 

โลธอร์ว่าแก้มตุ้ยเขาเป็นสีแดงเข้ม  

แต่สองสาวน้อยยังอยู่ดีเพราะพวกเธอมาจากเมืองหนาวจัด

 

“ เราแยกกันตรงนี้เลยก็แล้วกัน ”

 

ฟิโลโซเฟอร์ว่า

 

“ ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะฟิลอซ   ถึงถนนพลุกพล่านก็ไม่ได้หมายความว่าจะปรอดภัย   ข้าจะไปส่งเจ้า ”

 

เด็กชายจากหมู่บ้านแถบเทือกเขาคีรีคาร์บอก

 

“ ใช่แล้ว   พวกเราไม่ปล่อยเจ้าเดินตามลำพังหรอก ”

 

เพื่อนๆ ต่างพยักหน้าเห็นด้วย

 

“ ถ้าอย่างนั้นส่งข้าแค่ครึ่งทางพอ ”

 

“ ไม่ได้   ถึงอย่างไรพวกเราก็ต้องขึ้นรถม้าโดยสารจากหน้าบ้านของเจ้ากลับปราสาทอยู่แล้ว ”  

 

เลโอน่าว่า

อากาศแบบนี้นางคิดว่าสมควรล้มเลิกความตั้งใจที่จะเดินเท้ากลับ 

 

 

            ดังนั้นจึงเด็กๆ เดินอ้อมไปยังถนนอีกเส้นหนึ่ง   เป็นเส้นทางที่ฟิโลโซเฟอร์รู้สึกคุ้นตา   เขาอาจจะเคยใช้เส้นทางนี้ไม่ต่ำกว่าสองครั้ง   และแล้วเด็กชายตัวน้อยก็มองเห็นสะพานหิน     

 

ขณะเดินข้ามฟิโลโซเฟอร์ได้ก้มหน้าดูใต้สะพาน   ข้างล่างยังมีเรือพายสัญจรไปมาแต่บางตากว่าที่เขาเห็นในวันนั้น   แสงไฟจากตะเกียงโคมหน้าเรือสะท้อนวับแวมกับสายน้ำ

 

“ อยากพายเรือเล่นหรือไง ”

 

ฟีไลร่าถาม

 

“ ข้ายังว่ายน้ำไม่เป็น ”

 

เขาตอบแบบมึนๆ

 

“ ว่าไงนะ”

 

เด็กหญิงสงสัยเพราะเขาตอบไม่ตรงคำถาม

 

“ มีใครคนหนึ่งบอกข้าว่าก่อนที่ข้าจะลงเรือต้องฝึกว่ายน้ำเสียก่อน ”

 

ฟิโลโซเฟอร์อธิบาย

 

“ ไม่จำเป็นนี่ ”

 

โลธอร์แย้ง

 

“ สำคัญแค่อย่าตกลงไปในน้ำเท่านั้น   ถ้าเท้ายังเหยียบบนเรือก็ไม่ต้องกลัวจมน้ำแล้ว ”

 

“ แต่ข้าว่าที่ฟิโลโซเฟอร์พูดมีเหตุผล   ใครรับประกันได้ว่าจะไม่มีอุบัติเหตุจนเรือคว่ำ ”

 

เลโอน่าว่า

 

“ เราไปกันต่อเถอะเดี๋ยวจะดึกกว่านี้ตอนนี้ก็หนาวจะแย่ ”

 

อีเลียสเสนอ

ตอนนี้เขาหนาวจนซุกตัวอยู่ด้านหลังโลธอร์

 

เมื่อเป็นดังนั้นเด็กๆ จึงเดินทางต่อ

ขณะเดินข้ามสะพานเด็กชายก็เห็นอะไรที่คุ้นตา

 

เหมือนภาพเก่าย้อนกลับมาตรงที่เดิม

สตรีชุดแดงคนนั้นกับตะกร้าแอปเปิ้ลของนาง

 

“ ตายจริง   เด็กๆ ออกมาเดินทำอะไรกันนะ   ในค่ำคืนที่หนาวเหน็บเช่นนี้ ”

 

นางถามเสียงเจื้อยแจ้ว

 

“ พวกเราออกมาเดินเล่นครับ ”

 

โลธอร์ตอบเคลิ้มๆ

 

“ เด็กน้อยผู้น่ารัก   เจ้าก็มาเดินเล่นกับเขาด้วยหรือ ”

 

นางหันมาหาฟิโลโซเฟอร์

โน้มกายเข้ามาใกล้จนใบหน้าห่างกันแค่คืบ

 

“ เอ่อข้า   ข้าไม่รู้ ”

 

คำเตือนของดารีลที่สะท้อนอยู่ในหัว

ทำให้เขาไม่รู้ว่าต้องตอบโต้นางอย่างไร

 

“ แล้วกันโดนพ่อมดตัวน้อยๆ คนนั้นเป่าหูจนกลัวข้าลนลานไปเลยหรือ   แท้จริงแล้วข้าใจดีไม่คิดจับเด็กกินหรอกนะ   เจ้าน่ะโดนอำแล้ว ”

 

สตรีชุดแดงเย้าแหย่

 

“ เปล่านี่   เขาแค่เตือนว่าอย่าไปยุ่งกับสาวสวย   เพราะส่วนใหญ่นางแต่งงานแล้ว   ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นของเล่นยามว่างของพวกนาง ”

 

เด็กชายรีบแก้

 

นางได้ยินดังนั้นก็หัวเราะชอบใจ

 

“ ร้ายจริงนะ   ทั้งคู่นั่นแหละแต่ไม่รู้ทำไมข้าจึงชอบ   ยิ่งร้ายยิ่งชอบ ”

 

“ แล้วท่านเป็นใครรู้จักเพื่อนของเราด้วยหรือ ”

 

เลโอน่าถามขึ้น

สีหน้าแสดงความไม่ไว้วางใจ

 

“ แหมๆ   อันที่จริงก็เกือบรู้จักกันนั่นแหละถ้าดารีลไม่มาขวางไว้เสียก่อน   แต่ข้าเป็นคนดีนะ   พ่อหนุ่มน้อยคนนั้นคิดมากไปเอง ”

 

“ ท่านรู้จักดารีล ”

 

ฟีไลร่าถามบ้าง

 

“ อย่าพูดว่ารู้จักเลยเราเป็นยิ่งว่านั้นอีก ”

 

สตรีนางนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์

 

ทันใดนั้นหิมะก็ปลิวลงมาค่อนข้างหนา

 

“ อื๋อ ”

 

อีเลียสทำตัวลีบด้วยความเหน็บหนาว

 

“ นั่นไงล่ะเด็กซนทั้งหลาย   ข้าถึงต้องถามว่ามาเดินทำอะไรในคืนที่มีอากาศเช่นนี้ ”

 

สตรีผู้มีเรือนร่างงามสง่ากล่าว

 

“ ขอบคุณที่เป็นห่วงแต่พวกเรากลับกันได้   บ้านของข้าก็อยู่ไม่ไกลจากนี่ ”

 

ฟิโลโซเฟอร์บอก

 

“ โถ   อย่าเพิ่งตัดรอนสิ   บ้านข้าก็อยู่แถวนี้เข้าไปพักก่อนเถิด   สักประเดี๋ยวหิมะก็หยุดแล้วค่อยกลับเข้าปราสาทก็ได้   ฝ่าไปทั้งอากาศแบบนี้ได้ป่วยกันพอดี ”

 

นางเชิญชวน

 

“ แต่ว่า ”

 

“ อย่ากลัวไปเลย   ข้าเป็นแค่ผู้หญิงตัวคนเดียวแต่พวกเจ้ามีตั้งห้าคน   สมควรเป็นข้าต่างหากที่เป็นฝ่ายหวาดระแวง ”

 

“ ข้าว่าตามนางไปเถอะขืนยืนอยู่ที่นี่ต่อไปข้าคงได้หนาวตายแน่ ”

 

โลธอร์เสนอ

 

“ นั่นสินะ   เจ้าฉลาดมากเด็กน้อย   ข้ามีขนมและชาร้อนๆ ด้วยนะ ”

 

เมื่อได้ยินดังนั้นโลธอร์ก็วิ่งตามไปเด็กๆ ที่เหลือจึงไม่มีทางเลือก  

บ้านของนางเป็นกระโจมผ้าสีแดง

 

ประตูทำด้วยม่านลูกปัดและกระดิ่งแก้วที่ส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งรื่นหู

ภายในนั้นอบอุ่นและหอมละมุนจากกลิ่นกำยาน

ทำให้บรรยากาศดูปรอดภัยและเป็นมิตร

 

“ นี่บ้านท่านหรือ ”

 

อีเลียสถามพลางมองไปรอบๆ

ที่นี่ดูเหมือนเพิงพักที่สวยงามมากกว่าจะเป็นบ้าน

 

มุมด้านหนึ่งวางกระถางหินเผาไฟ

นี่เองคือที่มาของความอบอุ่นและกลิ่นหอมทั้งปวง

 

“ บางทีข้าก็ชอบเร่ร่อนน่ะ   บ้านข้าจะถาวรได้อย่างไร   ในเมื่อเดินทางบ่อยออกอย่างนั้น ”

 

นางว่าพลางขยิบตา

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา