ปาฏิหาริย์โลกวิญญาณ (ได้รับการตีพิมพ์จากAmity Publishing แล้ว)

5.3

เขียนโดย watcharakarn

วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 12.10 น.

  67 ตอน
  3 วิจารณ์
  30.78K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 23.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

49) วิญญาณบาป

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

พวกมันเดินเข้ามาหาผมช้าๆ แขนทั้งสองข้างห้อยตกอยู่ข้างลำตัวดูแข็งทื่อราวกับกลุ่มซอมบี้ที่เดินทีก็ไหล่โยก หัวคลอน กระย่องกระแย่งเหมือนจะล้มมิล้มแหล่ เป็นเงาร่างตะคุ่มๆ สูงบ้าง เล็กบ้าง ทั้งชายหญิง คนชรา และเด็ก ที่เหมือนตกอยู่ในความมืดตลอดเวลา แม้ว่าผมจะเห็นบางตนเดินผ่านตรงที่มีแสงไฟแต่ก็ยังเห็นเป็นเงาดำอยู่ดี

 

นาทีนี้คงเป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกเหมือนเข้าตาจน หันหน้าไปทางไหนก็เจอแต่พวกมันรายล้อมไปหมด

 

“หยุด…อย่าเข้ามานะ” ผมร้องห้ามด้วยเสียงตื่นกลัว จู่ๆ หยาดน้ำก็เอ่อท้นออกมาจากหางตาด้วยความเศร้าสะเทือนใจจากสิ่งใดก็ไม่อาจรู้ได้

 

‘นี่จะร้องไห้ไปทำไมกันละวะเนี่ย?!’ ตนเองนึกตั้งคำถามในใจ ขณะถูกเจ้าเด็กบ้านั่นสอดแขนเข้ามาล็อกแขนผมไว้ไม่ให้หนีไปไหน

 

“ปล่อยนะไอ้หนู…นี่พี่อุตส่าห์หาของกินให้นะเว้ย” ผมตวัดเสียงกร้าว เพียงเพื่อหวังว่าเด็กน้อยร่างเน่าเฟะจะยำเกรงแต่เปล่าเลยอีกฝ่ายกลับไม่แยแสกับท่าทีดุดันของผมเลยแม้แต่น้อย

 

“ปล่อยกูนะไอ้เด็กผี บอกให้ปล่อย ช่วยด้วยสาริกาช่วยผมด้วย” ผมตะโกนเรียกนางฟ้าสาว พยายามสะบัดท่อนแขนลีบเล็กที่คล้องแขนผมไว้แน่นราวกับหนวดปลาหมึกให้หลุดออก ขณะที่หยาดน้ำใสๆ ค่อยๆ ไหลย้อยลงมาอาบสองแก้มของผมด้วยความเศร้าที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุทำให้ผมต้องเบะหน้าร้องไห้ ไปตามเสียงโศกสะอื้นจากเหล่าฝูงชนดังคร่ำครวญมา

 

“ฮือๆๆๆๆ”

 

 ‘วิญญาณพวกนั้นช่างน่าสมเพชเวทนาเสียนี่กระไร ดูสิพากันร้องไห้ร้องห่มกันใหญ่เลย’

 

ร่างของผมเรืองแสงวูบวาบก่อนที่สิ่งประหลาดจะเกิดขึ้น แสงในกายผมค่อยๆ ถ่ายเทไปยังร่างของนพประหนึ่งสายธารสีเงินที่ไหลเรื่อยลงสู่แอ่งน้ำระดับต่ำกว่า

 

ใช่แล้ว…แสงสีเงินยวงของผมกำลังถูกเด็กคนนั้นดูดซึมผ่านการสัมผัสจากแขนหนึ่งไปสู่มือไล่ลามไปยังแขนเล็กๆ ของวิญญาณเด็กชายอย่างเชื่องช้า

 

‘เวรแล้วไอ้ย้ง’ ผมตื่นกลัวถึงสิ่งผิดปกติที่กำลังเกิดขึ้นกับตัว พยายามสะบัดตนเองเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมของผีเด็กร่างผอมโซและน่าขยะแขยงที่เกาะผมแน่นหนึบ

 

แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ บรรดาวิญญาณสีดำนับสิบๆ ตนที่ก้าวเท้าเข้ามาใกล้ผมทุกทีๆ นี่สิ ผมจะทำอย่างไรดี แค่ท่าเดินที่ดูพิกลพิการ และร่างกายที่ดำมะเมื่อมนั่น ก็ชวนให้ขวัญหนีดีฝ่อแล้ว และไหนจะเสียงครางต่ำๆ อันระคายหูของพวกมันอีกล่ะ

 

โอ้…ถึงจะกลัวจับจิตจับใจ แต่เหตุใดน้ำตาถึงยังไหลพร่าลงมาราวกับทำนบแตก นี่ผมกำลังเศร้าโศกเสียใจให้แก่วิญญาณพวกนั้นหรือร้องไห้ให้กับความอาภัพอับโชคของตัวเองกันอยู่ละนี่

 

“ฮือๆๆ อย่าเข้ามานะปล่อยผมไป ปล่อยผมไปเถอะผมขอร้องล่ะ” คราวนี้ผมยกมือไหว้ขอความเมตตา พร้อมกับสะอื้นไห้อย่างน่าสมเพชก่อนที่มือมากมายจะถาโถมเข้ามาจับต้องใบหน้าและตัวผม แรงผลักมหาศาลจากคนข้างหลังที่ดันเข้ามาพาให้ร่างผอมบางผลุบจมลงท่ามกลางฝูงพรากบุญอย่างรวดเร็ว

 

“ชะ ช่วย…” แม้จะพยายามดิ้นรนเปล่งเสียง แต่สุดท้ายแล้วผมก็เป็นฝ่ายปราชัย

 

“พรึบ”

 

ในนาทีนั้นผมมองไม่เห็นอะไรอีกนอกจากความมืดมิด และความรู้สึกที่เหมือนมีอะไรมากระทบเบียดเสียดตัวผมจนอึดอัด ทุกอย่าเงียบงัน หมดสิ้นกำลัง ได้แต่คิดไปว่า

 

หากผมตายเป็นหนที่สอง ร่างของผมจะสลายหายวับไปมั๊ยนะ

 

ผมนึกสงสัย เริ่มตระหนักแล้วว่าชีวิตหลังความตายมันน่ากลัวกว่าที่เคยคิด

 

ผมเคยคิดว่าเมื่อตายไปแล้วทุกอย่างจะจบสิ้น

 

ผมเคยคิดว่าความตายคือสิ่งที่ทำให้ผมไม่ต้องเผชิญกับความความทุกข์ร้อนใดใดอีก

 

การตายคือหนทางลัดที่จะพาผมให้หลุดพ้นจากโลกใบนี้

 

สังคมเฮงซวย จอมปลอม ความจนที่ผมเลือกไม่ได้ คำดูถูก สายตาดูแคลน คนรักที่มองเห็นผมว่าไร้ค่า

 

ทุกสิ่งทุกอย่าง….ที่กัดกร่อน และทำร้ายจิตใจผมมาตลอดชีวิต

 

แต่ความจริงแล้ว…มัน

 

“นายจะยอมแพ้แบบนี้ไม่ได้นะวิศรุฒิ นายจะต้องกลับไป ฉันจะต้องพานายกลับไปให้ได้”

 

ทันใดเสียงใสแต่เปี่ยมด้วยพลังก็ดังขึ้น ปลุกผมจากภวังค์อันเลื่อนลอย

 

‘สาริกา!’ ชื่อนั้นโผล่ผุดในมโนสำนึก

 

แสงสว่างเจิดจ้าราวกลางวันแยงเข้านัยน์ตาที่กำลังหรี่ปรือ อ่อนล้าเต็มที

 

เมื่อลืมตาตื่น ผมก็เห็นใบหน้างดงามนั้นอีกครั้ง

 

‘เธอกลับมาช่วยผม’

 

ผมระเริงดีใจ คลี่ยิ้มออกมาพร้อมกับยื่นมือไปจับนิ้วเรียวของผู้ช่วยเหลือ อีกฝ่ายดึงตัวผมให้ลุกยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

“คุณหายไปไหนมา ไม่รอผมเลยนะผมเกือบตายแล้วคุณเห็นมั๊ย” ผมโอดครวญด้วยความกลัวระคนน้อยใจ แสงสว่างจากตัวเธอหรี่อ่อนลงแล้ว แต่ยังคงเรืองรองอยู่รอบร่างบางในชุดเดรสยาวนั่น

 

“ฉันก็อยู่ตรงนี้แล้วไง อย่าใจเสาะไปหน่อยเลยน่า” เธอกล่าวก่อนจะกระชับมือผมแน่น “เรารีบไปจากที่นี่กันเถอะ”

 

แต่พอจะก้าวขาเท่านั้นแหละ กลุ่มพวกวิญญาณพรากบุญก็ฮือกันเข้ามาล้อมกรอบเราสองคนไว้ในทันที

 

“ว๊าก ว๊าก พวกมันเข้ามาอีกแล้วคุณ” ผมร้องเสียงหวาดผวาพลางหันไปทุกทิศทุกทางก่อนจะดึงขอบกางเกงผ้าร่มสีแดงขึ้นให้กระชับกับส่วนเอวเตรียมตัวเผ่นหนี “พะพะพวกนี้มันคืออะไรกันแน่ แล้วทำไมพวกมันถึงจ้องจะเล่นงานผม”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

ชอบอ่านนิยายแนวไทยๆ กันมั๊ย

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา