โลกอมตะ

-

เขียนโดย silversoul

วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 21.51 น.

  6 ตอน
  0 วิจารณ์
  3,716 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 21.54 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) วิญญาณเดินทาง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

วิญญาณของเด็กชายลอยละล่องไปทำกลางความว่าเปล่า ในขณะที่เขาลอยไปนั่นเขาก็พบกับดวงวิญญาณอื่น ๆ เช่นกัน ดวงวิญญาณแต่ละดวงมีสีสันแตกต่างกันไปแต่ส่วนมากมีเพียงสามสีเท่านั้น เขาไม่ค่อยเข้าใจความหมายของสีเหล่านั้นมากนัก 

 

วิญญาณของเด็กชายเป็นสีม่วงซึ่งเป็นสีที่เขาไม่เห็นจากวิญญาณดวงอื่น จากทั้งสามสีที่พบมากที่สุด สีฟ้ามีมากที่สุด รองลงมาคือสีน้ำเงิน น้อยสุดคือสีขาว และยังเห็นสีเขียวและสีเหลืองเป็นบางครั้ง

 

วิญญาณทุกดวงมีจุดมุ่งเดียวกัน เด็กชายเห็นเพียงแสงเก้าสีที่สาดส่องออกมา สิ่งนั้นมีแรงดึงดูดต่อวิญญาณเป็นอย่างมาก

 

วิญญาณลอยไปเรื่อย ๆ ในที่สุดเด็กชายก็เข้าใกล้มันจนเห็นชัดเจน สิ่งนี้มีลักษณะทรงกลมคล้ายดวงอาทิตย์ พื้นผิวของมันประกายแสงเก้าสีกระเพือมเหมือนผิวน้ำ เเสงของมันไม่ได้แสบตาหรือทำลายวิญญาณของเขา เขารู้สึกเพียงว่าวิญญาณของเขากำลังเรียกร้องที่จะอาบแสงนี้

 

เด็กชายยังมองเห็นอีกว่าวิญญาณทุกดวงกำลังลอยเข้าไปในพระอาทิตย์เก้าสีนั้น 

 

วิญญาณสีม่วงของเด็กชายก็ค่อย ๆ ลอยเข้าไปในพระอาทิตย์เก้าสี วิญญาณของเขามีชีวิตชีวาดังต้นไม้ที่ถูกรดน้ำ ไม่เพียงเพียงแค่เขาเท่านั้นวิญญาณดวงอื่น ๆ ก็เช่นกัน แต่พวกเขาก็ยังลอยไปข้างหน้าเรื่อย ๆ 

 

ภายในดวงอาทิตย์เก้าสีนี้ดูเหมือนกับเป็นอุโมงขนาดใหญ่ พวกเขาอาบแสงเก้าสีขณะกำลังลอยไปสู่จุดหมาย 

 

เด็กชายสำรวจดูวิญญาณของเขา ภายในช่องว่างจิตวิญญาณ เขาคิดว่าวิญญาญทุกดวงคงจะมีช่องว่างจิตวิญญาณนี้เช่นกัน 

 

ช่องจิตวิญญาณเป็นเหมือนกับพาหนะของวิญญาณ เป็นเปลือกนอกที่ปกป้องจิตวิญญาณเอาไว้

 

เด็กชายมองดูวิญญาญสองดวงที่เขาผนึกเอาไว้ วิญญาณอันแรกเป็นสีดำสนิท คือ วิญญาณที่อ้างตัวว่าเป็นเทพปิศาจ อีกดวงเป็นวิญญาณสีเขียว ที่เป็นบรรพบุรุษอารามมังกรสวรรค์ 

 

ขณะที่เข้ามาในพระอาทิตย์เก้าสิเขายังเห็นว่า แสงเก้าสีที่เขาซึมซับเข้ามากลายเป็นลูกแก้วสีม่วงขนาดเล็กเท่าไข่ไก่ ลูกแก้วนี้ซึมซับแสงเก้าสีไม่หยุดจนมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ 

 

เขาสังเกตุรอบ ๆ ก็เห็นว่าวิญญาณดวงอื่นกำลังซึมซับแสงเก้าสีเช่นกัน เขาจึงตั้งใจดูดซับแสงเก้าสีนี้มากขึ้นขณะที่ลอยต่อไปเรื่อย ๆ ลูกแก้วของเขาใหญ่ขึ้นจนมีขนาดเท่าลูกแอปเปิ้ล แต่ก็ยังซึมซับต่อไปเรื่อย ๆ 

 

เวลาผ่านไปจนไม่อาจรับรู้ ลูกแก้วของเขามีขนาดเท่าลูกฟุตบอล เด็กชายมองเห็นปลายทางของพวกเขาแล้วตอนนี้มันเป็นอุโมงสีดำมืด วิญญาณมากมายหายเข้าไปข้างในนั้น

 

ขณะที่เขากำลังจะเข้าไปข้างในอุโมงสีดำนั้นเองก็มีแสงสีทองปริศนาลอยทะลุช่องว่าจิตวิญญาณของเข้ามา แสงทีทองนั้นหลังจากเข้ามาแล้วก็พุ่งเข้าหาลูกแก้วสีม่วงอย่างรวดเร็ว 

 

เด็กชายรู้สึกถึงความอันตรายของวิญญาณสีทองนี้ เขาจึงไม่ลังเลที่จะใช้จิตวิญญาณของเขาผนึกวิญญาณนี้เอาไว้

 

วิญญาณสีทองชะงักกับความคาดไม่ถึงเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ได้ใส่ใจนักคิดจะทำลำลายวิญญาณที่ห่อหุ้มเอาไว้อย่างรวดเร็ด แต่วิญญาณนี้ทรงพลังกว่าที่มันคิดเอาไว้

 

“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้เจ้ามดปลวกต่ำต้อย” เสียงที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยามดังมาจากวิญญาณสีทอง ที่จริงหากมันคิดจะทำลายผนึกวิญญาณนี้ก็ย่อมทำได้ แต่มันคงรวดเร็วไม่พอก่อนจะเข้าไปในประตูโลกอมตะ

 

ประตูโลกอมตะจะไม่ยอมให้วิญญาณแปลกปลอมแฝงเข้าไปในนั้นได้ เพราะเป็นสิ่งสี่ไม่สอดคลองกับกฏแห่งโลกอมตะ ถ้ามันเข้าไปไม่ทันวิญญาณมันจะต้องถูกทำลาย 

 

ทางเดียวที่เหล่าเทพจะเข้าไปในโลกอมตะคือแฝงเข้าไปในลูกแก้วรากวิญญาณซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้อมตะใช้ขัดเกลาและดูดซับพลังในโลกอมตะ

 

“ท่านเป็นใคร” เด็กชายถามด้วยความประหลาดใจ

 

“ข้าคือเทพปัญญาสวรรค์ ถ้ารู้แล้วจงยอมจำนนเสียโดยดีเจ้ามดปลวก” เทพปัญญาสวรรค์พูดด้วยเย่อหยิ่ง “จงกลายเป็นพาชนะเพื่อการจุติใหม่อย่างยิ่งใหญ่ของข้าเสียเถอะ” เขาพูดพร้อมกับใช้พลังเพื่อทำลายผนึกออกไป

 

“เจ้าคิดจะหลอกใคร เทพจะมาปะปนกับผีที่ตายแล้วได้อย่างไร” เด็กชายพูดอย่างไม่เชื่อถือ เขาจึงใช้วิญญาณผนึกวิญญาณสีทองนี้มากขึ้น

 

เมื่อเห็นว่ามดปลวกที่ต่ำต้อยไม่ยอมเชื่อฟังตนเองเทพปัญญาสวรรค์จึงโมโหเป็นอย่างมาก เขาใช้พลังมากขึ้นเพื่ออกจากผนึกนี้ก่อนจะถึงประตูอมตะ

 

“จะยอมจำนนหรือไม่” เทพปัญญาสวรรค์พูดด้วยความเดือดดาล

 

เด็กชายเคยรับมือกับเทพปิศาจถึงสิบปีเขาก็ยังไม่พ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง เขาจะพ่ายแพ้ให้กับวิญญาณที่พึ่งเขามาได้อย่างไร

 

“ไม่” เด็กชายพูดอย่างเด็ดขาด

 

“ปล่อยข้า”

 

“ไม่”

 

“ปล่อย”

 

“ไม่”

 

ขณะที่กำลังต่อสู้กันพวกเขาก็อยู่ไม่ห่างจากประตูโลกอมตะไม่มากแล้ว เทพปัญญาสวรรค์จึงร้อนใจยิ่งขึ้น

 

“ปล่อยข้าไปเถอะข้าจะไปหาวิญญาณดวงอื่น” เทพปัญญาสวรรค์เริ่มวิงวอน

 

“ไม่ หากข้าปล่อยเจ้าไปเจ้าก็ต้องไปทำร้ายผู้อื่นอีก” เด็กชายไม่ยอมไปไป

 

“เจ้าคิดว่าหากไม่มีข้าจะไม่มีวิญญาณเทพองค์อื่นอีกหรือ วิญญาณส่วนใหญ่ที่นี่ก็โดนแฝงไปแล้วทั้งนั้นแหละ” เทพปัญญาสวรรค์พูดออกมา

 

“ข้าก็ยังไม่ปล่อยเจ้าไปอยู่ดี” เด็กชายพูดอย่างไม่ใยดี

 

“เจ้าคิดว่าข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้หรือ” เมื่อเห็นความเด็ดเดี่ยวของเด็กชายเทพปัญญาสวรรค์จึงไม่พูดมากอีกต่อไป

 

ตอนแรกมันควรจะเป็นโชคดีของเขาที่ได้เข้ามาแฝงในลูกแก้วรากวิญญาณระดับสีม่วง หากเขาจุติใหม่ได้สำเร็จเขาจะมีพลังเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสิบเท่า ทรงพลังมากกว่าเทพชั้นสูงส่วนใหญ่

 

ตอนนี้คงเป็นไปไม่ได้ เขานึกเสียดายหินปัญญาสวรรค์ที่เขานำมาด้วย เขาไม่ยอมให้ใครได้ประโยชน์จากเขาง่าย ๆ 

 

“ในเมื่อเจ้าไม่ยอมปล่อยข้าไปอย่างนั้นก็ถูกทำลายไปพร้อมกันเสียเถอะ”

 

เทพปัญญาสวรรค์เร่งเร้าพลังจนขีดสุดแล้วระเบิดวิญญาณของตน

 

แสงสีทองสว่างจ้า เนื่องจากวิญญาญสีทองอยู่ใกล้ลูกแก้วสีม่วง ลูกแก้วสีม่วงจึงถูกทำลายไปด้วย

 

เด็กชายรู้สึกเจ็บปวดจิตวิญญาณที่สุด เขาทำได้เพียงใช้พลังเฮือกสุดท้ายห่อหุ้มกลุ่มวิญญารสีทอง และเศษลูกแก้วที่ถูกทำลายกลายเป็นหมอกเก้าสี เอาไว้ในผนึกก่อนจะหมดสติไป






เพิ่มเติมนะครับสำหรับคนที่อ่านยังไม่เข้าใจ

วิญญาณปิศาจกับวิญญาณบรรพบุรุษอารามมังกรสวรรค์ระเบิดพร้อมกันตอนนี้เหลือเพียงแสงวิญญาณที่โดนผนึกไว้แล้วนะครับจึงไม่มีความคิดหรือความรู้สึกอีกต่อไป

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา