ฮักเพียงเจ้าสุดหทัย (omegaverse)

-

เขียนโดย มิมาลินทร์

วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เวลา 11.34 น.

  8 บท
  0 วิจารณ์
  5,108 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2563 20.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) มนต์รักอาหารภาคเหนือ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     หลังจากที่เหล่าซือหลางมาส่งอาลินที่โดนบิดากลั่นแกล้งในยามเช้า ทั้งสองก็แยกย้ายกันไปคนละทาง หลางนั้นได้จอดรถส่งเด็กนักเรียนตัวน้อยๆ ให้ลงไปจากรถก่อนถึงโรงเรียนราวเกือบห้าร้อยเมตรซึ่งไม่ไกลมากนัก เพราะเขากลัวจะมีเรื่องฉาวระหว่างที่เป็นอาจารย์สอนชั่วคราว ฝ่ายอาลินก็น้อมรับในการตัดสินใจของอีกฝ่ายแต่โดยดี ทว่ายังไม่ได้เอ่ยปากกล่าวคำขอบคุณและคำลา รถก็ออกตัวไปเสียก่อน ป้ายบอกทางโรงเรียนเด่นเห็นแต่ไกลอยู่ทำให้เขาพอจะเดินทางต่อไปได้ไม่ยากนัก

 

กลางเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2XXX

วันจันทร์เวลา 7.25น.

 

     ‘ครืด’ เสียงโทรศัพท์สั่นภายในกระเป๋ากางเกงสีดำขาสั้นของ คนตัวเล็กรีบเดินชิดกับข้างทางแล้วหยิบมันขึ้นมาหมายจะตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น จอภาพแสดงผลเป็นสายเรียกเขาพร้อมชื่อของพี่ชายของเขาเด่นหราอยู่ แต่เขาก็กดรับไม่ทันเพราะสายได้ตัดไปก่อน แท็บการแจ้งเตือนปรากฏขึ้นเป็นรูปโทรศัพท์ที่มีลูกศรสีแดงพาดอยู่บนหัว สื่อความหมายถึงสายที่ไม่ได้รับหลายสายทีเดียว

     ‘ติ่ง’

     ‘ติ่ง’

     ‘ติ่ง’

     ท่ามหลางความเงียบมาราวหนึ่งนาทีนิดๆ จู่ๆ ก็มีเสียงแชทดังขึ้นมารัวๆ จาฟาร์ส่งข้อความมาหาเขาอย่างไม่หยุดหย่อน เนื้อหาของข้อความนั้นล้วนแต่มีเนื้อหาที่แสดงความเป็นห่วงอย่างสุดๆ ใต้ล่างแชทของพี่ชายก็เป็นของน้องสาวของเขาที่มีตัวเลขแจ้งเตือนจำนวนข้อมความที่ส่งมาเยอะไม่ต่างกันทั้งพี่ชายและน้องสาวต่างก็มีอาการเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด ถึงได้สลับกันโทรหาและส่งข้อความอยู่เนื่องๆ

     อาลินรู้สึกผิดที่ไม่ได้สังเกตโทรศัพท์ของตน แต่จะให้ตอบแชทตอนนี้ ก็เห็นว่ามันจะสายแล้วจึงเก็บโทรศัพท์แล้ววิ่งเข้าไปในโรงเรียนก่อน ค่อยตอบแชทและโทรกลับในภายหลัง เมื่อเริ่มเรียนในวันแรกทุกอย่างดูเหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดี สังคมในโรงเรียนเอกชนเล็กๆ แห่งนี้เป็นสังคมแบบครอบครัวเพราะทุกคนนั้นเข้าถึงกันได้ไม่ยากนัก

     คนในห้องมีจำนวนเพียงยี่สิบถึงสามสิบคนเพียงแค่นั้นหนึ่งในนักเรียนห้องของอาลินมีน้องสาวได้เรียนอยู่ด้วย พวกเขาทั้งคู่ได้เรียนห้องเดียวกันตามที่ได้คาดเดาเอาไว้ แต่เมื่อคาบภาษาจีนได้มาถึงคนที่สอนพวกเขาก็คือคนๆ นั้น

     "รักแรกของเขา" อาลินจึงตั้งใจเรียนวิชาภาษาจีนอย่างเต็มที่ แต่ทว่าสายตาของฝ่ายนั้นกับจับจ้องไปอย่างน้องสาวของเขา.....แทนที่จะมองมายังเขาที่พึ่งได้พบเจอกันไปเมื่อเช้า

     เย็นวันนั้นหลังจากกลับไปถึงบ้านทุกคนเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า เพราะไม่อยากให้มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันภายในครอบครัวอีก พวกเขาต่างรู้กันดีว่าการที่จะพูดเรื่องที่พ่อทำเอาไว้ ก็มีแต่จะทำให้อาลินนั้นต้องมีปัญหาเพิ่มขึ้น และพ่ออาจจะทำอะไรรุนแรงขึ้นไปอีก คนตัวเล็กได้แต่อยู่เงียบๆ สงบเสงี่ยมเจียมตัวรู้ฐานะตัวเองดี ว่าเป็นแค่ 'ลูกเลี้ยง'

 

วันพุธ เวลา 11.50 น.

     ช่วงพักเที่ยงในหลายวันต่อมา สามพี่น้องนัดแนะนั่งกินข้าวด้วยกันเพื่อสานความสัมพันธ์ภายในรูปแบบพี่น้องให้แน่นแฟ้นขึ้น ช่วงนี้พ่อมักกีดกันจาฟาร์และจามินทร์ออกจากอาลินอยู่บ่อยครั้ง พฤติกรรมของพ่อตอนนี้เหมือนต้องการที่จะตัดขาดความเป็นพ่อเลี้ยงกับลูกบุญธรรมอย่างเห็นได้ชัด

     มีหรือว่าคนอย่างจาฟาร์นั้นจะอยู่เฉยได้? คนนิสัยดื้อรั้นแบบเขาจะไม่ยอมเชื่อฟังพ่อที่ปลูกฝั่งอะไรไม่ดีมาเข้าหัวเขาอย่างแน่นอน โดยสถานที่คือโรงอาหารในโรงเรียนแห่งนี้ ผู้ที่มาถึงเป็นคนแรกเพื่อจองโต๊ะกินข้าวคือพี่ชายคนโต๊ะที่เรียนมหาลัยปีหนึ่ง

     เมื่อเขาเจอโต๊ะที่ถูกใจก็ได้ส่งรูปมันไปยังไลน์กลุ่มที่มีชื่อว่า 'ลูกหมูสอง หมาป่าหนึ่ง'ที่ มีสมาชิกในกลุ่มก็คือพี่น้องของเขาในทันทีสาเหตุที่เขามาถึงก่อนคนอื่น ๆ เพราะทางมหาลัยค่อนข้างให้ความอิสรเสรีแก่เขามากทีเดียวในการจัดตารางเซกต่างๆ มันจึงไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะจัดตารางให้มีเวลากินข้าวเที่ยงพร้อมกับน้องๆ ของตัวเอง

     สามสิบนาทีผ่านไปอาลินและจามินทร์ก็เดินมาหาเขาตามจุดนัดหมายและจัดจานอาหารจากปิ่นโตที่อาลินนั้นได้ถือมา รวมทั้งเป็นคนลงมือทำเองตั้งแต่ตอนเช้าตรู่ ปกติแล้วธรรมเนียมของบ้านพวกเขาไม่ได้มีการทำอาหารให้กินกันเป็นชุดปิ่นโตแบบนี้หรอก แต่มันเป็นขอเสนอของอาลินที่เสนอขึ้นมา ในตอนที่จาฟาร์แชทมาขอข้อเสนอแนะว่า จะกินอาหารร่วมกันอย่างไรดี? มันจึงเป็นเช่นนี้ในทุกวัน พวกเขานัดกันมากินอาหารฝีมืออาลิน ในทุกๆ เที่ยงอย่างตั้งตารอคอย

     อยู่มาวันหนึ่ง การนั่งกินอาหารมื้อเที่ยงของสามพี่น้องก็ต้องแปลกไป เพราะมีใครคนหนึ่งมาร่วมโต๊ะอาหารด้วย นั่นก็คือ 'เหล่าซือหลาง'

     เหล่าซือหลางได้ลืมหยิบเงินในตอนเดินทางมาทำงานยังโรงเรียนแห่งนี้ แน่นอนว่าเขาไม่อาจปริปากพูดขอร้องความช่วยเหลือจากใครได้ จนเหลือบไปเห็นเอกสารบนโต๊ะที่มีชื่อของ 'อาลิน'และ 'จามินทร์' ที่มีนามสกุล 'มาซาเอล' ปรากฏอยู่

     เขาจำได้ในตอนที่ทำงานเป็นรองประธานบริษัทก่อนที่จะมาทำงานนี้เพราะเพื่อนขอร้อง พ่อเขาเคยว่า ตระกูลมาซาเอลนั้นต้องการที่จะทำงานร่วมกับเครือหยงไช้อยู่หลายครั้งหลายหน แน่นอนว่าพ่อของเขายินดีจะทำตามข้อเสนอเขาทุกอย่างในฐานะลูกชาย หนึ่งในนั่นคือ หลางมีความรู้สึกว่าเด็กสาวที่ชื่อจามินทร์ เพราะหล่อนมีลักษณะคล้ายเด็กคนหนึ่งที่เขาเคยเจอบนดอยตอนไปเที่ยวกับแม่ เขาจึงอยากแต่งงานกับหล่อน แล้วใช้ชีวิตคู่กันในฐานะ 'คู่แห่งโชคชะตา'

…………………..

     ฟูลิน เป็นเด็กสาวคนหนึ่งผิวขาว เธอเป็นเด็กชาวญี่ปุ่นอายุราวๆ เก้าถึงสิบขวบได้ หลางได้ไปเจอตอนเขาอายุได้สิบหกปี ตอนนั้นทั้งพ่อและแม่ของหลางยังมีชีวิตอยู่ แม่ของเขาท้องน้องสาวได้ราวๆ เจ็ดเดือน แล้วอยากไปหาเพื่อนคนหนึ่งที่เป็นเจ้าของรีสอร์ตทางภาคเหนือที่เป็นชาวญี่ปุ่น ครอบครัวของเราจึงได้ถือโอกาสมาเที่ยวกัน และแน่นอนว่าเด็กสาวชาวญี่ปุ่นคนนั้นก็คือลูกของเพื่อนแม่หลางเอง ตอนเจอเธอครั้งแรกเหมือนรักแรกพบ

     “ฟูลิน” หญิงชาวญี่ปุ่นเจ้าของรีสอร์ตเอ่ยเรียกลูกของตน เมื่อมีแขกเป็นเพื่อนสนิทชาวไทยของเธอมาเยี่ยม เธอกวาดสายตามองหาลูก ก่อนจะพบว่าเจ้าตัวแสบของเธอนั้นไม่อยู่บริเวณนี้เลย “อ่าว ไปไหนซะแล้ว” หล่อนพึมพำเบาๆ

     “ไม่เป็นไรหรอกจ้า คงอาจจะไปเดินเล่นแถวๆ นี้ ตามประสาเด็ก คราวที่แล้วตอนมาหา หนูลินก็หายไปแบบนี้เหมือนกัน เจออีกทีแกก็ไปเล่นกับนกที่อยู่ข้างๆ ระเบียงแถวรีสอร์ตหนิ"

     “ขอบคุณที่เข้าใจนะจ๊ะ ซนมากลูกชายคนนี้”

     “ตาหลาง ไหว้น้าหน่อยสิ”

     “อ่าว หายไปไหนอีกคน”

     หลางที่พึ่งเคยมาที่นี้เป็นครั้งแรก เกิดหลงทางขึ้น อาจเป็นเพราะว่ารีสอร์ตนี้อยู่บนดอยเลยทำให้มีป่าและสถานที่ที่ค่อนข้างกว้าง และด้วยเหตุที่เขาหลงป่านี้ ทำให้มาเจอกับเด็กคนหนึ่งที่มีผิวสวยและละเอียดมาก

     เขาคิดว่าน่าจะเป็นผู้หญิงเนื่องจากหน้าตาที่ดูหวานและกริยาที่เรียบร้อย ซึ่งเธอกำลังนั่งเล่นดอกไม้รูปทรงแปลกๆ ที่ตกอยู่บนพื้นอย่างสนุกสนาน ข้างๆ ของเธอมีปิ่นโตอยู่อันหนึ่ง ด้วยความขี้อายตามสไตล์ของเด็กที่พึ่งแตกหนุ่มได้ไม่นาน เขาจึงแอบหลบตรงต้นไม้ใกล้เคียงแต่ก็ยังสามารถแอบมองเจ้าหล่อนได้อยู่

     “หนม กินดูมั้ย” เสียงคนตัวเล็กเอ่ยขึ้น ทำให้หลางสะดุ้งโหย่งขึ้นทันที ดูเหมือนว่าการแอบซ่อนตัวของเขาจะไม่เป็นผลเสียนี้ เด็กสาวคนนี้ช่างสังเกตเสียเหลือเกิน ทำให้ตัวของเขาเกิดความเขินอายขึ้นมาเมื่อมีคนที่อายุน้อยกว่ารู้ทันเขาเสียแบบนี้

     “หนม.....ขนมหรือ?” เขาเอ่ยถามเด็กน้อยกลับด้วยท่าทางที่ยังคงอายๆ อยู่ ตอนนี้เขาเลือกที่จะออกมาจากที่กำบังแล้วเดินมาใกล้คนตัวเล็กแทน ภาษาของคนตัวเล็กดูแปลกหูอยู่ไม่ใช่น้อยทำให้เขาคิดว่าบางทีเจ้าหล่อนอาจจะเป็นครึ่งเสี้ยวของเชื้อชาติอะไรสักอย่างหนึ่ง

     “อือๆ ” คนตัวเล็กพยักหน้าตอบ เหมือนได้ยินสิ่งที่เขาบ่นพึมพำเมื่อครู่ หลางพอเห็นอีกฝ่ายตอบสนองมาก็ยิ้มและค่อยๆ เอาขนมที่อยู่บนมือใส่เข้าปาก และเริ่มพิจารณาลิ้มรสชาติของมันช้าๆ

     “อร่อยจัง มันชื่อว่าอะไรหรอ” หลางถามคนตรงหน้าทันทีเมื่อรู้สึกถูกอกถูกใจขนมเป็นอย่างมาก คนตรงหน้าเมื่อได้ยินคำถามก็ฉงนอยู่ครู่หนึ่งในคราวแรกที่หลางได้เห็นเช่นนั้นเขาก็ทำใจแล้วว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่ได้อยากคุยกับเขา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิดเสียแล้ว “ไดฟูกุ ทำกะม้า”

     “อืม ทำขนมกับแม่ ขนมญี่ปุ่นสินะ”

     “เธอชื่ออะไร” เขาเอ่ยถามเด็กตรงหน้า

     “ฟูลิน” เด็กน้อยตอบสั้น ๆ

     “พี่ชื่อหลางนะ” ในขณะที่หลางกำลังจะแนะนำตัวและชวนฟูลินคุยอีกก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนขัดเขาขึ้นเสียก่อน “ช่วยด้วยค่ะๆ มีคนปวดท้อง”

     เสียงคนเจ็บร้องครางด้วยความเจ็บปวดก่อนที่จะร้องเบาลง “โอ๊ยๆ อื้อๆ เจ็บท้อง” หล่อนยังคงร้องอยู่เป็นระยะๆ พอหลางได้ยินแบบนั้นเขาก็ตกใจทันที

     “เสียงแม่หนิ” หลางเริ่มกระวนกระวาย ฟูลินเมื่อเห็นอาการของหลางก็เริ่มเป็นห่วง จึงเดินไปจับที่มือของอีกฝ่าย ก่อนจะจูงมือหลางเดินไปข้างหน้า เป็นเชิงว่าจะนำทางอีกฝ่าย

     “เดี๋ยว พาไป” ฟูลินเอ่ยขึ้น หลางยอมแต่โดยดีแล้วปล่อยให้เด็กน้อยชาวญี่ปุ่นพาออกไปจากป่าตรงนั้น พอออกมาจากป่าได้ เขาก็เห็นพ่อของเขากำลังอุ้มแม่ของตนอยู่

     เขาจึงจะวิ่งไปหาพ่อ แต่ก่อนไปเขาก็กล่าวพูดคุยกับฟูลินเล็กน้อย “ขอบคุณนะ” แล้ววิ่งจากไป พอพ่อเห็นลูกชายที่หายไปไหน จึงเอ่ยถามเล็กน้อย “หายไปไหนมา เร็วๆ ลูก พาแม่ไปโรงพยาบาลกัน” จากนั้นก็พาลูกชายของเขาและภรรยาไปโรงพยาบาลเพื่อคลอดลูกสาว แต่ทว่าวันนั้น น้องสาวของเขาก็ไม่รอดเพราะคลอดก่อนกำหนดและแม่ของเขาก็ตรอมใจตายในเวลาต่อมาเหลือเพียงแค่หลางกับพ่อเพียงสองคน

     เมื่อไร้ซึ่งเงินทองในยามนี้ เขาคิดว่าอยากจะลองใจตระกูลนี้ดูว่า จะยอมช่วยเหลือเขาในยามยากหรือไม่ ความจริงทางบ้านของหลางนั้น ก็มีฐานะไม่ใช่น้อย จะโทรเรียกให้คนรับใช้นำกระเป๋าที่เต็มไปด้วยเงินและบัตรเครดิตมาให้ก็ย่อมได้ แต่หลางเรื่องที่จะไม่ทำเอง ว่าแล้วเขาจึงไปขอความช่วยเหลือจากหญิงสาวคนนั้นทันที โดยการเดินไล่หาจากโรงอาหารในยามพักเที่ยงจนแล้วจนรอดก็ไปเจอเข้า จึงเริ่มแผนการทันที

…………………..

     "อาจารย์!! " เสียงจามินทร์ตะโกนขึ้นด้วยความเป็นห่วงในระหว่างที่หล่อนกำลังช่วยอาลินผู้เป็นพี่ชายจัดอาหารในปิ่นโตอยู่ หล่อนก็เหลือบไปเห็นหลางหน้าซีดเดินเซไปเซมาอย่างไร้เรี่ยวแรง ด้วยความที่สงสารและห่วงเขา หล่อนจึงไปช่วยพยุงให้เหล่าซือของหล่อนมานั่งใกล้ๆ กับพี่ชายของหล่อนอีกคนนั่นก็คือจาฟาร์

     สอบถามไล่เหตุอยู่ครู่หนึ่ง หล่อนก็ได้รู้ว่าเหล่าซือหลางนั้นไม่ได้พกเงินติดตัวมาแถมยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้า หล่อนจึงขอให้พี่ชายทั้งสองยอมให้เขาร่วมโต๊ะอาหารในคราวนี้ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าอาลินที่แอบชอบหลางก็ยอมแต่โดยดีพร้อมกับไปหยิบจานและช้อนส่วนของหลางจากป้าโรงอาหารมาให้ทันที

     "แกงมัสมั่นหรือ? " จาฟาร์ทำหน้าอึ้งอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงกึ่งๆ ตกใจ อาหารสามอย่างถูกอาลินจัดวางพวกบนโต๊ะด้วยท่าทางที่คล่องแคล่ว ซึ่งตัวอาหารอื่น ๆ นั้นธรรมดาไม่ได้แตกต่างจากทั่วไปนัก อย่างผัดกะเพราหมูสับ ไข่ดาวสามฟอง และแกงปริศนาอย่างหนึ่งที่จาฟาร์คาดเดาว่ามันคือแกงมัสมั่น เพราะมันมีสีแดงมันวาวคล้ายๆ แกงเผ็ดเหมือนอย่างมัสมั่นที่เขาเคยกินมาก

     คนตัวเล็กหันไปขำเล็กน้อยกับจามินทร์ผู้เป็นน้องสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ เป็นนัยๆ ว่าการคาดเดาของพี่ชายของพวกเขาจะผิดเสียแล้ว อาลินปลายตามองส่งซิกให้จามินทร์ เพื่อให้เจ้าหล่อนช่วยตอบแทน เจ้าหล่อนก็พยักหน้ารับ ก่อนจะตอบสั้น ๆ ไปว่า "แกงฮังเล"

     จาฟาร์เอามือตบเข่าตัวเองเบาๆ พร้อมหัวเราะออกมาเสียงดัง เขารู้สึกเสียดายที่เดาผิดไป ทั้งๆ ที่เขาก็น่าจะรู้ดี ว่าน้องชายคนนี้ชอบทำอาหารเมืองเหนือมากเพียงไหน ชอบทำมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยไม่ใช่แต่เพียงอาหารแต่ยังมีความเชื่อและวัฒนธรรมของคนเหนือมาด้วย ทำให้จาฟาร์อดสงสัยไม่ได้เลยว่าก่อนที่มาจะเป็นบุตรบุญธรรมของพ่อเขา อาลินนั้นอาจจะเคยอยู่ที่ภาคเหนือกับครอบครัวที่แท้จริงมาก่อน แต่ตอนนี้ดูเหมือนคนตรงหน้าจะจำอะไรไม่ได้เลย มีแค่เพียงความเคยชินที่คงอยู่

     ส่วนทางด้านหลางนั่นก็กินอาหารบนโต๊ะพลางมองรอยยิ้มอันสดใสของหญิงสาวผู้เป็นนักเรียนพลาง อาหารที่เขาได้กินนั้นมีรสชาติที่อร่อยมากที่หาที่ได้ไม่ได้มาก่อน เขาชอบมันมากและอยากกินในทุกๆ วัน

     แต่หลางนั้นไม่รู้เลยว่าอาหารที่เขาถูกอกถูกใจนักหนา อาลินเป็นคนทำ ทั้งหมดเขาเอาแต่คิดว่าหญิงสาวที่เขาคิดว่าเป็นรักแรกเป็นคนทำไม่ก็แม่เป็นทำอย่างสนิทใจโดยไม่คิดว่าเป็นอาลินเพียงสักนิด เพราะผูกใจว่าหล่อนคือเด็กชาวเหนือที่เขาเคยเจอสมัยเด็ก จากการที่หล่อนตอบชื่อแกงถูก และแกงที่ทำออกมายังเป็นอาหารเหนืออีก ตอนนี้หล่อนคือคนที่เขาอยากใช้ชีวิตไปทั้งชีวิต เขาจะนำเธอมาเป็นคู่ของเขาให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นวิธีใดก็ตาม....

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา