ราคีกามกามา

-

เขียนโดย Domewriter

วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2565 เวลา 17.19 น.

  5 บท
  0 วิจารณ์
  1,928 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 30 เมษายน พ.ศ. 2566 14.48 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) ตำนานเจ้าชีวิตกินขี้

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

           ตี้เกาเจี้ยนคิดยกกองทัพทหารบุกแคว้นโง้วก่อนที่ตี้ฮูซาที่เป็นผู้ปกครองคนใหม่จะฟื้นฟูบ้านเมืองและกำลังทหารจนเข้มแข็ง 
           ฮ่วมลี้กราบทูลทัดทานว่า "แคว้นโง้วมีซุนวูเจ้าพิชัยสงครามและโงวจื้อซูแม่ทัพทหารฝีมือดี โดยเฉพาะซุนวู เมื่อครั้งกระโน้นช่วยเหลือโง้วจื้อซูนำกองทัพทหารบุกแคว้นช่อเข้าตีถึงเมืองหลวงเท่งโตว ใช้ทหารปานเทพยดา แม้แต่แคว้นใหญ่เช่นแคว้นชี้กับแคว้นจิ่นยังไม่กล้าลูบคม"
           ตี้เกาเจี้ยงเห็นว่าการศึกครั้งที่แล้วแคว้นโงวพ่ายแพ้แก่แคว้นอ้วกของตนเอง จึงไม่ฟังคำทัดทานจากบุ้นเจ้งและฮ่วมลี้
            ตี้เกาเจี้ยนได้แต่งตั้งเจี๊ยะโบ๊ยเป็นแม่ทัพ และยกทัพไปทำศึกกับแคว้นโง้ว การศึกที่ริมแม่น้ำจี้ตึ้งกัง  แม่ทัพโง้วจื้อซูใช้กลยุทธพิชัยสงครามของซุนวู พร้อมอาวุธในการสงครามที่คิดค้นทำขึ้นมาแข็งแรงคมกล้า ทำให้แคว้นโง้วรบชนะทัพทหารแคว้นอ้วก     
           โง้วจื้อซูนำทัพเข้าบุกตีนครหลวงของแคว้นอ้วก แตกพ่าย ตี้เกาเจี้ยนนำกองทหารหนีออกจากเมืองหลวง และถูกกองทัพแคว้นโง้วล้อมกักไว้ที่บนยอดเขาหวยกี
            ตี้เกาเจี้ยนกับฮ่วมลี้และทหารส่วนหนึ่งถูกล้อมกักอยู่บนภูเขาหวยกี เสบียงหมดสิ้น กำลังหนุนถูกตัดขาด ทั้งหมดล้วนรู้สึกหวาดหวันพรั่นพรึง
            ภายในถ้ำบนยอดเขา ตี้เกาเจี้ยนกับเสนาธิการฮ่วมลี้ทำการปรึกษากันตามลำพัง ฮ่วมลี้เสนอให้สินบนต่อขุนนางใหญ่ของแคว้นโง้ว ซึ่งก่อนทำสงครามฮ่วมลี้มีรายชื่อขุนนางใหญ่กังฉินของแคว้นโง้วที่สามารถให้สินบนได้
            ตี้เกาเจี้ยนทำตามแผนของฮ่วมลี้ให้เขานำทหารไปขอเจรจากับแม่ทัพโง้วจื้อซูของแคว้นโง้วและติดต่อเสนาธิการแป๊ะผี ซึ่งเป็นขุนนางกังฉิน
            แป๊ะพี่ทราบว่าครั้งนี้สามารถเรียกทรัพย์เข้ากระเป้าได้มหาศาลจึงเสนอต่อตี้ฮูซาให้ตัวเองเป็นผู้นำขุนนางและทหารไปเจรจากับตี้เกาเจี้ยน  
            เมื่อแป๊ะพี่นำคนมาติดต่อเจรจากับตี้เกาเจี้ยนในถ้ำบนภูเขาหวยกี ตี้เกาเจี้ยนก็เสนอสินบนจำนวนมากบนให้แป๊ะพี่ช่วยหว่านล้อมตี้ฮูซาให้ไว้ชีวิตของตนเอง
           ขุนนางแป๊ะพี่จึงนำคนติดตามกลับไปเฝ้าทูลรายงานต่อตี้ฮูซาว่า หากทำสงครามจนถึงสิ้นสุด มิได้ประโยชน์ใด มีแคว้นอื่นๆ อีกที่คิดทำสงครามกับแคว้นโง้วเรา หากเราประหารตี้เกาเจี้ยน ประชาชนแคว้นอ้วกไม่พอใจไม่นานก็มีผู้นำก่อกบฏ แต่หากคร่ากุมตัวตี้เกาเจี้ยนเป็นเชลยบังคับให้ส่งบรรณาการณ์มาสะสมเป็นทุนเสบียงให้กับแคว้นเรา จะเป็นประโยชน์ ทั้งเป็นการตัดรอนทุนเสบียงด้านต่างๆ ของแคว้นอ้วกในตัวแล้วยังใช้ส่งเสริมแคว้นโง้วป้องกันแคว้นอื่นๆ ได้อีก            
             ตี้ฮูซาทำตามคำแนะนำของแป๊ะพี่ ไม่ฟังคำทัดทานของโง้วจื้อซูและซุนวูที่ให้นำทหารบุกขึ้นเขาไปจับตี้เกาเจี้ยนกับฮ่วมลี้ประหารเสียในทันที
             แม้ว่าโง้วเจียงกุน (แม่ทัพแซ่โง้ว) และซุนวูไม่เห็นด้วย แต่เมื่อตี้ฮูซาเห็นด้วยกับขุนนางใหญ่แป๊ะพี่ก็ไม่อาจขัดคำสั่งได้  แป๊ะพี่และซุนวูจึงนำขบวนทหารขึ้นเขาไปนำตัวตี้เกาเจี้ยนไปเป็นเชลยศึกที่แคว้นโง้ว
           ตี้เกาเจี้ยงพ่ายแพ้ตกเป็นเชลยศึกอยู่ที่แคว้นโง้ว เขาถูกถอดยศตี้ (ราชา) ลดตำแหน่งเป็นอ๋องเกาเจี้ยนแห่งแคว้นอ้วก และถูกหยามหยันนานับประการ
           อ๋องเกาเจี้ยนคับแค้นใจอย่างยิ่ง เขาต้องการที่จะแก้แค้นและกู้ชาติ ดังนั้นเปลือกนอกสวามิภักดิ์ต่อตี้ฮูซา แต่ในใจคิดหาทางล้างแค้นและกู้ชาติตลอดเวลา
           ฮ่วมลี้ถูกปล่อยตัวกลับไปแคว้นอ้วก เขาได้รับทำหน้าที่เป็นทูตเจริญสัมพันธ์ไมตรีเดินทางไปมาระหว่างแคว้นโง้วและแคว้นอ้วกทั้งสอง ติดต่อและเยี่ยมเยียนอ๋องเกาเจี้ยนที่ถูกจับเป็นเชลย
            ขณะที่อ๋องเกาเจี้ยนเป็นเชลยอยู่ที่แคว้นโง้ว ตี้ฮูซาส่งเชื้อพระวงศ์ที่เป็นญาติไปเป็นอ๋องปกครองแคว้นโง้ว  โดยมีฮ่วมลี้และบุ้นเจ้งทั้งสองเสนาธิการช่วยเหลืองานเชื้อพระวงศ์ที่ถูกส่งมาเป็นอ๋องปกครองแคว้นอ้วก

             หลังจากเอาชนะแคว้นอ้วกได้ แคว้นโง้วที่มีซุนวูเป็นอัครเสนาบดีฝึกกองทัพทหารก็ไม่มีแคว้นใดกล้าทำศึกสงครามกับแคว้นโง้วอีกทั้งยังส่งทูตมาเจริญสัมพันธ์ไม่ตรี ทำให้บ้านเมืองอยู่ในช่วงสงบสุขค้าขายรุ่งเรือง

              ซุนวูจึงกราบทูลต่อตี้ฮูซาว่า ในขณะนี้บ้านเมืองสงบสุข เพื่อความมั่นคงของแคว้นโง้ว อ๋องฮูซาสมควรจจะมีฮองเฮาและองค์รัชทายาทไว้สืบครองราชบัลลังค์ ดังนั้นตี้ฮูซาจึงทรงงานกับเหล่านางสนมในวังมากขึ้น และตามประเพณีหากนางสนมคนใดมีบุตรชายให้พระองค์ก็จะได้เป็นฮองเฮา บุตรชายคนโตก็จะได้เป็นองค์รัชทายาท เหล่านางสนมจึงทำทุกวิถีทางให้ตี้ฮูซามีเวลาอยู่กับพวกนางมากที่สุด
             วันหนึ่ง ตี้ฮูซาเกิดมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง บรรดาหมอหลวงทั้งหลายไม่สามารถให้การรักษาได้ อ๋องเกาเจี้ยนได้เสนอต่อแพทย์หลวงขอให้เขาได้ชิมอุจจาระของตี้ฮูซา เพื่อวินิจฉัยอาการเจ็บป่วยของตี้ฮูซา

            อ๋องโกเจี้ยนชิมอุจาระของตี้ฮูซาต่อหน้าขุนนางเสนาธิการทั้งปวง และบอกว่า เพียงแค่มีพระวรกายที่เย็นเกินไป อันเนื่องจากใกล้ชิดสนิทสนมกับสตรีทั้งกลางวันและกลางคืน ทำให้ในร่างรับธาตุเย็นของสตรีมากเกินไป หากได้ดื่มสุราผสมกับยาสมุนไพรที่เป็นของเผ็ดร้อนแรงและทำร่างกายให้อบอุ่นขึ้นก็จะมีอาการดีขึ้นเอง หากวิจฉัยผิด ตี้ฮูซาอาการไม่ดีขึ้นจนหายประชวร ให้ตัดศรีษะของเขาในทันที

            ตี้ฮูซาตัดสินพระทัยให้แพทย์หลวงทำตามวิธีรักษาของอ๋องเกาเจี้ยน พระองค์ก็หายประชวร เรื่องนี้ทำให้ตี้ฮูซาและเหล่าขุนนางล้วนเชื่อว่าอ๋องเกาเจี้ยนมีความจงรักภักดีอย่างแท้จริง

            ตี้ฮูซาจึงคิดปล่อยตัวอ๋องเกาเจี้ยนกลับคืนสู่แคว้นอ้วก และให้อ๋องเกาเจี้ยนมีอำนาจปกครองดูแลแคว้นอ้วกไม่ต่างจากที่เคยเป็นราชา  ซุนวูกล่าวเตือนตี้ฮูซาว่า อย่าได้ไว้วางใจในอ๋องเกาเจี้ยนจนเกินไป แต่ก็มิได้ทัดทานพระประสงค์ของตี้ฮูซา          

            ตี้ฮูซาจึงมีราชโองการให้ปล่อยตัวอ๋องเกาเจี้ยนกลับไปแคว้นอ้วก พร้อมพระราชทานสิ่งของล้ำค่ามากมาย  แต่แคว้นอ้วกในฐานะเป็นเมืองขึ้นยังต้องจัดส่งเครื่องบรรณาการณ์ให้แคว้นโง้วทุกปี

             อ๋องเกาเจี๋ยนกลับมาแคว้นอ้วกก็ตั้งสัตย์สาบานจะล้มล้างแคว้นโง้วให้ได้ โดยนอนบนเตียงฝืนแข็งกระด้างและเลียดีขมฝาดไปจนกว่าจะกู้ชาติได้สำเร็จ
             อ๋องเกาเจี๋ยนเริ่มวางแผนล้างแค้นและกู้ชาติ โดยมีฮ่วมลี้และบุ้นเจ้งทั้งสองเสนาธิการให้คำปรึกษาในการวางแผนกู้ชาติ
.....จบบทที่สี่
         
         

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา