ภูผาวายุ

-

เขียนโดย มุมน้ำเงิน

วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 13.55 น.

  19 ตอน
  1 วิจารณ์
  10.06K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 15.34 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

14) หมู่บ้านผีโพง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ


กลุ่มควันสีดำทะมึนรวมตัวกันเป็นรูปร่างคล้ายคน บินว่อนลอยอยู่ในอากาศ ดวงตาสีเขียวมรกตเรืองแสงวูปวาบ ปราดตรงเข้ามาหาบุญเกิด แสงคบไฟในมือบุญเกิดกระทบไปที่ร่างดำทะมึนนั้น บุญเกิดเบิกตาโพรง ขนลุกซู่ ละล่ำละลัก


“ผะ ผะ ผี......”
ขบวนเกวียนเดินทางไปอย่างแช่มช้าด้วยแรงควาย รายล้อมไปด้วยดวงตาสีเขียวมรกตนับสิบคู่


บุญเกิดผู้ห้าวหาญ ซึ้งสามารถยอมตายถวายชีวิตให้กับนายที่ตนรักได้โดยไม่ลังเล เมือครั้งยังอาศัยอยู่กับพระครูแสงธรรม นายน้อยทั้งสองมีเรื่องชกต่อกับเด็กในค่ายฝึกอยู่เป็นประจำ บุญเกิดมักจะออกตัวรับหน้าแทนนายน้อยทั้งสองและมักเจ็บตัวก่อนอยู่ร่ำไป


แต่ทว่าบุญเกิดผู้นี้ กลับกลัวผียิ่งกว่าสิ่งอืนใด แม้จะมีพ่อเป็นสัปเหร่อ แต่เขาก็พึ้งไปอยู่ที่หมู่บ้านเช่นเดียวกับภูผาและวายุ พ่อของเขาเห็นว่าเขาเป็นคนกลัวผี บ่อยครั้งจึงบังคับให้ไปช่วยฝังศพหมายจะให้เขาคุ้นชิน ทว่าไม่ได้ช่วยให้หายกลัวผีแต่อย่างใด กลับยิ่งเพิ่มทวีความกลัวขึ้น เนืองจากพบเจอแต่เหตุการณ์ลี้ลับจากการติดตามพ่อของตน


เมือบุญเกิด เห็นร่างของดาวงตาสีเขียวมรกตคู่นั้นชัดถนัดตาแล้ว ขนตามร่างกายก็ลุกเกรียว เปิกตาโพรง ตะลึงพรึงเพริดกับกลุ่มควันที่อยู่เบื่องหน้า เนื้อตัวเย็นเฉียบผิวซีด หัวใจสั่นรัว ละล่ำละลักพูดติดๆขัดๆ ก่อนที่จะล้มพับหมดสติไป


ภูผาโผตัวประคองร่างบุญเกิด ถือคบไฟเอาไว้ บรรจงวางร่างบุญเกิดนอนลง แล้วพลันลุกขึ้นกวัดแกว่งคบไฟในมือไปมาด้วยอาการตื่นตะลึง เลิ่กลั่ก หันหน้าไปถามนายเงิน ด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความกลัว ดวงตายังคงจับจ้องอยู่ที่กลุ่มควันพวกนั้นอย่างไม่ลดละ


“พี่เงิน ไอ้พวกนี่มันเป็นตัวกระไรกันรึ”


“ไอ้พวกนี่ล่ะ ผีไพร!” ขณะที่นายเงินบิดตัวหันไปเอยกับภูผา ผีไพรตนหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาทางด้านหลังของนายเงิน ทำท่าง้างมือหมายจะตะปบเข้าไปที่ท้ายทอย ภูผาเห็นเช่นนั้นจึงรีบเอยปากบอกเตือนนายเงินด้วยความตกใจ


“พี่เงิน ระวัง!ข้างหลัง”


นายเงินยังอยู่ในอาการยิ้มๆ นิ่งเฉยต่อคำเตือนของภูผา ผีไพรตันนั้นตะปบมือเข้าไปที่ท้ายทอยของนายเงินอย่างจัง กลุ่มควันที่อัดแน่นเป็นรูปมือแตกกระจายตามแรงประทะ ผลที่นายเงินได้รับเห็นจะมีเพียงแค่แรงลมประทะเท่านั้น ไม่ได้เกิดอันตรายใดๆ มือของผีไพรที่แตกกระจายกลับรวมเข้ามาใหม่เป็นรูปมือเช่นเคย ผีไพรตนนั้นพลันลอยหายไป แต่ก็ยังมีดวงตาสีเขียวนับสิบคู่บินวนรอบคณะกองเกวียนอยู่เช่นนั่น


“สงสัยท่านคงจะมีพระดีกระมัง ผีห่าตนนั้นถึงทำกระไรท่านมิได้” ภูผาที่ยังตกอยู่ในอาการตะลึง เอยขึ้นด้วยความประหลาดใจ


นายเงินหัวเราะร่วนขึ้นมา ส่ายหน้าเบาๆเอยตอบภูผา


“ห้า ห้า ข้าหาได้มีพระดีไม่ เอ็งก็เห็นอยู่ ว่าตัวของมัน เป็นเพียงควันเท่านั้น เอ็งอย่ากังวลใจไป พวกมันทำกระไรเรามิได้ดอก ทำได้เพียงแค่ขู่ให้เรากลัวเท่านั้น บ้างก็กลัวจนสลบลงไปอย่างหมอนี่” นายเงินเอยตอบพรางเหลือบตาไปที่บุญเกิดเสดงสีหน้ายิ้มๆ


ภูผาได้ยินเช่นนั้นก็คลายความกลัวลง พรางสบัดคบไฟในมือโดยเร็วให้ดับ แล้วนั่งลงมองไปที่บุญเกิด หัวเราะออกมาให้กับบ่าวขี่กลัวผีคนนี่ นายเงินบิดตัวกลับหันหน้าไปบังคับควายเทียมเกวียนตามเดิม แล้วเอยขึ้นมาต่อ


“หากยังเห็นมืดๆเช่นนี้ เอ็งสบายใจได้ เพราะยังอยู่ในเขตของดงผีไพร หากพอเห็นแสงเมือไหร่ จงตื่นตัวเอาไว้ เพราะเรากำลังจะเข้าเขตหมูบ้าผีโพง!”


“ผี! อีกแล้วรี ถ้าเป็นเพียงผีโพง คงมิหน้ากลัวหรอกกระมัง ข้าเคยได้ยินมาว่าพวกมัน จะกลายเป็นผีตอนกลางคืนจับกบเขียดกินไปวันๆ ปกติมันไม่ทำร้ายผู้คนมิใช่รึ เท่าที่ข้าเคยได้ยินมา” ภูผาเอยขึ้น นายเงินเอยกลับสวนขึ้นมาทันใด


“ผิดถนัดเลย ผีโพงตนแรกในหมุ่บ้านนี้ แต่เดิมเป็นผู่มีอาคมแกรงกล้า ครั้นเมือเสียเมียที่มันรัก สติสตางค์มันเลยฟั่นเฟือน คุมอาคมของมันมิได้ มันเลยกลายเป็นผีโพง แลคำสาปอาคมที่แก่กล้านั้นได้ติดลามกลายเป็นผีโพงที่มีนิสัยโหดร้ายไปทั้งหมู่บ้าน พวกมันหาแยกแยะได้ว่าเป็นกลางวันหรือกลางคืนจึงเป็นผีอยู่ตลอดเพลา แลพวกมันหาได้กินเพียงกบเขียดเท่านั้น หากแต่ว่าพวกมันยังจับผู้คนที่สัญจรผ่านหมู่บ้านของพวกมันกินสดๆอีกด้วย ผู้คนที่ถูกจับกินมันก็วนเวียนตาเขียวปัดให้เราเห็นอยู่ในตอนนี้ยังไงเล่า ยิ่งพวกมันฆ่าคนไปมากเพียงใด ป่าดงผีไพรแห่งนี้ก็ใหญ่ขึ้นเพียงนั้น”


“หาา ป่าดำกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาเช่นนี้ คงจักฆ่าไปมิน้อย แล้วพวกเราจักผ่านหมู่บ้านผีที่ท่านว่าไปได้เยี่ยงไรกัน”ภูผาเอยขึ้นมาด้วยสีหน้าวิตกกังวล


“พวกเอ็งเพียงแค่อยู่เฉยๆบนเกวียน ประเดี๋ยวพวกข้าจัดการเอง”


คณะกองเกวียนของนายเงินเดินทางต่อไปเรื่อยๆเนิบๆตามแรงฝีเท้าของควายเทียมเกวียนครู่ใหญ่ แสงจากนัยน์ตาสีเขียวที่เฝ้าวนเวียนคณะเดินทางก็ค่อยๆเลือนหายไป แสงจากเบื้องหน้าแผดเข้ามาสาดส่องกองเกวียน หลังจากการเดินทางในความมืดของร่มเงาไม้ใหญผสานกับหมอกสีดำอยู่นานนับหลายชั่วโมง นั่นเป็นสัญญาณว่าคณะเดินทางกำลังจะเข้าสู่เขตหมู่บ้านผีโพง


นายเงินผูกเชือกบังคับทิศทางควายไว้กับขอบไม้ข้างๆที่ตนนั่งอยู่ เนื่องจากทางข้างหน้าเป็นทางตรง จึงปลอยให้ควายเทียมเกวียนเดินไปเรื่อยๆ บิดตัวลุกขึ้น หันหน้ามาเอยกับภูผา


“ขอโทษทีร่วมทางกันมาตั้งนาน ข้ายังมิรู้ว่าพวกเอ็งชื่อกระไรกันบ้าง”


“ข้าชื่อภูผา ไอ้คนที่นอนสลบอยู่ตรงนี้ชื่อบุญเกิด”


“งั้นรึ ภูผาเอ็งปลุก บุญเกิดขึ้นมา”


ภูผารีบทำตามโดยไม่เอยคำใดดต่อ รีบปลุกบุญเกิด เตรียมรับสถานการณ์ร้ายในไม่ช้า


ภูผา ตบหน้าบุญเกิดเบาๆพรางเรียกชื่อเขย่าตัว บุญเกิดได้สติลืมตาขึ้น เห็นหน้าภูผา ก็พลันเสดงสีหน้าตื่นกลัว ยังคงละล่ำละลักเอยออกมา “ผะ ผี ขอรับ” ภูผายิ้มมุมปากแล้วเอยตอบ พรางเปลียนสีหน้าเป็นจริงเป็นจัง “ไอ้ผีพวกนั้นมันไปกันหมดแล้ว เอ็งรีบลุกขึ้นมาเถอะ”


บุญเกิดผละตัวลุกขึ้นนั่ง นายเงินหยิบไม้ศอกอาวุธคู่กายสวมกระชับมั่นไว้ในมือ พรางเอยกับชายหนุ่มทั้งสอง


“พวกเอ็งคนหนึ่ง ไปนั่งบังคับความ ให้มันเดินไปข้างหน้าอย่างเดียว อย่าหยุดเกวียนเชียวละ หากพวกเราผ่านหมู่บ้านนี้ไปได้ เดินทางกันอีกหน่อย ก็ถึงสำนักของอาจารย์ข้าแล้ว”


ขบวนเกวียนทั้งหมด มีเกวียนอยู่สามเล่ม เกวียนเล่มหน้า มีนายเพลิงเป็นคนบังคับเกวียน มีผู้หญิงสองคนนั่นคือ แม่รำพึงและแม่ผกานั่งอยู่บนเกวียนเดียวกัน เกวียนเล่มกลาง ประกอบด้วย แม่บัวลอย ผูที่เคยนำไก่ย่างมาให้ภูผาและบุญเกิด แม่มะลิคู่หมายของภูผา แม่ดวงแข คู่หมายของวายุ ส่วนเกวียนท้ายขบวน ประกอบด้วย นายเงิน ภูผา และบุญเกิด


ขบวนเกวียนเดินทางออกจากป่าดำ กลับคืนสู่แสงสว่างอีกครั้ง เบื้องหน้าเป็นหมู่บ้านที่อยู่ท่ามกลางแมกไม้เขียวขจี มองจากระยะไกล มีหลังคาเรือนอยู่หนาแน่นพอสมควร


เกวียนหัวขบวนเล่มหน้าให้แม่ผกาเป็นผู้บังคับเกวียน นายเพลิงจับดาบและโล่กระโดดลงจากเกวียน ส่วนแม่รำพึงหยิบหอกอาวุธคู่กายลงจากเกวียนมาเช่นกัน


เกวียนเล่มกลางของหญิงสาวทั้งสามไม่มีใครลงจากเกวียน ดวงแขและมะลิ ที่สลบไปหลังเจอผีไพร เช่นเดียวกันกับบุญเกิด ก็ตื่นขึ้นมาสีหน้าดูหวาดกลัว คาดว่าบัวลอยหน้าจะเล่าที่มาของหมู่บ้านนี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว


เกวียนท้ายขบวน นายเงิน กระชับไม้ศอกมั่น โดยมีบุญเกิดเป็นผู้บังคับเกวียน ภูผาเอยถามนายเงิน


“พี่เงิน นั่นท่านจักไปใหนน่ะ”


นายเงินหันมายิ้มให้แล้วกระโดดลงเกวียนไป พรางอ้าปากเอยกำชับ


“พวกเอ็งอย่าให้เกวียนหยุดละ” แล้วเดินไปยังหัวขบวน ภูผามองค้อนอย่างขุ่นเคืองตามหลังนายเงิน แล้วหันหน้าไปเอยกับบุญเกิด


“เป็นคนเยี่ยงไรว่ะ ถามกระไรก็ไม่ตอบ...อย่าให้ควายหยุดละไอ้เกิด!”


“ขะ ขอรับ ว่าแต่หมู่บ้านนี่มีกระไรหรือขอรับ ใยทุกคนดูฉุกละหุกเยี่ยงนี้” บุญเกิดเผยสีหน้างงงวย


“พี่เงินบอกว่าหมู่บ้านข้างหน้ามีผีโพงน่ะสิ”


——————————

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา