เรื่องราวในโลกสัตว์เทพ

-

เขียนโดย NobYK

วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 05.56 น.

  8 ตอน
  0 วิจารณ์
  5,902 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2563 06.06 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ตอนที่ 3 เรื่องวุ่นๆ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

    หลังจากเลิกเรียนฉันหันไปมองเจ้าชายก็สังเกตเห็นายคนที่เคยแกล้งเจ้าชายแสยะยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินมาหาฉัน

 

“นี่เธอ--”

 

“เฮ้ เธอน่ะพวกเรามีเรื่องอยากคุยด้วยช่วยไปด้วยกันหน่อสิ”

 

    ว้า เจ้าชายน่าสงสารแฮะโดนขัดแบบไม่สนใจไยดีเลย ชายคนนั้นพูดพร้อมทั้งปั้นยิ้มออกมาจนดูแปลกชวนอ้วกเชียวล่ะ

 

“เจ้าชายจะพูดอะไรหรือเปล่าครับ”

 

“อะ ปะ- เปล่า...”

 

“งั้นหรือครับ ถ้างั้นพวกผมขอตัวก่อนนะครับ หลังจากนี้พวกเราจะไปเที่ยวกันต่อ เพราะฉะนั้นไม่ต้องรอนะครับ เนอะ”

 

“...อา”

 

    ฉันตอบพวกนั้นไปแบบไม่เต็มใจนัก แต่ก็นะถ้าไม่ได้ตามเกมมันคงตามรังควานไม่เลิกแน่

 

“งั้นหรอ เพื่อนกันนี่เอง อืม เข้าใจแล้ว”

 

    …นี่เชื่อด้วยงั้นหรอ เอาเถอะอย่าไปหวังอะไรจากเจ้าชายจะดีกว่า ฉันยังคงมองที่เขาครู่หนึ่งก่อนที่เจ้าชายจะเก็บของแล้วเดินออกไป ฉันจึงยิ้มมุมปากและพูดขึ้น

 

“ต้มเจ้าชายซะเปื่อยเลยนะ”

 

‘ปึง!!’

 

    ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเพราะเสียงของเขาที่ใช้มือทุบลงบนโต๊ะตรงหน้าฉันอย่างแรง สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นหน้าตาน่ากลัวทันที

 

“แกหุบปาก แล้วตามมาเงียบๆ ก็พอ”

 

“...”

 

    จากนั้นฉันก็หยิบกระเป๋าแล้วลุกขึ้นเดินตามพวกนั้นไปเงียบๆ เห หลังโรงยิมหรอย้ายไปที่ไหนก็คุ้นเคยกับที่นี่ดีแฮะตัวฉัน

 

‘ปัง’

 

    ชายคนนั้นที่เป็นหัวหน้าดันฉันเข้ากำแพงแล้วใช้กำปั้นทุบด้านหลังแนจนเกิดเสียงดัง โอ้ นี่ใช่ที่คนเขาเรียกกันว่าคาเบะด้งรึเปล่านะเพิ่งเคยโดนครั้งแรกนี่แหละ

 

“แกคงรู้ใช่ไหมว่าโดนเรียกมาเพราะอะไร”

 

“ถ้าขนาดนี้ไม่รู้ตัวก็คงโง่สุดๆ แล้วล่ะนะ”

 

    เอ ฉันพึ่งสังเกตแฮะว่าพวกนี้มีกันมากขนาดนี้เลยหรอ อืม หญิง 2 ชาย 3 รวมก็ 7 คน

 

“โหดร้ายกันจังนะ ก็แค่ผู้หญิงที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้คนเดียวเอง…กลัวรึไง”

 

    ฉันพูดพร้อมทั้งหัวเราะเล็กน้อย แล้วก็ได้แต่คิดลึกๆ ในใจว่าฉันจะไปยั่วโมโหพวกนั้นทำไมกันนะ ช่างเถอะ

 

“แต่ฉันก็ยังสงสัยอยู่นะ ทำไมพวกนายต้องหาเรื่องฉันกันด้วยล่ะ”

 

“เพราะแกขวางพวกเราอยู่ไงล่ะ”

 

“เห หรอ จำไม่เห็นเคยได้นะว่าพวกเราเคยยุ่งเกี่ยวกันมาก่อน”

 

    ที่จริงก็รู้อยู่หรอกทั้งเรื่องที่พวกนั้นพยายามเข้าหาเจ้าชาย แต่เจ้าชายดันไม่ห่างจากฉันเลย ในตอนที่พวกนั้นจะแอบแกล้งเจ้าชาย ฉันก็รู้ตัวและกันไว้ให้ได้หมด จนพวกนั้นเลิกพยายามไป

 

“ขอทีเถอะ แค่นั่งกับเจ้าชายก็ปวดหัวพอแล้ว ต้องมาตามเช็ดเรื่องที่พวกนายจะทำอีก ฉันไม่อยากให้มีเรื่องวุ่นหรอกนะถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าชาย”

 

“คิดว่าพูดกับใครอยู่วะ ไม่รู้จักข้ารึไง”

 

“พอดีเป็นคนที่จำชื่อคนไม่เก่งน่ะ โดยเฉพาะคนที่ไม่สนใจน่ะนะ”

 

“กรอด ปากดีนักนะ!! รับนี่ไปแล้วจำไว้ซะว่าข้ามีชื่อว่า ไทยะ”

 

    ไทยะงั้นหรอ ไม่คุ้นหูเลยแฮะ เขาง้างมือขวาขึ้นกำหมัดและต่อยมาที่ฉันตรงๆ ฉันเลยเอียงหัวหลบเล็กน้อยปล่อยให้กำปั้นของเขาเลยไปโดนกำแพงด้านหลังแทน

 

“อั๊ก เจ็บ…แก หลบทำไมวะ”

 

“แล้วฉันมีเหตุผลอะไรที่ต้องรับหมัดแกตรงๆ ด้วย โง่รึเปล่า”

 

    ไทยะกุมมือขวาพร้อมทั้งหน้าบูดเล็กน้อยด้วยความเจ็บปวด ก็นะดูท่าจะใส่แรงเต็มเหนี่ยวเลยนี่นา ไม่นานนักเขาก็ลุกขึ้นและต่อยมาที่ฉันอีกรอบ

    ดูจากฝีมือน่าจะไม่เคยฝึกต่อสู้มาก่อน มือสมัครเล่นนี่ของง่ายเลยนะ ฉันใช้มือดันหมัดของเขาขึ้นแล้วจับข้อมือออกแรงล็อกไปด้านหลังของไทยะแล้วกดลงพื้น

 

“อึก มองไรกันวะ รุมแม่งดิเฮ้ย”

 

    ฉันตัวกระตุกกึกพลางปล่อยมือจากแขนของเขา จริงสิ ถึงจะมือสมัครเล่นแต่ก็มีกันเยอะนี่นะ ฉันหลบหมัดของชายคนหนึ่งได้แบบฉิวเฉียด อีกคนก็เข้าทางด้านหลัง อะ ถือแท่งเหล็กด้วยแฮะ อันตรายนะเนี่ย

    ฉันเลยเบี่ยงตัวหลบจับแขนและออกแรงดันเขาใส่กำแพง จนใบหน้าของชายคนนั้นพุ่งเข้าชนกำแพงเข้าอย่างจัง ดูท่าคงเจ็บน่าดู ก็นะมีเลือดไหลออกจากหน้าผากและจมูกด้วย

 

“เสร็จไป 1”

 

    ฉันพึมพำออกมาแล้วหยิบแท่งเหล็กของคนนั้นขึ้นมา...อ้าว ไม่ใช่เหล็กแฮะ ก็แค่พลาสติกที่ทำรูปร่างเป็นแท่งเหล็กแค่นั้นเอง ช่างเถอะ อย่างน้อยก็แข็งพอทำให้คนหมดสติได้ล่ะนะ ขอใช้หน่อยแล้วกัน

 

“หนอย แก!!”

 

    คนที่ต่อยพลาดเมื่อกี้ทำสีหน้าโกรธที่เห็นเพื่อนหมดสติไปแล้วลุกขึ้นต่อยฉันอีกรอบ ฉันถอยหลังเล็กน้อยรอจังหวะแล้วฟาดพลาสติกในมือใส่กลางหัวเขาอย่างจัง จากนั้นก็ถีบเข้าที่ท้องจนเขาล้มไป

 

“เสร็จไป 2”

 

    เหลือไทยะสินะ...

 

“ระวังขวา”

 

“!!”

 

    จู่ๆ ก็มีเสียงที่เคยได้ยินเมื่อนานมาแล้วดังขึ้นในหัว ฉันจึงตั้งพลาสติกในมือขึ้นมากันทางขวาไว้และก็มีบางอย่างมากระแทกจนฉันเสียหลักเล็กน้อย

 

“...เวทมนตร์เรอะ”

 

    ฉันมองพลาสติกในมือที่มีควันลอยขึ้นพร้อมทั้งพลาสติกที่ค่อยๆ ละลายเพราะความร้อน ผู้หญิงอีกสองคนที่ยืนดูจนถึงเมื่อกี้ผลัดกันร่ายเวทยิงใส่ฉัน ถ้าโดนคงเจ็บหนักน่าดูแฮะ...

 

“เสร็จข้าล่ะ!”

 

“อึก”

 

    เพราะมัวแต่มองไปที่เวทมนตร์จึงโดนไทยะต่อยเข้าที่หน้าอย่างจัง ทั้งแรงของผู้ชายที่ดูโตเกินวัยของเขา บวกกับเวทเสริมแกร่งทำให้ฉันกระเด็นไปชนกับกำแพง

 

“อั๊ก”

 

    ฉันไอออกมาเล็กน้อยเพราะแรงกระแทก ในตอนที่จะลุกขึ้นพลางคิดวิธีโต้กลับอยู่นั้น จู่ๆ ร่างกายก็ปวดร้าวไปทั้งตัวทำให้ลุกไม่ขึ้นและล้มลงนอนค่ำกับพื้น อึก แผลเก่ามาออกฤทธิ์อะไรตอนนี้

 

“เหอะๆ สุดท้ายก็เก่งแต่ปากล่ะวะ”

 

“หึ...แล้วจะทำไมล่ะ...อย่างน้อยก็จัดการคนของแกได้แล้วกัน”

 

“ยังจะพูดมากได้อีกนะ”

 

“อึก”

 

    ไทยะเดินเข้ามาใกล้ฉันแล้วใช้เท้าเตะหน้าของฉันจนกระเด็นไปทางผู้หญิงสองคนที่ปล่อยเวทมาใส่พอดี

    ความเจ็บปวดกระจายไปทั่วทั้งร่างเริ่มหายใจติดขัดเล็กน้อยจนหอบ สติเริ่มเลือนราง ฉันมองเห็นคนที่ฉันทำให้หมดสติไปทั้งสองคนลุกขึ้นมา

    คุยกับไทยะนิดหน่อยก่อนจะตรงมาและเตะเข้าที่ท้องของฉัน ฉันตัวงอและบิดไปมาด้วยความจุก ก่อนจะพยายามคว่ำตัวลงพื้นไม่ให้โดนตรงท้องอีก

    พวกนั้นยิ่งได้ใจกว่าเดิมและเข้ามากระทืบฉัน 3 คน เพราะดวงตาเริ่มขุ่นมัวจึงมองไม่เห็นว่ากำลังทำสีหน้าแบบไหนกันอยู่ แต่ก็เดาได้ล่ะนะ ว่ากำลังหัวเราะอย่างสนุกสนาน แล้วสติของฉันก็ดับวูบลงไป...

 

------------------------------------------------------- ----------------------------------------------------------

 

“อุ๊ อึก...”

 

    ฉันค่อยๆ ขยับตัวเล็กน้อยหลังจากได้สติ พวกนั้นพูดอะไรทิ้งท้ายนะ ‘อย่ามายุ่งกับเจ้าชายอีก’ มั้ง

    เฮ้อ ก็แค่ช่วยคนที่ลำบากจะอะไรกันนักหนานะ จากนั้นฉันก็พลิกตัวนอนหงายขึ้นมองบนท้องฟ้า อา นี้มืดแล้วหรอ กี่โมงกันละเนี่ย

 

“เฮ้ เมื่อกี้นายเตือนฉันใช่ไหม”

 

    มันอาจจะเหมือนกับฉันเสียสติแล้วพูดคนเดียว แต่คนที่ฉันพูดด้วยไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นวิญญาณสัตว์เทพในตัวฉันเอง

 

“ใช่”

 

    เขาตอบฉันมาเพียงคำสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบจนเดาอารมณ์ไม่ได้ ก็นะ ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว เขามักจะพูดคุยแค่ที่จำเป็นอยู่แล้ว

    หลังจากตอนพิธีทำสัญญาตอนเด็กๆ ที่เขาปฏิเสธไป เขาก็แทบไม่พูดคุยอะไรกับฉันอีกเลย ก่อนหน้านั้นเวลาชวนคุยก็จะคุยด้วยแท้ๆ เพราะรู้สึกผิดหรือเปล่านะ

 

“ขอโทษ...”

 

“...เรื่องอะไรล่ะ”

 

“ถ้าเจ้าทำสัญญากับข้า เจ้าก็คงไม่ต้องโดนอะไรแบบนี้”

 

“พูดแบบนั้นแสดงว่านายจะทำสัญญากับฉันรึไง”

 

“ไม่”

 

“ฮะๆ เห็นไหมล่ะ”

 

    ฉันหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะหยุดและชูมือขึ้นบนฟ้า และค่อยๆ พูดออกมาเพียงลำพัง โดยหวังเล็กน้อยว่าเขาจะคุยเป็นเพื่อนฉันอีกสักหน่อย

 

“ฉันรู้ว่านายเองก็มีเหตุผลของตัวเอง เพราะงั้นอย่ารู้สึกผิดไปเลยนะ ฉันไม่ว่าอะไรหรอก ยังไงซะตอนนี้พวกเราก็ต้องอยู่ด้วยกัน ไปชั่วชีวิต”

 

“งั้นหรอ”

 

    ตอบกลับมาสั้น ๆ เหมือนเคยเลยแฮะ เอาเถอะหวังมากไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ฉันลดมือลงและนอนแผ่ไปกับพื้นอีกรอบ

 

“ไม่กลับบ้านรึ”

 

“ขออีกหน่อยแล้วกัน”

 

“หรือว่าเจ้าไม่อยากกลับไป”

 

“...ก็นิดหน่อย แต่ยังไง ก็ต้องกลับไป ไม่ว่ายังไง”

 

    ฉันพูดออกมาพลางกำมือแน่นและค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง อา พอมองดูดีๆ แล้วชุดเละไม่หมดเลย ทั้งเปื้อนดิน เลือด และรอยไหม้

“เฮ้อ นั่นสินะ รีบกลับไปทำแผลดีกว่า”

 

    ...ฉันพูดแล้วรอให้เขาตอบกลับมา แต่ผ่านไปเขาก็ไม่แม้แต่จะเอ่ยคำพูดสั้น ๆ ออกมา ฉันได้แต่ถอนหายใจเบาๆ แล้วลุกขึ้นเดินด้วยร่างกายที่สั่นเทา

    ฉันเดินออกมาจากโรงเรียนที่มืดสนิท ไม่มีแม้แต่แสงไฟจากป้อมยาม เมื่อก่อนฉันเคยกลัวผีแท้ๆ แต่ในตอนนี้กลับไม่รู้สึกอะไรเลย ทำไมกันนะ

    ฉันตรงดิ่งไปที่บ้านด้วยสภาพบาดแผลเต็มตัว มีคนที่ผ่านไปมาหันมามองเล็กน้อยก่อนจะเมินอย่างไม่สนใจ เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขา

    ไม่นานนักฉันก็มาถึงหน้าบ้านของตัวเอง ในขณะที่กำลังจะเปิดประตูบ้าน มือของฉันก็หยุดชะงักลง ฉันสูดหายใจเข้าลึกพลางภาวนาให้พ่อหลับอยู่

    วินาทีต่อมาฉันก็ค่อยๆ เปิดประตูบ้านเข้าไป ด้านในนั้นมืดสนิท มีกลิ่นเหล้าและกลิ่นเหม็นอับลอยเข้าจมูกของฉัน

    ภายในบ้านนั้นมีกองขยะสุมเต็มไปหมด พร้อมทั้งขวดเหล้าเบียร์ที่หมดแล้วล้มระเนระนาด เมื่อเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ก็เจอร่างของชายวัยกลางคนนอนอยู่บนโซฟากลางบ้าน

    ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะค่อยๆ เดินให้เบาที่สุด ตรงขึ้นไปบนห้องตัวเองแล้วรีบเข้าห้องทันที

 

“อา โชคดีจริงๆ ที่พ่อหลับไปแล้ว”

 

    เมื่อเข้าไปถึงในห้องก็ราวกับว่าร่างกายกำลังประท้วงว่าไม่ไหวแล้วกับฉัน ฉันทรุดลงตรงหน้าประตูทันที ก่อนจะใช้แขนลากตัวเองไปจนถึงตู้เก็บของในห้อง

    ในนั้นมีกล่องปฐมพยาบาลอยู่ เพราะได้ใช้บ่อยล่ะนะ อา ใกล้หมดแล้วสิ หวังว่าเงินของเดือนนี้จะพอนะ

    หลังจากทำแผลทั้งหมดเสร็จฉันก็หลับไปบนพื้นแข็งๆ นั้นทันที เพราะในห้องของฉันไม่มีทั้งหมอนหรือผ้าห่มให้ใช้ในยามหลับ

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา