เรื่องรักสามฤดู

-

เขียนโดย LaVieRosy

วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 16.33 น.

  15 ตอน
  0 วิจารณ์
  4,306 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2565 16.48 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

15) บทที่ 15

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

วัชรธรนั่งมองภาพสะท้อนหญิงสาวที่ยืนขยับมือเช็ดผมให้เขาอย่างนุ่มนวล แววตาตั้งอกตั้งใจของคนที่อยู่ในชุดนอนสีหวานนั้นทำให้เขาไม่อยากละสายตาไปไหน ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนได้ของมีค่าคืนหลังจากทำหายไป

 

“เรียบร้อยค่ะ”

 

จารวีเงยหน้ายิ้มกับเขาในกระจก ลูบผมนุ่มบนศีรษะที่แห้งสนิทแล้ว

 

“ขอบคุณครับ”

 

เขาคว้ามือนุ่มมาจูบแนบแน่น สองหนุ่มสาวสอดตัวลงใต้ผ้านวมอุ่น วัชรธรเกยคางกับหัวไหล่มนขณะที่เปิดดูแบบบ้านขนาดต่างๆด้วยกัน จารวีบอกกับเขาว่า เพื่อการพักผ่อนที่เต็มที่ เขาน่าจะย้ายจากคอนโดฯไปอยู่บ้านที่มีพื้นที่สีเขียวให้เดินเล่นสูดอากาศ เธออยากลองปลูกผักสวนครัวให้เขากินเอง ครั้งนี้เขาไม่ขัดใจ

 

ทั้งคู่ถูกใจแบบบ้านตัวยูชั้นเดียว ตั้งอยู่บนเนินยกขึ้นไปรายล้อมด้วยสวนสวยสีเขียวขจี ตรงกลางจัดเป็นสวนญี่ปุ่นมีบ่อปลาคาร์ปสวยงาม ดวงตาจารวีแวววาวเป็นประกายจนชายหนุ่มกดโทรศัพท์ขึ้นโทรหาบริษัทสถาปนิกชื่อดังและขอนัดเข้าไปดูบ้านในเช้าวันพรุ่งนี้

 

“เหนื่อยรึเปล่าคะ วันนี้”

 

จารวีถามขณะนอนสบตากับเขาหลังจากล้มตัวลงนอนแล้ว

 

“ไม่ครับ พี่ยังไม่รู้สึกอะไรนะ”

 

“จาคุยกับหัวหน้าแล้ว จาจะไปกับพี่ธรทุกวัน ถ้าวันไหนไปไม่ได้จริงๆ หลิวกับรินอาสาจะไปแทนนะคะ”

 

นิ้วมือเรียวลูบแก้มของเขา วัชรธรกอบกุมมือนุ่มเอาไว้จ้องเข้าไปในตาหวาน

 

“ที่ผ่านมา พี่ทำให้จาอึดอัดมากไหม”

 

หญิงสาวนิ่งไป ไม่คาดคิดกับคำถาม

 

“พี่ขอโอกาส ไม่ใช่ในฐานะคนป่วยแต่ในฐานะผู้ชายคนนึง พี่คิดถึงจาทุกวัน คิดถึงมาก ตอนที่พี่รู้ว่าเป็นมะเร็ง คนแรกที่พี่คิดถึงก็คือจา”

 

จารวียิ้มกับเขา

 

“จาก็คิดถึงพี่ธรค่ะ คิดถึงทุกวัน”

 

ชายหนุ่มยิ้มกว้างกอดกระชับเธอเข้าสู่อ้อมอก จูบหน้าผากนวลแน่นนาน ดวงตาสองคู่สานสบส่งผ่านความรู้สึกในหัวใจโดยไม่จำเป็นต้องมีคำพูด ใบหน้าชายหนุ่มเอียงเข้าหาทาบริมฝีปากอุ่นลงกับริมฝีปากหวานที่โหยหาแนบแน่น มืออุ่นร้อนเริ่มเคลื่อนสัมผัสร่างอรชร จารวีดันอกกว้าง หอบหายใจ

 

“พี่ธร”

 

“พี่ถามหมอแล้ว ถึงเป็นมะเร็งก็มีเซ็กส์ได้ตามปกติ แต่ช่วงที่ฉายรังสีกับให้คีโม พี่อาจจะเพลียจนไม่มีแรง ตอนนี้ขอพี่ตุนเก็บไว้ก่อนนะ...นะครับ”

 

ตั้งแต่คบกันมาจารวีก็ไม่เคยปฏิเสธความต้องการของแฟนหนุ่มอยู่แล้ว เขาว่ายังไงเธอก็ว่าตามนั้น จึงไม่หลบเลี่ยงเมื่อริมฝีปากอุ่นเข้าแนบหาซ้ำยังช่วยเขาปลดกระดุมเสื้อนอนนุ่มแล้วดึงให้พ้นจากไหล่กว้าง ไม่นานทั้งคู่ก็เปลือยเปล่า ริมฝีปากและมือของเขาสัมผัสเธอทุกตารางนิ้วด้วยความเสน่หาเช่นเคย ชายหนุ่มพลิกตัวขึ้นทาบทับเธอแนบสนิททุกส่วนสัด ส่งผ่านความรักความโหยหาด้วยสัมผัสร้อนรุ่มรุกเร้า

 

ร่างกายทั้งสองเข้าหลอมรวมผสานเป็นหนึ่งเดียวกัน สายตาสบกันในความมืด เฝ้าวนจุมพิตกันราวกับจะกลืนกินกันและกันเข้าไป เสียงหอบหายใจ เสียงคราง ดังในห้องกว้างประสานกันเป็นจังหวะหวานร้อนเร่า ตราบจนเธอและเขาเดินทางไปถึงจุดสูงสุดของอารมณ์อย่างสุขสมในอ้อมกอดกันและกัน

จารวีหวีดร้องเมื่อเขาพลิกกายเธอคว่ำและเริ่มขยับกายอีกครั้ง เสียงแหบห้าวกระซิบคำรักเธอที่ข้างหูดังครั้งแล้วครั้งเล่าไปตลอดทั้งคืน

 

พศิกายื่นมือมากดปิดเสียงนาฬิกาปลุกตอนตีห้า นอนหลับตาซุกกับผ้านวมอุ่นต่อขณะถือโทรศัพท์เอาไว้ในมือ ไม่นานโทรศัพท์ก็ดังเธอกดรับทั้งที่ยังหลับตา เช่นหลายวันที่ผ่านมา

 

“มอร์นิ่งครับ ผมจะเข้าประชุมแล้วนะ”

 

“มอร์นิ่งค่ะ”

 

ปลายสายหัวเราะกับเสียงงัวเงีย

 

“ผมไม่โทรมาตอนเช้าดีไหม หลิวจะได้นอนเต็มที่”

 

“หลิวโอเคค่ะ ยังไงก็ตื่นประมาณนี้อยู่แล้ว ได้ตื่นมาเช้าก็ดีค่ะ ไม่ต้องรีบทำขนม ทำไปเรื่อยๆเพลินๆ เช้านี้กินอะไรคะ”

 

“กาแฟดำเหมือนเดิมครับ”

 

“คุณน่าจะกินขนมปังสักแผ่นนะคะ กว่าจะได้พักอีกทีก็เที่ยงแน่ะ”

 

ชานนท์ยิ้มกว้างกับน้ำเสียงเป็นห่วงจริงจังของเธอ

 

“ดีใจนะที่หลิวเป็นห่วง”

 

พศิกาอมยิ้ม ไม่ได้ปฏิเสธอะไร

 

“ทีมมากันครบแล้ว ผมประชุมก่อนนะครับ หลิวขับรถดีๆนะครับ ถึงร้านแล้วไลน์มานะ แล้วตอนเที่ยงคุยกันครับ”

 

“ค่ะ เทคแคร์นะคะ”

 

ชานนท์เข้างานหกโมงเช้าก็จริงแต่เขาต้องตื่นนอนมาประมาณตีสี่ครึ่งหรือตีห้าเพื่ออาบน้ำทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยเพื่อเข้าประชุมบรีฟงานของแต่ละวันตอนตีห้าครึ่งกับทีม ก่อนเริ่มงานหกโมงตรงจนถึงเที่ยงจึงพักกินมื้อกลางวันหนึ่งชั่วโมงและเริ่มงานอีกครั้งบ่ายโมงตรงจนถึงหกโมงเย็น

 

ระหว่างที่ว่างแม้เพียงสิบหรือสิบห้านาที เขาจะไลน์คอลมาหาเธอเสมอเท่าที่เวลาและสัญญาณจะอำนวย ถามว่าเธอกินมื้อกลางวันหรือยัง งานยุ่งหรือไม่และเล่าให้ฟังถึงงานของเขา จนพศิกาเริ่มชินเสียแล้ว เธอลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว ออกจากคอนโดฯไปที่ร้านด้วยหัวใจเบิกบานเช่นทุกวันในช่วงหลัง ในหัวเรียบเรียงงานที่ต้องเริ่มทำก่อนหลังเช่นทุกวัน วันนี้มีออเดอร์เค้กแบบมินิมอลที่กำลังเป็นที่นิยมเข้ามาหลายก้อน เธอคงจะต้องนั่งหน้าแท่นเค้กทั้งวัน

 

เค้กของเธอได้รับการบอกปากต่อปากจากลูกค้าเรื่องคุณภาพของวัตถุดิบที่ดีและรสชาติที่ไม่หวานเลี่ยนจนเกินไป

ไม่นานหญิงสาวก็มาถึงร้าน เริ่มทำงานตามแผนการอย่างปกติทุกวัน สุดสัปดาห์เช่นนี้ เธอจะทำแซนวิชหน้าเปิดแบบต่างๆเอาไว้มากหน่อยเพราะลูกค้ามักจะเข้ามาแน่นช่วงสิบโมงเป็นต้นไปเพื่อกินเป็นมื้อเช้ากับกาแฟ ส่วนเค้กและขนมอื่นๆจะออกเยอะในช่วงบ่าย พศิกาทำงานอย่างเพลิดเพลินจน จนนัทชามาแจ้งว่ามีลูกค้าต้องการติดต่อเธอเพื่อจัดเบรก หญิงสาวซับหน้าเล็กน้อย ผละจากเค้กที่กำลังแต่งเป็นปฏิทินและวงกลมวันที่ที่เป็นวันเกิดลูกค้าเดินออกไปจากครัวและพบกับคนที่ไม่ได้เจอกันนาน

 

“คุณหิรัญ”

 

จารวีจูงมือวัชรธรเดินดูในบริเวณบ้านที่ร่มครึ้มด้วยไม้น้อยใหญ่อย่างเพลิดเพลินใจ เป็นโชคดีที่เจ้าของบริษัทยินดีขายบ้านตัวอย่างหลังที่เพิ่งเสร็จสมบูรณ์ให้เขาทันทีที่วัชรธรเล่าถึงเหตุผลที่ต้องการย้ายเข้าอยู่บ้านโดยเร็วที่สุด ชายหนุ่มวางเงินมัดจำทันทีโดยไม่ลังเลใจ

 

ทั้งคู่เดินมานั่งพักที่คอร์ทกลางบ้านที่จัดเป็นสวนญี่ปุ่น บ่อปลาสวยพร้อมระบบน้ำพร้อมให้ลงปลาคาร์ป จารวีถ่ายรูปและจดสิ่งที่ต้องทำโดยละเอียดในสมุดโน้ตที่พกมาอย่างตั้งใจ วัชรธรมองใบหน้านวลอย่างอิ่มเอมใจ

 

“พี่ธรเหนื่อยไหมคะ อยากกลับนอนพักก่อนไหม แล้วเราค่อยออกมาฟาร์มปลาคาร์ปกัน จาหาข้อมูลมาแล้ว ที่นี่ได้คะแนนดีมาก เขาจะมาดูแลปล่อยปลาให้เราแล้วก็รับดูแลรักษาบ่อด้วยค่ะ”

เธอยื่นโทรศัพท์ให้เขาดู ยิ้มกว้าง

 

“รู้ไหมพี่ฝันถึงวันนี้มานานแค่ไหน วันที่เราจะนั่งคุยกันเรื่องบ้านของเราแบบนี้ เห็นจามีความสุขแบบนี้ บ้านที่จะเป็นบ้านของเราแล้วก็มีลูกๆของเราวิ่งเล่นกันหลายๆคน”

 

แววตาที่เขามองเธออ่อนแสง เปี่ยมด้วยความรัก

 

“พี่คิดว่าจะสร้างบ้านของเราหลังใหญ่ๆ ต้องมีห้องลูก ห้องหนังสือ มีสระว่ายน้ำ มีสนามบาสเล็กๆเอาไว้เล่นกับลูก แต่เอาเข้าจริงๆที่สำคัญที่สุดตอนนี้ บ้านจะเป็นแบบไหนก็ได้ ขอแค่มีจาอยู่ด้วยก็พอ”

 

จารวีเอื้อมมือไปดึงมือชายหนุ่มมากอบกุม นาทีนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความสุขของเขา อดีตผ่านไปแล้ว อนาคตก็สุดรู้ เธออาจมีเรื่องที่อึดอัดใจเพราะเขา เรื่องที่ยังค้างคาและไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้ เธออยากอยู่ข้างๆเขา ก้าวผ่านสิ่งที่กำลังรออยู่ข้างหน้าไปกับเขา

 

“ค่ะ แค่มีเรา...ก็พอ”

 

วัชรธรโอบกอดเธอแนบอก ขอโอกาสให้เขาได้แก้ไขตัวเองใหม่ เขาจะไม่มีวันปล่อยเธอไปอีกแล้ว

 

“พี่รักจา”

 

แดดอ่อนยามสายส่องลอดม่านหนาทึบเข้ามา ดารินกระพริบตาสองสามครั้ง ร่างกายใต้ผ้าห่มถูกโอบรัดจากร่างเปลือยเปล่าเหมือนกันแนบสนิททุกส่วนสัด แก้มขาวขึ้นสีระเรื่อเมื่อภาพความทรงจำยามค่ำคืนที่ผ่านมาเลื่อนเข้ามาในหัวเป็นฉากๆชัดเจน กลทีป์แสดงให้เธอเห็นชัดเจนว่าเขาอดทนกักเก็บความปรารถนาที่มีต่อเธอมามากเพียงใด  

 

หญิงสาวพยายามพลิกตัวกลับอย่างแผ่วเบาที่สุด มองใบหน้ายามหลับของเขา ดวงตาที่มองเธออย่างอ่อนโยนเสมอยังปิดสนิท เขาดูอ่อนกว่าวัยยามหลับใหลเช่นนี้

 

“มองขนาดนี้ เดี๋ยวคิดค่ามองนะ”

 

ดวงตาโตคู่เปิดขึ้นพร้อมเสียงทุ้มนุ่ม แววตาของเขาเป็นประกายระยับจนดารินต้องหลุบตาหลบ

 

“เจ็บมากรึเปล่า”

 

ใบหน้าเขาขยับมาใกล้ กระซิบถามเธอ หญิงสาวแดงไปทั้งหน้าทั้งตัวกับคำถามนั้น มุดหน้าเข้ากับหมอนมากขึ้น ส่ายหน้าเบาๆ กลทีป์หัวเราะ ลดตัวลงจนใบหน้าตรงกัน เชยปลายคางเล็กขึ้นมาให้เธอสบตา

 

“แล้วดีไหม”

 

คราวนี้เสียงกระซิบเบาลงเย้าเธอหนักขึ้น หญิงสาวตีอกตึงแน่นของเขาแก้เขิน ชายหนุ่มหัวเราะ จูบแก้มนวลแดงก่ำอย่างหมั่นเขี้ยว

 

“รินไม่ตอบไม่เป็นไร แต่พี่อยากบอกว่าพี่รู้สึกดีมาก ขอบคุณนะครับ”

 

เขาจูบหน้าผากมนตรงหน้าอีกครั้ง ไล้ปลายจมูกลงมาตามสันจมูกเล็ก กระซิบเย้าหยอกให้เธออายอีกคราและมุดเข้าหาอกเขา ชายหนุ่มกระชับอ้อมแขนแน่นเข้า อยากยืดเวลาที่ได้เคล้าคลอร่างนวลนุ่มในอ้อมแขนไปยาวไกลไม่มีที่สิ้นสุด แต่ก็คิดว่าเธอน่าจะหิว จึงยอมตัดใจผละออกมา

 

“ออกไปหาอะไรกินกัน แล้วรินอยากไปไหน วันนี้ยกให้รินหนึ่งวันเลย ดีไหมครับ”

 

ดารินยิ้มกว้าง แววตากระจ่างไร้ความง่วงงุ่นขึ้นมาทันใด พอเขาพูดเธอก็เริ่มหิวขึ้นมา นึกอยากกินหลายอย่าง

 

“จะอาบน้ำเองหรือให้พี่อาบให้ครับ”

 

“อาบเองค่ะ”

 

เสียงตอบทันควันโดยไม่ต้องคิด กลทีป์หัวเราะ มองเธออย่างหมายมาด

 

“เห็นว่าเมื่อคืนหมดแรงไปเยอะหรอกนะ ครั้งหน้าโดนพี่จับอาบให้แน่นอน”

 

ดารินย่นจมูกใส่เขา ก่อนจะอ้อนเขาแบบที่ไม่เคยทำ

 

“พี่ทีหยิบเสื้อคลุมให้รินหน่อยสิคะ”

 

“ใส่ทำไม ห้องน้ำอยู่แค่นี้เดี๋ยวก็ถอดแล้ว”

 

“พี่ที”

 

มือเล็กทุบเขาไม่แรงนัก ค้อนให้เมื่อรู้ว่าเขาจงใจแกล้ง ชายหนุ่มหัวเราะ

 

“โอเคครับ ขอค่าเดินให้พี่หน่อยเร็ว”

 

ริมฝีปากนุ่มแตะที่แก้มเขาอย่างแผ่วเบาหนึ่งครั้ง

 

“ว้า รางวัลน้อยไป ไม่มีแรงเดิน”

 

 

 

 

นิ้วเขาแตะตรงริมฝีปากหยักหนา บอกว่าต้องการสิ่งใดเป็นรางวัล ดารินกัดปาก ข่มความอาย ยืดตัวเข้าจุมพิตที่ริมฝีปากที่รอคอย ชายหนุ่มยิ้มกว้างอย่างพอใจ จุมพิตเธอกลับอีกครั้งก่อนจะลุกออกไปหยิบชุดคลุมมาให้ จ้องมองเธอสวมอย่างทุลักทุเลในผ้าห่มก่อนจะลงจากเตียงวิ่งเข้าห้องน้ำไปให้เขาได้หัวเราะอีกครั้ง

 

“คุณหิรัญต้องการรับเบรกกี่ชุดคะ”

 

“เรียกพี่ว่า พี่เอกเถอะครับ หลิว เรารู้จักกันแล้ว”

 

“เอ่อ...ค่ะ พี่เอกจะรับเบรกกี่ชุดคะ”

 

“สองร้อยครับ งานประชุมสมาคมผู้ค้าทองประจำไตรมาส”

 

“อยากได้ขนมไทยหรือเบเกอรี่ ความหรือหวานดีคะ หรือถ้ามีในใจอยู่แล้วที่อยากได้ก็แจ้งได้เลยค่ะ”

 

“พี่ไม่มีไอเดียเลย หลิวช่วยคิดหน่อยได้ไหมครับ”

 

“ปกติแล้วคนที่มางาน จะเป็นวัยไหนคะ”

 

“ก็รุ่นราวคราวเดียวกับเราหรือไม่ก็รุ่นพ่อแม่เราไปเลยครับ”

 

 

พศิกาจดข้อมูลสำคัญนั้นไว้ ปกติดงานประชุมจะจัดช่วงเช้าแล้วเลี้ยงอาหารกลางวันผู้เข้าร่วมประชุมแบบโต๊ะจีนทุกปี เบรกตอนเช้าคงไม่ต้องหนักมากเพราะมื้อกลางวันคือไฮท์ไลท์ คนที่มาร่วมงานส่วนมากเป็นคนไทยเชื้อสายจีน หญิงสาวเสนอซาลาเปาไส้หมูแดงกับไส้ครีมกับสาคูไส้หมูและช่อม่วง บางคนอาจทานข้าวเช้ามาไม่ทันงาน จะได้เป็นมื้อเช้าไปได้ มีชาจีนดอกมะลิและน้ำเก๊กฮวยไปเสริมกาแฟและชาที่โรงแรมจัดเตรียมให้

 

“เอาตามที่หลิวว่าเลยครับ พี่โอเคหมด เดี๋ยวพี่จ่ายเงินไว้เลย”

 

“ตามปกติเราคิดค่ามัดจำก่อนแค่สามสิบเปอร์เซ็นต์ค่ะ พอเสร็จงานค่อยโอนที่เหลือมาค่ะ”

 

“ไม่เป็นไรครับ พี่ไม่คิดว่าหลิวจะเบี้ยวหรอก ว่าแต่ วันงานหลิวจะไปด้วยใช่ไหมครับ”

 

สายตาเขาที่ดูมีอะไรมากกว่าคำถามทั่วไปทำให้เธออึดอัดใจ

 

“ตามปกติหลิวไปดูงานด้วยตัวเองค่ะ แต่ก็ต้องดูก่อนว่าวันนั้นจะมีงานอื่นชนกันรึเปล่า เรามีทีมที่เก่งมาก จัดเบรกกันตลอดอยู่แล้วค่ะ เรื่องนี้พี่เอกไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”

 

“พี่แค่อยากให้หลิวไปงานนี้ด้วยน่ะครับ ครั้งที่แล้ว ดูเหมือนเราจะยังคุยกันไม่จบ”

 

พศิกาเข้าใจโดยทันที เธอไม่ต้องการต่อความยาวสาวความยืดจึงตัดสินใจพูดกับเขาตรงไปตรงมา

 

“หลิวขอบคุณที่พี่เอกกับครอบครัวสนใจหลิวค่ะ แต่ตอนนี้หลิวมีคนที่คุยด้วยอยู่แล้ว ขอโทษด้วยนะคะ”

 

ชายหนุ่มตรงหน้านิ่งไป เขาไม่เคยถูกปฏิเสธต่อหน้าแบบนี้มาก่อน

 

“ที่บ้านหลิวรู้เรื่องนี้รึเปล่าครับ”

 

หญิงสาวหน้าตึงขึ้น เขาอาจจะรู้จักเธอน้อยไปจนคิดว่าเธอจะกลัวครอบครัว

 

“ไม่ทราบค่ะ แต่ถ้าจะทราบก็ไม่ไม่ปัญหาอะไร หลิวดูแลตัวเองมานานแล้วตั้งแต่แยกมาเปิดร้าน ไม่ได้พึ่งใคร ชีวิตของหลิว หลิวตัดสินใจเองมาตลอด”

 

แววตาที่สบมองเขาแน่วแน่และท้าทายอยู่ในที เธอไม่กลัวอยู่แล้วหากเขาจะเอาเรื่องครอบครัวมาอ้าง ยิ่งเขาทำแบบนี้ยิ่งตอกย้ำว่าเธอทำถูกแล้วที่ไม่สนใจเขา

 

“ถ้าเรียบร้อยแล้ว ขอตัวนะคะ หลิวมีงานต้องทำต่อในครัว ผู้จัดการร้านจะติดต่อกับคุณเอกโดยตรงระหว่างนี้ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมค่ะ ขอบคุณนะคะ”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา