สะ-กด-รัก

-

เขียนโดย LaVieRosy

วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 17.23 น.

  10 ตอน
  0 วิจารณ์
  2,881 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) The right one

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

            วันแรกของการไปสอนที่โรงเรียนช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ปริมาตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางมาอาบน้ำแต่งตัว เธอเลือกเสื้อสีชมพูอ่อนเรียบร้อยแขนยาวถึงข้อมือ ปกเสื้อและส่วนข้อมือเป็นสีขาวครีม ตัวปกเสื้อเป็นผ้ายาวลงมาสองข้าง หญิงสาวเลือกผูกเป็นโบว์เรียบร้อย สวมทับด้วยกระโปรงทรงเออัดพลีทเป็นกลีบยาวขนาดพอดีรอบตัวคลุมเข่าสีครีม รวบผมเป็นหางม้าสูง สวมต่างหูโรสโกลด์ฝังเพชรแบรนด์โปรดรูปกลีบดอกไม้และนาฬิกาหน้าปัดและสายสีดำคู่ประจำ สีเดียวกับกระเป๋าสะพาย

 

สวมรองเท้าส้นสูงสีเดียวกันกับกระโปรงก็พร้อมออกเดินทาง แม้หญิงสาวจะไม่ใช่คนแต่งตัวตามแฟชั่นแต่เธอก็ชอบเสื้อผ้าสวยๆคัทติ้งดีๆ รวมถึงเครื่องประดับสวยๆเช่นผู้หญิงทั่วไปและต้องแต่งตัวให้ถูกกาลเทศะเสมอ นั่นคือสิ่งที่อาม่าปลูกฝังตั้งแต่ยังเด็กตอนยังมีชีวิต

 

ปริมาเกิดมาไม่เคยเจอหน้าหรือรู้จักว่ามารดาเป็นใคร บิดาก็ต้องช่วยธุรกิจโรงสีของอากง ทำงานอย่างหนักทุกวัน อาม่าจึงเป็นคนเลี้ยงดูเธอราวกับเป็นมารดา จนกระทั่งเมื่อมารดาผู้ให้กำเนิดป่วยหนักระยะสุดท้าย เธอจึงได้พบหญิงสาวผู้นั้นครั้งแรกและครั้งเดียวเพราะวันต่อมาเธอก็จากโลกนี้ไปอย่างสงบ

 

 

หญิงสาวไม่รู้ว่าต้องรู้สึกเช่นไร โกรธ เสียใจ น้อยใจ เพราะเธอไม่รู้สึกอะไรเลย มารดาที่เธอรู้จักวันเดียวเป็นเพียงคนแปลกหน้าคนหนึ่งเท่านั้น แต่เธอไม่เคยเก็บมาคิดหรือรู้สึกขาดสิ่งใด อากง บิดาและอาม่ารวมถึงพี่ชายทั้งสอง ดูแลเธอใกล้ชิดและเป็นความอบอุ่นที่เธอรู้สึกว่าเธอไม่ได้ขาดสิ่งใดทางใจเลย

 

ปริมาเดินทางมาถึงโรงเรียนสตรีชื่อดังใจกลางเมืองเกือบหนึ่งชั่วโมงก่อนเวลา จึงได้ซักถามเนื้อหาการเรียนกับอาจารย์ที่โรงเรียนเพื่อจะได้วางแผนการสอนของตนเองได้ว่าควรจะเพิ่มเติมส่วนใดบ้าง ก่อนจะเดินตามอาจารย์ไปที่ห้องประชุมรวม เด็กๆผมเปียสองข้างน่ารักน่าเอ็นดูนั่งรอกันอย่างเรียบร้อยอยู่แล้ว อาจารย์ประจำโรงเรียนแนะนำประวัติส่วนตัวของเธอคร่าวๆซึ่งเรียกเสียงฮือฮาให้เด็กๆได้พอสมควร ก่อนจะเปิดเวทีให้หญิงสาวเริ่มทำการสอน

 

“สวัสดีค่ะ เด็กๆ ขอเรียกแทนตัวเองว่าพี่นะคะ พี่ปรางค่ะ เพราะจริงๆอายุเราห่างกันไม่กี่ปีเอง ในวงเล็บว่าถ้าไม่รวมที่พี่แอบฝากไว้ในธนาคารนะคะ สำหรับปิดเทอมนี้เราจะมาเจาะลึกการทำข้อสอบทั้ง *GAT และเก้าวิชาสามัญที่น้องๆต้องสอบในแต่ละพาร์ทว่าเราจะฝึกฝนเพื่อไปสู้กับข้อสอบแต่ละแบบอย่างไร เรื่องอะไรบ้างที่ออกข้อสอบบ่อย เพื่อที่เราจะได้ใช้เวลาที่เรามีไปกับสิ่งที่สำคัญที่สุด ปิดจุดอ่อนของเรา เติมจุดแข็งของเราเพื่อลงสนามสอบจริง ก่อนอื่นพี่ขอเปิดข้อสอบดูไปด้วยกันเลยนะคะว่าหน้าตาของข้อสอบเป็นยังไง สัดส่วนคะแนน.....”

 

*General Aptitude Test

            ปริยาภัทรที่นั่งแถวหน้าสุดกับเพื่อนๆต่างตั้งใจฟังเสียงอันนุ่มนวลน่าฟังของติวเตอร์รับเชิญ พี่ปรางอธิบายหลักภาษาที่เธอไม่เคยเข้าใจหรือเข้าใจแบบไม่ชัดเจนมาตลอดให้ง่ายกับความเข้าใจของเธอ บอกจุดที่ต้องระวัง แตกคำศัพท์ให้ตลอดเวลา เด็กสาวตั้งใจฟังและจดจนรู้สึกว่าเวลาสองชั่วโมงผ่านไปเร็วมากเหลือเกิน อยากจะเรียนต่ออีก พลันเธอก็ตัดสินใจบางอย่างได้ในใจอย่างหมายมาด

 

ทันทีที่ขึ้นรถตู้ที่จอดรอได้ ปริยาภัทรก็รีบต่อสายโทรหาปฐวีทันที

 

“ว่าไงครับ เลิกเรียนแล้วเหรอลูก”

 

“แพทกวนคุณพ่อรึเปล่าคะ ยุ่งอยู่ไหมคะ”

 

“พ่อเซ็นเอกสารอยู่แต่คุยกับลูกได้”

 

คนรอบข้าง ปฐวี นั้นทราบกันดีว่าเขารักและให้ความสำคัญกับลูกสาวคนเดียวมาเป็นลำดับแรกเสมอ

 

“คุณพ่อคะ แพทอยากให้พี่ปรางมาเป็นติวเตอร์ให้แพทค่ะ”

 

เด็กสาวเข้าประเด็นทันที

 

 

“วันนี้พี่ปรางมาสอนครั้งแรก แพทชอบมากๆๆๆ พี่ปรางอธิบายให้เข้าใจนไม่ใช่สอนให้ท่องจำ พอเข้าใจแล้วเห็นโจทย์ก็ฝึกทำ แพทว่าดีมากเลยค่ะ แถมยังสอนละเอียด แปลทุกคำแตกคำศัพท์แตกประโยคออกมาให้ดู คุณพ่อคะ พี่ปรางคือคนที่แพทตามหา คนนี้แหละค่ะ ใช่เลย”

 

ปริมาขับรถออกมาจากโรงเรียนด้วยความสุข เธอชอบพลังงานบวกที่ได้จากเด็กๆเหลือเกิน ทุกๆครั้งที่สอน เธอรู้สึกว่าเธอไม่ได้เป็นคนให้แต่เป็นผู้รับ รับพลังงานสะอาดที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความฝันของวัยเยาว์ที่ตัวเธอเองเคยผ่านมาก่อน

 

‘เด็กๆชอบกันมากเลยค่ะ อาจารย์ บอกว่าอาจารย์สอนดี สอนละเอียด สอนเข้าใจง่าย ขอบคุณอาจารย์มากนะคะ’

 

เสียงตอบรับจากเด็กๆและอาจารย์ในโรงเรียนเป็นไปด้วยดีมาก หญิงสาวยิ่งอยากทำให้ดีขึ้นในครั้งต่อๆไป ไม่นานเธอก็มาถึงย่านเอกมัยที่ที่ชานัทไลน์มานัดกินข้าวก่อนจะพาทีมไปลงดูพื้นที่โรงเรียนกัน หญิงสาวในชุดสวยหวานเรียกสายตาชายหนุ่มบริษัทแถวนั้นหลายคนให้มองมาแต่เธอไม่ได้สบตากับใคร ปริมารู้ว่าเธอไม่ใช่คนสวยโดดเด่นแต่ก็ชวนมอง ด้วยผิวขาวนวลเนียนแบบลูกคนจีน เครื่องหน้าที่จิ้มลิ้ม มองดูน่ารักมากกว่าสวย ทุกคนบอกอย่างนั้น หญิงสาวไม่ได้ใส่ใจในการประทินโฉมตนเองมากนัก เธอเป็นพวกแพ้ง่ายดังนั้นเครื่องสำอางชนิดเดียวที่มีคือลิปสติก สิ่งที่ชอบมากกว่าคือสกินแคร์ทั้งหลายทั้งผิวหน้าและผิวกาย

 

 

ที่ผ่านๆมาก็ใช่ว่าจะไม่มีใครเข้ามาแต่ปริมาแค่รู้สึกว่ายังไม่ใช่หรือคนที่เธอรู้สึกว่าใช่ก็มักจะมีอะไรที่ทำให้คลาดกันไปเสมอเช่น ไม่กล้าเข้ามาจีบเพราะคิดว่าเธอมีแฟนแล้ว เธอเป็นหลายสาวคนเดียวของอดีตเจ้าสัวรายใหญ่ เธอดูนิ่งและเรียบร้อยเกินไปก็มี หญิงสาวเชื่อเพียงว่า ถ้าใช่ อะไรๆก็จะง่าย ถูกจังหวะและเวลาของมันเองและเธอก็ไม่ได้เดือดร้อนใจใดในการใช้ชีวิตโสด เมื่อชีวิตเดินทางมาถึงวันนี้ เธอเรียนรู้ว่าความสุขของคนเรามีหลายนิยามและไม่จำเป็นที่ทุกคนต้องเดินไปบนเส้นทางเดียวกันเพื่อแสวงหาความสุขแบบเดียวกัน

 

ชานัทยืนมองหญิงสาวในชุดเรียบร้อยอ่อนหวานที่เห็นมาแต่ไกล ใบหน้ารูปไข่เกลี้ยงเกลาและเรือนร่างอรชรพอดิบพอดี ทำให้จะไม่แปลกใจที่จะเห็นสายตาหลายคู่มองตามเธอ เขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่แอบมองเธอมาตั้งแต่สมัยเรียน ติดที่ตอนนั้นเขาเพิ่งตัดสินใจคบหากับนักเรียนไทยที่เรียนด้วยกัน ไม่เช่นนั้น...หญิงสาวหันมาเจอเขาที่ยืนรออยู่พอดีและโบกมือให้ รอยบุ๋มข้างแก้มทำให้ใจเขาเต้นแรงขึ้นกว่าปกติอีกครั้ง

 

“รถติดมากเลยค่ะ ขอโทษนะคะ”

 

“ไม่เป็นไรครับ พี่จองโต๊ะไว้แล้ว เข้าไปข้างในกันเถอะ”

 

ร้านอาหารที่ชานัทนัดกินมื้อเที่ยงอยู่ในคอมมิวนิตี้มอลแห่งหนึ่ง มีทั้งอาหารไทยและเมนูฟิวชั่นให้เลือกมากมาย ปริมาเคยกินร้านนี้สองสามครั้งกับเพื่อนๆอาจารย์ด้วยกัน เธอกับเขาเลือกอาหารจานเดียวมาคนละอย่างกับของทานเล่น

“คนอื่นไปไหนกันหมดคะ ปรางคิดว่าจะมากันครบทีม”

 

เธอถามหลังจากดูดน้ำผึ้งมะนาวโซดาเข้าไปอึกใหญ่ หลังจากที่สอนพูดเยอะๆ น้ำผึ้งมะนาวช่วยได้เสมอ

 

“เขาเกรงใจ ไม่กล้ามากินด้วย”

 

“เกรงใจอะไรกันคะ ยังต้องทำงานด้วยกันอีกนานหรือว่าปรางดูดุหรือเรื่องเยอะคะ”

 

ชานัทหัวเราะ ไม่ได้พูดความจริงว่าเขาอยากมากับเธอเพียงลำพัง

 

“งานเยอะกันน่ะ ก็เลยขอกินที่ออฟฟิศกัน”

 

“แล้วพี่นัทไปไงมาไง ถึงมาทำงานที่นี่ได้คะ ตอนนั้นปรางจำได้ว่าพี่อยากเป็นอาจารย์”

 

“จำได้ด้วย ดีใจนะเนี่ย จริงๆก็เป็นอยู่แหละแต่เป็นอาจารย์พิเศษแบบปราง พอคนเราโตขึ้นก็อยากจะทำอะไรเป็นของตัวเอง เพื่อนพี่ชวนบอกว่าให้พี่ทำงานไปอย่างเดียวเดี๋ยวงานบริหารเขาทำเอง ก็เลยโอเค พี่ว่า ดีลกับคนนี่ยากที่สุด ไม่ถนัดเลยครับ”

 

“จริงค่ะ ยากจริงโดยเฉพาะมนุษย์ผู้ใหญ่”

 

อาหารมาเสิร์ฟพอดี ชายหนุ่มตักของกินเล่นให้หญิงสาว

 

“มนุษย์ผู้ใหญ่เหรอ พี่คิดว่าเด็กดีลยากกว่าซะอีกครับ”

 

“พี่นัทเคยได้ยิน ร้ายเดียงสา ไหมคะ ปรางคิดว่าเด็กๆเขาก็เป็นแบบนั้นค่ะ ต่อให้ร้ายแค่ไหนของเขาก็แค่เรื่องธรรมดา ตามประสาเด็ก ไม่เหมือนมนุษย์ผู้ใหญ่ร้ายน่ากลัว ร้ายลึก ร้ายรู้หน้าไม่รู้ใจ”

 

ชายหนุ่มหัวเราะ ต้องยอมรับว่าจริงอย่างที่เธอว่า

 

“ชอบเด็กขนาดนี้ ทำไมไม่แต่งงานแล้วมีลูกล่ะครับ พี่เชื่อว่าปรางจะเป็นแม่ที่ดีมากนะ”

 

“ถามอะไรตอบยากจัง พี่นัทล่ะคะ เมื่อไหร่จะมีข่าวดี ทั้งหล่อ ทั้งเป็นคนดีแบบนี้ สาวคนไหนก็คงไม่ปฏิเสธ”

 

ที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากชะงักนิ่ง เขาเคยพลาดมาครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งนี้เขาจะไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดไปอีก แต่ยังไม่ทันเอ่ยปากโทรศัพท์ของปริมาก็สั่นขึ้นก่อน

 

“ขออนุญาตนะคะ พี่นัท สายไม่คุ้น อาจจะเป็นเรื่องงาน”

 

หญิงสาวกดรับสาย ทำท่าทางให้ชานัทกินได้เลยไม่ต้องรอ

 

“สวัสดีค่ะ”

 

“สวัสดีครับ คุณปราง ผมปฐวีครับ พ่อของแพทเอง สะดวกคุยไหมครับ”

 

“อ้อ คุณปฐวี สวัสดีค่ะ ได้ค่ะ”

 

“ขัดจังหวะทานข้าวรึเปล่าครับ”

 

“กำลังจะอิ่มพอดี คุยได้ค่ะ”

 

“น่าจะคุยยาว ผมให้คุณกินข้าวก่อนดีกว่า ว่าแต่จะเข้าไปที่โรงเรียนที่จะทำบ้างไหมครับ”

 

“กำลังจะไปกับบริษัทที่จะมารีโนเวทให้บ่ายนี้พอดีค่ะ วันนี้เลิกงานแล้ว ก็คงอยู่ที่นั่นหลังเสร็จธุระค่ะ”

 

“โอเคครับ งั้นเดี๋ยวเจอกัน”

 

หญิงสาววางสายไปแล้วกินข้าวต่อ

 

“พี่ว่าพี่คุ้นชื่อนี้จัง เหมือนเคยได้ยินบ่อยๆ”

 

“เหรอคะ พ่อของเด็กน้อยน่ารักคนนึงน่ะค่ะ บังเอิญเจอกัน”

ชานัทใจชื้นขึ้นมาทันใดที่รู้ว่าปลายสายเป็นผู้ชายที่มีครอบครัวแล้ว มองดูหญิงสาวเคี้ยวข้าวด้วยแววตาอ่อนโยน ครั้งนี้ เขาสัญญากับตัวเองว่าจะไม่พลาดอีก เขาติดรถเธอไปโดยให้ทีมขับรถตามไปอ้างว่าอยากลองนั่งรถยี่ห้อที่เธอขับว่าดีจริงสมคำร่ำลือหรือไม่ แต่อันที่จริงอยากจะได้อยู่ใกล้และพูดคุยกับหญิงสาวมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เขาอยากรู้คือเธอกำลังคบหาดูใจกับใครอยู่หรือไม่

 

รถยามบ่ายต้นๆไม่หนาแน่นนัก ไม่ถึงชั่วโมงหญิงสาวก็พาเขาลงทางด่วนและมาถึงตัวร้านกาแฟเก่า รถสองคันของทีมงานของเขาจอดรออยู่แล้ว ชานัทอาสารับกุญแจมาจากเธอเดินลงไปเปิดรั้วให้ ปริมารีบเข้าไปเปิดแอร์ให้ทุกคน วันก่อนเธอให้บริษัทความสะอาดเข้ามาจัดการทำความสะอาดภายในทั้งหมดก่อนครั้งหนึ่งหลังจากเจ้าของเก่าเคลียร์ของออกไปหมด ทั้งคู่แถมโต๊ะเก้าอี้ให้เธอไว้สองชุด เลยได้เป็นที่นั่งประชุมวันนี้พอดี

 

ทางทีมเริ่มนำเสนอแบบที่ร่างมาให้หญิงสาวที่นั่งหัวโต๊ะข้างๆชานัทผู้เป็นเจ้านายดู เริ่มจากระบบไฟที่จะทำใหม่ทั้งหมดตามที่เธอต้องการ เดินสายอย่างดี มีระบบความปลอดภัยกรณีเหตุฉุกเฉิน ส่วนที่จะเป็นออฟฟิศและส่วนต้อนรับกับส่วนที่จะกั้นเป็นห้องเรียนจะทุบปูนและเค้าน์เตอร์ครัวออกแล้วกั้นด้วยกระจกใสให้ห้องดูโปร่ง แบบห้องน้ำใหม่ที่ปริมาขอให้ต่อเติมเพิ่มจำนวนไม่ให้เด็กๆแออัดและสวนภายนอก ส่วนที่จัดเป็นที่นั่งรอกับน้ำพุสวยถูกใจเธอ ส่วนบริเวณโดยรอบที่เป็นที่จอดรถนั้นยังสภาพดีพร้อมใช้งาน ทุกคนเห็นตรงกันว่าไม่มีความจำเป็นใดที่ต้องปรับปรุง

“ปรางว่าไง โอเคไหมครับ อยากได้อะไรเพิ่มอีกไหม”

 

หญิงสาวประสานมือเอาไว้ใต้คาง ดูสิ่งที่เธอจดเอาไว้แล้วคิดว่าไม่มีอะไรเพิ่มเติม พลันก็นึกได้

 

“ชื่อกับที่อยู่ของโรงเรียนที่รั้วแล้วก็หน้าประตูค่ะ รับทำให้ด้วยไหมคะ”

 

“ได้สิครับ เดี๋ยวพี่ดูแบบให้เอง”

 

“ขอบคุณค่ะ พี่นัท”

 

มีเพียงหญิงสาวคนเดียวเท่านั้นที่ไม่รู้เลยว่า คนในทีมของเขาลอบสบตากันอย่างมีนัยยะ โดนปกติ งานเล็กๆแบบนี้ ชานัทจะไม่ลงมาทำเองเพราะเขาเป็นผู้บริหาร เอาแค่สเกลของงานที่ชานัทลงมาดูด้วยเองก็ทำให้คนในบริษัทสงสัยแล้ว ถึงขนาดลงมือทำงานรายละเอียดให้แบบนี้ ดูจะไม่ธรรมดา ก่อนลูกน้องจะสงสัยอะไรกันมากกว่านั้น ชานัทก็กระแอมในคอแล้ว สั่งสรุปงานสั้นๆและให้ทีมกลับได้ ส่วนเขาจะอยู่ต่อเพื่อเลือกแบบชื่อโรงเรียนที่เธออยากได้

 

ชานัทหยิบไอแพดและแล็ปท็อปของเขามาเปิดไล่ดูภาพตัวอย่าง หญิงสาวขยับตัวเข้ามาใกล้เพื่อดูภาพในจอ ชานัทได้กลิ่นหอมสะอาดจากตัวเธอเหมือนกลิ่นแป้งเด็ก ผิวแก้มขาวนวลเนียนบางจนเห็นเส้นเลือดฝอย ริมฝีปากบางเคลือบสีชมพูอ่อน

ปฐวีหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่าทำไมถึงรู้สึกไม่สบอารมณ์นักเมื่อเห็นภาพหญิงสาวอยู่ชิดใกล้หนุ่มหน้าตาดีที่เขาเคยคุ้นตา แขนกำยำของฝ่ายนั้นวางพาดไปบนพนักเก้าอี้ตัวที่เธอนั่งอยู่คล้ายโอบกอดและสายตาที่มองใบหน้าที่อยู่ใกล้นั้น คนเป็นผู้ชายด้วยกันคนไหนเห็นก็คงอ่านออกได้ไม่ยากเช่นเขา

 

            ปริมาเงยหน้าขึ้นมาพอดี เธอยกมือไหว้เปิดยิ้มให้

 

            “สวัสดีค่ะ คุณปฐวี”

 

            คนที่รับไหว้เริ่มรู้สึกคันหัวใจยิบๆขึ้นทุกครั้งที่เห็นรอยยิ้มน่ารักพร้อมรอยบุ๋มข้างแก้ม เมื่อชานัทเงยหน้าขึ้นมาตามเสียงเขาจึงได้เห็นชายหนุ่มรูปร่างสูง ไหล่กว้างตึงแน่นอยู่ในเชิ้ตสีเทาดำที่พับแขนมาเพียงครึ่งศอก ช่วงขายาวในกางเกงสแล็คสีดำเรียบกริบยิ่งส่งให้เขาดูยิ่งสง่าน่ามองสมกับตำแหน่งประธานเอสเอสซีที่ไม่มีใครในวงการนี้ไม่รู้จัก

 

            “สวัสดีครับ คุณชานัท ไม่ได้เจอกันนาน สบายดีนะครับ”

 

            “สวัสดีครับคุณปฐวี สบายดีครับ”

 

            ชานัทยืนขึ้น แม้เขาคิดว่าเขาสูงแล้วในระดับชายไทยด้วยกันแต่เมื่อยืนใกล้กันแล้วไม่อาจเทียบกับเขาได้เลย

 

            “เรียกผมแดนก็ได้ครับ ต่อไปเราคงได้เจอกันบ่อย”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา