เกิดใหม่อีกครั้งทำไมมันยุ่งขนาดนี้วะ

-

เขียนโดย Susumu

วันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 20.56 น.

  1 ตอน
  0 วิจารณ์
  1,815 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2563 19.53 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) บทที่ 1 เมือลืมตา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

บทที่​ 1​  เมื่อลืมตา

 

 

 

 "อืมมม!! ทำไมปวดหัวจังเลยวะ​   เมื่อคนก็ไม่ได้ดื่มเยอะอะไรนี่หว่า" เฟิงหลุนลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก​  เมื่อตื่นเต็มตาก็งงนิดๆ​  อะไรวะ??? ที่นี่ที่ไหน!!?? 

 

เมื่อคืนเขาไปผับมานี่นา​  ไปดื่มกับเพื่อนๆทุกคืนวันศุกร์​  แล้วเขาก็จำได้ว่าเมื่อผับปิดเขาและเพื่อนๆต่างแยกย้ายกันกลับ​  แล้วเขาก็ขับรถกลับคอนโด​ของเขา​ ยังไม่ได้อาบน้ำเลยด้วยซ้ำเขาก็กระโดด​ลงเตียงแล้วหลับไป​  แล้วนี่มันอะไรยังไง​??? 

 

เฟิงหลุนเป็นลูกเสี้ยว​ ไทย-จีน-ไต้หวัน​  เขาเป็นลูกคนสุดท้องและมีพี่น้อง3คน​  แต่ว่า!! นี่มันไม่เกี่ยวกับการที่เขาลืมตาขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ที่ไหนต่างหาก​  ว่าแต่ที่นี่มันที่ไหนหว่า​  ดูแปลกๆเหมือนของโบร่ำโบราณ​อะไรยังงั้น

 

"อี๋​เหนียงตื่นแล้วหรือเจ้าคะ" เสียงใสๆของเด็กสาวคนหนึ่งที่ดูน่ารักน่าชังและน่าหยิกแก้มนั่นจริงๆ​ ใบหน้าเด็กสาวมีความจิ้มลิ้มน่ามองถ้าผู้ชายได้เจอคงอยากได้แน่ๆ​  ว่าแต่!!?? ทำไมถึงแต่งชุดโบราณ​วะ?? 

 

เฟิงหลุนงงเล็กน้อย​ถึงงงปานกลาง​  มันคืออะไรยังไงทำไมพอตื่นขึ้นมาถึงมาเจออะไรแบบนี้​  ไหนจะคำเรียกแปลกๆอีก​   อี๋เหนียงเหรอ​ 

 

อี๋เหนียงที่แปลว่าเมียน้อยหรืออนุภรรยา​นั่นหรือเปล่านะ​  งงเป็นงง

 

 

"อี๋เหนียงเจ้าคะ​ อี๋เหนียงไม่สบายหรือไรเจ้าคะ​  ทำไมดูหน้าซีดๆ​ บ่าวจะไปตามหมอนะเจ้าคะ"  บ่าวตัวน้อยหน้าซีดและแตกตื่นจะวิ่งออกไปตามหมอทันที

 

 

"ผมเอ๊ย​ ข้าไม่เป็นไร" เฟิงหลุนรีบยกมือห้ามความแตกตื่นของอีกคนก่อนที่จะแตกตื่นไปมากกว่านี้จนทำให้อะไรๆมันแย่กว่าเดิม​   แต่ว่าเขาตอนนี้อ่ะแตกตื่นเป็นที่เรียบร้อ​ย​   

 

 

แต่ที่สำคัญ​เขาฟังจีนโบราณ​ออกแถมพูดได้​ แม้เขาจะเป็นลูกเสี้ยวจีนและเรียนภาษาจีน​ อยู่บ้านก็คุยจีนคุยไต้หวัน​กับครอบครัวทุกวัน​ แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะได้เรียนคำโบราณ​นี่นะ​ ไม่ใช่ว่าเขาหลับแล้วถูกดึงเข้ามาสู่โลกจีนยุคโบราณ​หรอกนะ​ มันจะอเมซิ่งเกินไปแล้ว​  ฮือๆๆ

 

 

"ข้าอยากอาบน้ำ" อี๋เหนียงพูดกับบ่าวตัวน้อยที่แสนจะน่ารัก

 

"เจ้าคะ​ บ่าวจะรีบเตรียมน้ำให้นะเจ้าคะ" 

 

"อืม​ เจ้ารีบไปเตรียมน้ำอุ่นให้ข้าเถิด" เฟิงหลุนมึนงงอย่างมาก​  อาการปวดหัวแล่นมาอย่างรวดเร็​วจนตั้งหลักไม่ทัน​  เขาปวดหัวจนใบหน้าบิดเบี้ยว​เหมือนหัวจะแตกโอ๊ยยยม๊าาเสี่ยวหลุนปวดหัว​ ฮือออ

 

เหตุการณ์​ทุกๆอย่างของเฟิงหลุนไหลมารวมกันที่สมองอย่างรวดเร็วจากอดีตสู่ปัจจุบัน​และรวมทั้งความจำของเฟิงหลุนในยุคศตวรรษ​ที่​22​นี้ด้วย​  โอ๊ยยมันเกิดอะไรกับเขากันนี่

 

 

เมื่อความทรงจำในยุคจีนโบราณ​ไหลมาจนจบอาการปวดหัวก็หายและพอดีกับบ่าวตัวน้อย3คนเข้ามา

 

 

"อี๋​เหนียงเจ้าคะ​ น้ำเตรียมเสร็จ​แล้วค่ะ" เมื่อมองก็พบใบหน้าจิ้มลิ้ม​พริ้มเพรา​ที่ดูคุ้นเคย

 

 

ชิงชิง​ ตัวบางๆยิ้มหวานๆ

 

อวิ๋น​ยี่หน้าใสและกล้าหาญ​

 

ลี่จิวอ่อนโยนแค่ไม่อ่อนแอ​ น่ารัก

 

เฟิงหลุนถึงกับอมยิ้ม​

 

" อืม​ ขอบใจนะ" อี๋เหนียงของบ่าวค่อยๆลุกจากเตียงเพราะยังมึนๆอยู่เลยเซนิดๆ​ ร้อนถึงบ่าวทั้ง3ต่างตกใจ  รีบเข้ามาพยุงผู้เป็นนายทันที

 

อี๋เหนียงเดินเข้าห้องน้ำบ่าว3คนก็คอยพยุงอย่างเป็นห่วง

 

เมื่อถึงห้องอาบมีอ่างไม้1ถังมีน้ำเต็มและไออุ่นลอยขึ้นมา​ น่าอาบแท้ๆ​ เฟิงหลุนอมยิ้ม

 

กำลังจะถอดชุด​ พลันมือน้อยๆของบรรดา​บ่าวก็ช่วยกันถอดให้เสียแล้ว   เล่นเอาอี๋เหนียงตาตื่นห้ามไม่ทันเขาก็เปลือยกาย​เป็นที่เรียบร้อย​

 

 

"เดี๋ยว​ๆๆ​ พวกเจ้า​ ข้าจะอาบน้ำเอง" เฟิงหลุนเขินๆเขาเป็นชายที่ชอบเปลือยต่อหน้าสาวๆก็จริงนะแต่นั่นมันเป็นเฉพาะตอนจะมีกิจกรรม​ในห้องแอร์​ต่างหาก​ แต่แบบนี้มันไม่ใช่​  อี๋เหนียงหน้าขึ้นสีระเรื่อชวนมอง​ ไม่แดงแต่ใบหน้านะ​ ลำคอใบหูก็แดง​ ก็เขาอายนี่

 

 

"ไม่ได้นะเจ้าคะ​ นี่เป็นหน้าที่ของบ่าวที่จะต้องอาบน้ำให้อี๋เหนียงนะเจ้าคะ​ อี๋เหนียงลืมไปแล้วหรือ​ ถ้าอี๋เหนียงไม่ยอมให้บ่าวอาบน้ำให้บ่าวคงถูกท่านแม่ทัพลงโทษ​เป็นแน่เจ้าค่ะ" บรรดาบ่าวตัวน้อยๆทำหน้าตาเหมือนถูกเขาสั่งให้ไปข่มขืนหนุ่มๆงั้นแหละ​ ไม่ต้องทำหน้าจะเป็นจะตายแบบนั้นก็ได้​  เขายอมแล้ว

 

"  อืมๆๆๆก็ได้ๆ​ พวกเจ้ามาอาบน้ำให้ข้าเถิด"  เฮ้อออชีวิตเฟิงหลุน

 

 

หลังจากผ่านการอาบน้ำอันน่าอายมากๆของเฟิงหลุน   ก็มาถึงการแต่งเนื้อแต่งตัว​ อี๋เหนียงร่างเก่าแต่เป็นดวงจิตดวงใหม่มองบรรดาบ่าวทั้งหลายแต่งองค์ทรงเครื่อง​ด้วยสายตาลอยๆ​ กว่าจะแต่งเสร็จ​เขาก็เวียนหัว

 

 

" อี๋เหนียงหิวหรือไม่เจ้าคะ"ลี่จิวบ่าวตัวน้อยใบหน้าหวานๆน่ารักเอ่ยถามอี๋เหนียงของตน

 

"อืม​ หิว" ผู้เป็นนายเดินออกจากห้องเพื่อไปทานอาหาร

 

 

เมื่อถึงโต๊ะทานอาหารเขาก็ตาโต​ อาหารหลายอย่างที่เขาไม่เคยเห็นดูแล้วก็น่าทานดีอยู่นะ

 

 

​ เฟิงหลุนคีบเต้าหูผัดเข้าปาก​  ก็นิ่งไปสักพัก​  อืมมมอร่อย​ ว่าแล้วก็คีบอาหารจานอื่นๆไปด้วยความรื่นรมย์​

 

"อี๋เหนียงเจ้าคะ​ เมื่อซัก​ครู่​ฮูหยินรองลำดับ1ส่งเทียบมาเชิญ​อี๋เหนียงไปจิบน้ำชาเจ้าค่ะ" ชิงชิงคนสวยบอกกับอี๋เหนียงของตน

 

 

หือ????? ฮูหยินรองลำดับ1​ ใครวะ​  ทำไมในความทรงจำของร่างนี้ไม่มีฮูหยินรองอะไรนี่​ เขาค้นความทรงจํา​ดูก็มีแค่เฟิงหลุนร่างเก่าร่างนี้แต่งเข้าจวนแม่ทัพหยางอี้มาได้2หนาวแล้ว​ เฟิงหลุนตอนนี้ก็อยู่ในวัย20หนาวพอดี

 

 

"ฮูหยินรองลำดับ1?? ใคร" ถามอย่างงงๆ

 

 

"อี๋เหนียง​ ท่านลืมหรือเจ้าคะ​ "บ่าวมีสีหน้างงๆ​ ตื่นมาอี๋เหนียงของตนก็ลืมนุ่นนี่หรือว่าอี๋เหนียงจะไม่สบายกัน​  มองตากันและกันไปมาอย่างสงสัยปนเป็นห่วง

 

 

"ข้าแค่มึนศีรษะ​เท่านั้นไม่เป็นอันใด​ บางทีข้าอาจนอนน้อย​ พวกเจ้าอย่าแตกตื่นไป"  รีบเอ่ยเมื่อเห็นสีหน้าใกล้จะแตกตื่นของบ่าวๆ

 

 

" เจ้าค่ะ" บ่าวๆมีสีหน้าที่ดีขึ้น​ ชิงชิงไปเตรียมยามาให้อี๋เหนียงเมื่อคนงามบอกมึนศีรษะ​

 

 

"พวกเจ้าบอกข้ามาเถิดว่า​ ฮูหยินรองนี่เป็นใคร" ถามอีกรอบขณะที่​คีบเนื้อปลาเข้าปากอย่างมึนๆต่อไป

 

 

" ฮูหยินรองลำดับ1เป็นฮูหยินรองของท่านแม่ทัพหยางอี้เจ้าค่ะ​  ในตอนนี้ท่านแม่ทัพนำทัพออกศึก  ​ ท่านจิ้นไห่มาแจ้งข่าวว่าท่านแม่ทัพชนะการศึกแล้ว   กำลังมาที่เมืองหลวง​  วันนี้น่าจะมาถึงเจ้าค่ะ"   หือ​  ไปศึก​ รบชนะด้วยเก่งแท้​ แล้วกำลังกลับตอนนี้จะมาถึงที่นี่ด้วย​ ตายๆๆๆๆ​ ทำไมในความทรงจำของร่างเฟิงหลุนคนเก่าถึงไม่มีท่านแม่ทัพคนนี้​ มีแต่เขาที่เป็นอนุภรรยา​คนที่9แค่นั้น

 

 

โอ๊ยยยก่อนที่จิตเก่าของร่างนี้จะหลุด​ เฟิงหลุนคนเก่าไปทำอะไรมาถึงจำอะไรไม่ได้

 

 

แบบนี้เขาก็แย่แน่

 

 

อี๋เหนียงหน้าเครียด​  ที่ไรผมมีเหงื่อซึมออกมาเพราะความ​ตื่น​เต้นและกดดัน

 

 

คนงามรับสำรับเสร็จก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อ​  ได้แต่นั่งโง่ๆอยู่ที่โต๊ะ​อาหาร​   มันดูว่างๆจนจิตจะตก  หาไรทำดีนะ​ ก็เขาไม่คุ้นเคยกับที่นี่​ ชีวิตโลกนุ้นเขาไม่เคยว่างงานแม้ซักวันและเขาก็มีความสุข​ที่ได้ทำงานแม้จะแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​กันบ้าง​ แม้จะรีบตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำงานแต่ว่าชีวิตไม่ได้ว่างจนน่าเบื่อ​แบบนี้นี่

 

 

"อี๋เหนียงเจ้าคะ​ ไปนั่งที่ศาลาริมบึงเหลียนฮวาดีไหมเจ้าคะ​  ลมโชยมีกลิ่นหอมๆของหลันฮวาเจ้าค่ะ" อวิ๋น​ยี่แนะนำ​    มีดอกบัวเหรอ​ ก็ดีนะร่างเก่าชอบดอกบัว​  ส่วนเขาก็ชอบเหมือนกัน​ ชอบกินเม็ดฝักบัวอร่อยดี

 

 

"อืมก็ดีนะ​  ไปกันเถิด" คนงามลุกขึ้น​  บ่าวตัวน้อยๆรีบจัดเตรียมข้าวของ​ ชิงชิงเตรียมกู่ฉิน​  อวิ๋น​ยี่เตรียมชากับขนม​ ลี่จิวเดินตามผู้เป็นนายไปที่ริมบัว​  มีจู่ล่งเดินตามห่างๆ

 

 

ที่ริมบึงสระบัวมีกอบัวสีสันละลานตาส่งกลิ่นหอมของดอกบัวมาให้ชื่นใจ​   นำพาความภิรมย์​มาสู่เฟิงหลุน

 

 

คนงามนั่งลงที่ตั่งตัวใหญ่ถูกใจกับศาลาริมบัวแห่งนี้ยิ่งนัก​  ลมโชยมาเรื่อยๆพาใจให้สงบ​  คนงามปกติที่งามอยู่แล้วแม้ไม่งามจนล่มบ้านล่มเมืองแต่หน้าตาหมดจดนวลเนียนเหมือนพระจันทร์​ทรงกลดแผ่รัศมี​แห่งความงามและอบอุ่นออกมา​ ทำให้ใครก็ตามที่ได้เห็นใบหน้านี้ไม่อาจถอนตัวและถอนสายตาไปจากเฟิงหลุนคนนี้ไปได้​ หมายถึงเฟิงหลุนคนใหม่นะ​ คนเก่าแม้จะงดงามแต่ว่าแววตาเรียบนิ่ง​ ว่านอนสอนง่าย​ ไม่มีแววตาแห่งความมีชีวิตชีวา​แบบนี้

 

 

บรรดา​บ่าวไพร่ที่ตามอี๋เหนียงคนงามมาที่ริมบัวต่างก็เผลอจ้องมองผู้เป็นนายอย่างตกตะลึง​

 

 

วันนี้อี๋เหนียงของพวกตนดูงดงามอย่างเทพเซียนยิ่งนัก​ ถ้าท่านแม่ทัพได้เห็นใบหน้าตอนนี้ของอี๋เหนียง​ ท่านแม่ทัพคงไปไหนไม่รอดแน่​  บรรดา​บ่าวไพร่คิด

 

 

"ลมโชยดีจัง​ ข้าชอบ" คนงามเอ่ยยิ้มๆ

 

 

"เจ้าค่ะ​ ที่นี่อี๋เหนียงชื่นชอบ​มาก​ " ลี่จิวชอบใจที่ผู้เป็นนายมีความ​สุข​

 

 

  เวลาผ่านไปอี๋เหนียงคนงามก็เคลิ้มหลับ​ จิตของเขาไปนุ่นนี่ลอยล่องไปเรื่อยๆ​

 

ไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่รูปร่างใหญ่​โตหน้าตาหล่อเหลาคมสัน​ใบหน้าคร้ามดูดิบเถื่อนและถมึงทึง​ และเต็มไปด้วยหนวดเครา​ 

 

 ชายคนนั้นขี่ม้านำขบวนกองทหารนับหมื่นนายดูท่าน่าจะกลับเมืองหลวง​  เห็นเหล่าทหารหาญ​กู่ก้องร้องด้วยความยินดี​ ต่างมีความสุข​ที่ได้รับชัยชนะ​และกลับบ้านเพื่อพบเจอลูกเมียพี่น้อง​

 

เหล่าทหาร​หาญแซ่ซ้อง​สรรเสริญ​แม่ทัพของตนไม่ขาดปากว่าเก่งกล้า​สามารถ​และเฉลียวฉลาด​ยิ่งจึงทำให้กองทัพนำชัยชนะ​มาสู่เมืองหลวง​ได้เช่นนี้

 

 

เฟิงหลุนลอยไปใกล้ๆชายหนุ่มร่างใหญ่​ที่ดูเป็น​หัวหน้าหรืออีกทีน่าจะเป็นแม่ทัพคนเก่งที่เหล่าทหารยกย่อง​ ลอยไปใกล้​จนใบหน้าทั้งคู่ชนกัน​ ต่างคนต่างชะงัก​  เฟิงหลุนตกใจที่เห็นใบหน้าหล่อเหลานั้นชัดๆจนได้สัมผั​ส​กับลมหายใจอุ่นร้อน​ พลันหน้าขาวใสของตนก็ขึ้นสีอย่างห้ามไม่ทัน

 

 

ฝ่ายแม่ทัพร่างใหญ่​ก็ชะงักเพราะรับรู้ได้ว่ามีอะไรบางอย่างมาชนจมูกของตน​ มีลมหายใจอุ่นๆและได้กลิ่นดอกม่อลี่ฟุ้งเข้าไปในจมูกของตน​ 

 

หยางอี้กวาดสายตาไปรอบๆบริเวณ​แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติ​ยิ่งทำให้สงสัยยิ่ง​  กลิ่นหอมนี้มาจากไหนกันทำไมพาใจให้หวั่นไหวยิ่งนัก

 

 

หยางอี้ยกมือมากุมหน้าอกที่หัวใจเต้นแรงๆขึ้นมา​   ท่ามกลางสายตาของเฟิงหลุนที่มองแม่ทัพหน้าโหดนิ่งๆ​ เป็นแม่ทัพหยางอี้ไหมน้อ​  ใช่สามีเขา​ แค่ก​ แค่ก​  เอิ่ม​  สามีของเฟิงหลุนคนเก่าไหมทำไมเขามาโผล่ที่นี่

 

 

คิดได้แบบนั้นจึงลองใช้มือลูบใบหน้าแกร่งทันที

 

 

ฝ่ายคนถูกบางสิ่งที่ดูเหมือนเป็นมือลูบไล้ใบหน้าก็ชะงักรอบ2​ รอบนี้ดึงบังเหียนม้าให้หยุด​ ทำให้ขบวนทหาร​หาญต้องหยุดตาม​พลางมองหน้ากันด้วยความมึนงงว่าเกิดเหตุใดแม่ทัพของตนจึงหยุดม้า​ หรือมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น​ ต่างคนต่างระแวดระวัง​

 

 

แม่ทัพใหญ่​หยางอี้​ มองหามือที่ลูบไล้ใบหน้าของตนไม่พบ​ ทำให้ยิ่งร้อนรนในอก  ดวงตาคมส่องประกายกล้าวูบขึ้นมา  ทำให้เฟิงหลุนชะงัก  เผลอมองตาของอีกคนเข้าไปข้างใน​ เห็นแววตาสั่นไหวอยู่ในนั้น   พลันใจกลับเต้นแรงขึ้นมา​  จึงยุติ​การลูบใบหน้าของอีกคนก่อนจะลอยหายไป

 

 

หยางอี้  เมื่อรับรู้ได้  ว่ามือที่จับใบหน้าตนหายไป  พร้อมๆกับกลิ่นหอมๆของดอกม่อลี่ที่ลอยตามลมหายไปด้วยเช่นกัน  ก็ยิ่งร้าวรานแปลกๆ

 

 

"พวกเจ้าได้กลิ่นดอกม่อลี่บ้างหรือไม่" ท่านแม่ทัพเอ่ยกับจิ้นไห่และซินเทียน​  องครักษ์​ของตน

 

 

ทั้งมองมองตากันก่อนส่ายหน้า​และรายงานผู้เป็นนาย

 

 

"ไม่ได้กลิ่นขอรับ" จิ้นไห่ตอบ

 

"นายท่านได้กลิ่นดอกม่อลี่หรือขอรับ" ซินเทียนถามบ้าง

 

"อืม" ผู้เป็นนายตอบเบาๆแต่คนทั้งคู่กลับได้ยินเพราะทั้งคู่มีวรยุทธ์ขั้นสูง

 

"ที่นี่ไม่ปรากฏ​ว่ามีดอกม่อลี่นะขอรับ" จิ้นไห่เอ่ยอีกรอบ

 

" ที่เรือนอนุ9ปลูกดอกม่อลี่เป็นจำนวนมาก​ บางทีอนุ9อาจให้ถุงหอมแก่นายท่านมาก็ได้นะขอรับ"ซินเทียนคาดเดาในส่วนที่ใกล้เคียงกับความจริง

 

"อนุ9ไม่ได้ให้ถุงหอมแก่ข้า" ผู้เป็นนายเอ่ย​    องครักษ์​ทั้ง2ก็มองตากันอีกรอบ​ แล้วท่านแม่ทัพได้กลิ่นมาจากไหน​  พวกตนไม่เห็นจะได้กลิ่นอันใดเลย

 

 

เห็นสีหน้างงๆขององครักษ์​ข้างกายก็ถอนหายใจ​ ​  เมื่อมองขบวนทหารด้านหลังก็กระพริบตา​เพราะลืมไปว่าตนเป็นคนหยุดบังเหียน​ม้า​ เลยกระทุ้งท้องม้าเบาๆให้มันเดินต่อ

 

 

เหล่าทหารเมื่อเห็นผู้เป็นนายออกเดินทางต่อก็งงปนดีใจที่จะได้กลับถึงบ้านเสียที

 

 

 

เฟิงหลุนล่องลอยไปทั่วจนกลับสู่ยุคศตวรรษ​ที่​22​ ลอยล่องเข้าไปในคอนโด​ของตนเอง   ก็เห็นร่างของตนนอนนิ่งในชุดเสื้อขาวกางเกงสแล็คดำ​   ชุดที่เขาไปเที่ยวผับกับเพื่อนๆ​  มองนาฬิกา​ที่หัวนอนก็พบว่าเวลานี้12.10 น.  มือลองไปจับตัวของตนดูปรากฏ​มือสามารถ​สัมผัส​ร่างของตนได้​  จึงยกมือขึ้นมาดูแบบงงๆ​  เมื่อกี้สัมผัส​แม่ทัพนั่นไม่ได้แต่ทำไมตอนนี้ถึงสัมผัส​กับร่างของตนได้หล่ะ​  นี่มันเกิดอะไรขึ้น

 

 

เฟิงหลุนยังจับต้นชนปลายไม่ถูก    ก็เห็นเพื่อนๆและพี่น้องของตนวิ่งเข้ามาในห้องด้วยอาการตื่นตกใจ​  ไม่เท่านั้นยังได้ยินเสียงร้องไห้ของคนที่ตนรัก​  หันไปเจอหน้าพ่อแม่  น้ำตาของเฟิงหลุนก็ไหลออกมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว​ ท่านทั้ง2สะอึกสะอื้น​แทบขาดใจ

 

 

"เฟิงหลุน​ ทำไมลูกไปจากม๊าเช่นนี้​ แล้วม๊าจะทำยังไง" แม่ของตนร้องไห้ในอ้อมกอดของผู้เป็นพ่อ

 

 

นี่เขาตายงั้นเหรอ​ หันหน้าไปมองร่างของตนนิ่งๆ​  ตัวเขานอนคว่ำตัวแข็งหน่วยกู้ภัย​เข้ามาห่อหุ้มร่างของเขาด้วยผ้าสีขาวล้วน

 

 

พี่ๆของเขาหน้าเศร้า​น้ำตาซึมดวงตามีรอยช้ำแดง​ อย่างคนร้องไห้มา

 

 

ส่วนเพื่อนๆทั้ง4คนก็กอดกันร้องไห้ด้วยความเสียใจ​

 

 

ร่างของเฟิงหลุนลอยเข้าไปใกล้ๆพ่อและแม่​ เขาก้มกราบที่เท้าผู้ให้กำเ​นิด​   น้ำตา1สายร่วงหล่น​ เขาเอ่ยคำลากับพ่อแม่​แม้จะรู้ว่าท่านทั้งสอง​คงไม่ได้ยินก็ตาม

 

 

"ม๊า  ป๊า  เสี่ยวหลุนลาม๊ากับป๊าแล้วนะ​ เสี่ยวหลุนดีใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกของม๊ากับป๊า  แต่บุญ​ของเสี่ยวหลุนมีน้อยจึงยังไม่ได้ตอบแทน​ ชาติ​หน้าเสี่ยวหลุนขอตอบแทนม๊าและป๊านะครับ​  ดูแลตัวเอง​ให้ดีๆอย่าคิดมากเรื่องของเสี่ยวหลุนนะครับ​  ผมต้องลาแล้ว" เมื่อรู้สึกว่ามีแรงดึงดูด​บางอย่างที่คอยดึงตัวเขาอยู่เขาก็รู้ทันทีว่ามันคงถึงเวลาที่จะต้องจากโลกนี้ไปแล้ว​  จึงก้มกราบที่เท้าพ่อแม่​อีกรอบก่อนจะลอยวูบไป!!!

 

 

บรรดาบ่าวไพร่เมื่อเห็นอี๋เหนียงของตนหลับไปอย่างยาวนาน​  หน่วยกล้าตายอย่างอวิ๋น​ยี่จึงทำการปลุก​   แต่ปลุกเท่าไหร่อี๋เหนียงคนงามกลับไม่ยอมตื่น​ ทำให้บ่าวไพร่ตกใจแตกตื่นเป็นอย่างมาก​       จูล่งรีบวิ่งออกไปตามหมอมาทันที​  ช่วงเวลานั้นทุกคนโกลาหลยิ่ง​  กลับมีองครักษ์​ของท่านแม่ทัพมาเยือนเพื่อส่งข่าว  แต่แทนที่จะแจ้งแก่พ่อบ้านของจวน  กลับตรงดิ่งมาที่เรือนของอนุ9​ และตรงมาที่ศาลาริมบัวทันที

 

 

และนั่นยิ่งทำให้บ่าวไพร่ออกอาการวิตกกังวล​หนักขึ้นไป​อีก

 

"ท่านจิ้นไห่" ชิงชิงประสานมือคาราวะองครักษ์​แม่ทัพของจวน

 

 

"อนุ9เป็นอันใด​ ใยพวกเจ้าถึงแตกตื่นยิ่ง" องครักษ์​จิ้นไห่เอ่ยถามเมื่อมองเห็นความโกลาหล​ขนาดย่อมๆ

 

 

"อี๋เหนียงนอนหลับไปนานขอรับ​ ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น​ จูล่งเลยรีบไปตามท่านหมอเจ้าค่ะ" ชิงชิงเอ่ย

 

 

"ข้ามีข่าวมาแจ้ง​ ถ้าอี๋เหนียงของพวกเจ้าตื่นก็ให้บอกตามที่ข้าแจ้ง​   ตอนนี้ท่านแม่ทัพ​นำทัพเข้าสู่เมืองหลวง​เรียบร้อย​แล้วถ้าไม่ผิดอันใดนักยามซวี(19.00-20.59 น.)​คงถึงวังหลวง" จิ้นไห่เอ่ย

" เรื่องของอี๋เหนียงข้าจะรายงานท่านแม่ทัพตามนี้" จิ้นไห่พูดยังไม่จบ​ ท่านหมอก็ถูกจูล่งลากมาด้วยความว่องไว​

 

 

ท่านหมอหอบแฮกๆอย่างเหน็ดเหนื่อย​ แต่เมื่อมองเห็นอี๋เหนียงคนงามนอนหลับตาพริ้มก็ตกใจ

 

 

" พวกเจ้าอนุ9เป็นอันใด"ท่านหมอถาม

 

 

" ข้าไม่รู้ได้​  อี๋เหนียงหลับไปยาวนานพวกข้าทำการปลุกแต่อี๋เหนียงไม่ขยับตัว​เลยเจ้าค่ะท่านหมอ" ชิงชิงเอ่ย​ 

 

 ท่านหมอเลยมาจับชีพจร​ของอี๋เหนียงคนงาม​ พลันสีหน้าเผือดลง

 

"อี๋เหนียงเป็นอันใดหรือเจ้าคะ" ลี่จิวที่สังเกตุ​เห็นสีหน้าท่านหมอก็เอ่ยถามทันที

 

"ชีพจร​ของอนุ9อ่อนแรงมาก​ แต่ร่างกายกลับแข็งแรงดี​  อาจเป็นเพราะร่างกายพักผ่อน​น้อย  หรือไม่อาจจะมีบางสิ่งคิดไม่ตกทำให้ดูเหนื่อยๆจึงเป็นเหตุให้อนุ9นอนหลับยาวนาน​  ข้าจะจัดเทียบตัวยาให้  พวกเจ้าก็ต้มให้อนุ9ดื่มทุกๆ3ชั่ว​ยามเถิด" ท่านหมอแม้จะกังวล​ใจที่ชีพจร​คนงามอ่อนแต่ในเมื่อร่างกายแข็ง​แรงก็ไม่น่าวิตกมั้ง?? 

 

จิ้นไห่มอบถุงเงินให้กับท่านหมอก่อนจะพาไปส่ง​ บรรดาบ่าวไพร่ต่างก็คอยปะคับคับประหงมผู้เป็นนายต่อไป

 

จากยามซื่อยาวนานมาถึงยามเซิน(09.00​-10.59 น.ถึงเวลา15.00​-16.59 น.)​   

 

 

อี๋เหนียงคนงามจึงตื่นขึ้นมาท่ามกลางความยินดีของบ่าวไพร่ของจวน

 

"อืมมม" อี๋เหนียงคนงามลืมตา

 

 

"อี๋เหนียง​ตื่นแล้ว" ลี่จิวน้ำตาไหลด้วยความดีใจ

 

 

" ข้าเป็นอันใด​ ทำไมถึงเวียนหัว" เฟิงหลุนยกนิ้ว​มือคลึงขมับ

 

 

"อี๋เหนียงหลับไปเจ้าค่ะคงพักผ่อน​น้อยอี๋เหนียงจึงนอนไปนาน​ ท่านหมอจึงจัดเทียบยาให้กับอี๋เหนียงดื่มเจ้าค่ะ" ชิงชิงเอ่ยยิ้มๆ

 

 

"ข้ายังอยู่ที่ศาลางั้นหรือ"  หันไปรอบๆก็ยังเห็นที่บึงบัว

 

 

"เจ้าค่ะ​ ริมบึงเหลียนฮวามีลมโชยทำให้อี๋เหนียงหลับสบาย" 

 

 

"นั่นสิ​" อี๋เหนียง​คนงามยิ้มๆ

 

 

จ้อกกกกก!!!!? 

 

 

บ่าวไพร่หน้าตาเหรอหราก้มลงกลั้นหัวเราะจนไหล่สะเทือนเมื่ออี๋เหนียงคนงามเกิดท้องร้องขึ้นมา

 

 

คนงามหน้าแดง​ด้วยความเขิน

 

 

" ข้าหิว" เสียงอ่อยๆ

 

 

"เจ้าค่ะ​ บ่าวจะรีบนำสำรับมาให้นะเจ้าคะ"ชิงชิงอมยิ้ม

 

 

" รับสำรับที่นี่หรือที่เรือนเจ้าคะ" อวิ๋น​ยี่ถาม

 

 

"ข้าจะทานที่นี่" หน้ายังแดงๆอยู่

 

 

"เจ้าค่ะ" ชิงชิงและอวิ๋น​ยี่ต่างรีบไปนำสำรับมาให้อี๋เหนียงคนงามทาน

 

 

 

ศาลาริมบึงเหลียนฮวา

 

อี๋เหนียงคนงามนั่งคีบชิ้นไก่เข้าปาก​ ปากน้อยๆกินนุ่นกินนี่อย่างมีความสุข​ บ่าวไพร่มองแล้วอมยิ้มผู้เป็นนายมีความสุขบ่าวอย่างพวกตนก็มีความสุข​ไปด้วย

 

 

"อี๋เหนียงเจ้าคะ​ เมื่อยามอุ้ยท่านจิ้นไห่มาแจ้งข่าวของท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ" อวิ๋น​ยี่แจ้งข่าว

 

 

"หือ?" มือที่คีบชิ้นผักชะงักทันที​ ความทรงจำที่จิตของตนลอยล่องไปเจอแม่ทัพหน้าคมพุ่งวาบเข้ามาทันที​  พลันใบหน้ากลับแดงระเรื่อขึ้น​ ท่ามกลางสายตาของบ่าวไพร่​  บ่าวไพร่ก้มหน้าลงอมยิ้ม ที่เห็นผู้เป็นนายออกอาการเขินอาย

 

 

" มาแจ้งว่าเช่นไร"เอ่ยถามอย่างขัดเขิน​ ซึ่งเฟิงหลุนเองยังงงอยู่ที่ตนเขินจริงเขินจัง​  ใจก็เต้นแรงๆอย่างตื่นเต้น​

 

 

"ท่านจิ้น​ไห่มาแจ้งว่าตอนนี้ท่านแม่ทัพนำทัพกลับเมืองหลวงแล้วเจ้าค่ะ​ ยามซวีคงเข้าถึงวังหลวง" ชิงชิงเอ่ยต่อ

 

 

"ห่ะะะะมาถึงเมืองหลวงแล้ว???" ไวแท้

 

 

" เจ้าค่ะ​ "ชิง​ชิงเอ่ยยิ้มๆ

 

 

ตายยยยๆๆๆๆแม่จ๋า​  ไม่ใช่ว่าเขาถูกสามี​ แค่ก​ แค่ก​ ท่านแม่ทัพตีด่านของเขาแตกแล้วนะ

 

 

รีบเค้นความทรงจำอันเร่งด่วน​ ก่อนที่จะพบว่าในความทรงจำอันลางเลือนนั้นเฟิงหลุนคนเก่าได้ร่วมอภิรมย์​กับท่านแม่ทัพอยู่5ครั้ง!! ​   

 

5ครั้งภายใน2ปี​!!  OMG!!!!!! มันน่าจดจำมากๆ​   คิดแล้วเฟิงหลุนก็อยากร้องไห้ทันที!!!!! 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา