ลูน่า เทพธิดาปีศาจ

-

เขียนโดย ซึซะคุ

วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 เวลา 11.26 น.

  2 ตอน
  1 วิจารณ์
  610 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 11.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ตอนที่ 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

        ท้องฟ้าทั่วทั้งอาณาจักรเป็นสีครามหม่น ช่วงเวลาได้ล่วงเลยเข้าสู่ยามรุ่งสางแล้ว ทางเดินยาวมุ่งออกจากตัวปราสาทเข้าสู่ผืนป่า สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นสนสูง ขนาบอยู่ 2 ข้างทาง ปลายทางของเส้นทางนั้น มีแท่นหินสูงโค้งตั้งตระหง่านอยู่ ภายในวงโค้งนั้น มีลักษณะเหมือนคลื่นพลังงานสีฟ้า สีเงิน สีม่วงใส หมุนวนอยู่ภายใน รอบๆ ของบริเวณประตูหินนั้น มีผลึกสีเลือดรูปหยดน้ำ ลอยตัวอยู่สลับไปมา สูงต่ำ ตามบริเวณวงโค้งของประตู ทั้งด้านซ้าย และขวา หลากหลายก้อน เมื่อมองเข้าไปในประตูลักษณะโปร่งใส สามารถมองทะลุเห็นภาพด้านหลังของผืนป่าที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน ประตูนี้เป็นประตูข้ามมิติ ไร้ซึ่งพรมแดน สามารถไปยังต่างแดน ต่างมิติ ต่างภพได้ ไม่ใช่ประตูทั่วไปของดินแดนแห่งนี้ ที่สามารถผ่านเข้าออกได้ตามปกติของดินแดน

     

        เบื้องหน้าของประตูนั้น มีบุรุษหนุ่ม ร่างกายกำยำ สูงตระหง่าน 2 คน ยืนเฝ้าอยู่ทางด้านฝั่งซ้าย และขวาของประตูหิน ชายทั้ง 2 มีลักษณะสูงใหญ่ ผมหยักศกยาวประบ่า อาภรณ์ที่สวมใส่มีลักษณะ เป็นเสื้อคลุมยาวสีดำ ชายผ้าขาดเป็นริ้วล่องลม ตรงบ่าทั้ง 2 ข้าง มีเกราะเหล็กคลุมทับผ้าคลุมไว้อีกที ภายใต้ชุดนั้น เผยให้เห็นแผ่นอกที่กำยำ และมือทั้ง 2 ข้าง ได้กุมปลายด้ามอยู่ระหว่างขาทั้ง 2 ข้าง ดาบมีลักษณะใหญ่ และตัวดาบนั้นมีสีน้ำตาล สีดำ และมีไม้เลื้อยพันรอบถึงปลายดาบ ประหนึ่งมันไม่เคยได้ออกสู่สนามรบมาเนิ่นนาน

     

        เส้นทางเดินออกจากตัวปราสาท มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง กำลังเดินทางมุ่งสู่ป่า เพื่อไปที่ประตูหิน หญิงสาว 2 คน และชายหนุ่มอีก 3 คน ระหว่างทางที่เดินนั้น ไม่มีใครคุยกับใคร ยิ่งทำให้บริเวณโดยรอบเงียบสงัด มีเพียงเสียงของสายลม และเสียงของนกแผดเสียงร้อง และเสียงของฝีเท้าที่เหยียบย่ำลงบนผืนดิน จนกระทั่งเดินมาถึงระยะที่สามารถมองเห็นประตูหินที่ตั้งสูงตระหง่านอยู่ด้านหน้า ก็ได้ยินเสียงตะโกนดังก้องกังวานมาแต่ไกล

     

        “ห้ามเข้ามาในเขตนี้ พวกเจ้าเป็นใคร!!!” เสียงที่ดังออกมานั้นแม้จะอยู่ไกล แต่กลับได้ยินทุกถ้อยคำอย่างชัดเจน หนึ่งในกลุ่มนั้น ได้ยื่นตราสัญลักษณ์ขึ้นบนท้องฟ้า เมื่อบุรุษทั้ง 2 ได้เห็น ก็วิ่งอย่างรวดเร็วเข้ามาโค้งคำนับชายผู้นั้น

 

       “ข้าทั้ง 2 คำนับองค์ราชัน” ทั้ง 2 โค้งคำนับและก้มศีรษะลง หลังจากนั้นจอมราชัน ก็พายมือ โบกสะบัด 1 ครั้งเป็นนัยให้บุรุษทั้ง 2 กลับไปประจำที่ด้านหน้าประตูเช่นเดิม

 

       “พวกเจ้าเอาตราให้เขาดู เจ้าจะสามารถผ่านประตูนี้ไปได้ หวังว่าไปครั้งนี้จะได้วิญญาณทาสกลับมา และแผ่ขยายอำนาจให้ฝังรากลึกในดินแดน และภพต่างๆ ที่พวกเจ้าย่างกรายไป ถ้าพวกเจ้าเจอพวกแสงสว่าง ก็กำจัดทิ้งได้ ไม่ต้องปรานี หรือถ้าทำให้พวกมันมาอยู่ใต้อำนาจได้ ข้าจะมีรางวัลให้ ลูกข้า คงไม่ทำให้ข้าผิดหวัง…..ใช่หรือไม่” จอมราชันกล่าว พร้อมแสยะยิ้มที่มุมปาก ดูทีเล่นทีจริง แต่แฝงไปด้วยความในอันน่ากลัว

       

       “พวกเราจะไม่ทำให้ท่านพ่อผิดหวังแน่” เสียงตอบรับอย่างขันแข็งของเหล่าบรรดาบุตร

 

       “ข้าส่งพวกเจ้าแค่เพียงเท่านี้ ข้าต้องกลับปราสาทก่อน ขอให้พวกเจ้าจงโชคดี”

 

       “น้อมส่งท่านพ่อ” บรรดาเหล่าบุตร ก้มลงโค้งให้กับจอมราชัน และมองเขาเดินจนลับสายตา

 

       “ข้าไม่อยากไป” ชายร่างสมส่วน ดูสำอาง กล่าวออกมา

 

       “อีโอรอส เจ้าจงหยุด โอดครวญได้แล้ว เจ้าจงทำตัวให้สมกับเป็นบุตรแห่งท่านพ่อเสียบ้าง” ชายที่ยืนอยู่ด้านข้างกล่าว ร่างกายของเขาสูงใหญ่ กำยำ หน้าตาคมเข้ม หญิงใดได้เห็น คงไม่พ้นหลงเสน่ห์เป็นแน่

 

       “ท่านพี่แอทลาส ท่านยังไม่คุ้นชินกับน้องชายของเราอีกหรือ เจ้าสำอาง หมกมุ่นในกาม ทาสรับใช่ที่หามาได้แต่ละครา ก็มีแต่พวกหญิงสาว จนท่านพ่อไม่มีคำกล่าวใดให้กับ อีโอรอสอีกแล้ว” หญิงสาวรูปร่าง อรชรอ้อนแอ้น ได้กล่าว พร้อมส่งสายตาเย้ยหยันไปทางอีโอรอส

 

       “เจ้าเงียบไปเลย เฮดีน่า วันๆ เจ้าก็ชอบแต่ยั่วผู้ชาย ใช่เรือนร่างเจ้าหลอกล่อพวกผู้ชายเหมือนกัน ไม่ต่างจากข้าสักเท่าไหร่หรอก” อีโอรอสกล่าว พร้อมมองเฮดีน่าตั้งแต่หัวจรดเท้า พร้อมกับเบ้ปากให้กับนาง

 

       “พอสักที ทั้ง 2 คน เจอหน้ากันทีไร ต้องตีกันตลอด ไปกันได้แล้ว เสียเวลาทำภารกิจ มายืนดูพวกเจ้า 2 คนทะเลาะกัน” หญิงสาวอีกคน ได้กล่าวเสียงเข้ม เตือนทั้ง 2 คน

 

       “ในที่แห่งนี้ ก็ยังพอมีเจ้านี้ละ ที่พอรู้ความแอธีน่า พวกเราไปกันเถอะ ถ้าพวกเจ้าอยากเถียงกันต่อก็ตามสบาย ครั้งนี้ผลงานต้องเป็นของข้า ผู้สืบต่อจากท่านพ่อ ก็ต้องเป็นข้าเท่านั้น” แอทลาส มองน้องทั้ง 2 แต่ปรายตานั้น กลับส่งสายตามาทางแอธีน่า

 

       “ท่านพี่แอทลาส อย่าเพิ่งด่วนสรุปเร็วเกินไปสิคะ การแข่งขันนี้เพิ่งเริ่ม ก็ยากจะตัดสินถึงผล แต่น้องก็แอบหวังว่าคงเป็นท่านน้า………” แอธีน่า พูดพลางลากเสียงยาว พร้อมส่งยิ้มเบาๆ ให้กับพี่ชายของตน

 

       “เจ้า…..!!!!!” แอทลาสกัดฟันเน้น พร้อมส่งสายตาขุ่นเคืองมาทางแอธีน่า แอทลาสสะบัดชายเสื้อ และเดินตรงไปทางผู้คุมประตู ยื่นตรา พร้อมทั้งบอกรหัสลับ และเดินเข้าประตูไป

 

       “เหอะ!!!….. พวกเจ้าทั้ง 2 คนก็ตามมาได้ละ อย่ามั่วทะเลาะกัน ก็อย่าขอไปในที่เดียวกันละ จะได้ไม่ต้องมาตีกันที่โลกอื่นอีก” แอธีน่า พูดเสร็จก็เดินหันหลัง แล้วเดินไปที่ประตูเช่นกัน

 

       “ใครกันแน่ที่ทะเลาะกัน” อีโอรอส และเฮดีน่า พูดพร้อมกัน พร้อมทั้งส่งสายตาให้กัน แสดงถึงความคิดเห็น ในครั้งนี้ที่ตรงกัน

 

       ขณะที่อีโอรอส เดินกลับไปกลับมา ลังเลใจ ว่าจะไปดี หรือไม่ไป เพราะไม่อยากขัดคำสั่งของบิดาในการทำภารกิจ แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากไป อยากอยู่เที่ยวเล่น ล่าวิญญาณในดินแดนพิภพปัจจุบันในตอนนี้เสียมากกว่า ไม่อยากที่จะไปมิติอื่น หรือโลกอื่น และในขณะนั้นเอง เฮดีน่า ได้จับแขนของอีโอรอสไว้ และกล่าวว่า

 

       “อีโอรอสน้องข้า ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากไปเพราะเหตุใด เจ้ากำลังชมชอบสาวนางหนึ่งที่มาร่วมในงานฉลองเมื่อคืนนี้ใช่หรือไม่ เจ้ากลัว ถ้าเจ้าไป จะมีบุรุษอื่นตามจีบสาวคนนั้นก่อนเจ้า” เฮดีน่ายิ้ม แฝงด้วยความเจ้าเล่ห์ และกล่าวต่อไปว่า

 

      “ข้ามีวิธีที่เจ้าจะอยู่ล่าวิญญาณในดินแดนนี้ต่อ และไปหาสาวของเจ้าได้ อีกด้วย”

 

       “พี่มีวิธีอะไร ถ้าข้าไม่ไปต่างมิติ ท่านพ่อก็ต้องรู้ เพราะหินตราสัญลักษณ์ที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ จะไม่ส่องสว่าง มันเชื่อมกับตราที่เรามีอยู่ มันจะส่องสว่างเมื่อเราไปยังมิติอื่น” อีโอรอสกล่าว พร้อมกอดอกทั้ง 2 ข้าง เอียงใบหน้าไปทางเฮดีน่า เพื่อฟังแผนการของนาง

 

       “ถ้าพี่หาคนที่อยากไปแทนเจ้าได้ละ เจ้าเพียงแค่หลบไปที่อื่น จนถึงกำหนดเวลาที่ท่านพ่อตั้งไว้ เจ้าก็แค่แสดงตัวกลับมา ท่านพ่อไม่มีทางรู้แน่ เพราะระหว่างนี้ ท่านพ่อออกล่าสัตว์อสูรที่เพิ่งเจออยู่ ข้าได้ยินมา” เฮดีน่ากล่าว

 

       “ใครจะกล้าพอไปแทนข้า ไปยังดินแดนต่างมิติ ต่างโลกที่ไม่รู้จัก แถมเจ้าก็รู้อยู่แก่ใจ เคยมีคนไปแล้วก็ไม่มีชีวิตรอดกลับมา เพราะถูกเผ่าแสงสว่างจัดการ อาจจะเพราะข้าเก่ง เลยรอดกลับมาทุกครั้งที่ไป” อีโอรอส กล่าวพลาง เอามือกอดอก พร้อมเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย แสดงความภาคภูมิใจในตัวเอง

 

       “เหอะ…..เก่งหรือคอยหลบเป็นลูกเต่ากันแน่” เฮดีน่า พูดงึมงำเบาๆ ในลำคอ

 

      “เฮดีน่า เจ้าว่าอะไรนะ เมื่อกี้เราฟังไม่ถนัด” อีโอรอสหันไปถามนาง

 

      “ข้าว่า ข้ามีคน และคนนั้นก็อยู่แถวนี้แล้วด้วย” เฮดีน่า บอกปัดไปอีกเรื่องหนึ่งแทน

 

      “ใคร…ไหน…คนนั้นอยู่ไหน ตรงนี้ก็มีแค่เรา 2 คน กับคนเฝ้าประตู” อีโอรอส มองไปรอบด้าน ก็ไม่เห็นผู้ใด แต่เมื่อจ้องให้ดี ห่างออกไป 5 ช่วงตัว ด้านซ้ายมือของเขา หลังต้นไม้ใหญ่ เขามองเห็นชายของกระโปรงสีขาว ที่โผล่พ้นต้นไม้ออกมาอยู่ลิบๆ ขณะที่ อีโอรอส กำลังจะตะโกนถาม เฮดีน่าก็เอามือปิดปากเขาไว้

 

       “คนที่แอบอยู่ตรงนั้น ก็คือลูน่า นายก็อย่าตะโกนไป” เฮดีน่า ปล่อยมือจากปากของอีโอรอส

 

       “ลูน่า!! เจ้าเสียสติไปแล้วเหรอ จะให้ลูน่าไปแทนเราเนี้ยนะ ถ้าท่านพ่อรู้เอาเราตายแน่ พี่ก็รู้ท่านพ่อรักและถนอมลูน่าเป็นที่สุด ถึงแม้จะให้ลูน่าอยู่ปราสาทนั้นเพียงลำพังกับคนรับใช่ไม่กี่คน แต่ของในปราสาทนั้นไม่เคยมีอะไรขาด ห้องนอนของลูน่าเอง ไม่แน่ยังใหญ่กว่าพวกเราด้วยซ้ำ แถมเวลาท่านพ่อกลับมาจากต่างแดน ท่านต้องมีของฝากไปให้ลูน่าเสมอ ถึงท่านพ่อไม่ได้ไปหาลูน่าเอง ท่านพ่อก็สั่งคนเอาไปให้" อีโอรอส แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับเฮดีน่า

 

       “นายไม่พูด พี่ไม่พูด ใครจะรู้ อีกอย่างเราไม่ได้ให้ตรากับลูน่าไป แล้วท่านพ่อจะลงโทษได้เช่นไร ถ้าท่านพ่อรู้ก็บอกแค่เจ้าทำตราตกไว้ เจ้าก็ตามหาตราแล้ว แต่หาไม่เจอ ก็แค่นั้น”

 

       “แล้วถ้าเกิดอะไรกับลูน่าในโลกนั้นละ จะทำอย่างไร ไม่ได้ ข้าไม่เอาด้วย ข้าไปเอง” ว่าพลาง อีโอรอสจะเดินไปที่ประตูมิติ

 

       “เดี๋ยวก่อน พี่ไม่ได้จะให้ลูน่าไปคนเดียว พี่จะไปสถานที่เดียวกับลูน่า คอยเฝ้าดู และดูแลความปลอดภัยของลูน่าเอง พอถึงเวลา พี่ก็พากลับมาพร้อมกัน ไปส่งลูน่าที่ปราสาท เหมือนประหนึ่ง ลูน่าไม่เคยออกนอกอาณาจักรมาก่อน น้องชาย….. นายก็รู้ฝีมือของพี่สาวนาย ก็ไม่ใช่ระดับธรรมดา และเคยฆ่าพวกแสงสว่างมาแล้ว” เฮดีน่า พยายามเกลี้ยกล่อมให้อีโอรอสเห็นด้วยกับเธอ

 

       “พี่ไม่ค่อยชอบลูน่า คงไม่ได้มีแผนอะไรใช่ไหม” อีโอรอส ถามเฮดีน่ากลับทันที ยังคงระแวงในตัวพี่สาวของตนอยู่

 

       “ทำไมคิดอย่างนั้นละ ลูน่าก็ถือเป็นน้องคนหนึ่ง ถึงแม้จะต่างมารดา พี่ก็แค่สงสารลูน่าเท่านั้นเอง นายก็เห็นด้วย 2 ตาของนายมาแล้วนี่ ลูน่าอ้อนวอนท่านพ่อมากี่ครั้งแล้ว เรื่องขอออกไปนอกอาณาเขตดินแดน โดนท่านพ่อปฏิเสธตลอด พี่ก็แค่อยากให้ลูน่า ได้เห็นสิ่งแปลกใหม่ พอข้ามไปแล้ว พี่ก็แสดงตัวให้ลูน่าเห็นเอง ไม่ต้องกลัว ว่าจะทิ้งนางหลอกน่า” เฮดีน่าบอกกับอีโอรอส แต่ในใจของนางนั้นกลับคิดต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ถ้านางได้ไปถึงดินแดนนั้น พร้อมกับลูน่า นางจะทำให้ลูน่าหายไปตลอดกาล นางเฝ้ารอโอกาสนี้มานานเพื่อที่จะกำจัดลูน่า ทางด้านมาธิลด้า นางก็หลอกให้ดื่มน้ำที่ผสมหญ้านิทราทำให้หลับใหล กว่าจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นางก็คงหาวิธีช่วยลูน่าไม่ทันแล้ว ส่วนข้ารับใช้ในปราสาท นางก็จัดการเรียบร้อยหมดแล้ว ทุกความเคลื่อนไหวของลูน่าในครั้งนี้ อยู่ในสายตาของเฮดีน่ามาตลอด

 

       “พี่แน่ใจนะ สัญญาแห่งปีศาจ….. แต่เออ…..ปีศาจ ปีศาจอย่างท่านพี่นี้ปลิ้นปล้อนกลับกลอกที่สุดละ 555” อีโอรอส พูดพลางมองหน้าพี่ของตนและหัวเราะออกมาเสียงดัง

 

       “เจ้า…!!!” เฮดีน่าตะโกนใส่อีโอรอส แต่เพียงชั่วครู่ นางก็เริ่มลดเสียงลงและพูดชวนเชื่อต่อ “'งั้นก็ทำตามที่พี่บอก พอไปใกล้บริเวณต้นไม้นั้นก็แกล้งทำตก และตามหาตรา เมื่อลูน่าเห็นตราต้องเก็บแน่” ทั้ง 2 ยังคุยกันอีกสักพัก จนอีโอรอสยอมทำตามแผนของ เฮดีน่า

ทั้ง 2 คน แกล้งทำเป็นหาอะไรสักอย่าง เมื่อเดินเข้าใกล้ต้นไม้ที่ลูน่าแอบอยู่ อีโอรอส ก็ทิ้งตราของตัวเองลง และพูดเสียงดังขึ้นว่า “ตกอยู่ไหนนะ ก็เอาติดตัวมานะตรา แต่ข้าจำได้ว่าเอามันออกมาดู แถวๆ นี้ละ อยู่ไหนนะ” เฮดีน่าช่วยพูดอีกแรงว่า “นายแน่ใจนะว่าไม่ได้ลืมไว้ที่ปราสาท เราต้องใช้ตรา พร้อมบอกกับผู้พิทักษ์ประตูด้วยว่า ความฝัน จันทรา ลวงตา ถึงจะผ่านไปได้” แล้วทั้ง 2 ก็เดินไปอีกทาง ให้ห่างจากต้นไม้ที่ลูน่าแอบหลบอยู่

 

       ลูน่าเมื่อเห็นพี่ทั้ง 2 เดินออกไปไกล ก็เดินออกมาจากต้นไม้ที่แอบซ่อนตัวอยู่ เพราะในขณะที่ลูน่าซ่อนตัวอยู่นั้น ก็ได้ยินสิ่งที่ทั้ง 2 คุยกัน และก็บังเอิญเห็นตราที่ อีโอรอสแกล้งทำตกไว้ ในใจของลูน่าแอบดีใจ และรู้สึกโชคดีมาก ที่ได้ทั้งเจอป้าย แล้วก็ยังได้ยินรหัสลับที่ต้องบอกกับผู้ดูแลหน้าประตูมิติผ่านแดนอีก ลูน่าหารู้ไม่ ว่าเหตุบังเอิญทั้งหมดนั้น เป็นแผนของพี่ทั้ง 2 ของเธอเอง

       ลูน่าเดินไปถึงหน้าประตู พร้อมยื่นตรา เมื่อชายผู้เฝ้าประตูกล่าวถาม รหัสผ่าน ลูน่าก็ตอบตามที่ได้ยินมา

 

       “ผ่านได้ นายหญิงน้อยอยากไปที่ใด ก็ตั้งจิต โชคชะตา จะนำพาท่านหญิงน้อยไปเอง ถ้าเกิดท่านหญิงทำตราหาย ก็ขอให้ท่านหญิงจำรหัสที่กล่าวมานั้นให้ขึ้นใจ เมื่อถึงเวลา จะพาท่านหญิงกลับมายังดินแดนแห่งนี้อีกครั้ง” ผู้ดูแลประตูมิติกล่าวจบ ก็โค้งให้กับลูน่า และหันกลับไปยื่นประจำที่เดิม

 

       ลูน่าเดินเข้าประตู และหลับตาลง ตั้งจิต ลูน่าพูดออกมาเบาๆ ว่า “ขอให้ได้ไปสถานที่ตระการตา ไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นสถานที่สนุก ตื่นเต้น หลากหลาย มีสีสันมากกว่าที่ที่เราอยู่ตอนนี้ด้วยเถอะ”

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

 

       ลูน่าค่อยๆ ลืมตาขึ้น ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้านั้น ทำเอาตัวลูน่าเองถึงกับยืนนิ่งไม่ไหวติง ดวงตาทั้ง 2 เบิกกว้าง ลูน่าเผยอริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย เหมือนอยากจะเอ่ยอะไรสักอย่างออกมาจากริมฝีปากคู่นี้ แต่ไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้านั้น ทำให้ลูน่ารู้สึกชาไปทั้งตัวและหัวใจ แม้ลูน่าจะเคยได้อ่านในหนังสือที่ห้องหนังสือ รวมถึงภาพวาดที่บรรยายภาพที่อยู่เบื้องหน้านั้นมาหลายคราแล้ว แต่ภาพที่อยู่เบื้องหน้านั้นช่างแตกต่างเสียเหลือเกินจากคำบรรยาย รวมถึงภาพวาดในหนังสือเหล่านั้น…..

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา