บ็อกฉ่อย The ฉิบหาย Story

-

เขียนโดย คุกกี้คามุอิ

วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 19.29 น.

  5 บท
  1 วิจารณ์
  4,441 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2563 00.43 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) อาจารย์อัล

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

............................ เจ้าคนสวีเดนนิ่งเงียบไปอึดใจ

 

เหล็งหมี่รับรู้ถึงบรรยากาศเงียบงัน แต่ก็ไม่ถึงกับหนาวสั่นเย็นยะเยือกใดๆ สายตาจับจ้องมองไปดูชาวต่างชาติคนนี้ที่ประสานมือแล้วก้มหัวเล็กน้อยนิ่งไปเป็นนาทีแล้ว เทวทูตประจำตัวทั้งสองลอยอยู่ข้างหลังเซียนหนุ่มเหมือนหาวกำลังง่วงนอนต้องการจะงีบ แต่ตอนนี้ก็โดนเสียงพูดของชาวสวีเดนขัดจังหวะไม่ได้งีบทัน

 

"ยินดีต้อนรับครับ" ชายชาวสวีเดนพูดหลังจากนิ่งไปเป็นนาที เงยหน้าขึ้นมามองเหล็งหมี่แต่ไม่สามารถสังเกตเห็นเทวทูตประจำตัวของเขา

 

ชายชาวสวีเดนผายมือแบไปข้างหลัง "ที่อาศัยของอาจารย์อัลของเรา เป็นบ้านรูปต้นไม้ขนาดใหญ่และกินบริเวณแนวนอนยาวไปจนไม่มีที่ให้เลี่ยง ท่านอาจารย์อัลจะคัดเลือกลูกศิษย์ที่เก่งกาจเมื่อได้ลองฝึกหัดเรียนรู้วิชาต่อสู้กำลังภายใน"

 

สายตาเจ้าหนุ่มเซียนมองไปที่บ้านร่างต้นไม้ขนาดใหญ่อย่างทึ่ง เขาจินตนาการไปเรื่อยๆว่าอาจารย์ที่จะสอนวิชากำลังภายในจะสอนวิชาใช้ขวานตัดต้นไม้หรือเปล่ายังเป็นไปได้ในใจที่นึก

 

"นี่ ตาหนวด แกว่าเราควรเลยผ่านจากบ้านหลังนี้ไปเลยมั้ย หรือให้เจ้าเหล็งหมี่ฝึกวิทยายุทธให้พัฒนาไปก่อน" ยมทูตสาวผมแดงกระทุ้งแขนเทวดา เทวดาหน้าหนวดก็คิดพิจราณาดู แต่ขณะที่กำลังคิด เจ้าเหล็งหมี่ก็เดินไปที่หน้าบ้านต้นไม้หลังใหญ่นั้นเข้าแล้ว

 

เหล็งหมี่เคาะ 'ก๊อก ก๊อก' และถามประมาณว่ามีใครอยู่ไหมครับ แต่เมื่อยังไม่มีใครตอบโดยเร็วเหล็งหมี่ก็เคาะประตู 'ก๊อก ก๊อก ก๊อก' เป็นจังหวะเพลงจิงกาเบลของเทศกาลคริสต์มาส "เอ๊ หรือท่าทางข้างในไม่มีคน" ตอนนี้เหล็งหมี่แปลกประหลาดในจิตใจ เขาหันกลับมาที่ต้นทาง ชายชาวสวีเดนคนนั้นก็หายลับไปจากบริเวณนั้น แล้วจะถามใคร

 

แต่มีบางอย่างที่ทำให้ประตูเปิดออกแล้วมีแรงดึงดูดเหล็งหมี่ลอยเข้าไปในห้องนั้น เทวทูตตกใจต่างลอยเข้าตามไป  เหล็งหมี่ลอยลงในท่ายืนตรง "ที่เขาว่ามีท่านอาจารย์ชื่ออัล" เหล็งหมี่ก้าวไปข้างหน้าสองก้าวและหยุดยืน เขามองบริเวณรอบๆด้านหน้าของเขา พบที่โล่งกว้างๆเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียวอ่อนๆ รู้สึกว่าข้างหน้าเป็นทุ่งกว้างๆ ยังไม่เห็นปลายทางโน้น

 

เสียงหนึ่งดังขึ้น แต่เซียนไม่รู้ว่าเป็นเสียงของอะไร ข้างหน้าก็เห็นแต่ผีเสื้อปีกสีเหลืองและปีกสีชมพูไม่กี่ตัวกำลังบินวนเพื่อตอมดอกไม้ และเสียงเดิมก็เกิดดังอีกครั้ง

 

"หืม?" เหล็งหมี่เหลือบไปทางขวามือ ที่ชิดกับกำแพงทำจากต้นไม้มีสัตว์ชนิดหนึ่งจัดอยู่ในวงศ์เดียวกับอูฐและรูปร่างคล้ายยามา เรียกว่า อัลปาก้า หมอบอยู่และคอยาวๆชูตั้งสง่า และที่มาของเสียงประหลาดที่เหล็งหมี่ไม่คุ้นเคยคือเสียงการดูดเพดานอ่อนของสัตว์ตัวนี้ มันทำเพื่อแสดงความชอบความเป็นมิตรต่อเหล็งหมี่ หูของมันกระดิกและหางตวัดไปมา

 

"นี่มันตัวอะไร" เหล็งหมี่เดินเข้าไปหา พบป้ายทำจากไม้ตั้งอยู่ข้างๆสัตว์ตัวนั้นมีข้อความเขียนไว้ว่า " อาจารย์อัลปาก้า "

 

"หือ นี่หรืออาจารย์ที่จะมาช่วยสอนวิทยายุทธให้ข้าน่ะ" เหล็งหมี่ตกตะลึง ใบหน้ามองไปที่ป้ายไม้ทีมองไปที่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวนี้ที งง งงมากมาย

 

ยมทูตสาวที่พอจะรู้จักโลกใบนี้อยู่เอ่ยขึ้น "ตัวอัลปาก้า จริงๆมันมีถิ่นกำเนิดที่อเมริกาใต้นี่นา สัตว์ชนิดนี้ไม่ดุร้ายแต่กลัวและหวาดระแวงกับรอบข้างนิดหน่อย อะเอ๊ย" ยมทูตสาวมาสะดุดตกใจช่วงท้ายประโยคเมื่อเห็นเหล็งหมี่ออกท่ากำปั้นเสยคางใส่เจ้าอัลปาก้า

 

"วี้ดด" มันร้องเสียงแหลมให้กับความเจ็บปวดและสัตว์ชนิดนี้มักจะร้องเมื่อรู้สึกอยู่ในภัยอันตราย พอมันโดนหมัดเสยคาง ศีรษะถูกดันขึ้นมันก็ใช้คอยาวๆโอบรัดเหล็งหมี่ซะแน่น " เฮ้ยๆๆ นี่เจ้าใช้คอของเจ้าทำเหมือนเป็นงูเหลือมหรอเนี่ย เฮ้เทวดา ยมทูตช่วยข้าหน่อย"

 

"อ่า แต่พวกข้าไม่แน่ใจนะว่าจะต้องสู้กับตัวอัลปาก้า" ยมทูตกับเทวดาที่ลอยนิ่งเฉยๆเบ้หน้าบอกถึงอัลปาก้าตัวนี้ไม่ได้คิดจะสู้ ทั้งสองจึงพิจารณาแล้วว่าจะดูต่อ อัลปาก้าตัวนี้มันใช้คอรัดชายหนุ่มและพยายามยื่นหัวมาจุมพิตแก้มเป็นจังหวะ จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ

 

"ท่านเทวทูต พวกท่านนิ่งอยู่ทำไม ช่วยให้ข้าหลุดออกจากคอของมันเร็วเข้า"

 

เทวดาหน้าหนวดหันไปทางยมทูตแล้วก็ลงมาเดินเข้ามา ที่ข้างๆร่างของสัตว์ตัวนั้นเหมือนมีตะกร้าใส่หญ้า เทวดาเลยเอาหญ้าป้อนสัตว์ตัวนี้มันจึงคลายร่าง คอที่รัดเซียนหนุ่มได้หดปล่อยให้เขาได้รับรู้ถึงอิสรภาพขึ้นมานิดนึง

 

ประตูทางที่เข้ามามีการถูกเปิด คนที่โผล่มาคือชายชาวสวีเดนคนนั้นที่ได้หายไปได้กลับมาเสนอตัวให้เห็นอีก "อาจารย์อัลสอนดีมั้ย เขาน่ะจะคัดเลือกแต่คนเก่งๆ "

 

ได้ยินอย่างนี้เหล็งหมี่ข้องใจ อาจารย์ของเอ็งมันเป็นตัวอะไรแบบนี้เหรอไง เกือบหายใจไม่ทันขณะมันรัดร่างกาย

 

ชาวสวีเดนไปยืนข้างๆเจ้าอัลปาก้า เขารับฟังการส่งเสียงของอัลปาก้าที่ไม่ได้ส่งมาเป็นภาษามนุษย์เลยและจับใจความมาบอกกับเหล็งหมี่ได้ว่า " อาจารย์ของข้าบอกว่าท่านสอบไม่ผ่านและมีระดับวิทยายุทธเป็นศูนย์"

 

"เอ็งเข้าใจที่มันส่งเสียงบอกเรอะน่ะ และมันได้สอนห่าอะไร ข้าก็ยังไม่เห็นมันสอนอะไรเลย ปัดโธ่" เหล็งหมี่หันไปทางทุ่งกว้าง และก็บุ้ยใบ้สองหน่อเทวทูตให้เดินทาง

 

แต่ท่าทางอัลปาก้าตัวนั้นมันกำลังเดินตามเขา ชาวสวีเดนส่งเสียงเรียก "อาจารย์ อาจารย์จะไปไหนน่ะ" และพยายามดึงเชือกที่ผูกตัวมันไว้

 

เหล็งหมี่เหลือบมอง "อะไรกัน มันคิดจะตามข้ามาทำไม" และก็ส่ายศีรษะอย่างระอา

 

ก้านดอกไม้พร้อมดอกอย่างสวยๆก้านหนึ่งในท้องทุ่ง ปลิวเข้ามาอย่างแรงหมายจะปลิดชีวิตของเซียนหนุ่ม และเขาก็เหวี่ยงตัว หมุนหันมาตั้งฝ่ามือ เทวทูตก็หลบความเร็วที่ก้านดอกไม้นั้นปลิวมาเช่นกัน " อะไรน่ะ " เหล็งหมี่ควรจะตกใจตัวเองหรือไม่ที่มีไหวพริบรู้ตัว เขามองทางซ้าย ผีเสื้อปีกสีเหลืองกับปีกสีชมพูบินวนตอมดอกไม้อยู่ มันก็ตัวไม่ได้ใหญ่เป็นพิเศษ และผีเสื้อก็เขวี้ยงก้านมีดอกไม้มาอีกเป็นสิบ

 

ร่างของเซียนหมุนลอยเหาะ สักประเดี๋ยวร่างเซียนเกิดไปซึมซับเคล็ดวิชาอะไรจากที่ไหนทำให้กางแขนกระพือแล้วบินขึ้นได้เหมือนผีเสื้อ "ว้าว ยะฮู้ เหลือเชื่อ ข้าบินได้แล้ว "

 

เทวทูตทั้งสองมองแปลกใจว่านี่เป็นเหตุการณ์จริงๆหรือเปล่า เทวดาหน้าหนวดเอามือป้องหน้ามองเซียนที่ลอยสูงไปเรื่อยๆ

 

แต่ทว่าความเมื่อยของเซียนทำให้หมดแรงกระพือ แล้วร่างก็ล่วง " ว้ากกกก "

 

อัลปาก้าที่พบเจอวันนี้ได้หลุดจากการผูกเชือกตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้วิ่งมาเอาตัวรองรับร่างของเหล็งหมี่ได้อย่างสวยงาม มีเสียงชาวสวีเดนวิ่งตามมาพร้อมพูดว่า " อาจารย์อัล อาจารย์อัลเห็นแววของท่านเหล็งหมี่แล้ว "

 

================================

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา