ภูผาวายุ

-

เขียนโดย มุมน้ำเงิน

วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 13.55 น.

  19 ตอน
  1 วิจารณ์
  10.08K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 15.34 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

18) หมู่บ้านลับแล

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

วายุ เห็นพวกพ้องของตนไว้ใจ จึงยื่นดาบส่งให้กับนายเงินทันที โดยไม่เอยคำใด


“คุณภูผา ขอรับ!”บุญเกิดร้องลั่นน้ำเสียงตกใจ


ทันทีที่ดาบหลุดจากมือวายุ ก็พลันทิ้งร่างลงหมดสติไปโดยทันที บุญเกิดคว้าตัวพยุงร่างเอาไว้ด้วยความตกใจ ทั้งสองหญิงสาวก็เสดงสีหน้าอาการตกใจเช่นกัน


นายเงินรีบวางดาบไว้ท้ายเกวียนเข้าไปอุ้มร่างของชายหมดสติเอาไว้แล้วนำตัวเขาขึ้นไปไว้ที่ท้ายเกวียน นายเงินหันหน้าไปเอยกกับทั้งสามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม


“ไอ้ผา มันมิเป็นกระไรดอก เพียงแค่สลบไปก็เท่านั้น พวกเอ็งรีบขึ้นเกวียนเถอะ”


นายเงิน มองหน้าหญิงสาวทั้งสอง ที่ยังคงนิ่งเฉย มองดูร่างภูผาด้วยความเป็นห่วงเป็นใย


“พวกเอ็งกลับไปขึ้นเกวียนได้แล้ว ส่วนไอ้ผา ประเดี๋ยวข้ากับไอ้เกิด จักดูแลมันเอง อย่าได้กังวลใจไป” หญิงสาวทั้งสอง รับคำกลับไปขึ้นเกวียนแต่โดยดี


แสงสว่างในเวลานี้เริ่มลดทอนลงไปทีละน้อย อากาศที่เย็นสบายในช่วงเวลากลางวัน กลับพลันเย็นเยื้อกลงในช่วงเวลาพลบค่ำ คณะกองเกวียนออกเดินทาง


อากาศที่เย็นจะเยื้อง ทำให้ทุกคนในคณะเดินทางต้องหาผ้ามาคลุมใหล่ ปกป้องความหนาวเย็น ภูผาที่หมดสติก่อนหน้านี่ ก็พลันลุกพรวดขึ้นมาด้วยสีหน้าตืนๆ หันหน้าไปหาบุญเกิดที่นั่งอยุ่ข้างๆ


“ไอ้เกิดๆ ข้าฝันว่าข้าตกจากเกวียนแล้วผีโพงพวกมันกำลังจักเข้ามาฉีกเนื้อข้า”


บุญเกิดสะดุ้งตกใจที่เห็นภูผาดีดตัวตื่นขึ้นมาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันหน้าไปยิ้มอ่อนๆให้นายน้อยของตน พรางเอยขึ้นมา


“เป็นเช่นนั้นขอรับ คุณภูผาตกลงจากเกวียนสบลไป แล้วครูเงินก็ไปช่วยเหลือคุณภูผากลับมา ขอรับ”


บุญเกิดเอยตอบโดยไม่เอยถึงเรื่องของวายุ


“ครูเงิน! พี่เงินน่ะรึ ใยเอ็งเอยเช่นนั้น”


“ก็ครูเงิน เป็นครูสอนหมัดมวยแลกระบี่กระบอง ของทุกคน ขอรับ”


“กระนั้นรึ”ภูผาเอยตอบ ทั่งคู่นั่งสนทนากันด้วยอาการนั่งห้อยขาอยู่ท้ายเกวียน สายตามองเหม่อทอดออกไปยังทิวทัศน์ทางด้านหลังขบวนเกวียน


แสงของอาทิตย์อัสดงค่อยๆเลือนหายไปในซอกเขา ความมืดก็คลืบคลานเข้าปกคลุมทั่วพื้นที่ทุกขณะ ขบวนเกวียนเดินทางลัดเลาะเรียบเนินไปตามตีนเขา นายเงินหันหน้ามาเอยขึ้นกับ ภูผาและบุญเกิด


“พวกเรามาถึงหมู่บ้านของพวกข้ากันแล้ว”


ทั่งสองหนุ่ม หันหน้าปราดมองไปยังปลายทาง ณ ชาญเขาเบื้องหน้า ปรากฎแสงไฟเรืองสว่างจากไต้ไฟ เป็นหย่อมๆ


“ถึงสำนักอาจารย์ทิพย์แล้วรึ ครูเงิน”บุญเกิดเอยถาม


“ถูกแล้วสำนักของอาจารย์ข้า อยู่ใหนหมู่บ้านนี่เหละ”


“ถึงเสียที”ภูผาเอย อาการเจ็บปวดระบมตามร่างกายทุเลาลงแต่ความเมื่อยล้าจากการเดินทางเข้ามาแทนที่ ภูผาจึงยืดตัว บิดขจัดความเมือยล้า


คณะกองเกวียนเข้าไปหยุดจอดอยู่ที่ลานกว้างหน้าหมู่บ้าน แล้วต่างพากันลงจากเกวียน


หลังจากที่ทุกคนลงจากเกวียน มะลิกับดวงแข วิ่งปร่เข้ามาหาภูผาทันที ทั้งสองยืนจ้องมองหน้าภูผาด้วยความลังเล


“กระไรรึ หน้าข้ามีกระไรติดรึ (หันหมองทางด้านหลังแล้วหันกลับมา)หรือพวกเจ้ามองกระไร”


ดูจากลักษณะท่าทีและการพูดจา เห็นได้ชัดว่าเป็นภูผา


“พี่ปวดตรงใหนรึปล่าวจ๊ะ ข้าจักได้ไปหาหม้อมาต้มยาให้”


มะลิผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพร ที่ได้ความรู้มาจากพ่อของตน มองดูบริเวณโดยรอบมีสมุนไพรอยู่หลากหลายชนิด จึงเอยถามอาการของภูผา


“พี่มิเป็นไรดอก แค่ได้มองหน้าเจ้า ข้าก็หายเป็นปริกทิ้ง” ภูผาเอยตอบ มะลิหน้าแดงก่ำด้วยอาการขวยเขิน บุญเกิดแบ้ปากขึ้นมาทีท่าหน้ามั่นใส้ ดวงแขยืนยิ้มกรุ้มกริ่ม


ทุกคนในคณะเดินทางของนายเงิน เมือลงจากเกวียนแล้วก็เก็บสัมภาระของตน เอยลาสมาชิกในคณะเดินทาง แล้วแยกย้ายกลับเรือนไป เว้นแต่ครูเงินและบัวลอย ที่กำลังเดินเข้ามาหาพวกภูผาทั้งสี่คน


หมู่บ้านแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำที่แบ่งเขตของหมู่บ้านผีโพงมากนัก ดวงแขนึกถึงตอนที่สนทนากับบัวลอย ที่บัวลอยบอกว่าแถวนี้หากตกดึก จะมี สางออกมา จึงได้เอยถามบัวลอยขึ้นด้วยความสงสัย


“พี่บัว แล้วแถวนี้จักมีพวกสางหรือไม่จ๊ะ”


“หมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านลับแลต้องอาคมกำบังกาย คนหรือผีหาได้มองเห็น ที่พวกเอ็งเห็นก็ด้วยอาคมเบิกเนตรของพวกข้า พวกเอ็งสบายใจได้เถิด”


บัวลอยเอยตอบ ดวงแข พยักหน้าอย่างเข้าใจพร่งรำพึงอยู่ในใจ ว่าคนพวกนี่มีอาคมที่แก่กล้าพอที่จะฝากผีฝากไข้ได้ จึงไม่เอยคำใดต่อด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ ครูเงินหันหน้ามาเอยกับสองหนุ่ม


“คืนนี่พวกเอ็งสองคนไปพักที่เรือนข้า(แล้วหันหน้าไปหามะลิกับดวงแข)ส่วนพวกเอ็งทั้งสองไปพักที่เรือนของบัวลอย”


ครูเงินหันกลับมาเอยกับสองหนุ่มต่อ


“ปล่อยให้แม่หนูสองคนไปพักกันเสียก่อน พวกเอ็งสองคนตามข้ามา ข้าจักพาไปหาอาจารย์”เอยจบ ครูเงินหันไปหยิบดาบที่ภูผาฝากเอาไว้หลังเกวียนก่อนที่จะหันหลังตบเท้าก้าวเดินออกไป


บัวลอยหันมาพยักหน้าให้กับทั้งสองสาวเป็นสัญญาณให้ตามไปแล้วพากันเดินไปที่เรือน บุญเกิดยังคงมองตามร่างสาวอันงดงามปานนางไม้จำแลงของบัวลอย จนเดินลับตา บุญเกิดมองด้วยตาที่เยิ้มเก็บอาการไม่อยู่ ภูผาตบไปที่หน้าผากบุญเกิดกึ่งหนักกึ่งเบา


“ไอ้เกิด!ไปได้แล้ว เร่งตามครูเงินไป”แล้วทั้งสองหนุ่มก็เดินตามครูเงินไป


ทางด้านของหญิงสาวสามคน ทีกำลังมุ่งหน้าไปยังเรือนของบัวลอย ในมือบัวลอยถือตะเกียงแสงไฟส่องสลัวเดินนำหน้า เมือลับตาภูผาและบุญเกิดแล้ว พลันปรากฎชายสองคนในรูปร่าสันทัดค่อยๆเดินตามหลังหญิงสาวทั้งสามในความมืด


ทันใดนั้น ชายทั้งสองที่เดินตามในความมืด ก็ปราดตัวเข้ารวบมะลิกับดวงแข กอดรัดจากทางด้านหลัง พร้อมใช้มือปิดปากหญิงสาวทั้งสองไม่ให้ส่งเสียง


บัวลอยหันหน้ามาทันที มองดูทั้งสองสาวดิ้นบิดสบัดแต่หาได้สู้แรงชายไม่ ส่งเสียง อู้ อี้ ลอดผ่านมือที่ปิดปากของชายทั้งสอง ส่งสายตาขอความช่วยเหลือให้แก่บัวลอย


บัวลอยยกตะเกียงขึ้นปราดแสงไปยังใบหน้าของมะลิกับดวงแข พร้อมกับเอยสั่งกะเหรี่ยงหนุ่มทั้งสอง


“พวกมึงเอาตัวพวกมันไปขังไว้ในเรือนกู”


—————————-

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา