โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  113.50K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

89) กระพรวนทองเหลือง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ดารีลได้ใช้ความพยายามอย่างหนัก   เพื่อที่จะอธิบายสถานการณ์ให้เด็กชายเข้าใจ   ถึงความเป็นไปในโลกทุกวันนี้   ถึงเหตุการณ์ในวันข้างหน้าที่อาจเกิดขึ้น   ซึ่งฟิโลโซเฟอร์ก็รับฟังและเข้าใจทุกอย่างแต่เขาก็ยังยืนยันที่จะเดินไปข้างๆ ดารีล   ไม่ว่าปลายสุดของเส้นทางนั้นจะเป็นนรกขุมใดก็ตาม

 

“ บอกไว้ตอนเลยว่า ”

 

เด็กชายขู่

 

“ ถ้าวันหนึ่งเจ้าเกิดหายตัวไปโดยไร้สาเหตุ   วันนั้นข้าก็จะออกจากโอรีเวียด้วยตัวคนเดียว   ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินข้าก็จะหาเจ้าจนพบ ” 

 

“ คิดว่าอย่างเจ้านี่   ออกพ้นประตูเมืองได้กี่วัน   ก่อนจะมีคนพบว่ากลายเป็นศพไปแล้ว ”

 

ดารีลย้อน

 

“ ช่างสิ   ข้ายอมตายดีกว่าปล่อยให้เจ้าต้องเผชิญชะตากรรมเพียงลำพัง   ดารีลตอนนี้ข้าอาจยังไม่แกร่งพอ   แต่ข้าจะขยันและอดทนให้มากกว่านี้   เราไม่จำเป็นต้องกลัวสตรีชุดแดง   ข้าจะรับมือนางให้ได้ ”

 

ฟิโซเฟอร์ให้คำมั่น

 

“ เหตุใดจึงดื้อดึงนัก   ข้าพยายามช่วยแท้ๆ แต่เจ้ากลับพยายามทำสิ่งใด ”

 

พ่อมดน้อยว่า

 

“ ข้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน   ใยเจ้าไม่เรียนรู้เรื่องมิตรภาพ   เพื่อนแท้ย่อมไม่ปล่อยให้อีกคนอยู่รอความตาย   ขณะที่ตนเองหนีเอาตัวรอดหรอก ”

 

“ สรุปว่าเจ้าไม่ไป ”

 

“ และข้าก็ไม่ให้เจ้าไปด้วย   เว้นแต่เราจะไปด้วยกัน   นางอยากให้เราอยู่ด้วยกันเราก็ควรทำตามนั้น   บางทีมันอาจทำให้เราล่วงรู้แผนของนางก็ได้ ”

 

ดารีลได้แต่ถอนหายใจ

เขาคิดว่าสามารถจัดการปัญหาทั้งหมดได้ด้วยตัวคนเดียว

 

การที่มีเด็กคนนี้เข้ามายุ่งเกี่ยว

ทำให้รู้สึกวิตกกังวลอย่างน่าประหลาด

 

“ เราอย่าเพิ่งคิดถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึงเลยนะ   ตอนนี้มีสิ่งหนึ่งอยากเสนอแก่เจ้า ”

 

เด็กชายบอก

 

“ ว่ามา ”

 

“ ข้าจะให้คำมั่นไว้ตรงนี้   ว่าหากวันหนึ่งที่เราโตพอ   ข้าจะเป็นคนพาเจ้ากลับบ้านเอง ”

 

“ รู้หรือว่าบ้านของข้าอยู่ที่ไหน ”

 

ดารีลถาม

 

“ ไม่จำเป็นต้องรู้   เราจะไปกันทุกหมู่บ้าน   หาไม่เจอก็ให้รู้ไปสิ ”

 

“ เป็นความคิดที่บ้าบอที่สุด   ข้าทำอะไรมีหลักการ   ไม่เดาสุ่มแบบนั้นแน่ ”

 

“ ในบางโอกาสมันเป็นทางเลือกที่ดีนะข้าเคยลองมาแล้ว ” 

 

เด็กชายยืนยันความคิดของตนเอง

 

พ่อมดน้อยส่ายหน้า

แต่ไม่พูดอะไรต่อ

 

“ ตกลงเจ้าจะยังอยู่ที่โอรีเวียใช่หรือไม่ ”

 

ฟิโลโซเฟอร์ถามย้ำด้วยความกังวล

แต่ดารีลก็ทำเป็นไม่ได้ยิน

เขาจึงจับไหล่คนอายุมากกว่าให้หันมาเผชิญหน้ากัน

 

“ อย่าแกล้งทำเป็นเมินใส่ข้า   ตอบคำถามมาเดี๋ยวนี้ ”

 

“ ก็ได้   ถ้ายังไม่มีเหตุร้ายแรงข้าจะยังไม่ไปไหนทั้งนั้น ”

 

หนุ่มน้อยรับปาก

 

“ ถ้าเจ้าจะไปต้องบอกข้าด้วย   ไม่ใช่หนีไปเฉยๆ ”

 

เด็กชายว่า

 

“ ข้าไม่สามารถรับปากเรื่องนั้นได้   แต่ในเมื่อเจ้าตัดสินใจลงเรือลำเดียวกันกับข้าแล้ว   ข้าจะมอบสิ่งนี้ให้กับเจ้า ”  

 

ดารีลยื่นกระพรวนทองเหลืองให้แก่เด็กชายชาวซีนาร์ย

ฟิโลโซเฟอร์รับมันมาด้วยความตื่นเต้น

ดูเหมือนทั้งคู่จะยอมสานต่อมิตรภาพกันแล้ว

 

“ ไม่ต้องคิดหาอะไรมาให้เป็นการตอบแทน   ในเมื่อเจ้าก็เห็นชัดแล้วว่าห้องของข้านั้นรกเพียงใด   เช่นนั้นจงอย่าเอาของแปลกปลอมอื่นเพิ่มเข้าไปให้รกตาเลย ”

 

“ แต่ว่า ”

 

“ ไม่มีแต่ทั้งนั้น ”

 

“ ก็ได้   กระพรวนนี่ข้าจะหากล่องสวยๆ มาใส่ไว้   สาบานเลยว่าจะเก็บรักษาเป็นอย่างดี ”

 

“ เจ้าต้องถือติดตัวไว้เท่านั้น   มันไม่ใช่ของเล่น   กระพรวนนี่จะทำให้ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ที่ไหน   และหากเจ้าต้องการความช่วยเหลือจงสั่นกระพรวนนั่น   ข้าจะได้ยินเสียงของเจ้า   ฉะนั้นจงเลิกกังวลเสีย   หากวันใดที่ข้าจากไปหรือเจ้าจากไปก็ตาม   ตราบใดที่เจ้ายังถือกระพรวนอยู่   ข้าตามหาเจ้าพบแน่ ”

 

ดารีลอธิบาย

 

“ น่าเสียดายจริง   ของล้ำค่าเช่นนี้สมควรเก็บในกล่องซ่อนให้พ้นจากฝุ่นธุลี   แต่กลายเป็นว่าข้าต้องห้อยติดตัว   ข้ากลัวเหลือเกินว่าจะแตกหักเสียหาย ”

 

“ มันไม่พังง่ายนักหรอก   เจ้าก็ว่าไปนั่น   แต่ถ้าเกิดพังขึ้นมาข้าทำให้ใหม่ได้อยู่แล้ว   ส่วนเจ้า   ควรใช้เมื่อจำเป็นจริงๆ เท่านั้น   ข้าไม่อยากเดินทางไกล   เพื่อมาฟังเจ้าพูดเพ้อเจ้อหรอกนะ ” 

 

“ ข้ารู้น่า ”

 

เด็กชายยืนยัน

 

“ อ้อ   มีอีกเรื่องในเมื่อเจ้าตัดสินใจจะเผชิญหน้ากับสตรีชุดแดง   ข้ามีเรื่องหนึ่งต้องเตือนเจ้า ”

 

หนุ่มน้อยร่างงามกล่าว

 

“ สิ่งหนึ่งที่เห็นเด่นชัดในตัวตนของสตรีชุดแดงคือความยั่วยวน   แต่นั่นคือเรื่องที่ต้องระวัง   ผู้ใดได้จุมพิตกับนางผู้นั้นจะต้องมนต์สะกด   ผู้ใดได้หลับนอนกับนางผู้นั้นจะตกเป็นทาสของนางชั่วนิรันดร์   หากเมื่อมีโอกาสได้อยู่กับนางตามลำพัง   จงระลึกถึงคำพูดของข้าเอาไว้ ”

 

“ ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก   ยังไงเสียนางก็ไม่ใช่รสนิยมของข้าอยู่แล้ว   จริงสิข้ามีเรื่องหนึ่งอยากปรึกษาเจ้า ”

 

ดารีลยืดตัวขึ้นนั่งหลังตรง

 

“ ว่ามาสิ ”

 

“ ถ้าคนสองคนอยากพัฒนาความสัมพันธ์ให้ลึกซึ้งขึ้นต้องทำอย่างไรบ้าง ”

 

“ หมายความว่าอย่างไร ”

 

คำถามนั้นทำเอาพ่อมดน้อยถึงกับขมวดคิ้ว

 

“ โธ่เอ๋ย   ก็สมติเจ้าเป็นเพื่อนกับคนๆ หนึ่งแต่เวลานี้ไม่อยากเป็นแล้ว   อยากเป็นอย่างอื่นแทน   อย่างเช่นคู่รักอะไรแบบนี้   ต้องทำอะไรบ้าง ”

 

ดารีลถึงกับยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก

เหลือบตาขึ้นมองไปยังช่อดอกไม้ด้านบน

 

“ บ้าจริง   ข้าอุตส่าห์ตั้งใจฟัง   นี่เจ้าคิดจะถามเรื่องนี้กับข้าจริงๆ หรือ ”  

 

“ ก็แน่ล่ะสิ  ข้าไม่รู้จะถามใครนี่   แล้วมีเพียงเจ้าเท่านั้นที่ข้าไว้ใจ   จะให้ทำอย่างไรล่ะ   อย่างน้อยตอนนี้เจ้าก็เป็นคู่รักของเจ้าหญิงลูเซียน่ามิใช่หรือ   เจ้าก็แค่อธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเจ้าสองคน   เท่านั้นเอง ”

 

เด็กชายว่า

 

“ ความรักมันไม่มีแบบแผน   เรื่องราวเปลี่ยนแปลงไปตลอดในแต่ละวัน   อนาคตเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้   ไม่มีหลักการไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น   เจ้าต้องเชื่อใจตัวเองเท่านั้น ”

 

ดารีลตอบ

 

“ แล้วกัน   ข้าก็นึกว่ามีวิธี ”

 

เด็กชายบ่น

 

“ แต่จงระวัง   ความรักมักจะทำให้เจ้าก่อเรื่องงี่เง่าได้เสมอ   ใช้ชิวิตอย่างมีสติดีกว่า   บางครั้งเหตุผลก็สำคัญกว่าความรู้สึก   ถ้ามัวแต่ทำตามใจตัวเองมันสามารถพาอันตรายมาสู่ผู้อื่นได้ ”

 

คนอายุมากกว่าสอน

 

“ ยังไงล่ะ ”

 

เด็กชายไม่เข้าใจ

ดารีลไม่อธิบายข้อนี้

เขาคิดว่าฟิโลโซเฟอร์นั้นเยาว์วัยเกินกว่าจะเข้าใจ

 

“ ตอนนี้บ่ายคล้อยมากแล้ว   เจ้าสมควรต้องกลับบ้านเสียที   ตอนนี้กลับบ้านเองได้แล้วใช่ไหม ”

 

หนุ่มน้อยว่าพลางลุกขึ้น

กลีบดอกวิสทีเรียร่วงกราวลงมาราวกับสายฝน

สวยงามเหมือนห้วงแห่งความฝัน

 

ฟิโลโซเฟอร์ไม่ตอบว่าอะไร

เขามองดารีลที่กำลังจากไปเหมือนต้องมนต์สะกด

 

เขาก็หยิบกระพรวนอันนั้นขึ้นมา

สั่นมันเบาๆ ด้วยมือข้างหนึ่ง

เสียงกระพรวนนั้นหวานใสน่าฟัง

 

เกิดลมพัดมาวูบหนึ่ง

มันลูบไล้ผ่านร่างของฟิโลโซเฟอร์ไป

หนักหน่วงและมั่นคง

 

ทันใดนั้นดารีลก็หันกลับมา

ใบหน้าฉาบไปด้วยความฉงนฉงาย

จากนั้นค่อยๆ เปลี่ยนเป็นขุ่นข้องใจ

เหมือนในทุกๆ ครั้งที่เห็นเด็กชายคนนี้ทำตัวไม่เข้าท่า

 

“ ทำบ้าอะไรของเจ้าน่ะ   ข้าไม่ได้บอกหรืออย่างไร   ว่าให้สั่นกระพรวนเมื่อต้องการความช่วยเหลือ ”

 

เสียงพ่อมดน้อยนั้นเฉียบขาด

 

“ ข้ารู้   เพียงแต่อยากเห็นว่าสิ่งนี้ทำงานอย่างไร ”  

 

ดารีลจ้องเด็กชายตรงหน้าอย่างไตร่ตรอง

 

“ ก็ได้   ข้าขอโทษเจ้า   ทีหลังจะเชื่อใจและปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ”

 

เด็กชายให้คำมั่น

และหวังว่าจะไม่โดนโกรธไปมากกว่านี้

 

“ ช่างเถอะ   ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการสั่นกระพรวนครั้งแรกของเจ้า   ข้าสมควรต้องตอบสนองในทิศทางที่ถูกต้อง   เพื่อเป็นนิมิตหมายว่าการสั่นกระพรวนในครั้งหน้า   จะสามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีได้   ถ้าเช่นนั้นก็มานี่เถอะ   ข้าจะไปส่งเจ้าที่บ้าน ”

 

ฟิโลโซเฟอร์กระโดดลุกขึ้น

แล้ววิ่งไปหาหนุ่มน้อยตรงหน้าอย่างร่าเริง

ถึงจะดูเข้มงวดแต่ดารีลก็ใจดีกับเด็กคนนี้เสมอ

และเขาเองก็เป็นดังโลกที่สวยงามของเด็กชายผู้พลัดถิ่น

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา