LacuXs: Academy of Light

-

เขียนโดย VonDerVisE

วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 14.05 น.

  8 ตอน
  0 วิจารณ์
  3,001 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 มีนาคม พ.ศ. 2565 14.46 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) สถาบันแห่งแสง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่:1  สถาบันแห่งแสง

 

  ณ เมืองๆหนึ่งกลางทะเลทรายที่ร้อนอบอ้าว อากาศที่สะท้อนกับผิวทรายทำให้อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นไปอีก มันเป็นเมืองท่าของ อาณาจักรแห่งแสง (Light Kingdom) ที่เป็นหนึ่งในเมืองที่เจริญที่สุด เพราะว่ามันติดกับทะเล blacksea ทำให้ทุกการขดนส่งสินค้าจำเป็นต้องผ่านเมือง แซนฟอร์ด (Sandford) ผู้คนต่างเดินไปมาอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสในตัวเมืองที่คึกคัก Sandford นั้นขึ้นชื่อเรื่อง โรงเรียนแห่งนักดาบ ที่มีชื่อเสียงที่เหล่า knight of light ได้รังสรรค์ขึ้นในกาลก่อน ทำให้ผู้คนทั่วสารทิศ เดินทางมาไม่หยุดไม่หย่อน ผู้คนน้อยใหญ่ต่างต้องการเข้าศึกษาที่ light academy  ที่เป็นหนึ่งในสถาบันการศึกษาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในทั้ง 6 อาณาจักรใหญ่ มันถูกก่อตั้งแยกออกมาให้เป็น อณาจักรที่ 7 ด้วยตัวของมันเอง หากแต่การจะเข้าที่แหงนี้ได้นั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่าย ทุกๆวันของเมืองนี้มีแต่ความตื่นเต้น ทุกคนต่างเฝ้ารอในทุกๆวันว่าจะพบกับสิ่งใหม่ๆ เพราะสินค้าจากนานาทวีปเดินทางมาให้เห็นอย่างไม่หยุดหย่อน ของหายาก หรือวัตถุดิบชั้นสูงที่สามารถนำไปทำเป็นอาวุธมากมายนั้นมีให้เลือกอย่างกว้างขวางจนไม่อาจจะเลือกได้ นี่คือจุดเริ่มต้นของหลายๆสิ่ง ที่ๆความฝันของใครหลายๆหลายคนกำลังจะเริ่ม เรื่องราวใหม่ๆกำลังจะถูกเล่าขานจากสถานที่นี้

 

ในช่วงเวลาบ่ายโมงของวัน เด็กหนุ่มคนนึงเดินผ่านฝูงคนไปอย่างช้าๆ ตัวเค้าโค้งงอ พร้อมกับเหงื่อที่ไหลออกมามากจนผิดสังเกตคอของเขาแห้งผากดุจทรายหยาบ แม้แต่น้ำลายของเขาก็ยังเหือดแห้งเขาอ้าปากถอนหายใจออกมา

 “ร้อนนนน...”

 

 เด็กหนุ่มเดินไปข้างหน้าอย่างยากลำบาก ด้านหลังของเขามีวัสดุสีทองแปลกตา ตรงด้ามจับนั้นเป็นรูปกางเขน ที่มีลวดลายโบราณทำให้ดูลึกลับ หากแต่ เจ้าสิ่งนั้นมันทั้งหักและบิ่น เขานั้นเหลียวมองไปทุกๆแห่งที่เขาเดินผ่าน เขาต้องการหาสิ่งใดก็ได้มาดับกระหายให้เร็วที่สุด ผู้คนต่างมองมาที่เด็กคนนี้อย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก คงเพราะสถานที่แห่งนี้คือเมืองท่าของ light kingdom ที่นับถือการดวลดุจดังพระเจ้า การนำอาวุธที่มีตำหนิเดินโทงๆในที่โล่งโดยไม่มีอะไรบดบังนั้น เป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำเอาเสียเลยในสถานที่แห่งนี้

 

หากแต่เด็กหนุ่มคนนี้เขาไม่ได้สนในสายตาที่ดูถูกจากฝูงชนรอบตัวแต่อย่างใด เขากลับเดินตรงไปอย่างเลื่อนลอย ณ บ่อน้ำสำหรับให้สัตว์ที่ใช้ในการเดินทางข้ามทะเลทรายมาพัก เด็กสาวคนนึงดึงผ้าที่คลุมหัวเธอออก เผยให้เห็นผมสีทองพลิ้วไสวตามกระแสลม ผมของเธอนั้นงดงามเป็นอย่างมาก ไครที่ดูก็สามารถรู้ได้ว่า ถูกดูแลมาเป็นอย่างดี มันช่างงดงามทำให้ผู้คนแถวนั้นเหมือนโดนสะกด ช่างแตกต่างจากบุคลิกที่ ดูเคร่งครึมของเธอสะเหลือเกิน เธอลงจากอูฐของเธออย่างสง่างามพร้อมกับองค์รักส่วนตัว ชุดเกราะสีเขียวเข้มตัดกับลวดลายสีทองทำให้ดูแวววาวเป็นอย่างมาก ชุดของเธอนั้นงดงามพร้อมกับธงประจำตระกูลรูปหัวกระทิงสีทองทำให้รู้ว่าเป็นลูกของผู้มีอิทธิพล “นั้นมันลูกสาวเพียงคนเดียว ของเจ้าเมือง ลูเซี้ยน ( lucion ) นิ” ผู้คนแถวนั้นเริ่มพูดคุยกัน

 “ได้ข่าวว่าเธอเป็นอัจฉริยะที่มีมานา สูงมาก ตั้งแต่อายุ 13” 

 

เสียงคนพูดคุยนั้นทำไม่ได้ทำให้เธอสนใจใดๆแม้แต่น้อย องค์รักษ์ของเธอมองไปรอบๆเห็นแต่สามัญชนก็ได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะหันมาหาเธอพร้อมพูด

 “ คุณหนูครับ ทำไมถึงไม่นั่งราชรถของอาณาจักรมาละครับ หรือจะขี่สัตว์อสูรให้สมศักดิ์ศรีมาก็ได้แท้ๆ นี้คุณกลับมานั่งอูฐตากแดดตากร้อน มาตั้งหลายวันมันจะทำให้คุณหนูป่วยนะครับ” หญิงสาวเหลือบตามองมายังองค์รักษ์ทำให้เขาต้องเอ่ย 

“ขออภัยที่ล่วงเกินครับ” ก่อนที่เธอจะหันไปเอะใจภาพของเด็กหนุ่มคนนึงที่หัวจุ่มอยู่ในน้ำ 

 

ก่อนหน้านี้ 5นาที เด็กหนุ่มที่เดินอาดๆท่ามกลางผู้คนอยู่ๆ ตาของเขาลุกวาวเบิกโพลงเมื่อเห็นบ่อน้ำที่อูฐดื่มอยู่ เขารีบวิ่งพรวดเข้าไปยังบ่อน้ำที่มีแต่ดิน มันทำให้อูฐตกใจและวิ่งหนีกันยกใหญ่จนฝุ่นตลบไปทั่วทำเอาคนที่เฝ้าอูฐต้องรีบเข้าไปคว้าอูฐในทันทีไม่งั้นอาจเกิดการจราจนของเหล่าอูฐน้อยใหญ่ขึ้นได้ พวกเขาหันมามองที่ต้นตอของความยุ่งเหยิงแต่กลับพบกับเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่หน้าบ่อที่มีแต่โคลนกับน้ำลายของเหล่าอูฐ แต่นั้นไม่ใช่ประเด็นเด็กหนุ่มไม่รีรอเอาหัวจุ่มลงไปในน้ำทันที ก่อนจะทิ้งตัวอยู่อย่างนั้น เวลาผ่านไปสักพัก เขาก็ยังไม่เงยหัวขึ้นมา ทำให้ผู้คนตรงนั้นเริ่มกระวนกระวายว่าตายหรือไม่เพราะมันนานเกินที่คนๆนึงจะกลั้นหายใจได้ ชายที่คุมอูฐ ค่อยๆเดินไปหาร่างที่อยู่ในบ่อ ถึงแม้จะมีขุนนางอยู่ใกล้ๆ แต่เขาก็จำเป็นที่จะต้องตรวจสอบให้แน่ใจในสิ่งที่ทุกคนบริเวณนั้นสงสัย เขายื่นมืออกไปเพื่อจะแตะที่ตัวของเด็กหนุ่ม แต่ไม่ทันไรเด็กคนนั้นก็พุ่งพรวดขึ้นมาจากบ่อ พร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง มันทำให้ชายคนนั้นถึงกับร้อง เหวอ ด้วยความตกใจ แล้วรีบถอยห่างจากบ่อน้ำอย่างรวดเร็ว 

“สุดยอดด” 

หนุ่มน้อยกล่าวก่อน จะสูดหายใจ เหมือนกับเขาไม่ได้หายใจมาอย่างยาวนาน เขาคว้าผ้าที่อยู่ใกล้ตัวขึ้นมาเช็ดหน้าอย่างสบายอารมณ์ ผู้คนแตกตื่นกันยกใหญ่ เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นและมองก่อนจะมองไปที่ผ้า มันเป็นชายกระโปรงของเด็กสาวที่ใบหน้ามองมาที่เขาอย่างเยือกเย็น สายตาของเด็กสาวจับจ้องมาที่เด็กหนุ่มอย่างอาฆาต จิตรอาฆาตค่อยไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง องครักษ์ต่างช็อคกับสิ่งที่เห็น ทุกๆคนต่างก็ไม่เชื่อในภาพที่เห็นเช่นกัน 

“โดนประหารแน่ๆ ไอเด็กนั้น” ผู้คนเริ่มเอะอะกันเป็นอย่างมาก 

“อ๊ะ ขอโทษ”

 เด็กหนุ่มเอ่ย ก่อนที่องครักษ์จะรีบปัดมือที่ถือชายกระโปรงออกอย่างรุนแรงเสียงของถุงมือเหล็กที่ฝาดเข้ากับมือของเด็กหนุ่มทำให้เกิดเสียงที่ดังพอจะได้ยินทั่วบริเวณใกล้ๆ “องครักษ์ชักดาบยาวออกมา ตัวเนื้อดาบในถูกขัดเป็นเงาทำให้เห็นแสงระยิบระยับที่สะท้อนกับดวงอาทิตย์ เขาเอ่ย 

“ไอเด็กเวรที่ไม่รู้จักมารยาท รู้ไหมท่านผู้นี้เป็นใคร”

 “ไม่ อะ ใครหรอ” 

 

เด็กหนุ่มตอบพร้อมกับยิ้มแบบเป็นมิตร เด็กสาวมองไปที่เด็กหนุ่ม เผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาดุจเทพนิยาย ถ้าไม่ติดที่เป็นบุคคลน่ารังเกียจและเป็นสามัญชนละก็ คงไม่มีหญิงสาวคนใดในใต้ฟ้าที่เด็กหนุ่มคนนี้จะครอบครองไม่ได้ สิ่งที่เด็กหนุ่มเอ่ย มันทำให้องครักษ์หัวเสียพร้อมกับฟาดฟันดาบไปยังเด็กหนุ่มในทันที นะตอนนั้นใครเห็นก็ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ต้องตายเป็นอย่างแน่นอน แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น เด็กหนุ่มใช้มือปัดไปที่ตัวดาบด้วยมือข้างเดียว มันทำให้ ดาบขององครักษ์ ฟันพลาดผ่านตัวเขาไปข้างๆ เสียงดังตึงคือเสียงที่ทุกคนได้ยินจากตัวดาบขององครักษ์ องครักษ์ไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นแล้วงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก

 “วิชายุทธ์ อย่างงั้นหรอ” 

 

ตาของเด็กหญิงมองไปที่เด็กหนุ่มเขม็ง ผู้คนต่างจับจ้องไปยังเหตุการณ์ที่อยู่ข้างหน้า องครกษ์ที่หัวเสียพร้อมกับเสียหน้า เริ่มรวมออร่าไปที่ดาบของเขา เสียงลมเริ่มวิ่งวนไปมารอบตัวดาบ ทั่วทั้งบริเวณเริ่มมีฝุ่นตลบจนทำให้วิสัยทัศน์มองลำบาก ผู้คนต่างตกตลึงกับสิ่งที่พบ ที่นี้เป็นเมืองแห่งการดวลดาบก็จริง แต่ปรกติจะถูกจัดอยู่ในสนามประลองไม่ใช่ กลางสาธารณะแบบนี้ อีกทั้งกฎหมายของเมืองนี้ก็ค่อนข้างจะเคร่งครัดไม่ให้มีการทะเลาะกันภายนอก มิเช่นนั้นจะถูกลงโทษได้ อ่อร่าดาบค่อยๆจับตัวขึ้น ตัวดาบส่องเป็นแสงอย่างสวยงาม มันทำให้รู้ว่าการรวบรวมออร่าของดาบนั้นสำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 “ไอหนูวันนี้เป็นวันตายของแก” 

 

องครักษ์ตั้งท่าดาบประจำเมือง lucion กล่าวก่อนจะเริ่มโจมตีไปยังเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มมองพร้อมกับหลบไปอย่างเฉียดฉิว เขาหลบเพลงดาบได้อย่างหมดจด ทุกทวงท่าขององครักษ์นั้นถูกมองออกอย่างง่ายดาย ดวงตาที่เป็นสีแดงสว่างนั้นเคลื่อนตัวไปมาอย่างรวดเร็ว จับจ้องไปที่ตัวดาบพร้อมใบหน้าที่งุนงง เด็กหนุ่มเอ่ย

“ขอโทษไปแล้วยังต้องการอะไรอีกเนี่ย อาจารย์ ย้ำนักย้ำหนาว่าห้ามมีเรื่องแท้ๆ” เขาเอ่ยแบบไม่เข้าใจกับชายที่กำลังโจมจีอย่างไม่ลดละ  องครักษ์ หงุดหงิดเป็นอย่างมาก 

“ไอ้พวกสามัญชนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง สิ่งที่เจ้าทำต่อให้ตายอีกสิบชาติก็ไม่สาสม” 

 

องครักษ์ใช้ท่าประจำตัวหวดดาบลงอย่างสง่างามแต่เหมือนกับว่าร่างของเด็กหนุ่มค่อยๆจางหายไปต่อหน้าต่อตา มันเหมือนเป็นภาพลวงตาที่หายไปอย่างช้าๆ องครักษ์ไม่เชื่อภาพที่ตัวเองเห็น เขาจับจ้องไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ยิ้มอย่างเย็นชา รอยยิ้มนั้นทำให้องครักษ์ ถึงกับขนลุก ทันทีที่ดาบกระแทกกับพื้น ภาพที่องครักษ์เห็นกลับเป็นร่างของเด็กหนุ่มที่เข้ามาใกล้เขาพร้อบกับตั้งท่ากำหมัดที่ลำตัวของเขา

 “รวมออร่าให้ดีนะจะหาว่าไม่เตือน” 

 

เด็กหนุ่มซัดเข้าไปที่เกราะช่วงท้องขององครักษ์อย่างรุนแรงจนเกิดเสียงดังลั่น เปรี้ยงงงง! เสียดังสนั่นดุจฟ้าฟาดดังไปทั้วทั้งบริเวณ ฝุ่นคลุ้งไปทั่ว ผู้คนต่างยืนมองตาไม่กระพริบ “พวกองครักษ์ ของเมืองมันไปอยู่ไหนกันวะ “ ประชาชนโดยรอบต่างคุยกันไปมา ฝุ่นค่อยๆจางลงจนสามารเห็นร่างในหมู่ควัน ผู้คนที่เห็นนั้นต่างเชื่ออย่างสนิทใจว่าร่างขององครักษ์จะต้องกระเด็นไม่มากก็น้อย หากแต่ร่างขององครักษ์กลับไม่ได้ขยับไปไหนแม้แต่นิดเดียว ร่างของเด็กหนุ่มยังคงค้างท่าต่อยที่ช่วงลำตัว หากแต่มีกำแพงใสๆอะไรบางอย่างขวางเอาไว้ เด็กหนุ่มมองพร้อมหรี่ตา

“โห.. เกราะเวทหรอกเรอะ ไม่คิดว่าเธอจะเข้ามายุ่งนะ” เด็กหนุ่มกลับมายืนปรกติพร้อมมองไปที่เด็กสาว เสียงฝีเท้าขององครักษ์ของเมืองแห่งแสงค่อยๆมายังที่เกิดเหตุ 

“ไอหนูนี้เจ้ากล้าโจมตีขุนนางงั้นหรอ” ทหารคนนึงชี้ไปยังเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่

 “ข้าเปล่า คนนั้นเขาโจมตีข้าก่อน ข้าแค่ป้องกันตัวเองเท่านั้น คุณพี่ทหาร” “เงียบเลยไอหนู มากับพวกข้าเดี๋ยวนี้” ทหารคนนึงกวักมือให้ไปเอาตัวเด็กหนุ่มมา เสียงเดินของเหล่าทหารค่อยๆเข้าไปใกล้เด็กที่อยู่ข้างหน้า เด็กสาวเก็บไม้กายสิทธิ์ลงในซองข้างเอว

 “ไปกันได้แล้ว เลิช”

พร้อมเดินไปทางเมือง องครักษ์ หันไปมองที่คุณหนูที่เดินจากไปอย่างไม่ใยดี พร้อมหันไปมองเด็กหนุ่มด้วยความโมโห “ฝากไว้ก่อนเหอะ” 

ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ต่าง งุนงงกับเด็กหนุ่มคนนี้ เขาเป็นใคร ทำไมถึงสู้ได้อย่างทัดเทียมกับองครักษ์ของเมือง lucion เด็กหนุ่มปัดฝุ่น ก่อนจะชำเลืองไปยังผ้าที่ตกอยู่ที่พื้น เขาเดินไปเก็บขึ้นมาพร้อมกับยิ้ม ก่อนจะมองไปยังเหล่าทหาร เขายิ้มจางๆก่อนจะหายวับไปในทันที ตัดภาพมายังเด็กสาวและ องครักษ์

” คุณหนูไม่เห็นต้องเข้ามาช่วยกระหม่อมเลย หมัดแค่นั้นทำอะไรกายาเหล็กไม่ได้หรอกครับ” 

“เจ้าโง่หรือเปล่า” องครักษ์ถึงกับหน้าถอดสี เขาไม่กล้าเอ่ยคำใดๆออกมา

 “คนนั้นนะเขาไม่ได้ใช้ออร่าเลยด้วยซ้ำแล้วก็เอานี่ไปเช็ดเลือดด้วย” 

สุดเสียงของเด็กสาว องครักษ์ ก็กระอักเลือดออกมาจำนวนหนึ่ง เลิชหน้าเปลี่ยนสี ได้แต่คิดว่า หากไม่มีเกราะเวทแล้วเขาเจะเป็นเช่นไร นี้อาจเป็นจุดจบของเขาเลยรึเปล่า เขากำหมัดแล้วได้แต่สาปแช่งเด็กหนุ่ม

 “มันจะไม่มีครั้งหน้าแน่” เขากัดฟันพร้อมคิดในใจ เด็กสาวเดินไปอย่างช้าๆ ครุ่นคิด 

“คนๆนั้นไม่ธรรมดา เมืองนี้อาจน่าสนใจกว่าที่คิดนะท่านพ่อ” 






……………………………………………………………………………………………………………………………………… 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา