Pathenon โรงเรียนมนตราพาเธนอน

-

เขียนโดย OAZIS

วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2564 เวลา 13.58 น.

  17 ตอน
  2 วิจารณ์
  6,586 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 กันยายน พ.ศ. 2564 15.16 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) มังกรและโลกลับแล

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 8

มังกรและโลกลับแล

 

          “นี่ ฉันกะว่าจะถามนายตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว” นิโคลพูดขึ้นขณะตักข้าวคำใหญ่เข้าปาก ขณะนี้เด็กหนุ่มสาวทั้ง 4 คนกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ในห้องอาหารร่วมกับเพื่อนๆ ร่วมรุ่น เสียงเจื้อยแจ้วแห่งความวุ่นวายดังออกมาจากทั่วทุกทิศทางในห้อง แม้เด็กๆ ในห้องจะมีไม่กี่สิบคน และขนาดห้องอาหารก็ใหญ่จนจุคนได้นับร้อย แต่เสียงหยิบอาหารและเสียงพูดคุยโวยวายก็ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง “ฉันได้ยินมาจากเอ็ดน่ะ ทำไมนายต้องไปยืนที่ระเบียงตอนตี 3 ทุกวันด้วยล่ะ”

 

          ห้องอาหารของพาเธนอนเป็นห้องสีเหลี่ยมจัตุรัสสีแดงขนาดใหญ่ (เอ็ดเวิร์ดได้ยินมาว่าสาเหตุที่ทางโรงเรียนใช้สีแดงเป็นสีของห้องอาหารนั้น เพราะว่าสีแดงมีผลช่วยกระตุ้นความอยากอาหารได้) มีโต๊ะทรงสีเหลี่ยมผืนผ้าสีขาว และเก้าอี้สีเดียวกันมากมายวางอย่างเป็นระเบียบอยู่ในห้อง อาหารทุกอย่างที่นี่จะถูกจัดอย่างเป็นระบบตามโซนต่างๆ ภายในห้อง ส่วนของของคาว ของหวาน ของทานเล่น หรือแม้แต่เครื่องดื่มก็มีมากมายให้เด็กนักเรียนสามารถเดินไปหยิบได้ตามใจชอบ เอ็ดเวิร์ดลองคำนวณคร่าวๆ ด้วยตาเปล่าแล้วก็พบว่า ปริมาณอาหารที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้ต่อมื้อมีมากกว่าจำนวนนักเรียนในรุ่นของเขาเกือบ 3 เท่า นั่นเท่ากับว่าอาหารในมื้อนั้นๆ จะต้องเหลือเพียบแน่นอน แถมอาหารที่จัดไว้ให้ยังเปลี่ยนไปทุกมื้ออีกด้วย แต่แอเลน่าก็เคยให้คำตอบไว้ว่า ทางราชวังเป็นผู้ออกค่าอาหาร รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ทางโรงเรียนต้องรับภาระไว้ทั้งหมด

 

          “นี่นิค จะพูดอะไรก็หัดเคี้ยวข้าวให้หมดปากก่อนได้ไหม น่าเกลียดจริงๆ” แอเลน่าบ่นพลางเอื้อมมือไปคว้าขนมปังปิ้งทาแยมบนโต๊ะขึ้นมาอย่างหัวเสีย

 

          “นี่เธอหงุดหงิดอะไรมาเนี่ย แอล” เอ็ดเวิร์ดเอื้อมมือมาหยิบไก่ทอดชิ้นโตพร้อมกับเอ่ยถามเพื่อนสาว

 

          “ก็เมื่อคืนฉันเบื่อๆ เลยนั่งไปอ่านหนังสือที่ลานตามประสงค์ แล้วไอ้ลานบ้านั่นก็ดันเปลี่ยนเป็นอุทยานบ้าอะไรอีกก็ไม่รู้ มีนกหน้าตาประหลาดบินว่อนเต็มไปหมด แล้วก็ดันมีอึนกหล่นมาใส่หนังสือที่ฉันอ่านอยู่น่ะสิ เลอะเทอะไปหมด” แอเลน่าบ่น พร้อมกับกัดขนมปังอย่างรุนแรง

 

          “โธ่ ไอ้ฉันก็นึกว่าเรื่องอะไร เป็นห่วงเสียเที่ยวไหมเนี่ย” เอ็ดเวิร์ดบ่น “เธอก็รู้ว่าที่นั่นจะเปลี่ยนเป็นสภาพยังไง ตอนไหน แล้วยังจะไปอ่านหนังสือที่นั่นอีกทำไม”

 

          “ฉันไปอ่านประกาศมาแล้ว แล้วก็รู้แล้วว่าลานนั่นจะเปลี่ยนเป็นอุทยานที่ไหนสักที่ ก็เลยคิดว่าบรรยากาศน่าจะเหมาะกับการอ่านหนังสือ แต่ไม่คิดว่าจะมีนกเยอะขนาดนี้นี่นา ถ้ารู้ก็คงไม่ไปหรอก” เด็กสาวยังคงหัวเสียไม่เลิก มือก็เอื้อมไปคว้าหยิบแก้วน้ำมาดื่มดับร้อน

 

          “เมื่อไรลานนั่นจะเปลี่ยนเป็นทะเลหรือมหาสมุทรสักทีน้า แม่น้ำก็ยังดี ร่างกายฉันอยากโดนน้ำจะแย่แล้ว” นิโคลทำหน้าเพ้อฝัน แต่เอ็ดเวิร์ดก็เข้าใจเขาดี สำหรับเด็กหนุ่มที่ก่อนเข้าโรงเรียนต้องทำงานใต้ผืนน้ำทุกวัน คงเป็นธรรมดาที่จะคิดถึงชีวิตประจำวันที่เขาเคยมีก่อนเข้ามาที่นี่ “เอ้อ เดรโก นายยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลยนะ นายไปยืนตรงระเบียงทำไมทุกวัน”

 

          “ฉันไม่อยากตอบคำถามนี้” เดรโกตอบอย่างเรียบๆ

 

          “เกี่ยวกับเรื่องบลูเบนหรือเปล่า” กลับเป็นฝ่ายเด็กสาวคนเดียวในกลุ่มที่พูดสิ่งที่เหมือนจะเป็นคำตอบออกมาแทน สายตาทุกคู่บนโต๊ะเบนความสนใจไปที่เจ้าของเสียงทันที ไม่เว้นแม้แต่เดรโก ที่ส่งผ่านความประหลาดใจออกมาทางสายตา เด็กสาวที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าตกเป็นเป้าสายตาก็ทำท่าขยับแว่นนิดหน่อยแก้เขินอาย “ฉันก็แค่พูดไปส่งๆ อาจจะไม่เกี่ยวกันก็ได้”

 

          “ไม่หรอก ตามที่เธอพูดนั่นแหละ” เดรโกพูดออกมา คราวนี้สายตาทุกคู่เบนกลับไปหาเด็กหนุ่มอีกครั้ง “ฉันไปยืนที่ระเบียงทุกวันเพื่อรอการมาของบลูเบน”

 

          “แล้วทำไมต้องรอด้วย ทำไมบลูเบนถึงต้องมาหานาย” แอเลน่าถาม แต่ก็ถูกนิโคลขัดขึ้นเสียก่อน

 

          “เดี๋ยวนะ ขอแทรกหน่อย นี่พวกนายกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน ฉันตามไม่ทัน นายเข้าใจหรือเปล่า เอ็ด” นิโคลหันไปถามเพื่อนข้างตัว แต่ก็ได้รับคำตอบกลับมาเป็นการส่ายหน้า

 

          “บลูเบนคือชื่อของมังกร” แอเลน่าให้คำตอบ

 

          “มังกร!” เอ็ดเวิร์ดและนิโคลตะโกนออกมาพร้อมกันดังลั่นห้องอาหาร สายตาทุกคู่ในห้องหันมาให้ความสนใจเจ้าของเสียงตะโกนทั้งสองเพียงชั่วครู่ แล้วก็หันกลับไปทำกิจกรรมของตนต่อ

 

          “ใช่ มังกร” แอเลน่าเน้นคำตอบของเธอให้ชัดเจนยิ่งขึ้น มือก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพายพร้อมกับหยิบหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่ง ตัวอักษรสีแดงขนาดใหญ่บนหน้าปกหนังสือมีข้อความว่า มังกร สัตว์ในตำนานแห่งโลกลับแล “นี่คือหนังสือที่ฉันยืมมาจากห้องสมุด มีรายละเอียดเกี่ยวกับมังกรหลายสายพันธ์ บางสายพันธ์ก็มีข้อมูลครบถ้วน แต่บางสายพันธ์ก็แทบจะไม่มีข้อมูลอะไรเลย แล้วฉันก็บังเอิญไปเจอหน้านี้เข้า” เด็กสาวพลิกหนังสือไปที่หน้าหนึ่ง

 

          รูปภาพในหนังสือ เป็นรูปของมังกรขนาดใหญ่ ตัวสีฟ้าคราม มีครีบสีแดงเพลิงไล่มาตั้งแต่หัวไปจนถึงปลายหาง ดวงตากลมรีสีส้มสว่าง เขี้ยวและฟันสีเงินแลดูคมกริบ

 

          “นี่คือมังกรสายพันธ์ธาตุน้ำ ชื่อว่าบลูเบน แต่ข้อมูลและประวัติของมันมีน้อยมาก” แอลเลน่าอธิบายต่อ “ครั้งแรกที่ฉันเห็นชื่อมันก็สงสัยว่าอาจจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับเดรโกหรือเปล่า แต่อีกใจก็คิดว่าอาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญก็ได้”

 

          “ไม่บังเอิญหรอก” เดรโกเปิดปากพูดขึ้นมาบ้าง “ตระกูลฉันมีความเชื่อในเรื่องของบลูเบนมาก มากจนถึงขนาดเอามาตั้งเป็นชื่อตระกูล เราเชื่อกันว่าบลูเบนคือตัวแทนวิญญาณบรรพบุรุษของตระกูลเรา เมื่อคนในตระกูลเราตายไป วิญญาณจะไปรวมตัวกันที่มังกรตัวนั้น ว่ากันว่าเวลาตี 3 ของคืนใดคืนหนึ่ง บลูเบนจะออกมาจากที่อยู่อาศัยเพื่อมาทักทายและอวยพรให้แก่ลูกหลานของตระกูล”

 

          “แล้วนายเคยเห็นไหม บลูเบนน่ะ” นิโคลถาม

 

          “ไม่เคยหรอก ตั้งแต่เด็กจนโต ฉันยังไม่เคยเห็นบลูเบนตัวจริงเลยสักครั้ง เท่าที่ฉันรู้จักก็แค่จากหนังสือหรือคำบอกเล่าของคนในตระกูลเท่านั้นแหละ” เดรโกตอบ

 

          “แต่การที่นายไปยืนที่ระเบียงทุกวัน ก็หมายความว่านายเชื่อเรื่องบลูเบนใช่ไหม” เอ็ดเวิร์ดถามหลังจากนั่งเงียบฟังมานาน

 

          “เรียกว่าคาดหวังจะดีกว่า” เดรโกตอบด้วยรอยยิ้มจางๆ “อย่างที่ฉันบอกพวกนายไปเมื่อคืนนั่นแหละ ฉันเหมือนคนที่โตมาคนเดียว การได้เพื่อนเพิ่มสักคนสำหรับฉันมันเป็นเรื่องใหญ่ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนก็เถอะ ฉันคงจะดีใจจนน้ำตาไหลได้เลยมั้ง ถ้ารู้ว่าบลูเบนมีอยู่จริง”

 

          คำตอบที่สร้างความอึดอัดและความเงียบขึ้นมาในวงสนทนา จริงอยู่ว่าเอ็ดเวิร์ดและนิโคลรับรู้ถึงความอ้างว้างของเดรโกมาบ้างจากบทสนทนาเมื่อคืน แต่พวกเขาก็ไม่เคยรับรู้ว่าความอ้างว้างที่เดรโกเผชิญมานั้นมันจะมากมายจนเด็กหนุ่มความหวังกับเรื่องราวที่ดูจะเป็นสิ่งที่เกินความเป็นจริงได้แบบนี้

 

          “เรื่องมังกรน่ะ” นิโคลเลือกที่จะพูดทำลายความเงียบขึ้นมา “มันมีจริงๆ หรอแอล”

 

          “ฉันก็ไม่รู้หรอก พวกนายรู้จักโลกลับแลไหม” แอเลน่าถาม แต่เด็กหนุ่มทั้งสามคนก็ส่ายหน้าแทนคำตอบ แอลเลน่าส่ายหัวอย่างไม่แปลกใจนัก แล้วก็คว้าหนังสือเล่มหนาเล่มหนึ่งออกมาจากกระเป๋า “ฉันได้อ่านเกี่ยวกับโลกลับแลมานิดหน่อย”

 

          “นี่เธอพกหนังสือทีละกี่เล่มเนี่ย” เอ็ดเวิร์ดถามอย่างสงสัย ถ้าเด็กสาวไม่ได้รู้อนาคตมาก่อนว่าจะมีการพูดถึงมังกรกันในวันนี้ เขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเธอพกหนังสือไปไหนมาไหนทีละกี่เล่มกัน

 

          “ยุ่งน่า” แอเลน่าตอบปัด “โลกลับแล ดินแดนอีกด้าน เมืองต้องห้าม มิติปิศาจ ทะลปริศนา ป่าพิศวง ล้วนเป็นชื่อเรียกขานของอีกดินแดนหนึ่งที่เป็นความลับ ดินแดนที่ว่ากันว่าเป็นที่สถิตของมังกรและสิ่งมีชีวิตที่ยังไม่ค้นพบ ถ้าหากพวกนายจะตั้งใจเรียนวิชาภูมิศาสตร์ขึ้นสักหน่อย พวกนายก็จะเห็นว่า นอกจากทวีปหลักแล้ว ยังมีพื้นที่หรือเกาะน้อยใหญ่ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับสภากลางอยู่อีกมาก ซึ่งรวมถึงพื้นที่อีกด้านของโลกที่ยังไม่ถูกค้นพบด้วย

 

          เคยมีจอมเวทย์มีฝีมือมากมายที่ต้องการตรวจสอบ อยากสร้างชื่อ หรือไม่ก็แค่อยากอวดฝีมือของตัวเอง ดาหน้ากันเข้าไปที่นั่น แต่ไม่เคยมีใครได้กลับออกมาสักคน มีเพียงเสียงเล่าลือออกมา บ้างก็ว่ากันว่าที่นั่นเป็นดินแดนสุขาวดี บ้างก็ว่าเป็นเหมือนนรกบนดิน คนเดียวที่ออกมาจากที่นั่นได้ก็คือคนเขียนหนังสือเล่มนี้ แล้วก็หนังสือเกี่ยวกับมังกรเล่มที่ฉันเปิดให้พวกนายดู แต่นอกจากข้อมูลที่เขาเขียนมาในหนังสือ 2 เล่มนี้แล้ว เขาก็ไม่ยอมปริปากพูดอะไรเกี่ยวกับที่นั่นอีกเลย คนบางคนก็หาว่าเขาแค่หลบออกไปไม่เจอหน้าผู้คน แล้วก็กลับมากุเรื่องโลกลับแลเพื่อแต่งหนังสือสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง ซึ่งเขาก็ไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธอะไร เรื่องนี้ก็เลยไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าเป็นเรื่องจริงมากแค่ไหน”

 

          เดรโกมีสีหน้าจริงจังมากขึ้นเมื่อได้ยินเรื่องที่เด็กสาวเล่า เอ็ดเวิร์ดกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ มีเพียงนิโคลที่ยิ้มร่ารู้สึกสนุก

 

          “น่าสนุกจังเลยนะ ฉันขนลุกเลยแหะ” นิโคลทำท่าลูบแขนสองข้างไปมา “ทำเอาเลือดนักสำรวจในตัวฉันมันเดือดพล่านเลย”

 

          “ฉันว่าที่เดือดพล่านน่าจะเป็นสมองบ๊องๆ ของนายมากกว่า” เอ็ดเวิร์ดตำหนิ

 

          “พูดมากน่าเอ็ด” นิโคลเถียงกลับ

 

          “ฉันว่าเราเตรียมตัวไปเรียนวิชาต่อไปกันดีกว่า วิชาต่อไปคือวิชาพละ ต้องไปเปลี่ยนชุดอีก” เดรโกส่งสัญญาณสงบศึกมาให้แก่เด็กหนุ่ม 2 คนซึ่งกำลังแยกเขี้ยวใส่กันเหมือนหมาบ้า แอเลน่าเห็นด้วย เขาและเธอจึงลากคอเพื่อนทั้ง 2 ออกจากห้องอาหารเพื่อไปเตรียมตัวเข้าเรียนวิชาพละในช่วงเช้า

 

 

บอกนิดเล่าหน่อย: ต้องขออำภัยสำหรับความล่าช้าด้วยนะครับ พอดีคนเขียนช่วงนี้ไม่ค่อยว่าง แต่จะพยายามมาอัพให้ได้อย่างต่อเนื่อง อาทิตย์ละอย่างน้อย 1 ตอน ยังไงก็ฝากติดตามต่อด้วยนะครับ

         

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา