ภูผาวายุ

-

เขียนโดย มุมน้ำเงิน

วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 13.55 น.

  19 ตอน
  1 วิจารณ์
  10.05K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 15.34 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) ชายนิรนาม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ


พอเข้ามาใกล้ บุญเกิด ต้องตะลึงงันกับภาพเบื้องหน้าอีกครั้ง


เรือนหมอยา กำลังถูกปกคลุมไปด้วยเพลิงที่กำลังลุกไหม้โหมกระหน่ำไปทั่วทั้งเรือนอย่างเดือดดาล


บุญเกิดบรรจงวางภูผาลงพิงตั้นไม้บริเวณใกล้เคียง แล้วเร่งวิ่งไปเรือนพ่อหมอขันที่ไฟกำลังโหมกระหน่ำ ด้วยท่าทีที่ตื่นตระหนก กวาดสายตามองไปทั่วบริเวณ พบร่างของพ่อหมอขัน นอนนิ่งอยู่นอกเรือน มีบาดแผลถูกฟันแทงตามร่างกาย จึงเร่งเข้าไปดูอาการ


บุญเกิด คุกเข่าลงใช้นิ้วอังไปที่จมูกของหมอขัน เพือตรวจดูลมหายใจ


ลมหายใจที่แผ่วเบา เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าหมอขันยังมีชีวิตอยู่ บุญเกิดเห็นเช่นนั้นจึงจับไปที่หัวไหล่พ่อหมอขันเขย่าเบาๆพรางเรียกชื่อ


ภูผาที่หมดสติอยู่ ก็ค่อยๆได้สติลืมตาขึ้น กวาดสายตามองรอบกายด้วยความงงงวย


นัยน์ตาของภูผาที่ก่อนหน้านี่เปล่งประกายเป็นสีแดงทับทิม บัดนี้นัยน์ตาเขาดำลงกลับคืนสู่ปกติ หยุดมองอยู่ที่ลูกไฟลูกใหญ่ที่กำลังโหมกระหน่ำอยู่ที่เรือนหมอขัน


ภูผาลุกพรวดขึ้นมาด้วยความตกใจ ปราดมองบุญเกิดที่กำลังเขย่าร่างของหมอขัน แล้ววิ่งรุจเข้าไปหาทันที


“ลุงหมอๆ”


บุญเกิดเขย่าตัวหมอขัน หมอขันค่อยๆลืมตาขึ้น กลอกตาไปมาแล้วมองหน้าบุญเกิด


“พ่อหมอๆ เกิดกระไรขึ้นรึ ใยท่านอยู่ในสภาพเช่นนี้ แล้วคนอืนเล่า”


บุญเกิดหันควับไปตามเสียง ภูผาเอยแทรก ถามหมอขัน หน้าตาตื่น


“หลังจากที่พวกเอ็งลงไปจากเรือน ข้าจึงลงมาหายาให้แม่ชบาที่เรือนครัว จู่ๆก็มีใครมิรู้ มารุมทำร้ายข้า ข้าหนีมาแล้วมาล้มลงเอาที่ตรงนี้~”


หมอขันกลอกตามองภูผา แล้วเอยตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เสดงสีหน้าเจ็บปวด


ภูผากวาดสายตาไปทั่วบริเวณ ไม่พบผู้ใดอีก เลยคาดว่า ทั้งแม่ชบา,วายุ,มะลิและดวงแข คงนอนทอดกายถวายเพลิงกัลป์แล้วเป็นแน่แท้


ภูผาลุกพรวดวิ่งไปที่กองไปขนาดมหึมา พรางตะโกนออกไป ด้ยวสีหน้าโศกน้ำตาไหลพราก


“แม่..แม่!” บุญเกิดเห็นเช่นนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไป เหนี่ยวรัดตัวผูภาจากท่างด้านหลัง “ไอ้เกิดปล่อยข้า ข้าจักเข้าไปหาแม่”.


บุญเกิด ตะเบ็งเสียงพูดเตือนสติภูผา


“คุณภูผา อย่าเข้าไปนะขอรับ มันอันตราย!”


ภูผา ที่วันนี้ประสบกับเหตุการณ์เลวร้ายอย่างต่อเนื่อง เสียคนที่ตนรักไปจนสิ้น เอยออกมาด้วยความตัดพ้อ น้ำตานองหน้า


“ดี ข้าจักได้ตาม พ่อ แม่ แลวายุไป”


“หากคุณภูผาสิ้นเสียอีกคน แล้วจักมีผู้ใด แก้แค้นแทนพวกเขากันละ ขอรับ”


ภูผา ที่กำลังดิ้นพล่านขาดสติ ก็เป็นอันต้องหยุดชะงักลงด้วยคำพูดเตือนสติของบุญเกิด แล้วยืนคิดอยู่ครู่หนึ่ง


ภูผาได้สติจากคำพูดของบุญเกิด ยกมือขึ้น ปาดน้ำตาตัวเอง สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ทำตัวผ่อนคลาย แล้วหันไปตบไหล่บุญเกิดเบาๆพร้อมกับพยักหน้าให้


ทั้งคู่เดินกลับมาหาหมอขันเพือดูอาการต่อ ภูผาคุกเข่าลงไปข้างกายของหมอขัน แล้วร้องเรียก แต่ทว่าคราวนี้หมอขัน ไรซึ้งการตอบสนองใดๆ บุญเกิดยกนิ้วขึ้นอังจมูกหมอขันเพื่อตรวจลมหายใจอีกครั้ง ก่อนที่จะเงยหน้าเอยบอกกับภูผา ด้วยน้ำเสียงทุ่มต้ำนัยน์ตาดูเศร้าหมอง


“ลุงหมอ...สิ้นไปเสียแล้ว ขอรับ”


ได้ยินเช่นนั้น ภูผา ทรุดหน้าลงไปที่หน้าอกของหมอขันที่รักและเคารพเสมือนพ่ออีกคนหนึ่ง ด้วยสีหน้าที่โศกเศร้า


บัดนี้ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะสงบนิ่ง เสียงนกที่เคยร้องแจ้วจ้าวดังระงมอยู่ทั่วบริเวณก็พลันหายไป ได้ยินแต่เสียงแตกลั่นของเปลวไฟที่กำลังโหมกระพือเรือนอย่างบ้าคลั่งอยู่ทางด้านหน้า ภูผาเงยหน้าขึ้น เหม่อมองทอดออกไปยังกองไฟกองนั้น นัยน์ตาดูว่างเปล่า


บุญเกิด มองดูนายน้อยของตนด้วยความเห็นอกเห็นใจ ปล่อยให้นั่งเงียบอยู่เฉยเช่นนั้น ไม่เอยคำใดรบกวน


ครู่ใหญ่ ภูผา ประคองร่างไร้วิญญาณของหมอขัน อุ้มขึ้นเดินไปที่ต้นไม้ใหญ่บริเวณใกล้เคียงแล้วบรรจงวางร่างนั้นลงในลักษณะนั่งพิงต้นไม้ไว้ ถอยหลังออกมาหนึ่งก้าวแล้วกัมลงกราบร่างนั่นทันที ก่อนที่จะลุกพรวด เปลี่ยนเป็นสีหน้าดุดัน ปราดเท้าเดินกลับไปยังทิศที่เรือนของตน บุญเกิดเดินตามมา เอยถามด้วยความฉงน


“จักไปใหนรึ ขอรับ”


“ข้าจักกลับไปฆ่าพวกมันเสียให้สิ้น แลฝังศพทุกคน ที่สิ้นไปด้วยน้ำมือของไอ้พวกเวรตะไลนั่น”


ภูผาเอยตอบบุญเกิด ด้วยน้ำเสียงและใบหน้าที่เคียดแค้น


ขณะที่บุญเกิดกำลังจะอ้าปากท้วง ทันใดนั้นก็มี่ร่างชายผู้หนึ่ง โผล่พรวดออกมาจากพุ่มไม้ ในมือทั้งสองข้างถือไม้ศอกอยู่ ชายนิรนามกระโดดหมุนตัว ฟาดไม้ศอกเข้าไปที่ท้ายทอยของภูผาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัว ภูผาล้มลงไปทันใด


ด้วยความตกใจ บุญเกิด พยามแกะดาบที่เขาใช้ผ้าพันมัดเหน็บเอวออกด้วยความลนลาน แต่ก็ไม่ทันการ ชายนิรนามผู่ที่มีรอยสักทั่วทั้งตัว ลักษณะคล้ายกลุ่มโจรที่เคยเผชิญมา ได้ประชิดถึงตัวบุญเกิดก่อนที่จะทันได้แกะดาบออก


ชายนิรนามจ้วงปลาย ไม้ศอก เข้าไปที่ท้องของบุญเกิดเต็มแรง บุญเกิดก้มตัวลงด้วยอาการจุก ชายผู้นั้นง้างแขนขึ้นฟาดลงไปที่ท้ายทอยบุญเกิดต่อทันที


บุญเกิดล้มลงสลบหมดสติตามภูผาไปอีกคน




...................................




“กึก..กัก..กึก..กัก!” เสียงนั้นแววเข้าหูภูผาอย่างเป็นจังหวะ คลอกับเสียง “แปะ..แปะ!”ดังเป็นละลอก ภูผาค่อยๆลืมตา พะงกตัวขึ้น ยกมือลูบไปที่ท้ายทอยของตน ด้วยความเจ็บปวด แสงจ้าเบื้องหน้ากระทบนัยน์ตาวาบ ภูผาพลันหยี่ตาลง หลบแสงจ้าจากอาทิตย์รุ่งอรุณ ตัวสั่นคลอนไปมาตามจังหวะเสียง กึก กัก


เสียงกึก กัก นั้นเป็นเสียงของล้อเกวียนที่ตนกำลังนั่งอยู่ เคลือนที่ไปด้วยความแช่มช้า เขาหันมองรอบกาย พบบุญเกิดนอนอยู่ข้างๆ และมีชายแปลกหน้า ศรีษะล้าน ที่มีรอยสักอยู่เต็มแผ่นหลัง กำลังใช้ไม้เฆี่ยนตีควายเทียมเกวียน ดัง แปะ แปะ เป็นเป็นละลอก บังคับควายให้ขับเคลื่อนไปเบื้องหน้า


ภูผาตกใจ พลันคว้าดาบที่ห่อด้วยผ้าขาวม้า ข้างกายขึ้น ชี้ดาบไปยังชายแปลกหน้าผู้นั้นโดยที่ยังไม่แกะผ้า เอยออกไปด้วยน้ำเสียงห้าวๆ


“เอ็งเป็นผู้ใดกัน แลจักพาพวกข้าไปหนใด!”

 

          ----------------------------

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา