จากบูรพาสู่โพ้นทะเล

7.0

เขียนโดย HIMARAYA

วันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 เวลา 15.17 น.

  6 ตอน
  2 วิจารณ์
  5,193 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 16.36 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) สายน้ำแห่งสองหมู่บ้าน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

หมู่บ้านเสี่ยไจ๊ เตี่ยเอี๊ย ประเทศจีน กรกฎาคม ปี 2470

 

“ยี่เก้า!! ลื้ออยู่ไหนวะ พวกเราจะไปกันแล้ว คนอื่นๆ เค้าก็ล่วงหน้าไปหมดแล้วโว้ย” หนุ่มรุ่นน้อยสามคนยืนอยู่หน้าเล้าหมูหน้าบ้านปูน หนึ่งในสามหนุ่มตะโกน ขณะที่เพื่อนสองคนยืนมองดูลูกหมู สาม-สี่ตัว กำลังเตาะแตะเอาจมูกดุนเต้าหานมจากแม่หมูที่นอนตะแคงแบกะพื้นโคลน ท่ามกลางอากาศแล้งระอุ เกาย้ง ป้องปากตะโกนยังไม่ทันสิ้นคำสุดท้าย หนุ่มกระทงร่างสันทัด โหนกแก้มตอบสูงปรากฎกายพร้อมส่งเสียงมาจากริมทางก่อนถึงประตูบ้าน “อั๊วอยู่นี่ แค่ออกไปเดินเล่นให้ใจสงบ”

 

อุ่ยจิว เป็งกวง หันมายิ้มหัวพร้อมกันขณะ เกาย้งออกปากกระเซ้าเพื่อน “นึกว่าลื้อจะกลัวหนีไปแล้วซะอีก” เบ๊ยี่เก้า สีหน้าเรียบเฉย ความกังวลในปรากฎแววตาแว่บหนึ่ง ก่อนเพื่อนคนใดสังเกตเห็น เบ๊ยี่เก้าก้มหน้า ขยับผูกกางเกงปังลิ้นให้กระชับ ใช้ท่อนแขนปาดเม็ดเหงื่อที่พรายผุดบนใบหน้า ก่อนออกขยับเท้าเดินนำเพื่อนสามคนไปตามทางดินแห้งแล้ง

 

ปีนั้นแล้งกว่าทุกปี แล้งจนใบไม้เปลี่ยนสี ทิวหญ้าแห้งแดงกลบด้วยฝุ่น น้ำในลำธารปีนี้ตื้นเขินและไหลเอื่อยเหลือเกิน ลำน้ำแคบลงไปตลอดสายจรดสุดสายตามองเห็น น้ำในลำธารแค่นี้ไม่มีทางเพียงพอสำหรับ ไร่ นา ในหมู่บ้านเสี่ยไจ๋ และหมู่บ้านอึ่งเต็กกี้ ปีนี้.. จะมีแค่หมู่บ้านใดหมู่บ้านหนึ่งที่ได้เก็บเกี่ยวผลผลิตอันแห้งแล้ง ถึงสิ้นปี อาจจะมีชาวบ้านอดตายกันบ้าง แต่เราไม่มีหนทางอื่น

 

ลำน้ำที่เคยเชื่อมโยงหมู่บ้านด้วยความชุ่มชื้น กำลังกลายเป็นชนวนความขัดแย้ง เหมือนผืนดินที่แห้งแตก เป็นรอยร้าวแยกสองหมู่บ้านออกจากกัน

 

ตะวันเช้าส่องเฉียงทาบหน้าผาเป็นเงาพาดลงธารเอื่อย ใกล้ชายหาดริมเนินเขา เบ๊ยี่เก้า เล้าเกาย้ง เบ๊อุ่ยจิว ลี้เป็งกวง เดินตามทันท้ายขบวนของกลุ่มผู้ชายในหมู่บ้าน ที่แห่งนั้น ผู้ชายจำนวนเฉียดร้อยแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม ทั้งสองฝั่ง ดูไม่แตกต่างกัน หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ จนวัยใกล้ชราล้วนอยู่ในชุดมอซอ นุ่งกางเกงปังลิ้น ในมือบางคนถือท่อนไม้ บ้างก็ถือก้อนหิน คนสองกลุ่มยืนประจันหน้ากันท่ามความร้อนที่ระอุขึ้นช้าๆ แต่ล่ะดวงหน้าล้วนชุ่มเหงื่อ หลายร่างผอมแกร็น ชายสองกลุ่มต่างออกมาสู้เพื่อปากท้องคนของในหมู่บ้านตนเอง

 

นิ่งนานราวกับเวลาหยุดเดิน ดวงอาทิตย์ปล่อยไอระอุลงเบื้องล่าง ธงหมู่บ้านสีตุ่นปักตัวอักษรสีดำบนปลายเสาพะเยิบช้าๆ เมื่อต้องลม .. ในความร้อนแล้งของวันนั้น ชายสองกลุ่มก็เข้าตะลุมบอน

 

ท่ามกลางเสียงตะโกนและฝุ่นตลบ ยี่เก้าถูกก้อนหินไม่รู้ที่มาซัดเข้าเฉียดใบหูหวุดหวิด แต่ยังก้มหน้าก้มตาวิ่งตะลุยตามอานั๊ม พลธงประจำหมู่บ้าน เพื่อจะช่วยคุ้มกันให้พลธงฝ่าขึ้นไปปักธงยังต้นสายน้ำ ตรงเนินเขาชัน เมื่อธงจากหมู่บ้านใดหมู่บ้านหนึ่งถูกปักลงจุดที่กำหนดไว้ ถือเป็นการประกาศชัยชนะตามข้อตกลง การศึกต้องยุติและต้องไม่มีใครบาดเจ็บเพิ่มอีก

 

เบ๊ยี่เก้าวิ่งถีบตัวขึ้นเนิน หางตาซ้ายเหลือบไปเป็นเห็นเป็งกวง กับอุ่ยจิวมะรุมมะตุ้มอยู่กับชายหนุ่มเดนตายต่างหมู่บ้านสามสี่คน ที่กระชับวงล้อมเข้าต่อยตี ยี่เก้าไม่มีเวลาจะลงไปช่วยเพื่อน ไม่มีเวลาจะคิดอะไรทั้งสิ้น เบื้องหน้ายี่เก้ามีฝ่ายตรงข้ามสามคน หนึ่งในสามถือธงหมู่บ้านของศัตรู ยี่เก้าก้าวพลาดถลันเสียจังหวะ มือไวกว่าความคิดเหนี่ยวยึดเอาต้นไม้เฉาต้นน้อยไว้ได้ ฝุ่นแดงฟุ้งตลบ โชคเข้าข้างยี่เก้า หากไม่มีต้นไม้นี้เบ๊ยี่เก้าอาจจะกลิ้งลงไปนอนช้ำในอยู่เบื้องล่าง

 

ทันทีที่ตั้งหลักทรงตัวได้ แหงนหน้าขึ้นมอง เห็นอานั๊มกำลังถูกอีกฝ่ายรุมประเคนหมัดเข้าหลังหัวหลังหูอุตลุด มืออานั๊มยังกำไม้แขวนธงแน่นพยายามวิ่งฝ่าไปแต่ถูกกระชากรั้งไว้ เบ๊ยี่เก้ารีบถีบตัวขึ้นเนินไปช่วย เพียงก้าวสุดท้ายก่อนถึงจุดที่เป็นพื้นราบ หนึ่งชายฉกรรจ์ฝั่งตรงข้ามเห็นยี่เก้าวิ่งขึ้นมา ก็รอท่าอยู่ไม่ห่างจากขอบเนิน หมายจะถีบส่งยี่เก้ากลับลงไป  เคราะห์ดีเกาย้งที่ตามขึ้นมาจากฝั่งซ้าย ขว้างก้อนหินขนาดเท่าไข่ไก่ที่ติดมือมาเข้าใส่ชายต่างหมู่บ้านที่กำลังเตรียมเล่นงานยี่เก้าเพื่อแก้สถานการณ์ ก้อนหินขนาดพอดีมือแหวกอากาศเข้าปะทะโหนกแก้มศัตรูเข้าเต็มรัก ชายคนนั้นส่งเสียงร้องทรุดลงกับพื้น ยี่เก้าวิ่งผ่านชายที่ถูกก้อนหินซัดหน้าไปกระโจนใส่คนที่ล็อคคออานั้ม

 

ในชุลมุนของฝุ่นที่ฟุ้งตลบ ยี่เก้าเหวี่ยงหมัดซ้าย-ป่ายหมัดขวาอุตลุด อานั๊มล้มห่างไปไม่ถึงช่วงตัว ยี่เก้าเห็นอานั๊มพยายามเอามือยันกายขึ้นแต่ล้มฟุบกลับลงไป ภาพอานั๊มที่นอนฟุบอยู่สะเทือน เมื่อหน้ายี่เก้าสะบัดตามแรงหมัดที่เข้ากระแทกสันแก้ม เท้าขวาทำท่าจะเปลี้ย แต่กลั้นใจชกสวน เข้าครึ่งปากครึ่งจมูกเต็มเหนี่ยวจนอีกฝ่ายหงายหลัง เบ๊ยี่เก้ากระโดดข้ามไปตะครุบธงบนพื้นที่หลุดจากมืออานั๊ม

 

“ยี่เก้า วิ่ง!!!!!” จำไม่ได้ว่าเสียงใครตะโกน หรืออาจจะเป็นเสียงตัวเองในหัว เบ๊ยี่เก้าพุ่งสาวเท้าถีบตัวขึ้นเนิน พร้อมธงหมู่บ้านในมือ ไล่กวดพลธงหมู่บ้านข้างๆที่นำหน้า จากระยะไม่ถึงสิบห้าก้าว ก็ไล่จี้กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ ข้างล่างเริ่มหยุดตีกัน หันมาส่งเสียงตะโกนให้กำลังใจพลธงของหมู่บ้านตน ทันทีที่ธงผืนใดผืนหนึ่งถูกปักตำลงผืนดิน ณ เนินเขาข้างจุดที่สายน้ำไหลลง ถือเป็นการหยุดสงคราม และประกาศชัยชนะ พร้อมกับถือกรรมสิทธิ์ในการสร้างฝายทดน้ำเข้าหมู่บ้าน

 

 ด้วยอายุน้อยกว่า หนุ่มแน่นกว่า ยี่เก้าไล่กวดหลังเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนถึงที่ราบบนเนินห่างจุดปักธงไม่ไกลเกินสามช่วงตัว พลธงของหมู่บ้านอึ่งเต็กกี้ก็หันหลังตวัดไม้ธงหวดกลับหลังใส่เบ๊ยี่เก้าที่กำลังเข้าประชิดจากด้านหลัง ยี่เก้าคาดไว้ก่อนแล้วจึงก้มหลบทันหวุดหวิด ไม้ธงหวดหวืดเฉียดเส้นผมสั้นเตียนของยี่เก้า ไม่ถึงเสี้ยววินาที เบ๊ยี่เก้าเอาตัวเข้ากระแทกพลธงล้มกลิ้ง ความโกรธเข้าตา – เบ๊ยี่เก้าเงื้อไม้พลองเหนือหัว เงื้อขึ้นเตรียมฟาดไม้ธงใส่ร่างที่ล้ม..

 

ณ คอกหมูหลังเรือนใหญ่ ยี่เก้า กับเกาย้ง นั่งคุยกันถึงสงครามแย่งชิงแหล่งน้ำเมื่อสามวันก่อน “อั๊วนับถือลื้อจริงๆ ไม่คิดไม่ฝันว่าคนที่ปักธงแห่งชัยชนะของหมู่บ้านจะเป็นลื้อ” เกาย้งกล่าวด้วยน้ำเสียงเลื่อมใส “ไม่เลย อั๊วต่างหากที่ต้องขอบคุณลื้อ ถ้าลื้อไม่ขว้างเศษหินเล็กๆมาขัดจังหวะอั๊วที่กำลังหน้ามืด อั๊วคงฟาดไม้ธงใส่พลธงของหมู่บ้านอึ่งเต็กกี๊ ไปแล้ว ถ้าอีเป็นอะไรไป อั๊วคงต้องเดือดเนื้อร้อนใจเอามากๆ อั๊วต่างหากที่ต้องขอบคุณลื้อ” อาเบ๊ตบไหล่เพื่อนเบาๆ ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ที่สุดแล้ว.. ชัยชนะจากการตีกันครั้งนั้น อั๊วไม่ได้รู้สึกดีใจหรือภูมิใจอะไร กลับรู้สึกหดหู่ซะอีก อั๊วพูดตรงๆ ลื้อคงไม่ว่า”

 

“ยี่เก้าอั๊วก็คิดเหมือนลื้อ ถ้าหมู่บ้านเรามีน้ำทำนา ทำสวน แต่เด็ก กับคนเฒ่าหมู่บ้านข้างๆอาจจะต้องอดตาย อั๊วก็ทำใจไม่ได้ ลื้อคิดดูนะยี่เก้าแผ่นดินจีนกว้างใหญ่ไพศาล แต่ชาวบ้านกว่าร้อยชีวิต ต้องมาแย่งสายน้ำเส้นน้อย ตีกัน บาดเจ็บ-หัวร้าง-ข้างแตก ทั้งที่ไม่เคยมีความโกรธแค้นกันมาก่อน แต่กลับต้องตีกันเพื่อไม่ให้ครอบครัว ลูก เมียต้องอดตาย” น้ำเสียงเกาย้งเก็บความขมขื่นไม่มิด ที่จริง..ในแคว้นนี้ไม่เคยมีใครซ่อนความขมขื่นได้หรอก ใครมีตาก็มองเห็นทั้งนั้น

 

ลมพัดตวัดฝุ่นแดงแลใบไม้แห้ง ตีเกลียวม้วนวน ก่อนสลายตัวทิ้งเศษใบไม้กลับลงมาเรี่ยรายพื้นดิน “เป็งกวงเป็นยังไงบ้าง แผลดีขึ้นหรือยัง?” ยี่เก้าถามเพื่อนสนิทที่โตมาด้วยกัน “แผลข้างนอก หายเกือบสนิทแล้ว แต่หยี่เจ้ บอกน่าจะช้ำใน อีกหลายวันกว่าลุกเดินได้ปกติ” ทั้งคู่ถอนหายใจเกือบพร้อมกัน เมื่อคุยกันถึงเป็งกวงที่โดนท่อนไม้ฟาดเข้ากลางหลังในศึกชิงสายธารระหว่างหมู่บ้าน จนต้องล้มหมอนนอนเสื่ออยู่ถึงตอนนี้ ไม่ใช่แค่เป็งกวง อานั๊มพลธงหมู่บ้านเราก็กระดูกแขนซ้ายท่อนล่างหัก ส่วนหมู่บ้านอึ่งเต็กกี๊ นอกจากคนบาดเจ็บหลายคน ยังมีชายแซ่เอี้ย เดินทางไปพบบรรพชนก่อนเวลาอันควร

 

วันนั้น หลังยี่เก้าปักธงลงบนเนินเป็นอันยุติผลแพ้-ชนะ ชาวบ้านอึ่งเต็กกี๊ ก้มหน้าต่ำยอมรับชะตาฟ้าดิน คอตก กำลังจะแยกย้าย ทันใดนั้นมีคนเห็นร่างชายแซ่เอี้ย นอนตะแคง ปากแห้งซีด ตาหรี่แคบ ไร้ดวงวิญญาณ ตามร่างกายไม่เห็นรอยบาดเจ็บจากบาดแผล หรือตกลงมาขณะต่อสู้บนเนิน แต่ขาดใจตายด้วยความเหนื่อย และอดอยาก เนื่องจากภรรยาชายเอี้ยผู้นี้กำลังตั้งท้องแก่ ชายแซ่เอี้ยจึงเก็บของกินที่มีสารอาหาร สงวนไว้ให้เมียท้องแก่กินบำรุงเด็กในท้อง ตัวเองเอาแต่กินใบไม้ใบหญ้า ติดต่อกันมาหลายวัน แต่ก็ยังมีความอุตส่าหะ มาออกมาร่วมสู้เพื่อหมู่บ้านจนหมดแรงตายไปโดยไม่ได้เห็นหน้าลูก..

 

คืนนี้ มีการประชุมหมู่บ้าน เกี่ยวกับการสร้างฝายทดน้ำเข้าหมู่บ้าน เฒ่าฮก ผู้เฒ่าอาวุโสแห่งหมู่บ้านเสี่ยไจ๊ จุดธูปบอกศาลเจ้าบรรพชน ก่อนป่าวประกาศข่าวแก่ชาวบ้านที่รอฟัง แม้หมู่บ้านเสี่ยไจ๊ชนะ และได้น้ำเพื่อพืชผลผลิต แต่ไม่มีใครมีสีหน้ายิ้มแย้มยินดีกันนัก ผู้มาร่วมรับฟังข่าวดีทุกคนรู้อยู่แก่ใจ เมื่อเฒ่าฮกบอกกล่าวสาระสำคัญจบ ก็เอ่ยขึ้น “การประชุมหมู่บ้านถือเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ใช่บ่อยๆ ที่จะมารวมพูดเรื่องสำคัญกันพร้อมหน้า ก็ถือเป็นวันดี ใครมีอะไรอยากพูดมั้ย?”

 

ลมยามเย็นพัดผ่านช่องระแนงไม้ลูบไล้เปลวไฟในตะเกียง เงาบนกำแพงหวิบไหวตามเปลวขยับคล้ายระบำในความเงียบ “ขออั๊วเสนอความเห็น” เสียงชายกลางคนโพล่งขึ้น เจ้าของเสียงแหบใหญ่ที่ดังในที่ประชุมมาจาก เป็งฮวด ที่เป็นหนึ่งในผู้ร่วมศึกสองหมู่บ้าน และเป็นน้องชายพ่อเป็งกวง” ยี่เก้า เกาย้ง อุ่ยจิว จึงนับถือเป็น ‘อาเจ็ก’

 

เป็งฮวดปล่อยความเงียบครอบงำชั่วอึดใจ ก่อนเอ่ยประโยคต่อมาด้วยเสียงที่เล็ก และเบาลงกว่าทุกครั้ง “เราควรแบ่งน้ำใช้ทั้งสองหมู่บ้าน แบ่งกันเท่าที่พอ ไม่ว่าบ้านไหนก็มีเด็ก คนแก่ ที่หิวโหย”

 

สิ้นประโยคเสียงฮือฮาก็เซ็งแซ่ขึ้นในที่ประชุม ขณะอากาศเยียบเย็นภายนอกไหลเอื่อยแผ่วผ่านระแนงไม้เข้ามา

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา