THE XENON

-

เขียนโดย ปณิธาน

วันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 01.35 น.

  7 บท
  0 วิจารณ์
  5,395 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 22.12 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) เควร์เรียร์ ปีศาจ ผลึก เวทมนต์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

6

เควร์เรียร์ ปีศาจ ผลึก และเวทมนต์

                คนเราอาจจะเคยจินตนาการไว้ว่า ตัวเรานั้นตายอย่างไร ซีนอนเคยคิดไว้ว่า เขาอาจจะตายเพราะไข่เจียงปิดหลอดลม หรือไม่ก็ทนความหล่อตัวเองไม่ไหวและตายไป หรือไม่แน่อาจจะโดนเด็กที่บ้านกระทืบจนตาย แต่ร้อยวันพันปี ซีนอนก็ไม่เคยคิดถึงการตายข้อนี้เลย

                โดนงูกิน!

          “อ๊ากกกก!!! งู ตัวโครตใหญ่เลย มากินฉันใช่ไหม ฝันไปเหอะ!” ซีนอนตะโกนลั่นห้องจนลิตาเชียต้องปิดหู และเขาก็พุ่งตัวลงไปแอบใต้โต๊ะทันที โดยคิดว่าตัวเองแอบได้เนียนมาก แต่จริงๆแล้ว มันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด

                “ขอโทษนะ เรียกใครว่างูมิทราบ” เสียงของผู้หญิงอีกคนดังขึ้น ซีนอนคิดว่ามันกำลังลองใจเขาอยู่ เขาจึงจะอยู่ให้เงียบที่สุด เผื่อว่ามันจะได้ไม่ได้ยินเสียงเขาและจากไป

                “นี่!” เสียงนั้นเรียกอีกครั้งพร้อมกันนั้นใบหน้าของเจ้างูเขียวนั้นก็ก้มลงมองใต้โต๊ะ

                “เฮ้ย! เห็นได้ไงอะ” ซีนอนพูดพร้อมรีบกลิ้งออกมาจากโต๊ะแล้วขึ้นไปยืนบังหน้าลิตาเชียไว้เพื่อปกป้องตามแบบลูกผู้ชาย เจ้างูนั้นก็ตามขึ้นมาพร้อมจ้องหน้าซีนอนอย่างเอาเรื่อง

                “คงเพราะข้ามีตาละมั่ง แล้วหน้าตื่นๆของเจ้านั้นหมายความว่ายังไง” เจ้างูอ้าปากพูด น้ำเสียงเป็นผู้หญิง และเหมือนจะมีอาการหัวร้อนปนมาในน้ำเสียงนั้น

                “คงเพราะผมยังไม่หลับละมั่ง แล้วไอ้การที่คุณพูดได้นี้มันหมายความว่ายัง” ซีนอนตอบกลับอย่างกวนเท้า

                “คงเพราะข้ามีปากละมั่ง แล้วไอ้การถามแปลกๆนั้นหมายความว่ายังไง”

                “คงเพราะผมมีสมองละมั่ง แล้วคุณมีธุระอะไรหรือไง หรือมากินพวกผม” ซีนอนยังคงต่อปากต่อคำกับเข้างูเขียวยักษ์ตรงหน้าไม่เลิก

                “ใช่! ข้ายังไม่ได้กินข้าวเย็น” เจ้างูพูดขึ้นขณะเลื้อยเข้ามาหา “และข้าจะกินเจ้า!”

                “สงสัยสันติคงไม่ใช่ทางออก” ซีนอนพึมพำแล้วกำหมัดเดินเขาไปด้วยท่าเท่ๆ กลายเป็นท่าโพสของการ์ตูนเรื่องหนึ่ง ที่ตัวละครสองตัวเดินเข้าหากัน แต่นายแน่ใจเหรอว่านายลองใช้ทางสันติแล้วอะซีนอน

                “หยุดเลยนะ!!!”

 

                หลังจากนั้นลิตาเชียจึงต้อบจับซีนอนที่กำลังจะกัดกับงู? มานั่งที่เดิมและใส่กุญแจมือเขาไว้ที่เดิม จนตอนนี้ซีนอนได้แต่กระเด้งไปมารอบๆโดยมีเก้าอี้ติดไปด้วย

                “หยุดนะโซเฟีย เจ้าจะกินคนไม่ได้นะ” ส่วนทางด้านงูเขียวที่เหมือนลิตาเชียนะเรียกเธอว่า ‘โซเฟีย’ ตอนนี้ก็โดนเทปแปะติดปากไปแล้ว เธอจะได้อ้ามันออกไม่ได้ ก่อนเธอจะยกเก้าอี้ที่โดนหางโซเฟียปัดล้มลงและกลับมานั่งที่เดิม

                “แบร่ๆๆ” ซีนอนที่กำลังล้อเลียนโซเฟียอยู่หยุดและทำหน้าเคร่งขรึมทันทีเมื่อลิตาเชียหันกลับมา

                “โทษทีนะ นั้นบัดดี้ข้าเอง นางอารมณ์ร้อนง่ายนะ” ลิตาเชียบอก โดยมีฉากหลังคืองูตัวใหญ่ดิ้นไปดิ้นมาเสียงดังลั่น จนห่างโซเฟียปัดโดนเก้าอี้ที่ลิตาเชียนั่งอยู่จนเธอล้มกระแทกพื้น ซีนอนจึงได้เห็นคนซัดกับงูจริงๆ

                ซีนอนสังเกตโซเฟียอยู่ครู่หนึ่ง เธอเป็นงูขนาดใหญ่มาก เหมือนที่เห็นในหนังเลย ผิวสีเขียวนุ่มๆของเธอดูสดใสและเป็นมันวาวเมื่อโดนแสงจากหลอดไฟ และหน้าตาเธอก็ดูไม่น่ากลัวเหมือนงูทั่วๆไปด้วย เธอไม่ใช่งูเห่า แต่ซีนอนก็ไม่รู้ว่าโซเฟียเป็นงูอะไรอยู่ดี และอีกอย่างที่ซีนอนเห็นคือ ดวงตาของเธอ มันไม่ใช่ขีดๆแบบที่งูปกติเป็นกัน แต่มันเป็นนัยน์ตาของมนุษย์ และดวงโตเท่ากำปั่นซีนอน ดวงตาที่เหมือนคนของเธอนั้นประกอบกับหน้าตาที่ไม่ได้น่ากลัวเหมือนงูทั่วไปตรงมันดูกลมๆกว่าทำให้เธอไม่ได้ดูน่ากลัว แต่กลายเป็นดูน่ารักไปแทน

                “แล้วทำไมเจ้าเรียกโซเฟียว่างูละ” ลิตาเชียถามหลังจากกลับมาจากสนามรบแล้ว เธอจัดเส้นผมและเสื้อผ้าเล็กน้อยให้เข้าที่ขณะถาม

                ซีนอนเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นอย่างแปลกใจ “อ้าว! ก็เห็นๆกันอยู่” ซีนอนบอกไปตามความจริง เมื่อเห็นว่าโซเฟียเป็นงู

                “เจ้า...ไม่รู้จัก ‘เควร์เรียร์’ เหรอ” ลิตาเชียถามอย่างแปลกใจไม่แพ้ซีนอนหลังจากได้ยินคำถาม

                ซีนอนส่ายหน้าและถามกลับ “ไม่รู้จักครับ มันคืออะไร” ก่อนจะเห็นว่าโซเฟียใช้หางเธอแกะเทปออกได้แล้ว และโซเฟียก็ถามกลับ

                “เจ้ามั่วแล้ว ไม่มีใครบนโลกนี้ไม่รู้จักเควร์เรียร์” โซเฟียพูดด้วยหน้าตาเหลือเชื่อเช่นกัน ลิตาเชียเหมือนจะนึกขึ้นได้โซเฟียยังไม่รู้เรื่อง ลิตาเชียจึงเล่าเรื่องราวของซีนอนให้โซเฟียฟัง ซีนอนจึงคิดได้เช่นกันว่าเขาน่าจะเล่าเรื่องของตัวเองทั้งหมดเลยเห็นจะสมควรกว่า แต่ก่อนที่ซีนอนจะเล่า โซเฟียก็เขยิบไปคาบเทปขึ้นมาพร้อมใช้หางเกะๆเทปนั้นออกมา ก่อนจะดึงมันพันหน้าลิตาเชียเป็นการแก้แค้น ซีนอนจึงเห็นคนกัดกับงูอีกรอบ จนเขาคิดได้ว่าไม่ควรไปยั่วโมโหลิตาเชียเป็นอันขาด

                หลังจากโซเฟียได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เธอก็ทำตาโตประกอบกับหน้าตาเหลือเชื่อในแบบของเธอ นั้นทำให้ซีนอนรู้สึกขนลุกเล็กน้อย

                “บ้าน่า เป็นไปได้ด้วยเหรอ” โซเฟียหันไปถามลิตาเชียขณะที่ลิตาเชียก็ส่ายหน้าและยักไหล่ให้ เป็นทำนองว่าเธอก็ไม่รู้

                “แล้วคุณคิดว่าไงละครับ คุณโซเฟีย” ซีนอนจึงถามความคิดเห็นของงูยักษ์สีเขียวตรงหน้า เผื่อว่าเธอจะมีข้อสันนิษฐานอีกที่เขาคิดไม่ถึง

                “ข้าก็เดาไปในทางเดียวกับเจ้านั้นแหละ” โซเฟียบอกก่อนจะเลื้อยเข้ามาใกล้ๆและมองหน้าซีนอน จนเขาต้องถอยหนีเล็กน้อย แต่เขาก็มองพิจารณาเธอเหมือนกัน

                เหมือนว่าอีกสิ่งหนึ่งที่ซีนอนพบก็คือ ใบหน้าของเธอสามารถแสดงความรู้สึกได้ เหมือนสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘เควร์เรียร์’ จะสามารถแสดงความรู้สึกผ่านสีหน้าได้เหมือนมนุษย์ เมื่อเธอโกรธหน้าเธอก็จะโกรธไปตามอารมณ์ เหมือนมนุษย์จริงๆ ซีนอนดูออกเลยว่าเธอแสดงสีหน้าอะไรออกมาบ้าง และเขาก็เชื่อเช่นเดียวกันว่าคนทุกคนก็จะดูออกเช่นเดียวกัน

                “งั้นข้าก็ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมเจ้าเรียกข้าว่า งู” โซเฟียบอกก่อนจะมองไปที่แก้วน้ำบนโต๊ะก่อนจะงับมันแล้วกระดกขึ้นและเทใส่ปากเธอรวดเดียวหมด และกลับไปอยู่หลังลิตาเชียที่เดิม

                ซีนอนโบกมือลาเธอเล็กน้อยที่เธอจากไป ส่วนลิตาเชียก็เดินเข้ามาและปลดกุญแจมือให้ซีนอน

                “ที่บ้านเจ้าก็ไม่มีเควร์เรียร์สินะ งั้นข้าจะอธิบายให้เจ้าฟัง เจ้าจะได้ไม่ไปทำให้ใครโกรธเจ้าอีก” ลิตาเชียบอกและซีนอนก็พยักหน้าให้

                ตอนแรกเขาก็ตกใจอยู่หรอก ตอนโซเฟียเดิน...เลื้อยเข้าประตูมาครั้งแรกอะ แต่อาจเพราะก่อนหน้านี้เขาก็เห็นมาเยอะแล้วละมั่ง ซีนอนเลยไม่ตกใจเท่าไหร่ และเขาก็เลือกที่จะไม่สนใจเรื่องความรู้สึกตกใจนั้น เพราะเขาเจอเรื่องช็อกมามากพอแล้วสำหรับคือนี้

              “คือเรื่องมันมีอยู่แว่”

              “ว่า” ซีนอนและโซเฟียพูดพร้อมกัน และเป็นซีนอนที่เสริมว่า “แค่นี้ก็เล่นเนอะ”

              “เมื่อนานมาแล้วโลกของเรามีปีศาจอาศัยอยู่ มันอยู่ร่วมกับเรานี่แหละ แต่วันหนึ่งมันก็เกิดบ้าอำนาจ จึงใช้พลังที่มันมีเพื่อกดขี่มนุษย์ และเพราะพวกเราไม่มีพลังจึงได้แต่ตกเป็นรองพวกมัน จนวันหนึ่งเทพเจ้าได้ประทานสิ่งที่เรียกว่าผลึกลงมา มันปิดกันพวกปีศาจออกจากโลกของเรา และทำให้เรากลับมามีความสุขอีกครั้ง แต่ได้แค่ไม่นานเพราะ สิ่งที่มาพร้อมผลึกคือเควร์เรียร์ สิ่งมีชีวิตที่มีอารยธรรม พวกเขาไม่ได้ต่ำกว่าเรา แต่สูงกว่าเราด้วยซ้ำ เพราะพวกเขาเหล่านั้นใช้เวทมนต์ได้ และในที่สุดก็เกิดสงครามขึ้นเมื่อสองเผ่าพันธุ์ที่ทรงปัญญามาพบกัน แต่ด้วยความที่เข้าใจผิดและไม่ยอมเปิดอกคุยกัน สงครามจึงมีมาอย่างช้านาน จนมนุษย์แทบสูญพันธุ์เลยในตอนนั้น แต่แล้วพวกเขาก็เริ่มเปิดใจประกอบกับพวกเราเองด้วย เพราะถ้าหากข้าจำไม่ผิด เหมือนจะมีตัวการละมั่ง  ที่ทำให้เราเปิดใจคุยกันทำให้มีการทำสัญญาสงบศึกกัน มนุษย์ให้วิธีการปลูกข้าวหรือเลี้ยงหรืออะไรก็ตามที่เควร์เรียร์ทำไม่ได้ ในขณะที่พวกเขาก็สอนเวทมนต์พวกเรา” เธอพูดจบก็ทำปากพึมพำอะไรบางอย่างสองวินาทีต่อมาเธอก็นึกขึ้นได้และพูดต่อ

              “และเนื่องจากคนบางกลุ่มหรือเควร์เรียร์บางกลุ่ม ที่สามารถหาประโยชน์ร่วมกับมนุษย์ได้ ก็ได้เกิดเป็นบัดดี้ขึ้น เป็นการเชื่อจิตระหว่างเควร์เรียร์และมนุษย์ สามารถทำได้กับแค่ฝั่งตรงข้ามเท่านั้น และมันจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายที่สามารถแบ่งพลังกัน ร่วมไปถึงช่วยในเรื่องอื่นๆอีกมาก เหมือนข้าและโซเฟียนี่ไง เราสองคนเป็นบัดดี้กัน” ลิตาเชียพูดจบ ก็ยิ้มขณะชำเลืองมองโซเฟียที่ยืนหัวมาวางบนหัวเธอและเอ่ยต่อ “แต่ตอนนี้เควร์เรียร์ก็กระจายตัวไปทั่วทั้งโลกแล้ว เจ้าไม่รู้จักได้ไง” 

              ซีนอนนั่งนิ่ง ก่อนจะหลุบตาลงต่ำหลังจากได้ยินคำถาม ก่อนจะเงยหน้ากลับมาสบตาแล้วตอบว่า

              “ผมไม่รู้ แต่ที่บ้านผมน่ะ ที่ๆผมเกิดและอยู่มาตลอดสิบปกปีน่ะ ผมไม่เคยเจอเควร์เรียร์ และไม่เคยมีข่าวมาก่อน” ซีนอนพูดด้วยน้ำเสียงสับสนเล็กน้อย “ผมมั่นใจมากว่าที่บ้านผมไม่มีเควร์เรียร์” ซีนอนบอกต่อก่อนจะนึกถึง เบกกี้ หนูนาที่ตัวใหญ่กว่าหนูนาปกติสองเท่ามันแอบอยู่ในตึกร้างนั้น แต่ก็นั้นแหละโดนแมวกินอยู่ดี ถ้าเบกกี้เป็นเควร์เรียร์จริง เขายังเคยพูดกับมันอยู่เลย แต่มันไม่เคยตอบเขาเลยนะ

              “งั้นผมว่า...” ซีนอนพูดแล้วก็ต้องอ้าปากค้างไว้ เพราะเขานึกขึ้นได้ว่าเขาได้ยินอะไรแปลกๆมา น่าจะเป็นคำๆแรกที่ลิตาเชียพูดเลยมั่ง

              “เดี๋ยวนะครับ” ซีนอนเรียกสองสาวให้หันมาสนใจเขา ก่อนเขาจะค่อยๆนึกคำพูดที่ลิตาเชียพูดให้ออกและปัดความเชื่อที่ว่าเขาหูฝาดไป “เมื่อกี้มีใครพูดคำว่าปีศาจไหมครับ”

              “ข้าเอง ทำไม” ลิตาเชียเอ่ยตอบ แต่เมื่อเห็นสีหน้าตกใจของซีนอนเธอก็เดาออกทันที โลกของเขาคงไม่มีมันอีก

              ซีนอนทำปากจู๋พร้อมตาโต  เหมือนเขาจะไม่ได้หูฝาดไปจริงๆด้วยสินะ “จริงเหรอ” ซีนอนถามอีกครั้งเพื่อขอให้ใครย้ำมันอีกที “ปีศาจแบบ แบร่ๆ” ซีนอนพูดพร้อมทำท่าผีหลอกให้ทั้งสองดู ซึ่งสองคนนั้นก็ทำหน้าเศร้ากลับมาให้เขา

              “ปีศาจจริงๆ ที่นี่มีปีศาจ และมันก็กินเจ้าได้ด้วย” โซเฟียเอ่ยแกล้ง แต่ซีนอนไม่ได้กลัวเท่าไหร่ เขาแค่ตกใจเล็กน้อยเท่านั้น แต่ตอนนี้กำลังทำใจยอมรับในสิ่งที่โลกเก่าเขาไม่มีก่อน และดูเหมือนตอนนี้ซีนอนจะยอมรับไปแล้วเกินครึ่ง เขาเลือกที่จะเชื่อว่าที่นี่ไม่ใช่โลกเก่าเขาอีกต่อไป หรือก็คือที่แห่งนี้ไม่ใช่โลกที่เขาเกิดและเติบโตมาอีกแล้ว ถึงจะยาก แต่ซีนอนก็คิดว่ามันไม่ได้มีข้อเสียอะไรที่จะเชื่อแบบนั้น หรือดีกว่า เขาจะได้ไปต่อถูก ซึ่งข้อมูลของโลกใหม่นี้ นอกจากจะมีเควร์เรียร์สิ่งมีชีวิตแปลกๆแล้วยังมีปีศาจอีกด้วย

              “แล้วไอ้ที่คุณพูดว่า ‘ผลึก’ ละครับ” ซีนอนถามอีก เพราะมันคืออีกคำที่เขาสงสัย

              “มันคือสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นเพื่อให้เกิดความสมดุลน่ะ บางครั้งเราก็เปรียบพระเจ้าเป็นธรรมชาติ เพราะท่านสร้างความสมดุล คนที่นี่ถึงได้เคารพธรรมชาติสูง ถ้าเจ้าเข้าไปในเขตหวงห้ามเจ้าก็อาจจะโดนจับได้เลยนะ” ลิตาเชียอธิบาย ก่อนจะเริ่มคอแห้งจึงสะกิดโซเฟียให้บอกซีนอนต่อแทน ส่วนตัวเธอเดินไปหยิบเหยือกน้ำบนโต๊ะใกล้ๆมาและรินน้ำลงแก้วเธอ

              “ซึ่งผลึกนั้นแหละคือสิ่งที่กันปีศาจจำนวนมหาศาลออกจากโลกของเรา ไม่งั้นเราคงไม่ได้มานั่งพูดกันแบบนี้หรอก” โซเฟียบอกก่อนสไลด์หน้าผ่านโต๊ะมามองซีนอนที่ฟุบหน้าลงบนโต๊ะและถามต่อ “ทำไมเหรอ”

              “คือ...บ้านผมก็ไม่มีอะไรแบบนี้น่ะ ผมเลย...จะเรียกว่าอะไรดีละ เหมือนจะตกใจแต่ตอนนี้ก็ไม่ตกใจเท่าไหร่แล้วอะ” ซีนอนบอก เขารู้สึกว่าตัวเองตกใจ แต่ก็แค่นั้น เหมือนเขาจะยอมรับเรื่องการมีอยู่ของปีศาจง่ายกว่าที่ตัวเขาคิดมาก ถึงจะไม่เห็นของจริง แต่เขาก็ค่อนข้างจะเชื่ออยู่พอสมควร แถมยังมีผลึกด้วย อะไรก็ไม่รู้ที่กันปีศาจให้ไปอยู่อีกโลกหนึ่ง เพื่อให้มนุษย์และเควร์เรียร์อยู่อย่างปลอดภัย เรื่องแบบนี้มันบ้ามากๆ ถ้าเป็นเวลาปกติซีนอนไม่เชื่อแน่นอน แต่ตอนนี้ทุกอย่างรอบตัวก็ดูบ้าไปแล้ว เขาเลยไม่มีเหตุผลที่จะไม่เชื่อ อย่างที่เคยได้ยินว่า มนุษย์สามารถปรับตัวตามธรรมชาติได้ และตอนนี้ธรรมชาติรอบตัวของซีนอนก็เป็นเช่นนี้ ทำให้เขาเลือกที่จะบ้าตามมันไปด้วยอย่างเสียไม่ได้

              “อ๋อ ข้าเข้าใจ เจ้าคงเจอเรื่องช็อกมาซักพักแล้วสินะ แต่นั้นก็พอแล้วละ เจ้าก็รับข้อมูลใหม่ๆเข้าไปแล้วกัน” โซเฟียบอกขณะเลื้อยมาข้างๆซีนอน เอาจริงๆแค่ความยาวตัวเธอก็พันรอบห้องไปได้สามสี่รอบแล้วละ

              “งั้นเจ้ารู้ไหมว่าเจ้ามาที่นี่ได้ยังไง” โซเฟียเอ่ยถาม ซีนอนจึงส่ายหน้าโดยไม่ยกหัวขึ้นจากโต๊ะก่อนจะพูดต่อ

              “ผมก็ไม่รู้ครับ แปลกมากๆเลย คิดแล้วก็ปวดหัวจริงๆ” ซีนอนเอ่ยพร้อมเงยหน้าขึ้นมา ก่อนโซเฟียจะใช้ปลายหางกดๆบนขมับซีนอนเหมือนเป็นการนวด เขายิ้มก่อนจะยกนิ้วโป้งให้

              ระหว่างที่โซเฟียนวดหัวเขาเล่น เขาก็คิดไปเรื่อยๆ ว่าโลกนี้มันเหมือนโลกในเทพนิยายมากๆเลย ทั้งมีปีศาจ และเควร์เรียร์ รู้สึกว่าเควร์เรียร์คงมีใกล้เคียงกับจำนวนประชากรมนุษย์บนโลกนี้เลยแหละ เป็นสัตว์ต่างๆที่แล้วแต่เราจะจินตนาการได้ และซีนอนก็ไม่คิดว่าจะเจองูยักษ์ด้วย แต่อะไรที่มันแปลกๆเกินไปก็ไม่มีนะ เช่น เขาไม่เห็นฮิปโปตอนระหว่างทางตอนโดนพาตัวมาที่นี่ หรือไม่เห็นตัวเงินตัวทอง ซีนอนคิดแล้วก็ยิ้มมุมปาก ตัวเงินตัวทอง...ใครได้เป็นคงขอไปเกิดใหม่ เพราะงี้ละมั่งมันถึงไม่มีตัวเงินตัวทองที่เป็นเควร์เรียร์

              เอ๋ แต่เหมือนจะขาดอะไรไปนิดหน่อยนะ เหมือนจะเป็น...นึกสินึกๆ...ความรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป

              ใช่ ซีนอนรู้สึกเหมือนมันมีบางอย่างขาดหายไป บางอย่าง ขณะที่เขาคิดไม่ออก...สองวินาทีต่อมา เขาคิดออก

              “ที่นี่คงไม่ได้มีเวทมนต์ด้วยใช่ไหม” ซีนอนถามออกไปแบบไม่หวังอะไร เขาอ่านหนังสือนิยายนิดหน่อย และเรื่องส่วนใหญ่ก็บอกว่าโลกที่พระเอกไปมันมีเวทมนต์ หรือไม่ก็โลกในนิยายนั้นแหละที่มีเวทมนต์ แน่นอนว่าโลกเราไม่มีทางมีมัน และสาเหตุที่หนังสือแฟนตาซีขายดี เพราะมันเป็นสิ่งที่แหกกฏธรรมชาติที่เราเป็นอยู่ ประกอบกับมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่ขี้สงสัย ทำให้พวกเขาโหยหาในสิ่งที่ไม่สามารถเป็นจริงบนโลก อย่างน้อยก็แค่ลองรับรู้มันเอาไว้ผ่านตัวหนึ่งสือในนิยาย หรือภาพทางภาพยนต์ก็ดีกว่าที่จะไม่รู้อะไรเลย แต่แล้วซีนอนก็นึกขึ้นได้ถึงความผิดปกตินั้นทันทีเพราะมันต่อกับคนเสื้อดำที่ใช้พลังแปลกๆนั้นได้ พร้อมกันนั้นลิตาเชียก็ตอบซีนอน

              “ก็มีน่ะสิ หรือว่าโลกเจ้าก็ไม่มี” ลิตาเชียบอก น้ำเสียงบอกว่าเป็นเรื่องธรรมดาสุดๆ แต่ซีนอนก็อ้าปากค้างไปอีกรอบ จนโซเฟียที่อยู่ใกล้ๆต้องใช้หางดันคางเขากลับขึ้นไป

              “จริงๆเหรอ” ซีนอนถามแล้วแกล้งทำเสียงเหมือนเด็กใสสื่อ ลิตาเชียก็ยิ้มแล้วพยักหน้า นั้นทำให้ซีนอนยกมือถูหน้าแรงๆซักทีสองที

              มีจริงๆด้วยซะงั้น นั้นคือสิ่งที่ตอนแรกซีนอนคิด หลังจากนั้นก็มีอาการตกใจและแปลกใจอีกเล็กน้อย แต่...วันนี้เขามีเรื่องแปลกใจมาเยอะแล้ว จริงๆแล้วซีนอนควรจะสติแตก ขึ้นไปกระโดดบนโต๊ะ แต่วันนี้เขารู้สึกเหนื่อยสมองยังไงไม่รู้ เขาเลยแค่ประมาณว่า

              ‘อ๋อมีเวทมนต์เหรอ...อืม...โอเค’ แต่ซีนอนก็บอกได้เลยว่าเขาตื่นเต้นกับมัน โลกเขาไม่มีเวทมนต์นั้นทำให้เขาเกิดความอย่างรู้อย่างเห็นทันที

              “ทดสอบให้ดูหน่อยได้ไหมครับ” ซีนอนขอร้อง ก่อนจะเขยิบเก้าอี้เข้ามาใกล้ๆและนั่งตัวตรงอย่างกระตือรือร้น

              ลิตาเชียยักคิ้วให้พร้อมยิ้มมุมปาก ก่อนจะมองไปที่เหยือกน้ำบนโต๊ะแล้วเธอก็ยืนมือออกไปในระดับหัวไหล่ ก่อนที่เหยือกน้ำนั้นจะลอยขึ้น!

              ลอยขึ้นจริงๆ!

              ซีนอนถึงกับลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้น พร้อมเบิกตากว้าง เขาเอามือรอดไปด้านใต้และด้านอื่นๆเพื่อตรวจดูว่าไม่มีเส้นอะไรมาพันไว้ และเขาก็ต้องทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างยอมรับ ซีนอนทำท่าเหมือนจะพูดอะไรขณะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พร้อมกันนั้นเขาก็ทำหน้าตาเหมือนตกใจอยู่เป็นจังหว่ะๆ จนลิตาเชียและโซเฟียขำกับท่าทางของเขา

              “จริงด้วยแฮะ” ซีนอนพึมพำยิ้มๆก่อนเหยือกน้ำนั้นจะลอยไปรินน้ำใส่เก้วของลิตาเชีย...อีกรอบ

              “ขอดูอีกที”

              แวป!

​              “เหลือเชื่อ!” ซีนอนตะโกนลั่นห้องด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเรื่องตรงหน้าเป็นเรื่องจริง แต่ตอนนี่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้ว เพราะทั้งโซเฟียและลิตาเชียต่างก็ใช้พลังได้ทั้งนั้น

​              “พลังพวกนี้มาจากไหน” ซีนอนถาม และเหมือนจะรู้คำตอบอยู่แล้ว เพราะลิตาเชียเล่าให้ฟังแล้วเรื่องนั้น

​              “ก็อย่างที่บอก พลังพวกนี่มาพร้อมเควร์เรียร์ ที่มาพร้อมผลึก และพอเราสงบศึก พวกเขาก็สอนเรา เจ้าเองก็น่าจะใช้ได้นะ” ลิตาเชียบอก และพาดพิงถึงซีนอน

              ซีนอนเลิกคิ้ว “ผมเนี่ยนะใช้ได้” ซีนอนถามกลับอย่างตกใจ ขณะที่ชี้นิ้วมาที่ตัวเอง

              ลิตาเชียพยักหน้าและเสริมว่า  “พวกเราเอง เมื่อก่อนก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา เช่นเจ้าซึ่งตอนนี่ข้าเองก็ยังทำได้” ลิตาเชียว่า พลางใช้พลังเวทมนต์ของเธอดึงเหยือกน้ำมา...อีกแล้ว

​              “เทพีแห่งการดื่มน้ำ” ซีนอนเอ่ยขึ้นลอยๆ

​              “มะ ไม่ใช่นะ!”

​              “ใช่ เจ้าน่ะของแท้เลย เทพีแห่งการดื่มน้ำ” โซเฟียเสริมให้ 

​              “ยังกับข้าดื่มน้ำเยอะนักแหละ” ลิตาเชียพูดก่อนจะสบัดหน้าหนี จนบัดดี้ของเธอและซีนอนคิดจะปล่อยไปก่อน

              “เจ้าไม่อยากรู้หลักการของเวทมนต์หรือ” โซเฟียถาม

              ซีนอนได้ฟังแล้วก็นึกสงสัยขึ้นมาทันที่ ถึงจะไม่เคยรู้จักเกี่ยวกับเวทมนต์มาก่อน แต่เขาก็อยากรู้จักมันเหมือนกัน ความรู้สึกนี้พึ่งปรากฏขึ้นเมื่อครู่นี้เอง ซีนอนจึงพยักหน้าเร็วๆหลายครั้ง

​              “มันเป็นอย่างนี่นะ พลังเวทมนต์น่ะ เป็นพลังที่ผู้ใช้ดึงออกมาจากธรรมชาติ ซึ่งพลังเวทมนต์ลอยอยู่ทุกๆที่ในธรรมชาติ ที่มอบให้พวกเราอย่างไม่มีวันหมด พวกเราแค่กลั่นมันผ่านร่างกายและจิตใจของเรา และปล่อยมันออกมาในอีกรูปแบบหนึ่งที่มีความพร้อมในด้านต่างๆมากกว่าไอพลังที่ล่องลอยอยู่รอบตัวเราและใช้ประโยชน์ไม่ได้ เพราะงั้นพวกเรานี่แหละที่จะกลั่นพลังพวกนี้ออกมาและใช้ในทางของเรา”

              ซีนอนพยักหน้าอย่างเข้าใจ รอบๆตัวเรามีพลังอยู่มากมาย ที่ถึงแม้เราจะไม่รู้สึกอยู่ของการมีตัวตนของพวกมัน แต่เรากลับสามารถนำมาใช้ได้ โดยผ่านการกลั่นจากร่างกายและจิตใจของเรานั้นเอง เพื่อให้มีความเหมาะสมในงานที่เราจะใช้เวทมนต์เข้าช่วย

​              “แต่ร่างกายของพวกเราก็มีจำกัด ถ้าใช้พลังมากเกิดขีดจำกัดของร่างกาย เราก็จะเหนื่อย หรือถ้ามันมากเกินแบบข้ามขั้นไปเลย เราก็อาจจะตายได้เลย” โซเฟียอธิบายต่อ หางเธอก็ลูบหัวลิตาเชียไปเล่นๆด้วย

              ซีนอนขนลุกนิดหน่อยกับคำว่า ตาย นั้นแสดงว่าเวทมนต์นั้นอันตรายเหมือนในหนัง

​              “พลังของเราแต่ละคนมีตัววัด ที่เรียกว่าค่าพลังซึ่งบอกข้อมูลเป็นตัวอักษรและตัวเลข เช่น AQUP 1326849578846 ซึ่งแต่ละคนจะไม่มีใครมีค่าพลังซ้ำกันเลย แต่ค่าพลังที่ใกล้เคียงกันในตัวเลขสองหลักหน่วย อาจจะสามารถเข้ากันได้”ลิตาเชียเป็นคนบอก

              ซีนอนคิดตาม ที่เลขของค่าพลังมีเยอะเพราะ ไม่มีใครในโลกที่ค่าพลังซ้ำกัน คงเหมือนลายนิ้วมือ หรือDNA ที่ไม่มีใครบนโลกมีซ้ำกัน

​              “ถ้าพลังเข้ากันได้ หมายความว่าเจ้าจะสามารถผสานพลังกับคนๆนั้นได้ ส่งผลดีและร้ายหากใช้ผิดวิธี ผลดีคือ เจ้าอาจสามารถร่วมพลังกันเพื่อทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ดีขึ้น ผลร้ายคือ พลังนั้นอาจควบคุมจิตใจเจ้าไปเลย”

​              “ควบคุมจิตใจ ยังไงครับ” ซีนอนถามเมื่อเขาเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้น

​              “ก็ประมาณว่า เจ้าจะกลายเป็นของคนๆนั้น ทั้งตัวและหัวใจยังไงละ” โซเฟียอธิบายต่อ “เพราะงั้นระวังให้ดี”

​              “แล้วเราจะรู้ได้ไงละ ว่าคนๆนั้นพยายามยึดร่างเราอยู่” ซีนอนยังถามต่อขณะเสยผมขึ้นเล็กน้อยเพราะเริ่มรำคาญ

​              “ง่ายมาก ถ้าเจ้าฝึกซักหน่อยเจ้าสามารถจับพลังที่เข้าแทรกจิตเจ้าได้อย่างแน่นอน ส่วนอีกเรื่องหนึ่งคือ การที่จะผสานพลังได้ ต้องเกิดการยินยอมทั้งสองฝ่าย ถ้าเจ้าไม่ยอมก็ไม่มีปัญหา” ลิตาเชียบอก ก่อนจะมีสีหน้าครุ่นคิด และเธอก็หยิบนาฬิกาที่เธอไม่ชอบใส่ไว้ที่ข้อมือขึ้นมาจากกระเป๋า ก่อนจะร้องลั่น

              “ตายแล้ว! สี่ทุ่มแล้ว โซเฟีย” ลิตาเชียร้องบอกหน้าตาตื่น ก่อนโซเฟียจะเป็นไปด้วยอีกคนหนึ่ง ลิตาเชียหันหน้ากลับมาจ้องซีนอนไม่นานก็รีบลุกและเดินออกนอกห้องไป ปล่อยให้เขาอยู่กับโซเฟียสองคน

              “คุณลิตาเชียไปไหน” ซีนอนถามขึ้นขณะที่โซเฟียเริ่มเก็บเอกสารมากมายบนโต๊ะเข้าซอง ซีนอนจึงเข้าช่วยเพราะดูแล้วโซเฟียจะมีปัญหากับมัน

              “อ๋อ นางไปเปิดห้องให้เจ้ามั่ง เจ้าไม่มีที่ไปใช่ไหมละ” โซเฟียบอกและถามกลับ

              “ใช่ครับ ผมไม่มีที่ไป ผมต้องนอนนี่เหรอ” ซีนอนบอก เขาไม่มีที่ไปจริงๆ ที่นี่ที่ไหนไม่รู้เพราะงั้นเขาก็ไม่ต้องคิดจะไปนอนที่อื่นเลย แต่ก็ดีนะ มีคนจัดการให้เสร็จสรรพ อย่างน้อยคืนนี้เขาก็มีที่พักแล้ว ซีนอนถามโซเฟียต่ออีกเล็กน้อยว่ามันมีค่าเช่าไหม เพราะเขาไม่มีเงิน ซึ่งก็ดูเหมือนจะเป็นโชคดีของซีนอน ไม่ต้องบอกก็รู้นะว่าทำไม

              “โอ๊ะ โทษที เจ้าชื่ออะไรนะ ข้าลืมถาม” ลิตาเชียเปิดประตูกลับเข้ามาในห้อง ก่อนจะถามชื่อซีนอนพร้อมกับที่มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายชายเดินตามมาพร้อมใบเอกสารบางอย่าง

              ซีนอนยิ้มพร้อมกับเพลงหุ่นยนต์เหล็กดังขึ้นเป็นฉากหลัง เขายืดอกพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงสุดเท่ว่า

              “จอห์น คอนเนอร์”

              “ข้าว่าไม่ใช่/ไม่เชื่อ/ เหรอย่ะ!”

              “เรียกผมว่าซีนอนแล้วกัน” ซีนอนพูดต่อด้วยน้ำเสียงเบื่อๆเพราะไม่มีใครตามมุกเขาเลย

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา