Who am i? (ฉันเป็นใคร?) ภาค change myself (พล็อตเรื่องนี้ผ่านการประกวดบทละครของโครงการ BEC ของช่อง 3

7.3

เขียนโดย Gawee

วันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2565 เวลา 11.23 น.

  10 ตอน
  9 วิจารณ์
  4,927 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 เมษายน พ.ศ. 2566 09.30 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ตอนที่ 5 'ฉันคือพยานคนสำคัญ ผู้รู้ความจริงของอุบัติเหตุนั้น'

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          ....ความเดิมตอนที่แล้ว....

  

     ผมบังเอิญได้ยินข่าวลือไร้สาระเกี่ยวกับตัวผมเข้า ถึงผมจะไม่อยากใส่ใจเพราะมันก็แค่ข่าวลือ แต่มันคาใจผมมาก เพราะผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่า 'ผมเป็นคนขับรถชนเธอจริงหรือเปล่า?' เพราะจากที่ผมคิดเองว่า ผมอาจขับรถชนเธอและหนีความผิดด้วยการกระโดดน้ำฆ่าตัวตายก็เป็นได้

     ผมเลยต้องไปถามกับเจ้าตัวเอง ผมขึ้นไปบนดาดฟ้าของอาคาร และสิ่งที่ผมเห็นเป็นภาพของเธอที่อยู่ริมขอบดาดฟ้า ทันทีที่ได้เห็นภาพนั้น ความทรงจำมันก็แวบเข้ามาในหัวผมทันที ในความทรงจำนั้น เป็นผมเองนี้แหละที่ยืนอยู่ตรงจุดนั้น และพึมพำกับตัวเองว่า 'เป็นความผิดของฉันเองที่ทำให้เรโกะต้องเป็นแบบนั้น' 

     หลังจากที่ผมตั้งสติได้ก็รีบช่วยฟ้าใสออกจากตรงนั้น เเล้วก็พูดให้สติเธอ แต่ดูเหมือนว่า ผมเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดอะไรแบบนี้ได้ เพราะผมเองก็คิดฆ่าตัวตายมาแล้วถึง 2 ครั้งด้วยกัน!!

     จากนั้น เราสองคนก็กลับบ้านด้วยกัน ผมอาสาไปส่งเธอที่บ้าน เพราะเป็นห่วงว่าเธอจะคิดสั้นอีก และนั้นทำให้ผมรู้ว่า เราอยู่หมู่บ้านเดียวกัน และเคยรู้จักกันมาก่อน ถ้างั้นความรู้สึกที่คุ้นเคยกับเธอมันคงเป็นความจริง ผมคิดอยู่นานว่าจะช่วยเธอเรื่องโดนเพื่อนในห้องรังแกอย่างไงดี?

     ถึงแม้ผมจะช่วยเธอไว้ได้ แต่ก็รับประกันไม่ได้ว่าจะช่วยไปได้ตลอด เพราะฉะนั้น มันต้องเริ่มที่ตัวของเธอเอง ผมเลยตัดสินใจพูดให้เธอลองเก็บไปคิดเรื่องเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพราะผมเชื่อว่าเธอต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ดีไม่แพ้ผมแน่นอน เหมือนที่ผมเริ่มเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่หลังจากความจำเสื่อมนั้นเอง

     จนสุดท้ายผมก็ไม่ได้บอกเธอเรื่องข่าวลือนั้น เพราะกลัวว่าเธอจะมองผมในแง่ร้าย แต่จากที่ถามดูเหมือนเธอจะจำอะไรไม่ได้เหมือนกับผม มันช่างเป็นเรื่องที่บังเอิญจนน่าแปลกใจที่คนสองคนจะความจำเสื่อมพร้อมๆ กันแบบนี้

     ปัจจุบัน...

     หน้าบ้านของฟ้าใส เมื่อ 10 นาทีก่อน

     ผะ…ผมมายืนทำบ้าอะไรอยู่ตรงนี้วะเนี้ย? เธออาจจะไม่ไปโรงเรียนก็ได้นี้หว่า ก็โดนซะขนาดนั้น แถมรอยซ้ำที่มุมปากก็ดูท่าจะหนักด้วย น่าเป็นห่วงจริงๆ

     ผมคิดในใจพลางยืนพิงกำแพงบ้านฟ้าใส เพื่อรอไปโรงเรียนพร้อมกับเธอ 

     "เฮ้อออ สงสัยวันนี้คงหยุดเรียนแล้วมั่ง ไปโรงเรียนเลยดีกว่าเรา" ผมพึมพำกับตัวเอง

     "แกร๊ก...ครื้น---" เสียงประตูบ้านเปิดออก

     "อะ...อ้าว! นั้นต้นกล้านี่" เสียงที่ผมรอคอยและคุ้นเคยก็เอ่ยดังขึ้น

     ผมหันหลังไปตามเสียงเรียกร้อง (ของหัวใจ) และทันใดนั้นภาพตรงหน้าก็ทำให้ใจผมเต้นระรัวเหมือนมีใครมาตีกลองชุดในใจผม

     เธอคนนั้นที่ปกติดูสวยอยู่แล้ว แต่วันนี้ดูสวยมากขึ้นไปอีก เส้นผมสีดำเงางามที่ถูกปล่อยสยายลงมาถูกสายลมพัดอ่อนๆ ราวกันเส้นไหมล้ำค่า ใบหน้าที่ขาวอมชมพู ช่างเข้ากันได้ดีกับริมฝีปากอวบอิ่มแต่เล็กได้รูปสีชมพูอ่อนนั้น

      "ทำไมทำหน้าเหวอแบบนั้น? ทำอย่างกับเห็นผี" ฟ้าใสพูดขึ้นพลางเดินมาใกล้ผม

     "มะ...ไม่ใช้ผี ตะ...แต่เป็นนางฟ้าชัดๆ" ผมพูดพึมพำกับตัวเอง

     "ห่ะ พูดว่าไงนะ ไม่ได้ยิน?" เธอถามขึ้นพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม

     "อะแฮ่มๆ ฉันบอกว่า เธอออกมาช้าจัง" ผมพูดพลางหันหน้าหนีด้วยใจเต้นแรง จนกลัวว่าเธอจะได้ยินเสียงหัวใจผม

     "แล้วใครจะไปรู้ล่ะ ว่านายมายืนรออยู่หน้าบ้านฉัน?" ฟ้าใสพูดขึ้น

     "คะ...ใครยืนรอเธอไม่ทราบ?" ผมถามอย่างลุกลี้ลุกลน

     "จะใครล่ะ? ถ้าไม่่ใช้นาย อิอิ" ฟ้าใสพูดพลางหัวเราะคิก

     "บะ...บ้าไปแล้ว เธอนี้หลงตัวเองสุดๆ ฉันแค่ผ่านมาแถวนี้ มันเป็นทางไปโรงเรียนต่างหากล่ะ" ผมแถไปเรื่อย ถ้าให้เดาตอนนี้ผมคงหน้าแดงไปถึงหูแล้วมั่ง

     "อ่อหรา? แต่บ้านนายอยู่ท้ายหมู่บ้านนะ ออกทางประตูหลังหมู่บ้านไม่ใกล้โรงเรียนกว่าหรอ?" ฟ้าใสถามพลางเดินนำไปป้ายรถเมล์

     "ฉะ...ฉันแค่จะแวะซื้อของกินหน้าหมู่บ้านเท่านั้นล่ะ" ผมตอบแถจนสีข้างถลอก

     "โอเคๆ ไปกันเถอะ" ฟ้าใสพูดพลางเดินนำไปอย่างร่าเริง

          บนรถเมล์ไปโรงเรียน

     ให้ตายสิ คนบนรถเมล์เยอะมากเลย เบียดกันแน่นไปหมแ ฉันยืนอยู่กับต้นกล้าบนรถเมล์ที่เต็มไปด้วยผู้โดยสารคนอื่นๆ แล้วอยู่ๆ ก็มีชายวัยกลางคนขึ้นรถเมล์มาแล้วตรงมายืนอยู่ข้างหลังฉันพอดี

     ฉันรู้สึกได้ว่ามีอะไรมาลูบขาอ่อนของฉัน ฉันชักสีหน้าใส่ลุงแว่นคนนั้นทันที แต่ดูเหมือนเขาจะไม่หยุดกระทำการลวนลามฉัน ฉันหันไปมองต้นกล้าแล้วพยักหน้าไปที่ลุงเเว่นคนนั้น

     "ผลั๊วะ คุณลุงช่วยเอามือออกจากขาเพื่อนผมด้วยคับ" ต้นกล้าปัดมือลุงแว่นนั้นอย่างแรงก่อนจะพูดเสียงกระซิบกับลุงนั้น

     "อะไรของมึXวะ!? ไอเสาไฟฟ้านี่!" ลุงนั้นเริ่่มเสียงดัง

     "ก็ลุงกำลังลวนลามเพื่อนผมอยู่ เธอชักสีหน้าใส่ลุงไปตั้ง 2-3 รอบแล้วก็ยังไม่หยุดอีก" ต้นกล้าเริ่มเสียงดังขึ้นตาม

     "อะ...อ้าววว! มากล่าวหากันแบบนี้มันจะดีหรือ? ไอเด็กเวXนี่!?" ลุงนั้นพูดพลางขยับแว่นตาด้วยนิ้วกลาง

     "ใครว่ากล่าวหาลอยๆ กันค่ะ นี้ไงหลักฐาน คิดหรือว่าหนูจะยืนเฉยๆ ให้ลุงลูบคลำแบบนี้?" ฉันชูมือถือที่มีภาพถ่ายตอนลุงแกลูบขาอ่อนฉันอยู่ เห็นมือ นาฬิกา และชายแขนเสื้อชัดเจน

     ณ ตอนนั้นสายตาคนทั้งรถเมล์ก็จับจองมาที่พวกเราสามคนเรียบร้อยแล้ว พร้อมเสียงซิบซุบต่างๆ

     "จะเอาไงค่ะ? อยากไปโรงพักไหม? ลวนลามเด็กไม่ถึง 18 ปี นี้โทษหนักพอควรเลยนะค่ะ ว่าไหม?" ฉันพูดพลางเดินใช้นิ้วจิ้มไปที่อกลุงแว่นนั้น แล้วเอียงคอถามพลางขลึงตาใส่

     "นะ...หน่อย นัXเด็กนี่นี้!!!" ลุงเงื้อมือขึ้นจะตบฉัน

     "กรี้ดดดด!!" ฉันหลับตาด้วยความกลัวพร้อมยกแขนขึ้นมากันไว้

     "ผลั๊วะ!! / อ้ากกก ไอเด็กเวXนี้" เสียงต้นกล้าปล่อยหมัดใส่ลุงนั้น พร้อมเสียงลุงนั้นโวยวาย

     "ทำไม!? หรืออยากโดนอีกหมัด ห่ะ! ว่าจะไม่ต่อยให้เสียหมัดแล้วแท้ๆ ลุงนี้น่า" ต้นกล้าพูดขึ้นพลางยกมือขึ้นไปตบเบาๆ ที่แก้มลุงนั้น

     "ถ้าอยากแจ้งตำรวจก็ไปเลยค่ะ แต่คงต้องบอกตำรวจเรื่องลวนลามหนูด้วยนะค่ะ ลุง" ฉันพูดขึ้นพลางยกมือถือขึ้นมาโชว์

     "ถ้าไม่อยากมีเรื่องแบบนั้น ก็ขอโทษหนูมาซะ หนูจะไม่เอาเรื่อง" ฉันพูดพลางเก็บมือถือเข้ากระเป๋าเสื้อ

     "โธ่เว้ย!! ขะ..ขอโทษ พอใจยัง? ไอพวกเด็กเหลือขอเอ่ย" ลุงนั้นพูดขอโทษแล้ววิ่งลงไปจากรถเมล์ทันที

     "โว้วววว / ว้าวววว / แปะๆๆ" เสียงโฮ่ร้องดังขึ้นทั่วรถเมล์พร้อมเสียงปรบมือ

     "ไม่เป็นไรนะ ฟ้าใส?" ต้นกล้าหันมาถามฉัน

     "อืม ขอบคุณมากนะ ว่าแต่มือนายโอเคไหม?" ฉันถามพลางจับมือเขาขึ้นมาดู ปรากฏว่ามันมีรอยแดงอยู่

     "ออ ไม่เป็นไรมากหรอก เดียวก็หาย ฮ่าฮ่า ฉันมันตัวอันตรายของโรงเรียนอยู่แล้ว เรื่องวิวาทขอให้บอกเถอะ" ต้นกล้าพูดพลางหัวเราะให้ตัวเอง

     "จ้าๆ พ่อคนเก่ง อิอิ" ฉันพูดยอเขาหน่อยๆ แต่ก็โหดจริงๆ ฉันเห็นลุงคนนั้นเลือดกลบปากเลย โดนไปแค่หมัดเดียวเองนะ

     "แต่เธอก็ใช่ย่อยนะ ฮ่าฮ่า โดนแบบนั้นยังมีสติแอบถ่ายเก็บไว้อีก" ต้นกล้าพูดขึ้น

     "เอ้า ฉันก็ต้องหาหลักฐานไว้ก่อนซิ เผื่ออีตาลุงนั้นไม่ยอมรับ" ฉันพูดพลางยกมือถือขึ้นมาดู

     "ทีแบบนี้แหละมีสติ ไหวพริบดีเชียว ทีตอนโดนยัยพวกนั้นรังแกทำไมไม่เป็นแบบนี้บ้าง?" ต้นกล้าถามฉัน เหมือนจะโมโหที่ฉันไม่ยอมสู้ยัยพวกนั้นกลับ

     "ก็ฉันคิดเสมอว่า ยัยพวกนั้นคือ เพื่อนร่วมห้องเดียวกัน นี้น่า ถึงดูเหมือนว่าพวกนั้นจะไม่ชอบหน้าฉัน แต่ฉันคิดไม่ถึงว่าจะทำขนาดนี้ เลยช็อคจนสติหลุดเลย" ฮันอธิบายยาว

     "อ่อๆ แบบนี้เอง งั้นตอนนี้คงรู้แล้วซินะ ว่าความจริงเป็นอย่างไง?" ต้นกล้าถามขึ้น

     "ใช่!! รู้ซึ้งถึงกระดูกดำเลยล่ะ" ฉันตอบ

     ใช่แล้ว พวกที่ทำแบบนั้นมันไม่สมควรเรียกว่า เพื่อน ด้วยซ้ำไป คำว่า 'เล่น' มันต้องใช้กับการที่ทั้งสองฝ่ายสนุกด้วยกันซิ แต่ฉันไม่ได้สนุกกับการเล่นแบบนี้หรอกนะ แต่ฉันก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมพวกนั้นถึงเกลียดฉันขนาดนี้? ฉันทำอะไรผิดขนาดนั้นเลยหรอ? 

     "กริ้งงงง ไปกันเถอะ ถึงป้ายแล้ว" เสียงกดกริ้งดังขึ้นพร้อมกับเสียงต้นกล้าที่ทำให้ฉันหลุดออกจากภวังค์ และปาดเศษเสี้ยวของน้ำตาที่คลอเบ้าอยู่

          ณ ทางเดินเข้าประตูโรงเรียนทางทิศเหนือ

     พวกเราสองคนได้เข้าประตูโรงเรียนทางทิศเหนือ 

     "เอากระเป๋านักเรียนมาซิ ฉันถือให้" ต้นกล้าหันมาบอกฉันพลางยื่นมือมาที่ฉัน หลังเงียบไปสักพัก

     "อะไรกันอยู่ๆ ก็?" ฉันหันไปถามงงๆ 

     "เอามานี่มา อิอิ" ต้นกล้าพูดพลางชิงกระเป๋าไปจากมือฉัน นี่มันขโมยกันชัดๆ อีตาบ้านี่

    "เอาคืนมานะ นี่! นายต้นกล้า" ฉันวิ่งตามไปเอากระเป๋าคืน

     "ก็มาแย่งไปให้ได้สิ แม่คนเก่ง ฮ่าฮ่า" ต้นกล้าพูดพลางชูกระเป๋าขึ้นสุดแขน 

     ฉันกระโดดๆ ไปมาพลางคว้ากระเป๋านักเรียนของฉันรอบๆ ตัวต้นกล้า แต่มันก็ไร้ผลอยู่ดี หน่อยอีตาเสาไฟฟ้า รอให้ฉันสูขึ้นกว่านี้สัก 10 เซนติเมตร ก่อนเถอะต่อยดู

     "ว้ายๆ!! ตุบ" ฉันกระโดดจนเสียหลักถลาไปชนเข้าที่อกของต้นกล้า

     "ตึก...ตัก...ตึกตักๆๆๆๆๆ" ฉันสัมผัสได้ถึงเสียงหัวใจที่มันเต้นรัวและแรงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับมันจะระเบิดออกมา

     นี้มันเสียงอะไรกัน? เสียงตึกตักของหัวใจใคร? มันเป็นของต้นกล้า หรือว่าของฉันเองกันแน่ละเนี้ย!? โอ๊ยยยยสับสนไปหมดแล้ว >_<

     "เฮ้ยๆๆ พวกมรึXดูนั้นสิ โว้วๆๆๆ" เสียงนักเรียนกลุ่มหนึ่งซุบซิบ (แต่ดังพอที่ฉันจะได้ยินนะยะ) พลางชี้มาที่ฉันกับต้นกล้าที่ตอนนี้ดูเหมือนฉันกำลังซบอกเขาอยู่

     "อ่ะแฮ่ม! ธะ...เธอจะไม่ถอยออกไปหรือไงห่ะ? คนมองใหญ่แล้วนะ อิอิ" ต้นกล้าก้มลงมากระซิบที่ข้างใบหูของฉันด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและหัวเราะคิก

     "อะ...เอ่อ โทษที พอดีฉันเสียหลักนิดหน่อย แหะๆ" ฉันพูดพลางขำแห้งๆ

     "เธอนี่เสียหลักมาซบอกฉันบ่อยจริงนะ คิดอะไรหรือเปล่าเนี้ย? ฮ่าฮ่า" ต้นกล้าพูดพลางกอดตัวเองเป็นเชิงหวงตัว

     "เพี๊ยะ! จะบ้าหรือไงยะ อยากจะถือก็ถือไปเลยนะ" ฉันตีเข้าไปที่แขนต้นกล้า และหันขวับเดินนำไป

     "นี่ๆ นั้นต้นกล้ากับฟ้าใสนี่หว่า เฮ้ย! ทำไมอยู่ด้วยกันได้วะนั้น แถมดูสนิทกันด้วย" เสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นอีกรอบ

     "เออวะ แล้วข่าวลือที่ว่านั้นล่ะ หรือจะไม่ใช่เรื่องจริง?" เสียงซุบซิบนั้นยังคงพูดขึ้นฉันกับต้นกล้า

     ไอพวกบ้านี้ จะนินทากันก็หันเบาเสียงหน่อยเถอะ นี่มันเหมือนพูดให้ฉันได้ยินเลยนะเนี้ย ว่าแต่ ข่าวลือนั้น มันคือเรื่องอะไรกันละเนี้ย?

     "ปะ...ไปกันเถอะ แถวนี้หมาเห่าเสียงดัง หนวกหู!" ต้นกล้าพูดเสียงดังพลางจุงมือฉันให้เดินตามไป

     "ต้นกล้า พวกนั้นพูดว่า ข่าวลือ มันหมายความว่าไง?" ฉันสะบัดมือออกพลางกอดอก

     "เรื่องไร้สาระ อย่าไปสนใจมันเลย" ต้นกล้าตอบแบบปัดๆ ไป

     "โอเคๆ" ฉันตอบพลางขึ้นลิฟต์ในอาคาร 7 ตามต้นกล้าไป

     โอเคกับผีนะสิยะ ฉันต้องรู้ให้ได้ว่า ข่าวลือที่เกี่ยวกับฉันมันคืออะไร? ถึงนายไม่บอกฉันก็จะหาคำตอบเอาเองยะ หึหึหึ ฉันนึกในใจพลางหันไปมองหน้าต้นกล้า ในขณะที่อยู่ในลิฟต์

     "งั้นเอาไป แยกกันตรงนี้ล่ะกัน ตั้งใจเรียนล่ะ สู้ๆ" ต้นกล้าพูดพลางโยนกระเป๋าให้ฉัน พร้อมชูกำปั้นเป็นเชิงบอกให้สู้ๆ น่าจะบอกให้ฉันสู้กับยัยพวกแก๊งผลไม้นั้นแหงๆ เลย

     "ขอบใจยะ" ฉันรับกระเป๋ามาแล้วเดินไปทางซ้าย ส่วนต้นกล้าเดินไปทางขวา

          ณ ห้องเรียนชั้น ม.5/1

     ฉันเข้าห้องเรียนมานั่งที่โต๊ะตัวเอง ฉันมาก่อนเวลาเรียนประมาณ 30 นาที ก็เลยฟุบหลับพักสายตาที่โต๊ะ

     "เอ่ะ---- กลิ่นอะไรตุๆ เนี้ย? อิอิ" ยัย A แก๊งผลไม้ที่พึ่งเดินเข้าห้องมาก็เริ่มเลย

     "อิอิ กลิ่นเหมือนปลาร้าเลยวะ ฮี่ฮี่ฮี่" ยัย B พูดขึ้นพลางเดินตรงมาที่ฉัน

     ฉันลุกขึ้นนั่งจากการฟุบหลับ แล้วหันไปมองยัยพวกนั้นที่ตอนนี้ยืนรุมล้อมฉันอยู่

     "ว้าวววว! ยัยขี้แพ้ นี่เธอแต่งหน้ามาเรียนด้วยหรอเนี้ย? โอ้ววว ฝีมือไม่ธรรมดาเลยนะเนี้ย อิอิ" ยัย C พูดพลางยื่นมือมาลูบหน้าฉัน

     "เพี๊ยะ!" ฉันปัดมือยัยนั้นออก พลางลุกขึ้นยืน

     "แหมๆ รู้สึกว่าเธอจะยังไม่สำเนียกในฐานะตัวเองเลยนะเนี้ย หืม!?" ยัย A พูดพลางเดินเข้ามาใกล้ฉัน แล้วผลักไหล่ฉัน

     "ฉันหิวเกีี๊ยวจังเลย ไปซื้อมาซิไวๆ เลย" ยัย B พูดขึ้นพลางนั่งไขว้ห้างบนโต๊ะนักเรียนของฉัน

     ฉันได้แต่นิ่งเงียบ พลางกำหมัดเน้น ในใจก็คิดแต่หาเหตุผลที่ยัยะวกนี้เกลียดฉัน

     "นี่!!! โดนไปเมื่อวานจนเป็นใบ้ไปแล้วหรอ ห่ะ!?" ยัย C พูดพลางผลักหัวฉัน

     "ทะ....ทำไมพวกเธอต้องทำแบบนี้กับฉันด้วย?" ในที่สุดฉันก็เอ่ยคำถามนี่ออกไป เพราะคิดอย่างไรก็หาเหตุผลไม่ได้จริงๆ

     "ถามจริงอ่ะ?" ยัย B เอียงคอถามฉัน

     "ใช่ ถึงพวกเธอจะไม่ชอบหน้าฉัน แต่แบบนี้มันก็ดูเกินเหตุไปหน่อยนะ" ฉันตอบ

     "ฮ่าฮ่าฮ่า เกินเหตุ!? โอ๊ยขำ โอเคๆ เห็นแก่ที่แกความจำเสื่อมนะ ยัยขี้แพ้ฟ้าใส ฉันจะบอกให้เอาบุญ" ยัย A พูดขึ้นพลางกอดอก

     "ก็เธอมันมั่นหน้าเกินไปไง! ทั้งๆ ที่เป็นแค่นักเรียนทุนของโรงเรียนเรา เป็นแค่ชั้นต่ำของห้อง 1" ยัย A พูดขึ้นพลางผลักหัวฉัน

     เย็นไว้....ใจร่มๆ ฟ้าใส มันต้องมีอะไรมากกวา่นี้แน่นอน

     "หมายความว่าไง?" ฉันเอ่ยถาม

     "ห้อง 1 ของชั้นเรียนนะ มีไว้สำหรับลูกคุณหนูตระกูลร่ำรวย หรือผู้บริหาร และผู้ถือหุ้นของบริษัทเครือ A กรุ๊ป เท่านั้น แต่เธอกลับได้มาเรียนในคลาสเดียวกับพวกฉัน แค่คิดก็ขยะแขยงเต็มทน อี็ยยยย" ยัย C พูดพลางทำหน้าอี๋ยใส่ฉัน

     "แค่นี้เนี้ยนะ?" ฉันเอียงคอถามอย่างไม่เข้าใจยัยพวกนี้เลยจริงๆ

     "มีสิ่งที่สำคัญกว่านั้นอีก แกคงจำ เรโกะ ไม่ได้ด้วยใช่ไหม? ถึงได้ถามอะไรโง่ๆ แบบนี้ออกมาได้น่ะ ห่ะ!?" ยัย A พูดขึ้น

     ชะ...ชื่อนี้มัน!? เรโกะ ที่ฉันนึกได้ตอนอยู่ดาดฟ้ากับต้นกล้าเมื่อวานนี้ หรือว่าเรโกะจะอยู่ห้องเดียวกับฉันและยัยพวกนี้มาก่อน แล้วตอนนี้เธอไปอยู่ไหนละ?

     "เรโกะ คือใคร? แล้วเกี่ยวอะไรกับการที่พวกเธอเกลียดฉันด้วย?" ฉันถามขึ้นอย่างอดสงสัยไม่ได้

     "เพี๊ยะ!!!" เสียงยัย A ตบหน้าฉันดังลั่นห้องเรียน ตอนนี้เพื่อนๆ ในห้องต่างหันมาที่พวกเรา

     "ยังมีหน้ามาถามอีกนะ ยัยเพื่อนเห็นแก่ตัว!!" ยัย A พูดพลางวิ่งออกไปพร้อมกับปาดน้ำตา

     "เฮ่ย ยัย A รอก่อนสิ" ยัย B พูดขึ้นพลางวิ่งออกไปตาม

     "เป็นเพราะเธอคนเดียวเลย ยัยบ้านี่! ยัย A ยิ่งไม่อยากนึกถึงเรื่องนี้อยู่ด้วย โธ่เว้ย!" ยัย C พูดพลางวิ่งตามไปติดๆ

     พร้อมกับเกศเพื่อนที่นั่งข้างๆ ฉันเดินเข้ามาพอดี

     "กะ...เกิดอะไรขึ้นหรอ ฟ้าใส?" เกศถามขึ้นพลางนั่งลงที่โต๊ะข้างๆ ฉัน

     "ยัยพวกนั้นพูดถึงเรื่อง เรโกะ แล้วก็ตบหน้าฉันเฉยเลย ว่าแต่เธอรู้ไหมว่าเรโกะเป็นใคร?" ฉันหันไปถามเกศ

     "ฉันก็ไม่รู้ละเอียดมากหรอก เพราะฉันพึ่งย้ายมาเรียนที่นี้ตอนขึ้น ม. 5 เองนะ" เกศตอบ

     "แต่ดูเหมือนเรโกะจะเป็นนักเรียนของที่นี้จนถึงเมื่อปีการศึกษาที่แล้ว จากนั้นก็หายตัวไปเลย" เกศพูดเสริมพลางทำท่าคิด

     "อ่อหรอ?" ฉันตอบกลับพลางคิดหาเหตุผลว่าทำไมยัย A ถึงร้องไห้ออกไปแบบนั้น แล้วที่บอกว่า ยัยเพื่อนเห็นแก่ตัว นี่มันคืออย่างไง?

    "อ่อจริงสิ เธอลองถามมินตราดูสิ มินตราเรียนห้องเดียวกับเธอเมื่อตอน ม.4 นะ" เกศพูดพลางชี้ไปที่มินตราที่กำลังนั่งหวีผมบนโต๊ะเรียนอยู่

     "ออ ขอบใจนะ" ฉันตอบ 

     ฉันเองก็อยากลองคุยกับมินตราดูสักครั้ง ฉันต้องพูดให้เข้าใจในเรื่องของต้นกล้าด้วย เพราะดูเธอจะชอบต้นกล้ามาก ถึงฉันจะไม่รู้ว่าต้นกล้าคิดอย่างไงกับเธอ 

     จากนั้นชั่วโมงเรียนคาบเช้าก็เริ่มต้นขึ้น ฉันเรียนโดยผ่านไปด้วยดีเกินคาด ที่จริงคิดว่าความจำเสื่อมอาจกระทบต่อการเรียน แต่ฉันรู้สึกเหมือนเคยผ่านเนื้อหาการเรียนพวกนี้มาแล้ว เลยทำความเข้าใจได้ไม่ยาก

          ขณะเดียวกัน ณ ห้องเรียน ม.5/5 

     "เฮ้ย! ไอเหน่ง ถามไรหน่อย" ผมพูดพลางโยนกระเป๋านักเรียนลงบนโต๊ะ แล้วนั่งข้างๆ มัน

     "อืม! ว่าไง ถ้าจะถามเรื่อง รายการไอดอล เมื่อวานตูไม่ได้ดูนะ ตูคุยคอลกับแฟนอยู่ อิอิ" ไอเหน่งพูดพลางหันหน้าจากจอมือถือ แล้วหัวเราะคิกเป็นเชิงเย้ยๆ

     "เออ ตูดูแล้วรายการเมื่อวานอย่างเด็ด แต่ที่จะถามนี้เรื่องอื่นเฟ้ย" ผมตอบ

     "เรื่องไรวะ ซี (เรียส) ไหม?" ไอเหน่งถามพลางหันมาคุยกับผมตรงๆ

     "ซีมากกกก มึXอยู่ห้องเดียวกับตูตั้งแต่ ม.4 ใช่ไหม?" ผมเริ่มเปิดประเด็น

     "ก็ใช่ ทำไม? หรือว่านึกอะไรออกบ้างแล้ว?" ไอเหน่งถามเหมือนรู้ทัน

     "ไม่เชิงวะ แต่มีคนบอกว่า ตูรู้จักกับฟ้าใส นางฟ้าของมึXมาก่อน จริงป่ะวะ?" ผมถามขึ้น

     "ออ นึกว่าเรื่องอะไร จริง! มึXเริ่มรู้จักกับฟ้าใสประมาณต้นเทอมแรกของ ม.4" ไอเหน่งตอบ

     "แล้วทำไมมึXไม่บอกตูก่อนล่ะ? ไอห่า!" ผมพูดพลางผลักหัวมันไปทีหนึ่ง

     "ก็มึXกับนางฟ้าของตูไม่ได้สนิทกันขนาดที่ตูต้องบอกนี่หว่า" ไอเหน่งพูดพลางลูบไปที่หัวเหม่งๆ ของตัวเอง

     "หมายความว่าไงวะ? ที่ว่าไม่สนิทกัน" ผมถามแบบอยากรู้มาก

     "ก็พวกมึXจะไปไหนมาไหนกันเป็นกลุ่มนี้หว่า ไม่ใช้สองต่อสอง" ไอเหน่งตอบ

     "กลุ่ม!? ในกลุ่มมีใครบ้าง?" ผมถามอย่างลุ้นในคำตอบที่ผมคิดว่าน่าจะใช่

     "อะ...เอ่อออ คะ...คือว่า...." ไอเหน่งพูดตะกุกตะกัก

     "เรโกะใช่ไหม?" ผมพูดออกมาอย่างรู้ว่ามันจะตอบอะไร 

     "ิอะ...ไอต้นกล้า! หรือว่ามึXจำเรโกะได้แล้ว?" ไอเหน่งถามอย่างตกใจจนทำมือถือตกบนโต๊ะนักเรียน

     "เปล่า ตูยังจำได้ไม่หมด แต่รู้ว่า ตูรู้จักฟ้าใสและเรโกะมาก่อน" ผมตอบ

     "เฮ้อออ" ไอเหน่งถอนหายใจอย่างโล่งอก

     "จะโล่งอกทำไมวะ?" ผมถามขึ้น

     "ปะ...เปล่าาาา" ไอเหน่งตอบเสียงสูง

     จากนั้นเราก็เริ่มเรียนชั่วโมงแรก แล้วเมื่อชั่วโมงแรกจบลง ผมก็เริ่มเปิดประเด็นซักต่อทันที

     "ว่าแต่เรโกะเป็นใครวะ?" ผมถามขึ้น

     "อ้าว! ไอนี้ยังไม่จบอีก?" ไอเหน่งถามขึ้น

     "ก็ตูค้างใจนี้หว่า พยายามนึกแต่ก็นึกไม่ออกสักที" ผมตอบ

     "ตูบอกไม่ได้ ตูสัญญาลูกผู้ชายไว้แล้วว่าจะไม่พูดเรื่องเรโกะให้มึXได้ยินอีกต่อไป!" ไอเหน่งพูดอย่างให้คำมั่นในสัญญา

     จากที่ดูแววตามันแล้ว มันคงเอาจริงแน่นอน ถึงถามไปก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมาชัวร์ๆ แต่ก็ยังดีที่รู้ว่า ผม ฟ้าใส และเรโกะ เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันมาก่อน

     หลังจากนั้นคาบเรียนเช้าก็จบลง ผมกับไอเหน่งแยกกันไป เพราะมันต้องไปกินข้าวกับแฟนมันที่อยู่ ม.4 โอ๊ยยย ไอคนอวดแฟน หงุดหงิด

     "แม่Xขี้อวดจริงๆ ไอคนอวดแฟน แล้วทำไมตูไม่มีบ้างวะเนี้ยยยย!?" ผมเดินไปโรงอาหารพลางบ่นพึมพำกับตัวเอง

     อ่อจริงสิ ยังมีคนที่บอกว่าเป็นแฟนฉันนี่หว่า ชื่อมินตรา ห้องฟ้าใสซินะเนี้ย จากที่คุยกันที่กรงบาสก็ไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวสักทีเลย ต้องหาโอกาสคุยด้วยแล้วมั่งเนี้ยเรา ผมนึกในใจพลางเดินมาถึงที่ทางเข้าโรงอาหารฝั่ง ม.ปลาย

          ณ โรงอาหารฝั่ง ม.ปลาย

     วันนี้ฉันก็นั่งกินข้าวเที่ยงที่โรงอาหารคนเดียวเช่นเคย ฉันเริ่มไม่รู้สึกอะไรแล้ว เพราะฉันพอจะเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองบ้างแล้ว

     ระหว่างตักข้าวเข้าปาก ฉันก็คิดถึงแต่เรื่องคำพูดของยัย A ที่พูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะวิ่งร้องไห้ออกไป แล้วไหนจะเรื่องเรโกะอีก เรื่องนี้คงต้องถามมินตรา แต่จะเริ่มคุยกับเธออย่างไงดีล่ะ เพราะดูเหมือนเธอก็ไม่ได้ชอบขี้หน้าฉันสักเท่าไร

     และในระหว่างที่ฉันคิดอะไรตัวเดียวอยู่นั้น ก็มีเสียงดังลั่นโรงอาหารเกิดขึ้น ทำให้ฉันหลุดออกจากภวังค์ความคิด

     "มึXอย่าเสือX ไอต้นกล้า ที่มันเรื่องของห้องตู" เสียงนักเรียนชายดังขึ้นใกล้ฉันมาก ฉันหันตามไปดูปรากฎว่า เขายืนอยู่หลังฉัน และกำลังถือถ้วยอะไรบางอย่างอยู่บนหัวฉัน ท่าทางเหมือนกำลังจะเทมันลงมาที่หัวฉัน!!

     จากนั้นฉันก็หันไปมองต้นกล้าที่ตอนนี้กำลังจับแขนไอหมอนั้นไว้อยู่ (เกือบจะโดนอีกแล้วฉัน T_T)

     "นี่เธอจะนั่งเอ๋อไปถึงไหน? ยังไม่รีบลุกมาอีกหรอ ห่ะ!?" ต้นกล้าพูดขึ้นเสียงดัง

     "มึXจะไม่ปล่อยแขนตูใช่ไหม ห่ะ!? ไอเวรนี่!!" นักเรียนชายพูดพลางยกมือขึ้นมา

     "ผลั๊วะ / ว้ายยย" เสียงต้นกล้าโดนไอหมอนั้นต่อย พร้อมกับเสียงร้องของฉันที่กำลังหลับตาปรี๋

     "มึXเริ่มก่อนนะ ไอสลัด ผลั๊วะ ผลั๊ก" ต้นกล้าสวนหมัดกลับไปสองที ไอหมอนั้นล้มลงพร้อมถ้วยก๋วยเตี๊ยวต้มยำที่หกลงบนตัวหมอนั้นเต็มไปหมด (ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าฉันโดนเข้าไปจะเป็นไง T_T)

     "ไปกันเถอะ ฟ้าใส" ต้นกล้ารีบจุงมือฉันและกำลังก้าวออกจากตรงนั้น

     "ดะ...เดียว จานข้าวฉันล่ะ?" ฉันสะบัดมือออกพลางวิ่งไปหยีบจานข้าวของตัวเอง

     "โอ๊ยยย!! จะบ้าตาย! ยังจะห่วงจานข้าวตัวเองอีกหรอ?" ต้นกล้าพูดพลางเอามือกุมหัว

     "เอ้า! ถ้าฉันไม่เอาไปเก็บ และแยกเศษอาหารเอง แล้วใครจะทำล่ะยะ? โรงเรียนนี้ไม่มีภารโรงมาเก็บจานข้าวให้หรอกนะ เพราะโรงเรียนเขาต้องการให้นักเรียนมีความรับผิดชอบต่อส่วนร่วมยะ" ฉันร่ายยาว ในขณะที่เราเดินออกจากโรงอาหารแล้ว

          ณ ลานน้ำพุใจกลางโรงเรียน

     พวกเราสองคนเดินมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงลานน้ำพุใจกลางโรงเรียนที่ตอนนี้มีสายลมอ่อนๆ พัดโชยอยู่ตลอดเวลา มีนักเรียนไม่น้อยที่เลือกมานั่งกินอะไรที่นี้แทนโรงอาหาร แต่ไม่สามารถนำภาชนะจากโรงอาหารออกมาข้างนอกได้นะ

     "ว่าแต่หน้านายโอเคไหม? เจ๊บมากหรือเปล่า?" ฉันนั่งลงข้างๆ เขา แล้วพูดพลางหันไปมองที่หางคิ้วของต้นกล้าที่ตอนนี้มันแตกและมีเลือดซึมๆ

     "แค่นี้จิ๊บๆ ไอเวรนั้นมันอ่อน ฮ่าฮ่า โอ๊ย!" ต้นกล้าพูดพลางขำ จนทำให้ตัวเองเจ๊บแผล

     "จื๊บๆ แล้วร้องโอ๊ยทำไมยะ? อยู่นี้แหละ เดียวฉันไปซื้อของมาทำแผลให้" ฉันพูดพลางขำในใจ พร้อมกับลุกขึ้นยืน

     "เดียวๆ ฉันไปด้วย พอดียังไม่ได้กินอะไรเลยอ่ะ ฮ่าฮ่า" ต้นกล้าพูดพลางลุกขึ้นเดินตามฉันมา

     "งั้นหรอ งั้นเดียวฉันเลี้ยงนายเอง อิอิ เป็นการขอบคุณ" ฉันหันไปพูดกับเขาพลางหัวเราะคิก

     "โอเคร---ไม่ปฏิเสธนะ ขอจัดหนัก" ต้นกล้าพูดพลางลูบท้องตัวเอง

          ณ ร้านสหกรณ์ของโรงเรียน

     โรงเรียนที่ฉันเรียนอยู่มีร้านค้าประจำโรงเรียน แต่มันก็ออกจะใหญ่เกินกว่าที่จะเรียกว่า ร้านค้า มันออกแนวห้างสรรพสินค้าย่อมๆ ในโรงเรียนเลยทีเดียว

     ร้านสหกรณ์มีขายทุกสรรพสิ่งทั้งหนังสือเรียน อุปกรณ์การเรียน เครื่องแบบโรงเรียน รวมถึงขนมปังที่ฮิตฮอตมากอย่างปังเมล่อนที่หมดภายใน 5 นาที หลังวางขาย ซึ่งแน่นอนฉันไม่เคยได้กินเลยสักครั้ง

     จากนั้นเราสองคนก็เดินซื้อของกินกันได้ทั้งปังไส้พริก (ของต้นกล้า) ไอศครีมช็อค (ของตันกล้า) นมรสกล้วย (ของต้นกล้า) น้ำสตอเบอรี่ (ของต้นกล้า) และปังไส้สังขยา (ของฉันเอง)

     แต่พวกเราก็ไม่ลืมที่จะหยิบ สำลีแผ่นชุบแอลกอฮอล์ พลาสเตอร์ปิดแผล ฉันเลือกแบบที่ใช้วัสดุปิดแผลจากธรรมชาติ เพราะนอกจากจะรักษ์โลกแล้วยังช่วยให้แผลหายไวขึ้นอีกด้วย

     "ทำไมต้องเลือกขนาดนั้น? แบบไหนๆ มันก็เหมือนกันหมดล่ะ" ต้นกล้าบ่นขึ้นพลางหยิบจับพลาสเตอร์ต่างๆ

     "ถึงภายนอกมันจะดูเหมือนกันแต่จริงๆ แล้วมันต่างกันมากเลยนะ" ฉันพูดพลางหยิบพลาสเตอร์วัสดุปิดแผลจากธรรมชาติ

     "อย่างไง?" ต้นกล้าหยิบขึ้นมาดูบ้าง

     "เช่นอันนี้ที่ฉันเลือกวัสดุปิดแผลมันทำมาจากเซลลูโลสของเปลือกทุเรียนน่ะ" ฉันหยิบขึ้นมาโชว์

     "ปะ...เปลือกทุเรียน! งั้นก็เหม็นกลิ่นทุเรียนอะดิ ฉันไม่ชอบทุเรียนเลย วางเหอะนะ" ต้นกล้าพูดพลางจับมือฉันให้วางมันไว้ที่เก่า

     "จะบ้าหรอ มันไม่มีกลิ่นยะ เขาสกัดเอาแค่เซลลูโลสของเปลือกมันเฉยๆ ไม่เชื่อลองดมดู อ่ะๆ" ฉันพูดพลางยื่นพลาสเตอร์นั้นใส่หน้าเขา

     "เออ จริงด้วยแหะ ฮ่าฮ่า ว่าแต่แล้วมันต่างจากพลาสเตอร์ปกติอย่างไงอ่ะ" ต้นกล้าดมดูแล้วพลิกมันไปมา

     "ก็พลาสเตอร์ปกติ วัสดุปิดแผลจะทำจากเล้นใยสังเคราะห์ เป็นพอลิเมอร์ที่ย่อยสลายยากมากกก แถมยังใช้สารออกฤทธิ์ที่เป็นโลหะเพื่อฆ่าเชื้อโรคด้วย พอเลิกใช้แล้วทิ้งมันจะตกค้างในสิ่งแวดล้อมได้ แต่พลาสเตอร์อันนี้ทำจากเซลลูโลสที่ย่อยสลายได้ง่าย และใช้เอนไซม์ธรรมชาติในการฆ่าเชื้อโรคไงล่ะ" ฉันร่ายยาวขณะเดินมาคิดเงินที่เคาเตอร์

     "เอาของมาสิ จะคิดเงินไหม?" ฉันหันไปหาต้นกล้าที่ตอนนี้มองฉันอึ้งๆ

     "อะ...ออ นี่ๆ" ต้นกล้าตอบกลับพลางยื่นของกินมาให้

     จากนั้นเราสองคนก็เดินกลับไปนั่งที่ลานน้ำพุเหมือนเดิม เพื่อทำแผลของต้นกล้า

     "ว่าแต่เธอรู้เรื่องแบบนี้ได้อย่างไงกัน? มันไม่มีในหนังสือเรียนเลยนะ" ต้นกล้าพูดพลางหยิบขนมปังขึ้นมากิน

     "...อะ...เออ ไม่รู้สิ มันมีข้อมูลอยู่ในหัวเองนะ ฮ่าฮา่" ฉันชะงักไปสักครู่ก่อนจะพูดขึ้น ขณะที่กำลังแกะซองสำลีแผ่น

     "งั้นหรอ แปลกจริงๆ ไม่คิดแบบนั้นบ้างหรอ?" ต้นกล้าพูดพลางดูดนมไปด้วย

     "อะ...เออ จริงๆ ฉันก็คิดว่ามันแปลกอยู่นะ หลังจากตื่นขึ้นมาจากอุบัติเหตุนั้น ฉันก็เป็นแบบนี้หลายรอบเลย" ฉันพูดพลางหันหน้ามาหาต้นกล้า

     "อยู่นิ่งๆ ละ ไม่แสบหรอก" ฉันพูดพลางเอื้อมมือที่ถือสำลีแผ่นชุบแอลกอฮอล์ไปเช็ดแผลให้เขา

     "อ้ากกกก! ไม่เเสบบ้านเธอสิ แสบซิบหาX" ต้นกล้าพูดพลางลุกขึ้นกระโดดไปมา

     "เวอร์เกินไปไหม? นายเนี้ย? ฉันเบามือสุดล่ะนะ นั่งลงดีๆ เลย" ฉันพูดพลางฉุดมือต้นกล้าให้นั่งลงตามเดิม

     จากนั้น ฉันก็เริ่มทำแผลต่อ ฉันยื่่นหน้าตัวเองเข้าไปใกล้ใบหน้าที่คมเข้มของเขา ฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเขาที่รดใบหน้าของฉันอยู่ และความเงียบก็เข้ามาเยือนพวกเราสองคน

     "ตึก...ตัก...ตึก...ตัก ตึกตักๆๆๆๆๆๆ" เสียงหัวใจของใครก็ไม่รู้ดังขึ้น

     เอาอีกแล้ว! เหมือนเดจาวูเลย เสียงหัวใจใครเนี้ย? ของฉันหรือว่าของหมอนี่กันแน่ละ? ถ้าเป็นของฉันมันคงดังจนอีตานี่ได้ยินแล้วแน่ๆ เลย

     "ตะ...ต้นกล้า....ขะ...ขอบคุณมากนะที่ช่วยฉันไว้อีกแล้ว" ฉันเอ่ยขึ้นมาอย่างแผ่วเบาในขณะที่หน้าของเราใกล้กันแค่ 10 เซ๊นติเมตร หลังจากที่เราทั้งคู่เงียบไปพักหนึ่ง

     "มะ...ไม่เป็นไร เธอปลอดภัย ฉันก็ดะ....ดีใจแล้ว" ต้นกล้าพูดพลางหันหน้าหนี ไม่สบตา

     "อืม!! ^_^" ฉันถอยหน้าออกมาเมื่อปิดพลาสเตอร์เปลือกทุเรียนเสร็จ แล้วตอบกลับพลางส่งยิ้มให้เขา

     "กิ๊งก๊อง ก๊างเก๊ง" เสียงอ๊อดหมดชั่วโมงพักเที่่ยงดังขึ้น

     "ไปกันเถอะ ได้เวลาเข้าเรียนล่ะ" ต้นกล้าพูดพลางลุกขึ้นยืน

     เราสองคนเดินกลับเข้าอาคาร 7 เพื่อเข้าเรียน

     "เออ จริงสิ เธอเข้าเอสบุ๊ค ไรน์ เอ็นสตาร์แกรม หรือทวิสเนอร์ได้ไหม ไม่แน่วา่ในนั้นอาจมีข้อมูลที่ทำให้ความทรงจำเธอกลับมาก็ได้นะ" ต้นกล้าพูดขึ้น ขณะที่เราเดินเข้าอาคาร 7

     "พอดีมือถือเก่าฉันมันพังตอนโดนรถชน ฉันเลยเข้าแอปพลิเคชั่นพวกนั้นโดยใช้ยูสเก่าไม่ได้เลย เพราะจำพาสเวิร์ดอะไรไม่่ได้เลย" ฉันตอบกลับไป

     "ลองดูหมดแล้วหรอ?" ต้นกล้าถามพลางกดเปิดลิฟต์

     "ลองทุกอย่างแล้วก็ไม่ได้ เลยสมัครใหม่หมดเลย" ฉันตอบพลางส่ายหน้า

     "งั้นหรอ เหมือนฉันเลย ฮ่าฮ่า ที่นี้ก็ยากเข้าไปอีก" ต้นกล้าพูดพลางขำแห้งๆ 

     "เดียวก็คงจำได้เองล่ะมั่งนะ อิอิ" ฉันตอบพลางเดินออกจากลิฟต์

     "เคร งั้นไปก่อนนะ อย่าหลับในคาบล่ะ" ต้นกล้าพูดพลางโบกมือ

     "บอกตัวเองเถอะยะ" ฉันตอบ แล้วหันหลังเดินไปที่ห้องตัวเอง

          ณ ห้องเรียน ม.5/1

     แล้วชั่วโมงเรียนคาบบ่ายก็เริ่มขึ้น ฉันเหลือบตาไปมองมินตราที่นั่งอยู่ข้างหน้าด้านขวาบ่อยๆ คอยโอกาสที่จะได้คุยกับเธอเรื่อง เรโกะ แต่ก็หาโอกาสเหมาะๆ ไม่ได้เลย

     ชั่วโมงเรียนต่อไปเป็นคาบคณิตศาสตร์ ฉันหยิบหนังสือคณิตศาสตร์ขึ้นมาเปิดเตรียมเรียนแต่ก็พบเศษกระดาษแผ่นหนึ่งสอดอยุ่ในหนังสือนี้

     'มาเจอกันที่หลังอาคาร 4 ตอนเลิกเรียน ฉันมีเรื่องอยากบอกเธอ' ข้อความในกระดาษที่ถูกตัดอักษรจากหนังสือพิมพ์มาเรียงเป็นคำ ดูเหมือนจะเป็นการเตรียมการมาอย่างดี

     "มีอะไรหรอ ฟ้าใส?" เกศที่เห็นฉันผิดปกติก็ได้ถามขึ้น

     "ปะ....เปล่า ไม่มีอะไร" ฉันรีบตอบพลางเก็บกระดาษนั้นใส่กระเป๋าเสื้อนักเรียน แล้วหันซ้ายหันขวามองหาเจ้าของข้อความนี้

     ระ...หรือว่านี่มันจะเป็นกับดักที่ล่อฉันออกไป เพื่อรังแกฉันอีก? หรือว่าเป็นฝีมือยัยแก๊งผลไม้เน่านั้น? ฉันนึกในใจแล้วหันไปมองยัยพวกนั้น

     ไม่น่าจะใช่มั่ง? ถ้าเป็นยัยพวกนั้นจริงคงตรงเข้ามาตบฉันแบบไม่แคร์สื่อไปแล้ว ยัยพวกนั้นไม่ทำอะไรที่มันยุ่งยากขนาดนี้แน่ๆ หรือจะมีคนอยากคุยกับฉันแต่ไม่อยากให้ใครรู้ แล้วเรื่องที่ว่ามันคือ เรื่องอะไรละเนี้ย? คงต้องไปเจอแล้วล่ะ ฉันนึกในใจพลางหันไปมองมินตราที่ตอนนี้กำลังลุกขึ้น เหมือนจะไปเข้าห้องน้ำ

     ฉันเห็นแบบนั้นเลยลุกเดินตามออกไปนอกห้องเรียน แต่ก็ไม่เจอมินตราแล้ว ฉันจึงตัดสินใจเข้าไปรอในห้องน้ำหญิงที่อยู่ข้างๆ ลิฟต์ชั้นเดียวกับชั้นเรียนฉัน

          ณ ห้องน้ำหญิงข้างลิฟต์

     "โอ๊ย ทำไมนานจัง หรือฉันจะพลาดไป?" ฉันบ่นขึ้นในขณะที่นั่งเลื่อนเอสบุ๊คไปเรื่อยในห้องส้วม

     "ต๊อกๆๆ" เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากข้างนอกห้องน้ำหญิงและมันฟังดูเหมือนจะเข้ามาในห้องน้ำหญิงแล้วด้วย

     "โอ๊ยยยย วิชาคณิตนี้มันสุดจะน่าเบื่อเลย" เสียงนักเรียนหญิงดังขึ้น 

     วิชาคณิตงั้นหรือ แสดงว่าคนที่เข้ามาเป็นนักเรียนห้องฉันสินะเนี้ย!? บิงโก! ขอให้เป็นมินตราเถอะ ฉันนึกในใจพลางตั้งใจแอบฟังต่อไป

     "ก็นั้นน่ะสิ แถมสั่งการบ้านซะเยอะเชียว ยากด้วยนะ" เสียงนักเรียนหญิงอีกคนพูดขึ้นมา

     อ้าวเวรกำ ไม่ได้อยู่คนเดียวหรอเนี้ย? แล้วเมื่อไรพวกเธอจะเรียกชื่อกันล่ะ? ฉันจะได้รู้ว่าใคร (ฉันยังจำเสียงเพื่อนในห้องไม่ได้เลยสักคน)

     "เออจริง เอาไงดีล่ะมิ้นท์? ครั้งนี้เธอจะใช้ให้ยัยนั้นทำให้อีกไหม?" เสียงนักเรียนหญิงถามขึ้น ทำให้ฉันรู้ว่าคู่สนทนาของเธอคือมินตรา

     "หืม? หมายถึงใคร? ยัยเกศนะหรอ?" มิ้นท์ถามขึ้น

     อ่ออออ นี่ยัยพวกนี้ใช้ให้เกศทำการบ้านให้หรอเนี้ย!? นิสัยเสียจริงๆ เลย ฉีนนึกในใจพลางส่ายหัว

     "ใช่ ก็ระหว่างที่ยัยขี้แพ้ฟ้าใสมันไม่อยู่ เธอก็ใช้ให้ยัยเกศทำให้ตลอดเลยนี่ ฉันรู้นะ ฮิฮิฮิ" นักเรียนหญิงคนนั้นพูดขึ้น

     และทันทีที่ฉันได้ยินประโยคนี้ของยัยนั้น มันทำให้ภาพความทรงจำหนึ่งลอยเข้ามาในหัว ในภาพนั้น ฉันยืนแอบอยู่หลังกำแพงทางเดิน ที่มีมินตรากับนักเรียนหญิงในห้องกลุ่มหนึ่งกำลังคุยกัน

     'ฉันรู้นะว่า เธอหลอกใช้ให้ยัยฟ้าใสนั้นทำการบ้านให้ตลอดเลยอ่ะ ฮิฮิ เอามาลอกหน่อยสิ'

     'ใช่ๆ ถ้าเป็นยัยฟ้าใสทำล่ะก็ ถูกทุกข้อชัวร์ ฮ่าฮ่า'         'เออ ยัยนั้นเรียนเก่งสุดนี่ เอะ หรือว่าที่เธอคบกับยัยนั้น เพราะแบบนี้? ฮ่าฮ่า'

     'แหม มิ้นท์เธอนี่ไม่เบาเลยนะ' บทสนาต่างๆ ของกลุ่มนักเรียนหญิงนั้นกำลังพูดถึงฉันกันอย่างสนุกปาก

     เธอหลอกใช้ฉันมาตลอดเลยสินะเนี้ย!? มินตรา เธอคบฉันเป็นเพื่อน เพราะฉันเรียนเก่งจะได้ทำการบ้านให้เธอได้สินะ ฉันนึกในใจเมื่อความทรงจำนั้นกลับมา

     "ยัยเกศทำไม่ได้หรอก ขืนให้ทำมีหวังผิดกว่าครึ่งแน่ๆ เลย ทำคะแนนฉันตกต่ำไปอีก" มิ้นท์พูดขึ้น

     "แล้วจะทำไงดี?" นักเรียนหญิงคนนั้นพูดขึ้น

     "เดียวฉันจะไปขอกลับบ้านด้วย แล้วจะลองคุยเอง ยัยฟ้าใสมันชอบช่วยเหลือคนอยู่แล้วนี่ ฮิฮิ" มินตราพูด

     "ออ จริงสิ ปกติเธอกลับบ้านพร้อมยัยฟ้าใสบ่อยๆ เลยนี่ ฮิฮิ จนฉันคิดว่า เธอสนิทกับยัยนั้นไปแล้วนะเนี้ย" นักเรียนหญิงนั้นพูดขึ้น

     "สนิทบ้าบออะไรกัน? ฮ่าฮ่า จริงๆ ยัยนั้นก็อาจคิดแบบนั้น ฮิฮิ แต่ที่ฉันกลับบ้านด้วยกัน เพราะเราอยู่หมู่บ้านเดียวกัน และฉันต้องใช้ให้ยัยนั้นทำการบ้านให้ด้วย" มินตราพูด

     ฉันที่ตอนนี้นั่งตัวสั่นด้วยความโกรธอยู่บนชักโครกห้องส้วมทำได้แค่กำหมัดแน่นๆ แล้วทนฟังบทสนาของยัยพวกนี้เท่านั้น

     "เอ่ะ! เดียวนะ งั้นวันที่ยัยฟ้าใสเกิดอุบัติเหตุเธอก็อยู่ในที่เกิดเหตุด้วยหรอ?" นักเรียนหญิงนั้นถามขึ้น

     วันเกิดเหตุ หรือว่า วันที่ฉันโดนรถชนนั้น! จริงสิ ถ้าที่มิ้นท์พูดมาเป็นความจริง ก็หมายความว่า ยัยนั้นอาจจะอยู่ในที่เกิดเหตุนี่น่า แต่ทำไมเธอถึงไม่ให้การกับทางตำรวจไปล่ะ? ทำไมกัน!?

     "ก็ไม่รู้สินะ! ไปเถอะคาบสุดท้ายจะเริ่มล่ะนะ" เสียงมินตราตอบพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ก้าวออกจากห้องน้ำหญิงไป

     "เเก็ก" เสียงฉันเปิดประตูห้องส้วมออก พลางเดินเซมาที่หน้ากระจก

     ในที่สุดฉันก็ไม่ได้คุยกับมิ้นท์เรื่องเรโกะ แถมยังไม่รู้แน่ชัดอีกว่า มิ้นท์อยู่ในเหตุการณ์รถชนนั้นด้วยหรือเปล่า? แต่สิ่งที่ฉันรู้และแน่ใจคือ ฉันกับมิ้นท์ค่อนข้าง สนิทกัน ถึงแม้ความสนิทนั้นมันจะเป็นของจอมปลอมที่เสแสร้งแกล้งทำ

     แต่ฉันเชื่อว่า ฉันในเมื่อก่อนคงจะคิดว่ามิ้นท์เป็นเพื่อนจริงๆ เพราะถ้าไม่ใช่แบบนั้น ฉันเมื่อก่อนคงเลิกคบมิ้นท์ไปแล้วตั้งแต่ตอนรู้ความจริงว่าโดนหลอกใช้ให้ทำการบ้านให้

     หลังจากที่ฉันยืนคิดหน้ากระจกอยู่สักพัก ฉันก็กลับเข้าห้องเรียนตามเดิม แล้วชั่วโมงเรียนสุดท้ายก็เริ่มขึ้น แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้เข้าหัวฉันเลย เพราะใจฉันมันสับสนวุ่นวายไปหมด

     เอาแบบนี้ดีกว่า ฉันต้องโฟกัสไปที่เจ้าของข้อความในกระดาษนี้ก่อน ส่วนเรื่องมินตรา จากที่ยัยนั้นพูดคงพรุ่งนี้แน่ๆ ที่ยัยนั้นจะชวนฉับกลับบ้าน เพื่อขอให้ทำการบ้านไห้ เพราะการบ้านคณิตต้องส่งวันจันทร์นี้ ถ้าไม่ใช่วันนี้หรือพรุ่งนี้ก็คงไม่ทันส่งแน่นอน ถึงตอนนั้นค่อยคุยกันดีกว่า 

     ฉันนึกในใจพลางเก็บข้าวของในกระเป๋านักเรียนเมื่อได้ยินเสียงกริ๊งดังขึ้น จากนั้นชั่วโมงโฮมรูมก็เริ่มขึ้น ซึ่งรายละเอียดไม่มีอะไรมาก

     จากนั้นฉันก็รีบลุกออกจากโต๊ะเรียนทันทีที่หมดคาบโฮมรูม

     "ฟ้าใส วันนี้กลับบ้านพร้อมฉันไหม ฮิฮิ?" มิ้นท์พูดพลางเดินมาเกาะแขนฉัน

     "อะ...เอ่ออออ โทษทีนะ พอดีวันนี้ฉันมีนัดแล้วนะ ไว้พรุ่งนี้ล่ะกันนะ มิ้นท์ แหะๆ" ฉันพูดพลางฝืนใจส่งยิ้มไห้ พร้อมขำแห้งๆ

     "งั้นหรอ? หว่าเสียดายจัง ตั้งแต่เธอออกจากโรงบาลมาก็ไม่ได้กลับบ้านพร้อมฉันเลยนะ" มิ้นท์พูดพลางทำท่างอล

     "เอะ! ปกติฉันกลับบ้านพร้อมเธอหรอ?" ฉันแกล้งถามออกไปทั้งๆ ที่รู้คำตอบดีอยู่แก่ใจ

     "ก็ใช่นะสิ ฮิฮิ เราสนิทกันอยู่นะ" มิ้นท์พูดพลางเกาะแขนแน่นกว่าเดิม ในใจฉันคิดว่า 'เข้าล็อคเลยแบบนี้ต้องลองเชิงดู'

     "งั้นแสดงว่า วันที่ฉันถูกรถชน ฉันก็กลับบ้านพร้อมเธอด้วยงั้นสิ หืม!?" ฉันหันไปถามพลางทำหน้าตายใส่มิ้นท์

     "อะ....เอ่อออ คือว่า .... อุ้ยตาย พอดีนึกได้ว่ามีธุระงั้นพรุ่งนี้ค่อยว่ากันนะ บาย!" มิ้นท์พูดตะกุกตะกักก่อนจะหาทางหนีออกจากสถานการณ์นี้ เพราะตอนนี้เพื่อนๆ ในห้องเริ่มหันมาสนใจเราสองคนแล้ว

     จากนั้นฉันก็รีบออกจากห้องเรียนและตรงไปที่อาคาร 4 (อาคารเดียวกับที่ต้นกล้าพาฉันไปตอนมาเรียนวันแรกหลังออกจากโรงพยาบาล)

         เมื่อ 5 นาทีก่อน ณ ห้องเรียน ม.5/5 

     "เฮ้ออออ ในที่สุดชั่วโมงเรียนวันนี้ก็จบสักที น่าเบื่อซิบหาX" ไอเหน่งหันมาบ่นกับผมก่อนจะฟุบไปกับโต๊ะ

     "เออ ตูนี่นั่งหลับในไปสามรอบแล้ว ฮ่าฮ่า" ผมตอบพลางเก็บกระเป๋านักเรียน

     วันนี้ลองไปคุยกับมินตรานั้นดูดีกว่า เผื่อจะได้ถามเรื่องเรโกะด้วย คงต้องรีบไป ไม่งั่นยัยนั้นอาจกลับก่อน

     "วันนี้ไปร้านเกมส์ไหม ต้นกล้า? ไปไต่แรงค์กัน" เหน่งลุกขึ้นมาชวนผม

     "เอ่อออ ขอโทษที พอดีมีธุระนิดหน่อย ไว้พรุ่งนี้ล่ะกัน เครป่ะ" ผมตอบกลับไป

     "อะไรหว่าาาา? มึXเบี๊ยวตูสองวันติดแล้วนะ ตั้งแต่ออกจากโรงบาลมาเนี้ย น้อยใจนะโว๊ยเห้ย!" เหน่งพูดพลางหันหน้าหนี

     "ไอซิบหาX ทำตัวซะน่าลักเลย ลักไปฆ่าทิ้งน่ะ ฮ่าฮ่า เดียวพรุ่งนี้ตูเลี้ยงม่าม่X ตอนไต่แรงค์เครน่ะ?" ผมตอบพลางลุกขึ้นเดินออกจากห้อง

     "เออ ก็ได้ เห็นแก่ม่าม่Xนะ" เหน่งตอบก่อนจะก้าวออกไปจากห้อง

     จากนั้น ผมก็รีบเดินออกจากห้องตรงไปที่่ห้อง ม.5/1 ของฟ้าใสกับมินตรานั้น

          ณ ห้อง ม.5/1 

     "ครื้น----" เสียงผมเปิดประตูห้องเรียน ม.5/1

     "อะ...อ้าว ต้นกล้ามาหาใคร? หาฟ้าใสอีกหรอ?" มินตราที่กำลังจะออกจากห้องก็เจอผมขวางอยู่หน้าประตู

     "เปล่า วันนี้ฉันมาหาเธอ" ผมตอบกลับไปพลางชะโงกดูนักเรียนในห้องกลับไม่เจอฟ้าใส

     เฮ้ออออ โล่งอกไปทีที่ยัยนั้นไม่อยู่สงสัยกลับไปก่อนแน่ๆ เลย เอ่ะ! ตูจะโล่งอกทำไมวะเนี้ย? ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ฮ่าฮ่า ท่าจะบ้าแล้วตู

     "มะ...มาหาฉันหรอ?" มินตราพูดพลางชี้มาที่ตัวเองท่าทางเหมือนไม่อยากเชื่อ

     "ใช่ มาคุยกับฉันหน่อย ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเธอ" ผมพูดพลางจุงมือมินตราให้เดินออกจากห้องเรียน

     "ว้าวววว ยัยมิ้นท์ เธอทำสำเร็จแล้วววว ไฟติ้งๆ เพื่อน" นักเรียนหญิงหน้าวอกปากแดงพูดขึ้น

     "ว๊าย! จะบ้าหรา!? พูดอะไรนะยะ? ฮิฮิ" มินตราตอบพลางทำท่าเขินอาย

     "ไปได้แล้ว ฉันรีบ" ผมพูดขึ้นพลางเดินออกไปจากห้องเรียนนั้น

          ปัจจุบัน ณ อาคาร 4 (ที่ปืดปรับปรุง)

     ฉันเดินมาจนถึงด้านหลังอาคาร 4 ที่ตอนนี้ไม่มีคนอยู่เลย ถึงแม้จะเป็นเวลาหลังเลิกเรียนก็ตาม ฉันมองซ้ายมองขวาก็เจอกับนักเรียนหญิงคนหนึ่งยืนคุยมือถืออยู่

     ในบริเวณมันไม่มีใครเลยนอกจากเธอคนนี้ หรือว่าเธอคนนี้จะเป็นเจ้าของข้อความในกระดาษนี้ เอ่ะ! แต่ว่าข้างหลังเธอมันดูคุ้นตาแปลกๆ เหมือนจะเป็นคนที่ฉันรู้จัก ฉันนึกใจในพลางมองไปที่นักเรียนหญิงผมสั้นปะไหล่สีน้ำตาลเข้มนั้น

     "อะ...เอ่อออ ขอโทษนะค่ะ เธอคือเจ้าของข้อความบนกระดาษนี้หรือเปล่าค่ะ?" ฉันสะกิดพลางเอ่ยถามเสียงเบาๆ เกรงว่าจะรบกวนการคุยมือถือของเธอ

     "งั้นเเค่นี้ก่อนนะ เดียวโทรกลับ" เธอคนนั้นวางสายไปแล้วเก็บมือถือเข้ากระเป๋าเสื้อ

     "ใช่ฉันเองล่ะ ฟ้าใส" เธอคนนั้นตอบกลับพร้อมกับหันมาส่งยิ้มให้ฉัน

     "ธะ....เธอ!! ทำไมล่ะ?" ฉันตกใจพลางชี้ไปที่เธอคนนั้นที่ยืนยิ้มอยู่ พร้อมกับถามเหตุผล

     "ทำไมอะไรงั้นหรือ? ฟ้าใส" เธอคนนั้นเอียงคอถามขึ้น

     "ฉันหมายความว่า ทำไมเธอที่นั่งคู่กับฉันทุกวัน ถึงต้องทำอะไรที่มันยุ่งยากขนาดนี้ด้วย?" ฉันถาม เกศ เพื่อนที่นั่งเรียนคู่กับฉันทุกวัน

     "ก็ในห้องเรามันมีใครบ้างคนคอยจับตาดูฉันกับเธออยู่น่ะสิ" เกศสินีตอบกลับฉันพลางยืนกอดอกเอามือลูบผมตัวเอง

     "อะ....เอ่ะ จริงหรอ!?" ฉันตกใจพลางเอามือปิดปาก

     "นี่เธอไม่รู้ตัวเลยหรอ ว่าโดนจับตามองตลอดเวลาที่นั่งเรียนเนี้ย?" เกศพูดขึ้น

     งะ...งั้นก็หมายความว่า คนที่จับตามองฉันตลอดเวลา อาจเป็นคนร้ายในเหตุรถชนงั้นหรือ ถึงได้จับตาดูว่าฉันจะจำได้ตอนไหนน่ะ? ตะ...แต่ว่า แล้วเรื่องอะไรล่ะที่เกศอยากจะพูดกับฉัน โดยที่ไม่อยากให้ใครได้ยิน?

     ฉันนึกในใจพลางกลืนน้ำลายก่อนจะเอ่ยปากออกไป

     "วะ...ว่าแต่เธอมีเรื่องอะไรหรอ?" ฉันถามด้วยน้ำเสียงอันสั่นเทาไปด้วยความรู้สึกลุ้นในคำตอบของเธอ

     "ฉันจะบอกความจริงเกี่ยวกับอุบัติเหตุรถชนของเธอให้ฟัง" เกศพูดพลางเดินมาหาฉันอย่างช้าๆ ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน

     "มะ...หมายความว่าไง!?" สิ่งที่ฉันลุ้นไว้นั้นมันเป็นความจริง แต่ที่น่าสงสัยคือ เธอรู้ความจริงได้อย่างไง? และรู้อะไรมาบ้าง?

     "ก็หมายความว่า ฉันเป็นพยานคนสำคัญที่อยู่ในที่เกิดเหตุนะสิ" เกศพูดพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉันอย่างช้าๆ

     "ละ...แล้ว ธะ...เธอรู้อะไรมาล่ะ?" ฉันถามพลางสั่นไปทั้งตัวแม้กระทั่งน้ำเสียงฉัน

     "คืองี้นะ ซุบซิบๆๆๆๆ" เกศยื่นหน้ามากระซิบเสียงแผ่วเบาที่ข้างหูของฉัน

     ทันทีที่สิ้นสุดเสียงบอกเล่าความจริงในเหตุการณ์นั้นของเกศ ตัวฉันก็ชาวูบขึ้นมาทั้งตัว ภาพความทรงจำ และความเจ๊บปวดตอนถูกรถคันนั้นชน มันได้ถั่งโถมเข้ามาในตัวฉันอย่างไม่ขาดสาย ฉันเจ็บปวดจนขาแข้งไม่มีแรงที่จะยืนอีกต่อไป ตอนนี้ฉันได้แต่นั่งร้องไห้ตัวสั่นกอดตัวเองไว้เท่านั้น

     "กรี๊ดดดดด!! มะ...ไม่จริงใช่ไหม?" ฉันกรีดร้องออกมาด้วยความเจ๊บปวดไปทั้งตัวและหัวใจ พลางถามย้ำถึงความจริงนั้นอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ฉันรู้ความจริงนั้นแก่ใจดี เพราะฉันจำมันได้แล้ว ถึงแม้มันจะยังคลุมเคลือก็ตามที

     "ไม่เชื่อก็ไปถามเจ้าตัวเองสิ แต่ดูจากท่าทางแล้ว คงไม่ต้องไปถามแล้วมั่ง? ใช่ไหมล่ะ? ฟ้าใส" เกศพูดพลางนั่งลงกระซิบถามฉัน มันไม่ใช่คำถามที่ต้องการคำตอบ แต่มันคือคำถามที่ตอกย้ำความจริงนั้น

     "งั้นฉันไปก่อนล่ะ บาย!" เกศพูดพลางลุกขึ้นยืนแล้วเดินจากฉันไป ปล่อยให้ฉันที่นั่งร้องไห้กอดตัวเองด้วยความกลัวและความเจ๊บปวดอยู่คนเดียวตามลำพัง

     "มะ...มันไม่จริง คะ...คนๆ นั้นไม่มีทางทำกับฉันแบบนี้หรอก ฮื้อๆๆ เฮือก...." ฉันร้องตะโกนออกมาทั้งๆ ที่รู้ว่ามันคือเรื่องจริง! ฉันที่ช๊อคจากความเจ็บปวดและความจริงที่เข้ามาในตัวฉันก็ได้ล้มฟุบลงไปกองกับพื้นที่แข็งและร้อนผล่าว

     ตอนนี้สติของฉันกำลังจะเลื่อนหายไปในอากาศ แต่ทันใดนั้นเอง ก็มีแสงสีม่วงวูบขึ้นมาตรงหน้าฉัน มันปรากฏขึ้นมาพร้อมกับช่องโหว่สีม่วงเรืองๆ ที่สั่นไปมา

     "เเปะๆๆ คุณทำได้ไม่เลวเลยนะ เมี๊ยว--- ทั้งในฐานะฟ้าใสและในฐานะเธอคนนั้น เมี๊ยว" เสียงใครบางคนปรบมือให้ฉัน แล้วเสียงผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาภายในช่องโหว่สีม่วงนั้น

     "แต่ก็ยังไม่ดีพอที่ผมจะออกมาช่วยคุณได้อย่างเปืดเผยหรอกนะ เมี๊ยว" ชายที่ร้องเมี๊ยวๆ นั้นได้เดินออกมาจากช่องโหว่สีม่วงนั้น ฉันที่ตอนนี้สายตาเริ่มพร่ามั่วได้จับจองไปที่เขา

     "คะ...คุณ ปะ...เป็น คะ...ใคร?" ฉันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือและเเผ่วเบามากราวกับกระซิบ

     "เห็นชุดนี้แล้วยังจะถามอีกหรอ เมี๊ยว?" ชายคนนั้นพูดพลางหยุดยืนอยู่ตรงที่ฉันนอนอยู่

     นะ...นั้นมันชุดนักเรียนโรงเรียนฉันนี้ แต่ทำไมไม่เคยเห็นเขามาก่อนเลยนะ ผมสีขาวราวกับหิมะแบบนี้ ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องจำได้อยู่แล้ว ฉันนึกในใจ

     "แต่ว่าน่ะ คราวนี้ผมจะช่วยคุณเพราะดูเหมือนอัศวินของคุณคงไม่ได้มาช่วยแล้วล่ะมั่ง? เมี๊ยว" นักเรียนชาย (หรือเปล่าไม่รู้) คนนั้นพูดขึ้นพลางนั่งลงข้างๆ แัน

     "คราวนี้คงต้องให้เจ้าชายอย่างผมช่วยแทนอัศวินไปก่อนนะ เมี๊ยว" นักเรียนชายคนนั้นพูดพลางอุ้มฉันขึ้นมาจากพื้น

     "อะ...เอ่ะ ว้าย!" ฉันร้องขึ้นเมื่อเขาอุ้มฉันไว้ในอ้อมเเขนที่มีกล้ามนิดๆ ของเขา

     "เพื่อความปลอดภัยของผม ผมคงต้องทำแบบนี้กับคุณ ขอโทษทีนะ เปาะ!" ชายคนนั้นพูดพลางส่งรอยยิ้มบนริมฝีปากอันบางเชียบมาให้ฉัน แล้วเสียงดีดนิ้วก็ดังขึ้น

     ทันใดนั้นเอง ฟ้าใสก็ได้หยุดนิ่งไปราวกับช่วงเวลาของเธอนั้นได้หยุดลงตรงนี้ พร้อมกับบรรยากาศรอบตัวทั้งสายลม นกน้อยที่บินอยู่ ต้นไม้ที่ไหวไปตามแรงลม ทุกสิ่งรอบตัวชายคนนี้ได้หยุดนิ่งไปหมดแล้ว ยกเว้นตัวเขาเอง ที่กำลังมุ่งหน้าไปที่ที่แห่งหนึ่ง

จบตอนที่ 5.

เตรียมพบกับตอนที่ 6

“นี้คือไดอารี่ของเธอสินะ? เรโกะ!”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา