Psychic พลังกายสิทธิ์ ลิขิตมรณะ

-

เขียนโดย MoMoGa

วันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 23.06 น.

  26 บท
  4 วิจารณ์
  16.71K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 11.12 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

12) ตอนที่ 6 เจ้าหญิงต้องมนตรา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

         “อยู่ไหนน่ะคุออน เธออยู่ที่ไหน”

         ถึงมาซามุเนะจะตะโกนออกไปสักกี่ครั้งหรือตะโกนออกไปดังแค่ไหน ก็ไม่มีเสียงของหญิงสาวที่ตนต้องการจะได้ยินตอบกลับมา

         “ใจเย็นก่อนสิมาซามุเนะ ถึงเธอจะใช้พลังจิตไม่ได้หรือไม่มีประสบการณ์ต่อสู้เลย แต่ฉันก็คิดว่าเธอยังมีสตติพอที่จะวิเคราะห์เหตุการณ์แบบนี้จากที่นายเล่าให้เธอฟังไปนะ”

         “ก็ตามนั้นแหละนะ ตอนนี้นายน่าจะห่วงตัวเองก่อนเถอะ ที่พวกนั้นมาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเราก็น่าจะเป็นเพราะมันต้องการตัวพวกเรามากกว่านะ”

         หลังจากที่มาซามุเนะปล่อยให้คุออนอยู่คนเดียวเพื่อที่จะมาจับคนที่ตามเขามายังสวนสนุกแห่งนี้ ซึ่งสองคนนั้นก็คืออลิซาเบธกับอากิโอะ แต่ระหว่างที่รอฟังคำอธิบายโดยละเอียดอยู่นั้นเอง ศัตรูที่แท้จริงก็ได้ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาโดยที่ยืนอยู่บนแผนวงกลอันราบเรียบกลางอากาศ ผู้ซึ่งอ้างชื่อว่า คิคุกะ ฮายาโตะ และ คิคุกะ เร็น

         ผู้ชายซึ่งเป็นหนึ่งในนั้นคือคนที่ทั้งสามคนรู้จัก คิคุกะ ฮายาโตะ เป็นเด็กหนุ่มที่อยู่ห้องเดียวกับมาซามุเนะและอลิซาเบธ สองสัปดาห์ก่อนอลิซาเบธยังถูกชายคนนั้นจีบแบบหน้าไม่อายอยู่เลย แต่อีกผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูแล้วอายุน้อยกว่าแต่ก็ประกาศว่าทั้งคู่นั้นมีนามสกุลเดียวกัน ถึงจะไม่รู้ว่ามีสายเลือดเดียวกันหรือเปล่า แต่ท่าทางแบบนั้นเหมือนกับฮายาโตะที่ดูอายุเยอะกว่าไม่มีผิด อาจจะเป็นพี่น้องกันก็เป็นได้

         แต่ที่อันตรายที่สุดก็คือสวนสนุกแห่งนี้ที่ถูกปกคลุมไปด้วยพืชพันธุ์ของต้นไม้มากมายที่คาดว่าคนใดคนหนึ่งเป็นคนสร้างขึ้นมา ทั้งสามคนรู้ดีว่ามันไม่ใช่แค่ของตกแต่งเล่นๆแน่นอน

         “ศัตรูอยู่บนท้องฟ้า งั้นเดี๋ยวให้ฉันกับมาซามุเนะที่สู้บนฟ้าได้รับมือก็แล้วกัน ส่วนเธอไปตามหาคุออนก็แล้วกัน เพราะยังไงยังไงการที่ให้หล่อนอยู่ที่นี่มันก็น่าเป็นห่วงอยู่ดี”

         ““รับทราบ””

         มาซามุเนะและอลิซาเบธพูดออกมาพร้อมกับเริ่มเคลื่อนไหว มาซามุเนะดึงออร่าสีดำออกมาปกคลุมอยู่ที่กลางหลัง อลิซาเบธเองก็ออกวิ่งออกไปทางที่คุออนเคยอยู่พร้อมกับผมสีทองที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง

         “<แบล็ค วิงค์ ไรซิ่ง (Black Wing Rising)>”

         มีปีกสีดำรูปร่างคล้ายใบไม้ก่อตัวขึ้นที่กลางหลังของมาซามุเนะ เขาเริ่มลอยตัวขึ้นอย่างช้าๆด้วยความระมัดระวัง อากิโอะเองก็เริ่มลอยตัวตามขึ้นมาเช่นกันขึ้น

         “เดี๋ยวฉันเป็นตัวล่อเอง พี่หาจังหวะเหมาะอยู่ด้านหลังเถอะ”

         “เข้าใจแล้ว ฝากด้วยนะ”

         ฮายาโตะขยับตัวที่อยู่บนแผ่นวงกลมไปด้านหลัง เหลือไว้เพียงเร็นที่ เธอโค้งคำนับอย่างเป็นธรรมชาติให้แก่พวกมาซามุเนะครั้งหนึ่งก่อนแล้วค่อยเงยหน้าขึ้นมาพูดกับพวกเขา

         “สวัสดีค่ะ ถึงจะแนะนำตัวไปแล้วแต่ก็ขอพูดให้ละเอียดขึ้นอีกครั้งหนึ่งนะคะ ดิฉัน คิคุกะ เร็น เป็นน้องสาวแท้ๆของพี่ชายของฉัน พวกเราทั้งสองคนเป็นสมาชิกของ [SEVEN STAR] ค่ะ กฎของพวกเรามีอยู่ว่า จะยังไม่โจมตีถ้าหากว่ายังแนะนำตัวไม่เสร็จค่ะ”

         มีร้อยยิ้มเล็กๆเกิดขึ้นที่มุมปากของเร็น พืช(ขอเรียกรวมๆว่าพืช)ที่อยู่รอบๆเริ่มสันไหวอย่างเป็นจังหวะราวกับว่ากำลังตอบรับต่ออะไรบางอย่างอยู่

         อากิโอะกับมาซามุเนะเริ่มเห็นท่าไม่ดี จึงรีดออร่าของพวกตนออกมาเพื่อเตรียมรับมือ ออร่าสีดำของมาซามุเนะนั้นห่อหุ้มไปทั่วแขนภายในเวลาแค่ชั่วครู่ ส่วนออร่าสีขาวปนเขียวที่มองเห็นได้แค่รางๆของอากิโอะก็มารวมกันในฝ่ามือแล้ว การที่ตอนนี้สามารถมองเห็นออร่าของอากิโอะได้ เป็นตัวบงบอกได้เลยว่าเขาเค้นออร่านั้นออกมาได้เข้มข้นแค่ไหน

         “<มาย ฟิลด์ คอนโทรล (My Field Control)>”

         ในมือขวาของเร็นมีกิ่งไม้อยู่อันหนึ่ง เมื่อตัวเธอเริ่มขยับมือไปมาอย่างอ่อนช้อยและเป็นจังหวะ ต้นพืชจำนวนมากที่อยู่โดยรอบซึ่งพึ่งงอกขึ้นมาในตอนที่อาณาเขตโลกเสมือนถูกกางนั้นก็ทำการโจมตีใส่พวกมาซามุเนะด้วยความเร็วสูง

         “<แบล็ค เวฟ (Black Wave)>”

         มีคลื่นสีดำจำนวนมากถูกปล่อยออกมาจากในมือของมาซามุเนะ ตัดต้นพืชที่พุ่งเข้ามาใส่พวกเขาออกไปได้มาก แต่ว่าจำนวนต้นไม้ที่เข้ามาโจมตีก็มีมากกว่าอยู่ดี แต่เมื่อดูจากท่าทีของมาซามุเนะแล้ว เหมือนว่าเขาจงใจที่จะทำอะไรบางอย่าง

         ถึงแม้การโจมตีของมาซามุเนะนั้นจะร้ายกาจเพียงใด แต่จำนวนต้นพืชก็มาอยู่ดี และในจังหวะนั้นเอง สิ่งที่มาซามุเนะและอากิโอะเฝ้ารอมาโดยตลอดก็ปรากฏขึ้น มันคือวินาทีที่ไม่มีพืชกั้นอยู่ระหว่างอากิโอะและเร็น ถึงแม้จะเป็นเพียงช่องที่ไม่ใหญ่มาก แต่ในเมื่อสิ่งที่เฝ้ารอมาถึง พวกเขาก็ไม่ปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดลอยไป

         “ไปเลย อากิโอะ”

         “อา <สตอร์ม ดริล บลาส (Storm Drill Blast)>!!”

         มีพายุสายหนึ่งพุ่งตรงออกมาจากฝ่ามือทั้งสองข้างของอากิโอะ มันมีความเร็วสูงมากแต่ก็ดูมีขนาดเล็ก เรียกได้ว่ามันถูกออกแบบมาเพื่อการโจมตีในระยะทางที่ค่อนข้างไกลโดยรวมพลังจิตไปไว้กับความเร็วและการทะลวงซะเป็นส่วนใหญ่ ถึงจะมีต้นไม้มางอกอยู่ตรงหน้าก็ดูเหมือนว่ามันจะทะลวงเข้าไปได้สบายๆเลยด้วย

         ถ้าจะให้คิดล่ะก็ มันคือการโจมตีที่มีมาซามุเนะคอยซัพพอร์ตอยู่นั่นเอง และสิ่งสำคัญของการโจมตีครั้งนี้ก็คือความเข้ากันของทั้งคู่ โดยที่สามารถรู้ใจได้โดยไม่ต้องสื่อสารด้วยเสียง

         พายุพุ่งตรงเข้ามาหาเร็นที่กำลังยืนอยู่บนแผ่นวงกลม เธอนั้นไม่ได้ท่าทีรีบร้อนเพิ่มมากกว่าเดิมเลยแม้แต่น้อย 10 เมตร 5 เมตร 3 เมตร ระยะห่างถูกย่นลงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็เหลือไม่ถึง 1 เมตร

          ตู้ม! พายุปะทะเข้ากับพื้นดินอย่างจัง เกิดเป็นแรงลมที่พัดได้แม้กระทั้งต้นไม้ เร็นโยกตัวหลบได้ในจังหวะสุดท้าย เธอสามารถโยกตัวออกมาจากรัศมีการทำลายของพายุได้เหมือนโกหก

          แต่ในจังหวะนั้นเอง สิ่งที่ถูกซ่อนอยู่ในการโจมตีก็ปรากฏขึ้น อากิโอะโผล่ออกมาจากพายุที่แตกตัวออกหลังการโจมตี เขาพุ่งเข้าใส่เร็นจากพื้นดินด้วยความเร็วสูง ที่มือขวานั้นมีออร่าสีเขียวที่พร้อมจะปลดปล่อยมารวมกันแล้ว มันเป็นจังหวะที่คำนวณไว้แล้วว่าเร้นจะไม่สามารถหลบพ้นได้อย่างแน่นอน

          “<สตอร์ม ชู้...>”

          จู่ๆก็มีอะไรบางอย่างที่คล้ายหมุดปักข้าที่กลางหลังของอากิโอะ ถึงมันจะไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการโจมตีของเขา แต่สิ่งที่ทำให้การโจมตีของเขาสะดุดก็คือแรงผลักอันมหาศาลที่เขารู้สึกได้ว่ามันถูกปล่อยออกมาจากเร็น แรงผลักนั้นทำให้เขากระเด็นตกไปอยู่บนพื้นด้วยความเร็วสูงภายในพริบตาเดียว

          มาซามุเนะที่กำลังจะโจมตีซ้ำใส่เร็นก็ต้องหยุดชะงักด้วยความตกใจอยู่กลางอากาศ เขาไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่ามันเป็นการโจมตีรูปแบบไหนและโจมตีมาจากทางไหน ดังนั้นการที่เขาจะชะงักก็ไม่แปลก แต่สิ่งที่เขาแน่ใจที่สุดก็คือคนที่ใช้พลังจิตต้องเป็นฮายาโตะอย่างแน่นอน แต่เขาก็ไม่มีข้อมูลของพลังนี้เลยแม้แต่น้อย

          “อากิโอะ เป็นอะไรมากไหม”

          “……..”

          “ยังจะมีเวลามาห่วงคนอื่นอีกหรือไง <คอมโบ แอคแทค (Combo Attack>!”

          การโจมตีของเร็นนั้นไม่รอให้มาซามุเนะหยุดคิดอะไรแม้แต่วินาทีเดียว เธอตะโกนชื่อท่าการโจมตีออกมาอย่างห้าวหาญ ต่อจากนั้นก็มีระลอกการโจมตีตามมา พืชหลากหลายรูปแบบจู่โจมเข้าใส่เขา มีทั้งรูปแบบของการแทง การฟาดคล้ายแส้หรือแม้กระทั้งการรัดตัว เรื่องความเร็วก็สมกับชื่อว่าคอมโบ ถ้าโดนโจมตีแบบตรงๆแม้แต่ครั้งเดียวก็คงจะไม่สามารถหลบการโจมตีครั้งถัดๆไปได้แน่ๆ แล้วถ้ารวมเรื่องที่ว่ามันไม่มีรูปแบบตายตัวด้วย ก็คงจะเรียกได้ว่ายากที่จะต่อกร

          แต่ข้อเสียก็คงจะเป็นเรื่องที่ว่ามันมีระยะจู่โจมแค่ไม่กี่เมตรจากตัวผู้ใช้ ไม่สามารถเรียกเป้าหมายหลายคนพร้อมๆกันได้และไม่สามารถใช้ท่าอื่นระหว่างใช้ท่านี้ได้ แต่มาซามุเนะที่พุ่งเข้ามาในระยะเองก็เป็นคนเคลียร์เงื่อนไขเรื่องระยะให้แบบฟรีๆเองซะด้วย

          ระหว่างที่มาซามุเนะหาช่องว่างเพื่อที่จะหลบหนีก็ทำได้แต่หลบการโจมตีที่ไม่รู้ว่าจะโดนตอนไหนเท่านั้น ถ้าโชคดีก็อาจจะหลบพ้นหมด แต่ถ้าโชคร้ายก็คงโดนความสามารถของฮายาโตะที่เขาไม่รู้จักเล่นงานด้วยอีกต่อ

          ....อากิโอะ จะรู้รึเปล่านะว่าความสามารถที่โดนมาจากไหน อึก…

          มาซามุเนะโดนโจมตีแบบเฉียดๆตัวเข้าไปแล้วหลายครั้ง บนร่างของเขามีหลายจุดที่มีบาดแผลซึ่งเกิดจากการโจมตีแฝงอยู่

          “เอ้าๆ จะหลบได้อีกสักกี่น้ำกัน”

          “โธ่เว้ย ไม่มีช่องว่างเลย แบบนี้ก็ไม่ต่างจากการรอเวลาตายน่ะสิ”

          [อย่างแรกคือการทำจิตให้นิ่งดั่งน้ำนิ่ง อย่ามัวแต่หาทางออกแต่ต้องหาวิธีการแก้ปัญหาที่อยู่ข้างหน้า อย่าเดินหนีในเวลาที่สำคัญแต่จงเผชิญหน้าต่อมันอย่างแน่วแน่]

          มีเสียงของใครบางคนลอยมาตามสายลมที่น่าจะนิ่งไปแล้ว มันคือคำสอนที่เขาได้รับตอนที่ฝึกอยู่ที่ตระกูลฮันโซนั่นเอง เสียงนั่นคงจะมาเตือนสติของมาซามุเนะที่กำลังว้าวุ่นอยู่ มาซามุเนะเริ่มคิดได้จากคำพูดดังกล่าว

          .........งี้เอง พึ่งจะมาเข้าใจความหมายก็ตอนที่กำลังเจอกับวิกฤติซะด้วย เป็นช่วงเวลาที่ดีชะมัด เหน็ดเหนื่อย ร้องไห้ และก็ดิ้นรน ถึงจะยากลำบากแต่ก็เป็นช่วงเวลาที่สนุกสุดๆเลยล่ะนะ เอาล่ะ ได้เวลาเอาจริงซะทีสิ

          มาซามุเนะตั้งจิตตัวเองให้นิ่ง ไม่ใช่มองหาด้วยตาแต่ต้องใช้จิตในการหาด้วย เขาเริ่มหลับตาลงแล้วก็เริ่มใช้พลังจิตในการสัมผัสถึงการโจมตีของเร็น การโจมตีด้วยพลังจิตนั้น ถึงแม้จะน้อยยังไงแต่ก็ต้อวงมีพลังจิตผสมอยู่ในการโจมตีด้วย เมื่อลองสัมผัวด้วยจิตดู เขาก็เห็นถึงสิ่งที่ตามองไม่เห็น ที่ปลายพืชที่โจมตีเข้ามานั้นจะมีพลังจิตอ่อนๆที่เป็นเหมือนเสารับคำสั่งฝั่งอยู่ โดยที่เร็นจะเป็นคนปล่อยคลื่นพลังจิตอันแรงกล้าเข้ามาเพื่อเป็นการสั่งการให้มีการโจมตี และพืชที่มีพลังจิตฝั่งอยู่ก็มีอยู่แค่ 12 ต้นเท่านั้น ดังนั้นมันต้องมีรูปแบบในการโจมตีแน่ การที่มนุษย์จะสั่งคำสั่งที่ละเอียดอ่อนอย่างการโจมตีแบบนี้ได้นั้น ต้องพึ่งการทำงานของสมองหนักมาก ถ้าหลบต่อไปเรื่อยๆก็จะสามารถรับรู้ได้ถึงรูปแบบการโจมตีและก็ช่องว่างของการโจมตีอย่างแน่นอน

          หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ช่องว่างที่เขาเฝ้าหาก็ปรากฏขึ้น ที่ปลายทางนั้นเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ซึ่งตั้งตระง่านอยู่ระหว่างตัวของเร็นและฮายาโตะ ครั้งนี้มันมีขนาดเล็กกว่าตัวมาซามุเนะมาก แต่ถ้าพุ่งตัวออกไปรวดเดียวก็อาจจะหลบพืชที่อยู่รอบๆได้ เขาหุบปีกลงแล้วพุ่งตัวออกไปอย่างไม่รอช้าโดยที่ลืมตาขึ้นแล้ว ถ้าเป็นความเร็วระดับนี้คงใช้เวลาแค่พริบตาเดียวก็บินเลยพวกฮายาโตะไปแล้ว

          แต่ในจังหวะนั้น ตาของมาซามุเนะก็มองเห็นเข็มหมุดสีแดงตัวหนึ่งลอยอยู่ระหว่างทาง ด้วยความเร็วเขาจึงมองว่ามันเหมือนหยุดนิ่งอยู่ แต่ว่ามันกำลังพุ่งเข้าใส่มาซามุเนะต่างหาก เขาไม่สามารถที่จะหยุดตัวเองได้แล้ว เข็มนั้นปักเข้าที่ไหล่ขวาของเขาเต็มๆ มันละลายออกและซึมเข้าไปในผิวหนังของเขาทันที และอยู่ความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้น เขารู้ตัวดีว่าถ้าเป็นความเร็วนี้จะผ่านพวกฮายาโตะได้เร็วยิ่งกว่าเดิมมาก แต่เมื่อเขาผ่านมาแล้ว ความเร็วก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆโดยไม่มีท่าว่าจะหยุด มาซามุเนะกางปีกออกเพื่อหยุดมันไว้ แต่ว่าความเร็วนั้นก็ลดลงไปแ ค่นิดเดียว

          สุดท้ายแล้วตัวเขาก็ชนเข้ากับต้นไม้อย่างจังจนทำให้ลำต้นครึ่งหนึ่งที่ตั้งตระง่านอยู่โค่นลงมา มาซามุเนะคาอยู่กับส่วนที่ยังคงตั้งอยู่ เขายังพอที่จะมีสติอยู่บางอย่างเลือนราง เขาเริ่มหลับตาลงแล้วสัมผัสพลังจิต สิ่งที่เขารับรู้ได้ก็คือ มีออร่าสีแดงเป็นเหมือนแผลฟกช้ำติดอยู่ที่ไหล่ขวาของเขาและกลางหลังของอากิโอะ และออร่าสีน้ำเงินติดอยู่ที่ส่วนลำต้นที่เขานอนอยู่และส่วนวงกลมซึ่งเร็นกำลังนั่งอยู่ นี่คงจะเป็นตัวจริงของความสามารถที่เล่นงานเขาและอากิโอะ และเมื่อลองสังเกตดีๆแล้ว จุดสีแดงและน้ำเงินที่เจอทั้งหมดนั้นมันติดกันอยู่ แต่เมื่อเข้าขยายการรับรู้ให้กว้างขึ้น ก็เห็นออร่าที่เป็นจุดสีแดงและน้ำเงินอีกจุด ข้างๆนั้นมีออร่าสีเพลิงอันเป็นเอกลักษณ์ของอลิซาเบธกำลังพวยพุ่งอยู่ด้วย

          ถ้าดูจากสถานการณ์แล้ว ทั้งสามคนที่มีความสามารถพลังจิตนั้นกำลังถูกความสามารถของฮายาโตะเล่นงานจนขยับตัวไม่ได้แล้ว ความหวังสุดท้ายก็คงจะเป็นคุออนที่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าพลังจิตทำอะไรได้

          “เฮ้ อย่าพึ่งตายตอนนี้สิ ฉันกะว่าจะแสดงโชว์อะไรให้นายดูสักหน่อยแท้ๆ”

          ถึงมาซามุเนะจะได้ยินแต่ก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะทำอะไรได้แล้ว แต่ยังดีที่เขายังมองเห็นฮายาโตะเป็นเงารางๆลอยอยู่บนหัวเขาอยู่ ข้างๆนั้นมีอีกเงาลอยอยู่ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเร็น

          “มันเป็นโชว์ที่มีให้นายซึ่งเป็นพวกไร้ยางอายที่เห็นว่าการคบซ้อนเป็นเรื่องปกติเชียวนะ”

          .....ว่าไงนะ

          ดวงตาทั้งสองข้างของมาซามุเนะถ่างออกอย่างเต็มที่ สิ่งที่เขาเห็นก็คือใบหน้าอันชั่วร้ายของฮายาโตะซึ่งเขาไม่เคยคิดมาก่อน ฮายาโตะยกมือขวาทำท่ากวักมือขวาให้กับอะไรบางอย่าง ส่วนมือซ้ายนั้นถือเถาวัลย์ปลายแหลม มันน่าจะมีความแข็งพอๆกับเหล็กซึ่งต่างกับที่โจมตีใส่มาซามุเนะซึ่งอ่อนกว่านี้

          “นักแสดงนั่นก็คือ อลิซาเบธ อาเธน่า รับบทเป็นนักโทษยังไงล่ะ”

          มาซามุเนะสัมผัสพลังจิตของอลิซาเบธอีกครั้ง พบว่าออร่าสีเพลิงที่เคยลุกไหม้อย่างโชติช่วงอยู่ได้แล้ว ฮายาโตะกวักมืออีกครั้ง ทันใดนั้นร่างเธอก็พุ่งเข้ามาหาฮายาโตะด้วยความเร็ว สภาพของเธอที่มาซามุเยะเห็นนั้นมีร่องรอยของบาดแผลทั่วร่างจนไม่ไหว แน่นอนว่าเธอไม่ได้มีสติเลยสักนิด ร่างของเธอลอยเข้าไปเรื่อยๆจนสุดท้ายก็พุ่งทะลุเถาวัลย์อันแหลมคมที่อยู่ในมือของฮายาโตะ มันแท่งเข้ากลางท้องของเธอเต็มๆ หยดเลือดมากมายพวยพุ่งออกจากอลิซาเบธ ลำไส้ของเธอไหลออกมาพร้อมกับเถาวัลย์ที่แทงทะลุ

          มาซามุเนะแทบคลั่ง เขาพยายามใช้แรงที่เหลืออยู่ทั้งหมดเพื่อลุกขึ้นยืน แต่ว่าไหล่ขวาของขาก็ยิ่งติดกับจุดที่เคยเห็นออร่าสีน้ำเงินมากยิ่งขึ้น ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นความสามารถของฮายาโตะเช่นกัน ฮายยาโตะแกว่งเถาวัลย์ที่มีร่างของอลิซาเบธอยู่ ทำให้ร่างของเธตกสู่พื้นดินเข้าอย่างจัง

          “แก ถ้าฉันหลุดออกไปได้ล่ะก็”

          มาซามุเนะทำได้แต่พูดอยู่ในใจ ฮายาโตะที่ได้เห็นสายตาของเขาก็ยิ้ขึ้นมาอย่างพอใจ

          “งั้นเรามาชมการแสดงหลักกันดีกว่า ด้วยนักแสดงผู้เป็นดาราเอกของคณะเรา และก็ผู้ที่มาซามุเนะคุงหลงใหลที่สุดด้วย นั่นก็คือ คาวาซากิ คุออน นั่นเองคร้าบ”

          ฮายาโตะกวักมือขวาอีกครั้ง มาซามุเนะสัมผัสได้ถึงออร่าสีแดงอีกจุดหนึ่ง และสิ่งที่ออร่านั้นเกาะอยู่ก็คือคุออนที่หมดสติอยู่ ร่างของเธอลอยเข้ามาในรัศมีการมองเห็นของเขาซึ่งร่างของเธอตรงไปทางฮายาโตะ ร่างกายของเธอไม่ได้มีร่องรอยบาดแผลเหมือนอลิซาเบธ แต่ว่าท่าทางของฮายาโตะดูต่างกับตอนที่ลงมือกับอลิซาเบธ เขาดูมีอาการตื่นเต้นยิ่งกว่า ร่างของคุออนก็ค่อยๆรอยเขาไปหาฮายาโตะ แต่จู่ๆเขาก็กวักมือขวาอีกครั้ง ทำให้ร่างของเธอพุ่งเข้าหาเขาเร็วขึ้น มาซามุเนะพึ่งสังเกตได้ว่าจุดที่ออร่าเกาะอยู่บนตัวคุออนก็คือที่หน้าผาก และเมื่อถึงระยะ ฮายาโตะก็ใช้เถาวัลย์ฟันเข้าที่คอของคุออนจนหัวของเธอตกลงสู่พื้นพร้อมกับร่าง

          ภาพในอดีตที่แม่ของมาซามุเนะโดนฆ่าโดยการตัดหัวจนเลือดนั้นกระเด็นมาโดนเข้า ทับซ้อนกับภาพที่หัวของคุออนลงสู่พื้น ภาพทั้งสองฉายอยู่ในหัวของมาซามุเนะ วนซ้ำแล้วซ้ำอีก ขณะเดียวกันกลางอกของเขาก็เหมือนมีอะไรกำลังพวยพุ่งออกมา มันคือออร่าสีดำทมิฬนั่นเอง มันพุ่งออกมาและค่อยเข้าครอบครองจิตใจของมาซามุเนะ มีสิ่งอื่นที่ดำมืดมาแทนที่สติของเขา แต่ในจังหวะสุดท้ายที่สติของเขาก็กลับคืนมา มันเป็นแรงเฮือกสุดท้ายมาซามุเนะมี เขาอ้าปากออกมาแต่ไร้ซึ่งเสียงใดๆ ตอนนี้สิ่งที่เขาเห็นก็คือภาพฉายซ้ำของหัวของคุออนที่ถูกตัดกระเด็น ในที่สุดเขามีเสียง และเสียงสุดท้ายก่อนที่สติของเขาจะหายไปก็คือเสียงของการตะโกนหานั่นเอง
          “คุออนนนนนนน!!!!!”

 

 

 

          ตอนนี้สติของเขาได้ถูกแทนที่ด้วยจิตแก้แค้นอันแรงกล้า จนถึงก่อนน้านี้เขาไม่สามารถขยับตัวได้เพราะถูกออร่าของงฮายาโตะเล่นงานอยู่ แต่ว่าตอนนี้ออร่าสีดำทมิฬได้กลืนกินมันไปแล้ว ทำให้ไม่มีอะไรมารั้งเขาไว้ได้แล้ว

          ทั่วร่างของเขานั้นถูกออร่าสีดำทมิฬเขาปกคลุมจนมองไม่เห็นแม้กระทั่งหน้าของเขาอีกแล้ว เรียกได้ว่าเขาถูกเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยก็ว่าได้

          ฮายาโตะและเร็นเริ่มถอยห่างเขามากขึ้น ฮายาโตะรู้สึกตัวแล้วว่าออร่าที่เขาใช้มาซามุเนะนั้นหายไปแล้ว ทั้งคู่เริ่มตั้งท่าเตรียมต่อสู้อีกครั้ง แต่มาซามุเนะก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะเคลื่อนไหวร่างกายเลยแม้แต่น้อย

          “<ดาร์ค สโมค (Dark Smoke)>”

          มีควันสีดำที่ไม่สะท้อนแสงถูกปล่อยออกมารอบตัวมาซามุเนะ ต้นไม้ที่เขาอยู่อยู่เกิดเสียงแตกร้าวดังลั่น

          “<ฟิลด์ รันนิ่ง (Field Running)>”

          เร็นตะโกนออกมาพร้อมกับชี้นิ้วไปยังจุดที่มาซามุเนะยืนอยู่ พืชมากมายโจมตีไปที่จุดนั้น แต่ผ่านไปหลายวินาทีก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จู่ๆเร็นก็ใช้มือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดปาก แล้วก็พูดว่า

          “พี่ค่ะ การโจมตีของฉันมันหายไป”

          “หมายความว่ายังไงกันน่ะ”

          แต่หลังจากคำพูดนั้นของฮายาโตะ ก็มีเสียงคำรามดั่งกึกก้องไปทั่วบริเวณ เร็นและฮายาโตะใช้มือทั้งสองข้างมาปิดที่หูของตัวเอง แต่ว่าในจังหวะเดียวกันก็มีอะไรบางอย่างพุ่งออกมาจากควันสีดำมุ่งหน้าไปหาทั้งสองคนด้วยความเร็วสูง รูปร่างของมันเหมือนกับหมาล่าเนื้อที่หิวโหย ที่กลางหลังมีปีกที่ดูคล้ายปีกค้างคาวอยู่ ฮายาโตะใช้มือซ้ายผลักตัวเร็นออกไปทางซ้าย แต่ตัวของเขาก็กระเด็นออกไปทางขวาเช่นกัน

          แต่แค่นั้นยังมิอาจหยุดยั้งการโจมตีของหมาล่าเนื้อที่หิวโหยได้ มันยกมือขวาออกมาทาบที่หน้าอก มีดาบที่เกิดจากออร่าสีดำก่อตัวขึ้นที่มือข้างนั้นทันที มันมีความยาวเกิน 1 เมตรแน่นอน หมาล่าเนื้อกระพือปีกที่หลังแรงๆอีกครั้ง ตัวของมันพุ่งออกไปด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิมมาก

          และเมื่ออยู่ในระยะแล้ว ฮายาโตะก็ปาหมุดสีแดงที่อยู่ในมือใส่หมาล่าเนื้อทันที แต่ตัวมันก็ใช้ดาบที่มือกวาดเป็นทิศทาง 180 องศา จากทางซ้ายไปยังทางขวาเช่นกัน หมุดนั้นปะทะเข้ากับดาบและแหลกสลายไปในพริบตา จากการโจมตีเมื่อกี้ทำให้มือขวาของฮายาโตะถูกฟันขาดออกจากแขนทันที แต่ที่หนักกว่านั้นก็คือตัวของเร็นที่โดนฟันเข้าที่กลางลำตัวจนร่างขาดออกเป็นสองท่อน

          ฮายาโตะรีบเข้าไปรับร่างท่อนบนของเธอไว้ในออมกอด หมาล่าเนื้อผู้หิวโหยไม่มีท่าทีว่าจะรอให้พวกเขาไปได้ลาจากกันแต่โดยดี มันฟาดดาบเข้าใส่ฮายาโตะอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาหลบได้อย่างหวุดหวิด หมาล่าเนื้อค่อยร่อนลงบนพื้นพร้อมๆกับฮายาโตะ หลังจากที่เขานำร่างของน้องสาวอันเป็นที่รักของตัวเองวางลงบนพื้นดินอย่างอ่อนโยน เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองหมาล่าเนื้อด้วยสายตาที่เคียดแค้น

          “แก ฉันไม่...อ้าาาาา ฉันจะฆ่าแก--------------”

          ความรู้สึกของฮายาโตะนั้นไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ นั่นอาจจะเป็นสิ่งที่มาซามุเนะซึ่งเป็นร่างต้นของหมาล่าเนื้อต้องการให้เขาก็ได้ ความคับแค้นที่ถูกพรากคนสำคัญไปต่อหน้าต่อตา การต่อสู้หลังจากนี้คงจะมีแต่การใช้ความแค้นโจมตีเข้าใส่กันเป็นแน่

          ทั้งคู่ยืนมองหน้ากันอยู่หลายวินาที ฮายาโตะรู้ตัวดีว่าความสามารถของตนนั้นแพ้ทาง ดังนั้นวิธีที่เขาจะใช้ก็คือการรักษาระยะห่างแล้วหาช่องว่างในการโจมตี มันคือวิธีเดียวที่จะทำให้เขาชนะได้

          ฮายาโตะขึ้นไปยืนบนแผ่นวงกลมแล้วลอยขึ้นไปกลางอากาศอีกครั้ง ไม่ทันใดหมาล่าเนื้อก็กระพือปีกบินตามไปอีกครั้ง มันง้างมือขวาขึ้นเหนือหัว ออร่าสีดำก่อตัวกลายเป็นดาบเล่มใหญ่กว่าเดิม มือซ้ายของมันยื่นออกมาข้างหน้าทำท่าคล้ายพยายามจะคว้าร่างของฮายาโตะที่อยู่กลางอากาศ มันฟาดดาบมือขวาเข้าใส่ฮายาโตะที่อยู่ภายในรัศมีการโจมตี ถ้าเป็นไปตามปกติดาบเล่มนั้นก็คงจะทำให้ร่างของฮายาโตะขาดออกเป็นสองซีกไปแล้ว แต่ว่าจู่ๆเขาก็พุ่งตัวไปข้างหลังทำให้หลบการโจมตีของหมาล่าเนื้อได้อย่างหวุดหวิด เขาขว้างหมุดออกไปอีกครั้งโดยใช้มือข้างที่เหลือ จุดที่เล็งนั่นก็คือกลางหน้าผากของมัน

          “คิดตื่นไปแล้ว”

          มีเสียงทุ้มต่ำดังออกมาจากลำคอของหมาล่าเนื้อ หมุดที่ฮายาโตะขว้างออกไปนั้นปักเข้าที่กลางหัวของมันก็จริง แต่แทนที่มันจะละลายติดอยู่บนผิวหนัง มันเหมือนถูกดูดกลืนเข้าไปมากกว่า

          แต่ในตอนที่เขารู้ตัวนั้น ท้องของเขาก็ถูกอะไรบางอย่างแทงเข้าแล้ว นั่นคือหอกสีดำทมิฬที่ยืดออกมาจากมือซ้ายของหมาล่าเนื้อซึ่งมือซ้ายนั้นถูกชักกลับไปในตอนที่มันฟาดดาบมือขวานั่นเอง

          หอกนั้นถูกชักกลับไปแต่สิ่งที่ตามมาก็คือดาบมือขวานั่นเอง ดาบนั้นฟันเข้าที่กลางลำตัวของฮายาโตะทำให้ร่างของเขาขาดออกในพริบตา ระหว่างที่ร่างท่อนขนของเขาตกลงสู่พื้น หมาล่าเนื้อก็หยิบเอาร่างนั้นมาเหมือนกับเหยี่ยวที่โฉบเหยื่อของมัน

          มันร่อนลงมายังพื้นพร้อมกับวางร่างนั้น ง้างกำปั่นข้างขวาขึ้นสูงๆแล้วต่อยใส่ร่างไร้วิญญาณของฮายาโตะ ต่อยสลับซ้ายขวาไปเรื่อยๆ เหมือนกับจะบอกว่าให้คืนสิ่งที่มันเสียไปมา แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น สุดท้ายมันก็คำรามออกมาจนเสียงดังก้อง ในเสียงของมันแฝงไว้ด้วยความโศกเศร้าที่ไปขีดจำกัด ก้มหน้าลงพื้นดินที่ถูกย้อมด้วยสีแดงของเลือด

          “<เคิร์ส รีไวล์ (Curse Revive)>”

          มีแสงสีเขียวอันอบอุ่นสว่างไปทั่วบริเวณ หมาล่าเนื้อยังคงก้มหน้าอยู่อย่างดื้อดึง

          “<มาเธอร์ ฮีลลิ่ง (Mother Healing)>”

          แสงสีเขียวสว่างขึ้นกว่าเดิม มีเสียงฝีเท้าเดินอยู่อย่างเบาบาง เสียงนั้นค่อยๆเข้าใกล้หมาล่าเนื้อขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่าตอนนี้มันไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆแล้ว ทันใดนั้นก็มีฝามืออันอ่อนโยนมาแตะที่หัวของมัน ด้วยความรู้สึกอันอ่อนโยนและอบอุ่นทำให้มันเงยหน้าขึ้นมามอง ไม่รู้ว่านั่นใช่ภาพหลอนหรือเปล่า แต่สิ่งที่มันเห็นก็คือใบหน้าอันอ่อนโยนของคุออนที่น่าจะตายไปแล้ว ออร่าสีดำที่ปกคลุมตัวมันอยู่ค่อยๆสลายไป สติของมาซามุเนะค่อยกลับมาทีละนิด แต่ยังไม่ทันที่สติของเขาจะคืนมาอย่างสมบูรณ์ สติของเขาก็ล่องลอยไปอีกครั้ง สิ่งสุดท้ายที่เขาเห็นนั่นก็คือใบหน้าของคุออน

 

 

 

 

 

 

          วันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม เวลา 15.20 นาฬิกา

          “ฟื้นแล้วหรอ ชินโด มาซามุเนะคุง”

          มาซามุเนะกระตาอยู่หลายครั้ง และในตอนนั้นก็มีเสียงที่คุ้นหูแต่ว่าวิธีการพูดนั้นต่างจากเดิมโยสิ้นเชิง เขาลืมตาขึ้น เมื่อมองเพดาก็รู้ได้ทันทีว่าที่นี่คือห้องนอนของตน เมื่อมองไปข้างหน้าเตียงก็เห็นนาฬิกาติดผนังบอกเวลาอยู่ที่ 15.20 เขาใช้แขนซ้ายยันเตียงพร้อมหันหน้าไปทางต้นเสียง สิ่งที่เขาเห็นก็คือใบหน้าของคาวาซากิ คุออน เพื่อนสมัยเด็กที่เขาชอบมากที่สุด แต่เธอกลับให้ความรู้สึกที่ต่างไปจากเดิม

          “คุออน งั้นหรอ?”

          ไม่รู้ทำไมมาซามุเนะถึงพูดแบบนั้นออกไป ทั้งที่เป็นใบหน้าที่เขาคุ้นเคยแท้ๆแต่กลับพูดแบบนั้น มันเป็นการเสียมารยาทอย่างมาก แต่คำตอบที่เขาได้รับมาก็น่าตกใจพอๆกัน คุออนส่ายหน้าครั้งหนึ่งก่อนจะตอบคำถามของเขา

          “ไม่ใช่หรอก ชื่อของฉันคือคาวาซากิ ริน เป็นพี่สาวของคุออน”

          มาซามุเนะแสดงหน้าตาสงสัยอย่างเห็นได้ชัด เธอจึงเริ่มอธิบายต่อ

          “ความจริงก็คือ...ฉันตายไปแล้วน่ะ เมื่อ 7 ปีก่อน”

          “ตะ...ตายไปแล้ว...หรอ?”

          รินใช้นิ้วของเธอดีดไปที่กลางหน้าผากของมาซามุเนะ ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่ามันมีความทรงจำที่เขาลืมไปแล้วกลับเขามาในหัว แต่มันเลือนรางจนเขาไม่รู้ว่ามันเป็นความทรงจำอะไรกันแน่

          “จำไม่ได้จริงๆสินะ มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นแหละนะ”

          มาซามุเนะงุนงงถึงขีดสุด เขาใช้มือขวาจับไปที่หัวของตัวเอง พยายามนึกหาความทรงจำอยู่นาน แต่มือซ้ายของรินก็มาจับมือขวาของเขาแล้วจับมันมาวางไว้ที่ตักของเธอ เหมือนกับเป็นการบอกว่าไม่จำเป็นต้องนึก พร้อมกับพูดขึ้นมา

          “เมื่อ 8 ปีก่อน ฉันอายุ 10 ขวบ ตอนนั้นฉันได้พบเธอตอนที่คุออนพาเธอมาที่บ้าน แล้วพวกเราสามคนก็เล่นด้วยกัน จนในปีต่อมา ฉันเกิดมีพลังจิตขึ้นมา มันเป็นเวลาเดียวกับที่รัฐบาลใช้มาตรการนั่น นั่นทำให้ฉันต้องถูกรัฐบาลจับตัวไปในอีกหนึ่งอาทิตย์ แต่ว่าในตอนนั้น คุออนที่ยังมีอายุแค่ 8 ขวบก็บอกกับฉันว่าจะพาหนีไป เธอจูงมือฉันวิ่งฝ่าภูเขาที่เต็มไปด้วยความมืด ในตอนนั้นมีเจ้าหน้าที่มาพบเข้าพอดี คุออนออกไปเป็นคนล่อให้ฉันเพื่อที่จะให้ฉันซ่อนตัว แต่ว่าเขาใช้ปืนจ่อไปที่ขาซ้ายของเธอ แล้วก็ยิง เธอพยายามกลั่นเสียงร้องของตัวเอง แต่ว่าพวกเจ้าหน้าที่ก็ยังคงยิงต่อไปเรื่อยๆ ทั้งที่ขาขวา แขน และก็ที่หัว สุดท้ายฉันก็ทนเห็นเธอในสภาพนั้นไม่ได้ แต่ในตอนที่ฉันเดินออกไป ฉันก็โดนยิงตัดขั้วหัวใจพอดี ตอนนั้นฉันคิดแค่ว่าขอให้คุออนยังรอดก็พอ และในตอนนั้นพลังจิตขั้นสุดท้ายของฉันก็ตื่นขึ้น พลังนั้นย้ายจิตวิญญาณของฉันให้ไปอยู่ในตัวคุออน รักษาเธอให้หายเป็นปกติ และก็ลบตัวตนของฉันออกไปจากความทรงจำของทุกคน แม้กระทั่งคุออน”

          รินพูดออกมาพร้อมกับเดินไปบานหน้าต่างของห้องและก็เปิดมันออก มีแสงอาทิตย์ยามบ่ายสาดส่องเข้ามา มาซามุเนะที่กำลังทำความเข้าใจกับข้อมูลที่ได้รับมาอยู่นั้น ก็สังเกตเห็นรอยแผลรอยหนึ่งที่หัวของเธอ ถึงจะเป็นรินแต่ว่าก็เป็นร่างของคุออน ดังนั้นรอยแผลนั่นก็คือรอยแผลของคุออนอย่างแน่นอน

          “รอยแผลนี่ก็คือรอยที่เธอโดนยิงเข้าไปที่หัวนั่นแหละนะ นี่คือหลักฐานการมีตัวตนอยู่ของฉันยังไงล่ะ”

          เหมือนว่าเธอจะรู้ว่ามาซามุเนะสังเกตเห็นมัน เมื่อเขาทำความเข้าใจเกี่ยวกับตัวเธอเสร็จแล้ว จึงเอ่ยขอสงสัยของตัวเองออกมา

          “เออ คุณคาวาซากิครับ ขอผมถามอะไรหน่อยจะได้ไหมครับ”

          “เรียกว่ารินเถอะ สมัยก่อนเธธอก็เรียกอย่างนั้น”

          “ครับ คุณรินครับ แล้วตอนนี้คุออนอยู่ไหนล่ะครับ”

          “ความสามารถของฉันก็คือ <คำสาปแห่งการเยียวยา> มันคือความสามารถในการรักษาล่ะนะ แต่ว่ามันจะทำวานก็ต่อเมื่อฉันตายไปแล้ว”

          “ตะ...ตายไปแล้ว”

          “ฉันบอกไปแล้วใช่ไหมล่ะว่าฉันตายไปแล้ว ในตอนนั้นความสามารถนี้ก็ทำงาน มันทำให้จิตของฉันอยู่ภายในตัวคุออน แต่แลกมาด้วยเงื่อนไขหลายอย่าง ข้อแรกก็คือ ตัวตนของฉันที่เคยมีอยู่บนโลกนี้จะหายไป นั่นคือการที่ทุกๆสิ่งที่ฉันเคยทำไว้ในโลกจะหายไป มันเหมือนหับว่าฉันไม่เคยมีตัวตนอยู่แต่แรกนั่นแหละ”

          นั่นคือคำตอบว่าทำไมตัวเขาและคุออนถึงไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับริน แม้แต่ที่บ้านของคุออนที่เคยมีห้องของเธออยู่ก็หายไป ทุกๆสิ่งที่เธอเคยทำหายไป นั่นจึงเป็นอีกคำตอบว่าทำไมคุออนถึงรอดมาจากเหตุการณ์การตายของรินได้

          “แต่ว่า ถ้าพูดแบบนั้นล่ะก็ แล้วรอยแผลที่หัวของคุออนล่ะ”

          “นี่เป็นสัญลักษณ์น่ะ ในตอนที่ฉันได้คุยกับจิตสำนึกของคุออนตอนที่เข้าไปตัวเธอ เธอบอกมาว่าให้ทำสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการมีตัวตนของฉันเอาไว้หนึ่งที่ เพื่อที่ซักวันหนึ่งเธอจะได้รู้ว่ายังมีฉันอยู่ ฉันจึงใช้แผลนี้เป็นสัญลักษณ์ แล้วก็มอบความทรงจำปลอมเกี่ยวกับที่มาของแผลไว้ และก็มอบความสามารถเป็นการตอบแทน ความาสามารถนั่นก็คือ เพอร์เฟ็คเมมโมรี่”

          มาซามุเนะค่อนข้างแน่ใจว่านั่นเป็นเรื่องจริง เพราะต้นเหตุของเพอร์เฟ็คเมมโมรี่ที่เขารู้จักนั้นมันดูไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ด้วย

          “แล้วข้ออื่นล่ะครับ”

          “ข้อสอง ฉันจะเห็นการกระทำของคุออนทั้งหมด และได้รับรู้ความรู้สึกทั้งหมดที่คุออนมีด้วย รวมถึงความรักที่เธอมีต่อนายด้วย และก็ข้อสาม คุออนจะตายทันทีที่ตัวเองไร้จุดมุ่งหมายในชีวิตแล้ว ข้อนี้แหละที่เป็นปัญหา ฉันไม่รู้ด้วยว่าจุดมุ่งหมายในชีวิตของเธอคืออะไร”

          “งั้นเราก็ต้องทำให้เธอไม่สิ้นหวังสินะครับ เออ ก็ประมาณว่าต้องให้ความหวังที่มีความเป็นไปได้ต่ำว่ามันจะไม่เป็นไปตามที่พูด อะไรแบบนี้ไงครับ”

          มาซามุเนะอธิบายเพิ่มเติมเมื่อเขาเห็นรินทำหน้าไม่เข้าใจในคำพูดของเขา เขารู้สึกได้เลยว่าเธอกับคุออนนั้นทำหน้าเวลาไม่เข้าใจอะไรได้เหมือนกันมาก หรือมันเป็นเพราะว่าเธออยู่ในร่างของคุออนกันแน่นะ?

          “ก็ประมาณนั้นแหละ แต่ว่ากลับกัน ถ้าคุออนยังมีจุดมุ่งหมายในชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะฆ่ายังไง เธอก็จะฟื้นคืนชีพขึ้นมา แต่ใน 12 ชั่วโมงแรกของคืนชีพ ฉันจะเป็นคนใช้ร่างนี้เอง”

          “ฟื้น...คืนชีพ หรอครับ? งั้นแปลว่าคุออนก็จะไม่ตาย แล้วก็จะไม่แก่ขึ้นด้วย เธอจะอยู่ไปตลอดการหรอครับ”

          “เวอร์ไปแล้ว คุออนจะแก่ไปเรื่อยๆจนถึงอายุ 30 ปีแล้วก็จะหยุดการเจริญเติบโตลง ซึ่งนั่นหมายรวมกับการเจริญเติบโตภายในร่างกายของเธอด้วย สรุปก็คือ พอเธออายุ 30 เชื้อโรคหรือปรสิตที่มาอยู่ในร่างก็จะตายลงทันทีที่มันเข้าไป”

          “งั้นก็สะดวกมาเลยนะครับ”

          “ไม่หรอก เพราะมันรวมไปถึงการมีลูกด้วยยังไงล่ะ ถ้าเธออายุ 30 เธอก็จะไม่สามารถมีลูกได้ นั่นหมายถึงนายจะต้องรีบมีลูกกับเธอยังไงล่ะ”

          “แฮะๆ เรื่องนั้นเองหรอครับ”

          มาซามุเนะพูดออกมาพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆให้กับคำพูดของรินที่เขาฟังว่ามันไม่เหมือนกับพี่สาวเลยสักนิด

          และในตอนนั้นนึกถึงการต่อสู้ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าได้ จึงเอ่ยถามไป

          “เอ่อ คุณรินครับ แล้วพวกอากิโอะล่ะครับ?”

          “ถ้าจะคุยเรื่องนั้นล่ะก็ ช่วยไปส่งฉันกับน้องสาวที่บ้านด้วยได้ไหมล่ะ เดี๋ยวจะอธิบายไปด้วยระหว่างเดินน่ะ”

          “อ่ะ เออ... เข้าใจแล้วครับ”

          มาซามุเนะพูดออกมาพร้อมกับลุกขึ้นมาจากเตียง แต่เมื่อมองดูตัวเองอีกทีเขาก็พบว่าตัวเขาไม่ได้เสื้อผ้าท่อนบนอยู่ เข้าจึงใช้มือทั้งสองข้างมาบังตัวไว้แล้วมองหน้ารินเหมือนกับเป็นการบอกให้ออกไปจากห้องก่อน เธอพยักหน้าครั้งหนึ่งแล้วค่อยเดินออกไปจากห้องแต่โดยดี

          เขาลึกไปเปิดตู้เสื้อผ้าของตัวเอง แล้วก็พบกับเรื่องแปลกใจอยู่ที่ว่ามีเสื้อผ้าหลายตัวหายไปจากตู้ แต่เขาก็ไม่อยากให้รินรออยู่นานจึงหยิบเสื้อยืดธรรมดามาใส่ไปพรางๆก่อนแล้วจึงเดินออกไปหารินที่อยู่ข้างนอก

          ระหว่างทางที่เดินไปบ้านของเธอนั้น เธอเล่าว่าเธอนั้นใช้ความสามารถรักษาบาดแผลของทุกคนๆที่อยู่ที่นั่นแล้ว ซึ่งนั่นรวมๆไปถึงฮายาโตะกับเร็นด้วย ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เพราะว่าความสามารถของเธอจะรักษาให้กับทุกคนจริงๆ แต่ว่าแทนที่จะเรียกว่ารักษา เขาคิดว่าน่าจะเรียกว่าคืนชีพให้เลยก็ว่าได้ แต่เมื่อรักษาเสร็จ เร็นกับฮายาโตะก็เผ่นแนบไปก่อนที่พวกเขาจะรักษาหมดซะอีก

          และเธอก็อธิบายเกี่ยวกับพลังของเธอต่อไปอีกว่าจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อเธอเป็นคนควบคุมร่างเท่านั้น และเธอจะควบคุมร่างได้ก็ต่อเมื่อคุออนตายแล้วคืนชีพขึ้นมาเท่านั้น นั่นทำให้เขาคิดว่าไม่ควรที่จะหวังพึ่งพลังของเธอ เพราะมีเงื่อนไขที่ยากเกินไป แล้วเมื่อคืนชีพมาก็อาจจะเป็นการรักษาบาดแผลให้ศัตรูไปด้วย

          ทั้งคู่เดินมาได้ 1 ชั่วโมงแล้วในที่สุดก็ถึงบ้านของเธอ เขารู้สึกเคลิ้มไปกับบรรยากาศที่น่าหลงใหลจนแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในบ้านหลังนี้จนไม่รู้สึกตัวว่ามีสิ่งที่แปลกประหลาดเกิดขึ้นแล้ว

          และสิ่งที่เตือนสติเขาก็คือ แสงอาทิตย์ยามเย็นที่ไม่น่าจะมีในช่วงเวลานี้ มันสาดส่องเข้ามาภายในตาเขาจากหน้าต่างห้องของคุออน เขารู้สึกตัวแล้วว่ามีสิ่งที่แปลกประหลาดเกิดขึ้น แต่เขาก็ระงับความคิดนั้นไว้แล้วถามสิ่งที่สงสัยอื่นออกไปแทน

          “คุณรินครับ อธิบายเกี่ยวกับการตายของพวกเร็นกับฮายาโตะหน่อยได้ไหมครับ ผมรู้สึกว่าความทรงจำมันขาดช่วงไปน่ะครับ”

          “บ้าน่า ฉันว่าเธอรู้ตัวแล้วนะว่าที่นี่มันแปลกไป”

          “เรื่องนั้นผมก็พอรู้อยู่หรอก แต่ว่า—---”

          “ถ้ารู้ตัวแล้วมันก็ดี งั้นมาเข้าสู่ช่วงสุดท้ายกันเลยเถอะ”

          “ช่วงสุดท้ายหรอครับ? โอ๊ะ”

          รินดีดหน้าผากของมาซามุเนะแล้วก็ใช้มือทั้งสองข้างผลักเขาลงบนเตียงของคุออน เธอดีดนิ้วครั้งหนึ่ง ท้องฟ้านอกหน้าต่างเปลี่ยนเป็นตอนกลางคืน เธอขึ้นมาบนเตียงโดยค่อมอยู่บนตัวเขา นั่นทำให้มาซามุเนะมองเห็นหน้าของเธอได้อย่างชัดเจน นั่นคือใบหน้าของคุออนแน่นอนแต่ก็ให้ความรู้สึกว่าไม่ใช่ เธอยื่นหน้าเขามาแนบหูเข้าแล้วใช้ลิ้นเลีย

          “คุณรินครับ อย่าใช้ร่างของคุออนทำอะไรแบบนั้นสิครับ”

          “ไม่ล่ะ ฉันอยากจะทำแบบชี้กับเธอมาตั้งนานแล้ว”

          “หมายความยังไงกันครับ”

          “ฉันบอกไปแล้วใช่ไหมล่ะว่าฉันจะรับรู้ทุกๆสิ่งที่คุออนรับรู้ แต่ความจริงฉันก็รู้สึกกับเธอตั้งแต่ 8 ปีก่อนแล้ว”

          “…....”

          มาซามุเนะไม่เข้าใจสิ่งที่รินพูด เธอเงยหน้าขึ้นมาแล้วใช้หน้าพากชนหน้าพากของเขา ก่อนจะกระซิบเบาๆต่อไปอีก

          “ฉันรักเธอนะ รักมาตั้งแต่เมื่อ 8 ปีที่แล้วแล้วด้วย ฉันเฝ้าดูนายมาตลอด ดูนายผ่านทางคุออน แล้วก็รับรู้ความรู้สึกของเธอด้วย เหลือเวลาไม่มากแล้วล่ะ”

          “หมายความว่าอะไรหรอครับ”

          “เรื่องคำถามของเธอ เดี๋ยวหลังจากตื่นนายก็จะเข้าใจเองล่ะ”

          “ตื่น?”

          เธอค่อยๆเอาใบหน้าเข้ามาใกล้ๆเรื่อยๆ ริมฝีปากอันนุ่มนวลของเธอค่อยๆเขามาใกล้ริมฝีปากของเขาเรื่อยๆ จากนั้นแสงสว่างจ้าก็ส่องออกมาจากจุดใดจุดหนึ่งของความคิดเขา หลังจากนั้นเขาก็ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น

          แสงสว่างนั้นคงอยู่อีกหลายนาทีก่อนที่จะถูกแทนที่ด้วยความมืด เขาเริ่มรู้สึกถึงความนุ่มนิ่มที่ตัวเองทับอยู่ ตาของเขากระพริบอยู่สักพักหนึ่งแล้วจึงลืมตาออกมาเต็มที่ สิ่งที่เขาเห็นคือสิ่งที่ไม่ควรจอยู่ตรงนั้น สายตาเขาเห็นคาวาซากิ คุออนนอนตะแคงอยู่ ซึ่งเขาก็พึ่งจะรู้เขากำลังนอนตะแคงอยู่เหมือนกัน ซึ่งเตียงที่เขานอนอยู่มันก็นุ่มเกินไปที่จะเตียงที่ห้องของเขา แล้วห้องนั้นก็ไม่ใช่ห้องของเขาเช่นกัน

          ถึงเขาจะคิดได้แบบนั้น แต่เขาก็อยู่ในอาการพึ่งตื่นนอน ทำให้ไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ ภายในสมองเขาก็บอกว่าให้หลับต่อด้วย แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อใบหน้ตอนนอนของคุออนที่เขามองอยู่นั้นมีกาเคลื่อนไหว เธอกระพริบตาอยู่หลายครั้งก่อนจะลืมตาเต็มที่ สายตาของเธอนั้นทำท่าดูสงสัย แล้วเธอก็ใช้มือชวามาจับที่แก้มของเขา ตบไปหนึ่งครั้ง ก่อนที่ใบหน้าของเธอจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่ดูตกใจแทน แก้มทั้งสองข้างของเธอเปลี่ยนจากสีขาวอมชมพูเป็นสีแดงอย่างเต็มที่

          “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”

          วันจันทร์ที่  20 พฤษภาคม เวลา 06.20 นาฬิกา

          วันนี้เป็นวันหยุดเนื่องในโอกาสก่อตั้งโรงเรียนมาซาราดะ ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติล่ะก็ มาซามุเนะน่าจะอยู่ที่บ้านทั้งวันแน่ๆ หรือไม่ก็เล่นวีดีโอเกมให้หน้ำใจหลังจากที่ไม่ได้เล่นมานาน แน่นอนว่านากิสะนั้นต้องมาแจมด้วยแน่ๆ ก็เธอเป็นคนที่ชอบเล่นเกมมากๆเลยนี่ แต่ว่าเขาคงจะทำแบบนั้นไม่ได้ล่ะนะ

          หลังจากที่คุออนกรี๊ดซะลั่นบ้านแล้ว สิ่งที่ตามมาก็คือการถีบมาซามุเนะตกลงมาจากเตียง แล้วก็เสียงเคาะประตูห้องของพ่อแม่เธอ ดูเหมือนว่าคุออนจะจำไม่ได้ว่าตัวเองถูกฆ่าตายไปแล้วรอบหนึ่ง ความทรงจำล่าสุดของเธอคือตอนที่พวกฮายาโตะกลางอาณาเขตโลกเสมือน จากนั้นดูเหมือนว่าเธอจะตกใจจนสลบไปเลย

          หลังจากนั้นแม่ของเธอหรือก็คือคุณคาวาซากิ ยูกิโกะก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เธอบอกมาว่า ช่วงเย็น คุออนก็พามาซามุเนะมาที่บ้าน สิ่งที่แปลกก็คือมาซามุเนะนั้นอยู่ในสภาพหมดสติ ส่วนคุออนก็ทำตัวไม่เหมือนปกติ คุออนในตอนนั้นน่าจะถูกรินควบคุมร่างอยู่ เธอบอกว่าพรุ่งนี้เป็นวันหยุด จะให้มาซามุเนะมาค้างที่บ้านด้วย โดยอ้างว่าที่มาซามุเนะสลบอยู่แบบนี้เป็นเพราะตัวเธอ จึงอยากจะชดใช้ด้วยการดูแล จากนั้นก็พาเข้าไปในห้องนอน หลังจากนั้นเธอก็อยู่ในห้องไม่ออกมาอีกเลย

          ถ้าให้มาซามุเนะเดาล่ะก็ เขาคิดว่ารินนั้นตั้งใจจะบอกความจริงเกี่ยวกับพลังจิตของคุออน จึงใช้พลังจิตอะไรสักอย่างเพื่อเชื่อมต่อจิตใต้สำนึกของ าซามุเนะและตัวเธอ

          แต่สิ่งที่มาซามุเนะต้องคิดให้มากที่สุดก็คือรอดจากพ่อของคุออนหรือก็คือคาวาซากิ โคจิ  เขาเป็นคนที่ห่วงลูกสาวของตัวเองมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ก็ดีที่คุออนมาช่วยพูดทำให้เขารอดตายได้อย่างฉิวเฉียด หลังจากนั้นเขากับคุออนก็ไปคุยกันที่สนามเด็กเล่นที่พวกเขาไปเล่นอยู่บ่อยๆ คุออนเดินนำเขาไปนั่งที่ม้านั่งที่ประจำของทั้งคู่ แล้วจึงเอ่ยคำพูดออกมา

          “มาซามุเนะคุง ฉันขอโทษกับเรื่องเมื่อเช้านี้ด้วยก็แล้วกันนะ”

          “ไม่เป็นไรหรอก ความจริงที่ฉันไปอยู่บนเตียงเธอต่างหากล่ะที่แปลก เอาจริงๆ เรื่องที่คุณแม่ของเธอเล่ามาก็----”

          “ฉันรู้หมดแล้วล่ะ เรื่องที่ว่าพี่ของฉันมีตัวตนอยู่น่ะ”

          คุออนพูดแทรกขึ้นมาด้วยคำพูดที่เขาคาดไม่ถึง เธอหันหน้ามามองมาซามุเนะด้วยสีหน้าเศร้าๆ ที่ตาของเธอมีน้ำตาอยู่

          “ฉันเห็นน่ะ เรื่องในความฝัน ตอนนั้นฉันเห็นว่าตัวฉันกำลังทำอะไรอยู่ แล้วพี่ของฉันที่ควบคุมร่างก็อธิบายทุกๆอย่างออกมา ในตอนนั้นความทรงจำมากมายเกี่ยวกับพี่ก็กลับเข้ามาในสมองของฉัน ตอนนั้นฉันไม่ต้องทำความเข้าใจกับมันเลยล่ะ อย่างกลับว่ามันอยู่ในหัวฉันอยู่แล้ว”

          คุออนใช้มือขวาเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างท้วมท้นของเธอ มาซามุเนะที่ได้ยินอย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะอย่างไรดี แต่เธอก็หันหน้ามาทางมาซามุเนะอีกครั้งด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปจากเมื่อกี้อย่างสิ้นเชิง

          “พี่ค่ะ หนูรู้นะว่าดูอยู่น่ะ หนูขอบอกเอาไว้ตรงนี้เลยล่ะกัน ว่ามาซามุเนะคุงเป็นของหนูนะ”

          เธอเข้ามากอดแขนของมาซามุเนะ แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นออกไปก็แน่นอนว่าไม่มีเสียงตอบรับกลับมาจากรินซึ่งเป็นพี่ของเธอ

          “อ่ะ จริงด้วยสิ”

          “มีอะไรหรอ”

          “คือว่ามันมีไอ้นี่ส่งมาที่บ้านน่ะ แต่มันจ่าหน้าซองถึงนายนะ”

          คุออนหยิบซองจดหมายสีดำสนิทออกมาจากกระเป๋าสะพายไหล่ของเธอแล้วยืนให้กับมาซามุเนะ เขารับมาดูด้วยความสงสัย ที่หน้าซองมีตัวอักษรสีขาวเขียนชื่อเขาจริงนั่นแหละ แต่ไม่มีชื่อคนส่ง มันไม่ใช่ซองจดหมายที่บุรุษไปรษณีย์เป็นคนส่งมาแน่ เขาเปิดซองออกมา ข้างในกระดาษมีกระดาษสีขาวเนื้อดีพับอยู่ เมื่อเขากางออกมา ก็มีตัวอักษรเขียนไว้บนมุมขวาอยู่

          “เอ่อ คุออน เธอรู้ภาษาฝรั่งเศสใช่ไหม นี่มันอ่านว่าหรอ”

          มาซามุเนะยืนกระดาษแผนนั้นให้คุออนอ่าน เธอมองอยู่สักพักหนึ่งแล้วจึงพูดออกมา

          “รู้ สึก ว่า จะเป็นชื่อผู้ส่งนะ ชื่อว่าอะไรเนี่ย เอ่อ แคโรไลน์ ฟลอร่า ใช่ มันอ่านได้ประมาณนี้ล่ะนะ นายพอจะรู้จักชื่อนี้ไหมล่ะ”

          “รู้จักสิ ก็แคโรไลน์ ฟลอร่าคือชื่อของแม่ฉันนี่”

          นั่นเป็นชื่อเดียวที่ไม่ว่าจะผ่านไปสักกี่ปีเขาก็ไม่เคยลืมเลือน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา