ปาฏิหาริย์โลกวิญญาณ (ได้รับการตีพิมพ์จากAmity Publishing แล้ว)

5.3

เขียนโดย watcharakarn

วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 12.10 น.

  67 ตอน
  3 วิจารณ์
  30.78K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 23.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

25) ผู้เคราะห์ร้าย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ใช่แล้วเหตุการณ์ในวันนั้น…สมัยที่ผมยังเรียนอยู่มหา’ลัยปีสอง

 

‘…………’

 

เคยเจอเขามาก่อนจริงด้วยสินะ

 

จำได้ว่ามันเป็นช่วงระหว่างที่ผมกับกลุ่มเพื่อนกำลังเดินเตร็ดเตร่อยู่ในซอย ‘ปะริธนท์’ ซึ่งขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นถนนบันเทิงยามราตรีที่ฮอตฮิตที่สุดของบรรดานักศึกษามหาวิทยาลัยของเรา เสมือนดังจุดนัดพบของเหล่าเพื่อนพ้องน้องพี่ในรั้ว ‘คำแสด’ ซึ่งแทบทุกคนต้องเคยมาสัมผัส หรือสร้างสัมพันธ์ไมตรีกันที่นี่ บ้างก็ร่ำสุรากันหัวราน้ำมาแต่ไหนแต่ไร

 

เนื่องจากทำเลที่ตั้งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหอพักมากนักประกอบกับมีสินค้าให้เลือกชมเลือกซื้อหลากหลาย มองไปทางใดก็เห็นร้านรวงต่างๆ เรียงกันแน่นขนัดเต็มสองฟากฝั่งถนนสี่เลนซึ่งมีรถยนต์จำนวนมากจอดเรียงกันเป็นแถวตลอดแนวยาวของริมฟุตบาท แต่ละคนต่างก็เดินทางมาพักผ่อนหย่อนอารมณ์ ณ สถานบันเทิงที่หาง่ายใกล้ตัวแห่งนี้เพื่อแลกซื้อความรื่นรมย์โสมนัสเพียงชั่วครั้งชั่วคราวกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่งแม้ว่าจะเป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้วก็ตาม

 

หลอดไฟหลากสีและป้ายไฟกะพริบที่ถูกติดตั้งตามคีออสหรือร้านค้าต่างๆ อย่างบรรจงดึงดูดสายตาให้เหล่าคนเดินทางเท้าแลมอง เช่นเดียวกับสปอรต์ไลท์ และโคมไฟกระดาษซึ่งทำหน้าที่เปล่งแสงสีสันอันเย้ายวนได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง จะมองไปทางใดก็เห็นแต่คนคุ้นหูคุ้นตาเดินกันขวักไขว่ หลายคนกำลังต่อคิวซื้อของปิ้งย่างจำพวกบาร์บีคิว (เนื้อ หมู ไก่) ส่งกลิ่นยวนยั่วลอยมาชวนน้ำลายสอ

 

แม่ค้าขายน้ำผลไม้ปั่นหุ่นท้วมผิวดำแดงซึ่งตั้งร้านอยู่ข้างทางก็รับออเดอร์กันไม่หวาดไหว เช่นเดียวกับแขกผิวคล้ำร่างผอมแกร็นใส่ชุดเชิ้ตขาวตัวโคร่งคล้องคอด้วยผ้ากันเปื้อนสีม่วงสดใสเจ้าของรถเข็นขายโรตีที่เปิดไฟนีออนสว่างโล่จอดอยู่ใกล้ๆ ก็ดูจะขายดิบขายดีไม่แพ้กันเลยแม้แต่น้อย

 

ลูกค้าวัยรุ่นเกือบทั้งหมดแต่งกายด้วยชุดแฟชั่นสำหรับเที่ยวกลางคืนกันเสียเต็มยศน้อยนักที่จะมีใครหลงใส่ชุดนักศึกษาโผล่มาให้เห็น อาจด้วยทางมหาวิทยาลัยมีกฎระเบียบอันเคร่งครัดไม่ให้นักศึกษาสวมใส่เครื่องแบบของสถาบันเข้าไปใช้บริการในร้านเหล้า หรือร้านอาหารกึ่งผับเหล่านี้กอปรกับพวกเหยี่ยวราตรีทั้งหลายแหล่มักชอบมาฟังดนตรีสดกัน

 

ซึ่งกว่าจะเริ่มตั้งวงแสดงก็ตอนดึกดื่นค่อนคืนไปแล้วจึงมีเวลาเหลือเฟือที่แต่ละคนจะกลับไปอาบน้ำอาบท่า จัดแต่งเสื้อผ้าหน้าผมและประพรมน้ำหอมเสียจนตัวหอมฟุ้ง

 

สาวๆ หน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรานุ่งกระโปรงสั้นรัดรูปเดินกรีดกรายโชว์ขาอ่อนสวนกันไปมา บางคนก็น่ากลัวยิ่งกว่าผีขนุนแต่ก็กล้าสวมชุดอะร้าอร่ามเผยส่วนเว้าส่วนโค้งกันแบบสู้ไม่ถอย สำหรับผู้ชายคนไหนถ้าหน้าตาผิวพรรณดี มีรถเก๋งขับแต่งกายแบบเปิ๊ดสะก๊าด (หรูหรา) หน่อยก็จะถูกสาวๆ เหล่มองตาเป็นมัน

 

ต่างจากพวกผมทั้งสี่ที่ไม่ค่อยมีใครแลเหลียวสักเท่าไหร่ หากจะมองมาก็คงด้วยสายตาฉายแววประหลาดใจแกมตำหนิเสียมากกว่าเพราะไอ้ ‘โต้ง’ กับ ‘แฉ่ง’ ชอบจับคู่คุยกันโขมงโฉงเฉงบ้างก็เย้าแหย่ชาวบ้านชาวช่องด้วยความคะนองปากอยู่เป็นนิจ ผมกับ ‘ชาญยศ’ ก็ได้แต่เตือนพวกมันเป็นครั้งคราวไม่ให้เล่นเลยเถิดไปก็เท่านั้น

 

เท่าที่สังเกตดูโดยมากวัยรุ่นเหล่านี้จะมาดื่มกินกันเป็นก๊วนแล้วมาพบปะสังสรรค์กันตามประสาเพื่อนคอเดียวกันที่ร้านอาหารกึ่งผับขนาดย่อมสามร้านซึ่งมีทั้งแบบเป็นห้องกระจกและเปิดโล่ง ภาพของบรรดาวัยรุ่นที่นั่งหัวร่อต่อกระซิกกันสนุกสนาน

 

บางคนก็กระดกแก้วใสทรงสูงจิบเบียร์ไปพลางทานกับแกล้มไปพลางพร้อมกับเอนกายฟังเสียงดนตรีสไตล์อคูสติคที่เล่นกันสดๆ  จากนักร้องชาย-หญิงที่ล้วนถูกคัดสรรมาสร้างความบันเทิงเริงรมย์กันอย่างเพลิดเพลินดื่มด่ำความสุขเสียจนแทบสำลักไปยันตีสอง

 

บรรยากาศรอบกายเต็มไปด้วยแสงสีพร่างพราย เสียงเพลงอึกทึกที่คอยปลุกเร้าอารมณ์ให้ครึกครื้น และผู้คนเนืองแน่นจนล้นร้านออกมายืนออบนทางเท้ากลายเป็นภาพชินตาของพวกเราสี่คนไปเสียแล้ว เป็นเช่นนี้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันราวกับว่าถนนสายเล็กๆ แห่งนี้ไม่เคยหลับใหล และยังคงรอคอยให้นักเที่ยววัยกำดัดทั้งหลายมาลิ้มลองรสชาติชีวิตยามราตรีนี้อยู่เสมอ

 

เพียงแต่ในคืนนั้น

 

“ผัวะ ผัวะ…โอ๊ย!”

 

“นี่แน่ะมึงเก่งนักใช่มั๊ย” น้ำเสียงอวดดีระคนแข็งกร้าวของชายคนหนึ่งที่ดังแว่วเข้ามาในโสตประสาททำให้ผมซึ่งกำลังเดินทอดน่องชมแสงสียามราตรีอยู่เพลินๆ เกิดอาการชะงักงันขึ้นมาทันใดพลอยให้เพื่อนอีกสองคนที่ตามมาโดยไม่ทันระวังชนแผ่นหลังผมเสียเต็มแรงจนตนเองซวนเซ

 

“ไอ้ย้งมึงเบรกทำเชรี้ยไรวะ ล่อซะกูเกือบหัวทิ่มบ่อ” ‘โต้ง’ ชายหนุ่มร่างสูงเพรียวใบหน้าเสี้ยมคางแหลมไว้ผมยาวปรกต้นคอราวกับพวกศิลปินซึ่งมีอุปนิสัยพูดจาโผงผางเป็นทุนเดิมต่อว่าเสียงขุ่น

 

แผงคิ้วเข้มหนาที่พาดเป็นแนวตรงลักษณะเฉียงขึ้นเล็กน้อยเหนือดวงตาโตเรียวเลิกสูงด้วยความฉงนฉงาย ช่างตัดกันดีเหลือเกินกับผิวขาวราวไข่ปอก และริมฝีปากเหยียดบางสีชมพูซีดใต้เรียวหนวดเข้มแต่แลดูสะอ้านและจมูกเล็กปีกแคบนั้น ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงมีผู้หญิงชม้ายตามองกว่าใครเพื่อน

 

“ย้งมีอะไรเหรอ?” ‘ชาญยศ’ เด็กหนุ่มรูปร่างผอมแห้งหน้าตาเจี๋ยมเจี้ยมผิวเหลืองตัดทรงผมม้ากะลาครอบ (bolw cut) สวมแว่นตาทรงกลมเลนส์หนาเตอะตามวิสัยของหนอนหนังสือซึ่งเดินอยู่ข้างๆ เอ่ยถามเสียงเรียบด้วยความสงสัยเช่นกัน

 

“เฮ้ยๆ โทษๆ  แต่พวกมึงได้ยินอะไรกันมั๊ยวะ?” ผมซึ่งใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายสก็อตตาเล็กตีตารางถี่สีออกดำ-น้ำเงินสวมกางเกงยีนผ้ายืดขาเดฟสีดำคู่กับรองเท้าผ้าใบสีขาวหม่นดูเยินๆ กล่าวเป็นเชิงให้คนอื่นๆ ลองเงี่ยหูฟังดู

 

น่าแปลกนักที่ท่วงทำนองเพลง ‘ความจริงในใจ’ ของวง ‘เครสเซ็นโด’ ในสไตล์อคูสติกซึ่งดังก้องมาจากร้านเหล้าข้างๆ  ในยามนี้กลับมีเสียงครวญครางของใครบางคนลอยแทรกสอดเข้ามาให้พวกเราได้ยิน ทำเอาผมและเพื่อนๆ หูตาสว่างขึ้นมาทันทีก่อนจะมองหน้ากันเลิกลัก

 

“โอ๊ย พอแล้ว พอ…หยุด หยุด”

 

“เป็นไงล่ะมึงทำเป็นเก่งดีนัก ไอ้เชรี้ยเป๋”

 

“เสียงเหมือนคนทะเลาะกันว่ะ” ‘แฉ่ง’ เพื่อนอีกคนในกลุ่มซึ่งมีผิวคล้ำตัวโตสูงใหญ่ไว้ผมรองทรงไถข้างหวีผมเสียเรียบเปล้อีกทั้งยังเจาะหูใส่จิวไว้หนวดเครารกครึ้มแบบสาดลูกคางสวมเสื้อยืดสีดำไสตล์เมทัลสกรีนภาพจำพวกหัวกะโหลก โครงกระดูก หลุมศพ ดูน่ากลัวราวกับพวกขาร็อกจอมโหดแต่แท้ที่จริงแล้วกลับเป็นคนอารมณ์ดียิ้มง่ายที่สุดในกลุ่มปรารภขึ้นเบาๆ

 

“พวกแกก็ได้ยินใช่ป่ะ?” ผมถามย้ำอีกหน พอเห็นคนอื่นๆ พากันพยักพเยิดหน้าเท่านั้นแหละหัวใจก็พลันเต้นไม่เป็นส่ำ

 

“กูว่าในนี้วะ” ผมพูดแล้วจึงรีบหันตัวก้าวเท้าฉับฉับย้อนไปยังปากตรอกเล็กๆ ที่เพิ่งเดินผ่านมาเพื่อหาต้นตอของเสียงในทันใด

 

‘กำลังมีคนถูกทำร้าย’

 

แม้จะไม่รู้ด้วยว่าเป็นเพราะเหตุใด หรือใครก็ตามทว่ามโนสำนึกภายในกลับร้องบอกตนเองเช่นนั้น

 

“เฮ้ยๆ รอกูด้วย” ไอ้โต้งที่อยู่ในชุดเสื้อยืดคอวีสีเขียวแก่สวมทับด้วยแจ็คเก็ตยีนแขนยาวสภาพเก่าช่วงเอวคาดเข็มขัดหนังแท้ฟอกฝาดไร้ลายสีน้ำตาลอ่อนอมเหลืองส่วนหัวทำจากเงินวาววับสวมกางเกงยีนสีมิดไนท์บลู (น้ำเงินเข้มจนเกือบดำคล้ายสีกรมท่า) ขากระบอกและรองเท้าหนังหุ้มข้อสีน้ำตาลอ่อนผิวถลอกตะโกนไล่หลังมา ผมซึ่งรุดมาถึงก่อนก็มีอันต้องตื่นตกใจกับภาพความรุนแรงที่ประจักษ์ขึ้นแก่สายตา

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

ชอบอ่านนิยายแนวไทยๆ กันมั๊ย

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา