รักอันตรายคุณชายมาเฟีย-กลรักดวงใจตะวัน

5.0

เขียนโดย GreenBerry

วันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567 เวลา 19.11 น.

  1 chapter
  0 วิจารณ์
  190 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567 19.23 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) บทนำ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 Chapter 1

 

***แจ้งด่วน***

ห้ามนำไปหารายได้/ห้ามก็อปไปลงแพทฟรอมของตนเอง

โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน

!!ลงนิยายในลิงก์นี้นะงับ หากใครผ่านมาเห็นสามารถคลิ๊กตามอ่านได้ที่ลิงค์นี้เท่านั้น!!

*มีลงในจอยลดา(แต่ตอนนี้ยังไม่มี)*มีแบบเวอร์ชั่นจอยแชท(แต่ตอนนี้ยังไม่มีเร็วๆนี้)

หากใครเห็นหรือผ่านมาเข้าขอความกรุณาเข้าไปกดติดตามหรือกดใจ คอมเม้นท์ให้กำลังใจให้เราหน่อยนะ

เราอยากทราบฟีดแบคจากทุกคนว่าควรไปในทิศทางไหน

***หากลิงก์เสียเข้าลิงก์ไม่ได้ให้พิมพ์ในช่องค้นหา(รูปแว่นขยาย)ของเว็บไซต์หรือแอพฟิเคชั่น "readawrite"

"รักอันตรายคุณมาเฟีย-กลรักดวงใจตะวัน"

      https://www.readawrite.com/a/9b649c6f4d7c95b5372fed9bda5dc179

 

ช่วงเช้าของวันนี้ฉันและเพื่อนๆได้เข้าร่วมกิจกรรม open House ของมหาวิทยาลัยโดยทางวิทยาลัยจัดส่งจดหมายเชิญชวนมาให้ทางโรงเรียนเข้าร่วมกิจกรรม ฉันและเพื่อนๆในชุดนักเรียนมัธยมปลายเดินเรียงแถวเข้ามาลานกิจกรรมของคณะบริหารธุรกิจ

"ส้ม แกช่วยฉันมองหน่อยสิว่าพี่บีเอ็มอยู่ไหน วงในบอกว่าวันนี้พี่บีเอ็มเข้ามาคณะ”ใบเตยสะกิดไหล่เบาๆเพื่อขอให้ฉันช่วยกันสอดส่องหารุ่นพี่สุดหล่อขวัญใจสาวๆทั้งโรงเรียน

“เขาหลอกแกแล้ว”

 “ฉันอุตส่าห์ตื่นเช้ามาแต่งหน้า ถ้าพี่บีเอ็มเห็นหน้าฉันตอนนี้พี่เขาต้องตกตะลึงในความสวยของฉันแน่ๆ”ใบเตยกระซิบกระซาบข้างหูฉัน

“กับการเรียนพยายามตื่นเช้ามาแบบนี้ไหม”ฉันบ่นเพื่อนพร้อมกับส่ายหน้าไปมาด้วยความเหนื่อยใจที่เพื่อนของตัวเองเอาแต่ชูคอเป็นยีราฟมองหาแต่พี่บีเอ็มไม่หยุดหย่อน

“ใบเตย เมื่อไหร่แกเลิกชูคอเป็นยีราฟสักที”

“ทำไม?”

“ฉันอายคน”ฉันพูดแซวเพื่อนขำๆจนใบเตยทำหน้าบึ้งใส่ฉัน

“ถ้าฉันเจอพี่บีเอ็มสุดหล่อฉันจะไม่บอกแก ฉันรู้นะว่าแกก็ชอบพี่บีเอ็ม”

          

          “…”

“วันนี้มีนักร้องดังๆขึ้นร้องหลายเพลงเชียวละฉันอยากเห็นพี่ๆวงชูการ์”ใบเตยพูดยิ้มๆพร้อมกับชี้นิ้วไปทางเวทีใหญ่กลางสนามกีฬา

“อ่า” ฉันพยักหน้ารับเพราะรู้ว่าเพื่อนสนิทเป็นแฟนคลับวงชูการ์บอยแบรนด์ที่เพิ่งเดบิวต์ได้ไม่ถึงปีแต่กระแสตอบรับดีมากจากการปล่อยอัลบั้มแรก ยอดการสั่งซื้ออัลบั้มถล่มทลาย เพลงติดชาร์ทสามเดือนเต็ม

กว่าพวกเราจะเดินชมคณะเสร็จจนเย็นฉันและใบเตยรีบวิ่งเข้ามาจับจองที่เพราะผู้คนมากหน้าหลายตาต่างทะยอยเดินเข้ามาในสนามเพื่อจับจองพื้นที่เช่นกัน

“ใบเตยยืนตรงนี้จะดีเหรอ?”ฉันถามเพื่อนสนิทที่พาฉันมายืนอยู่แถวตรงกลางเพื่อมองเห็นเวทีชัดสุด

“ดียิ่งกว่าดีอีก”ใบเตยพูดพร้อมกับยกป้ายไฟในกระเป๋าผ้าขึ้นมาชูเหนือหัวเพราะฉันเองไม่ทราบว่าเพื่อนสนิทพกมันมาตั้งแต่ตอนไหน

 สักพักใหญ่เสียงเพลงดังลั่นทั่วสนามกีฬาเหล่านักศึกษาชายหญิงต่างเคลื่อนตัวมายังด้านหน้าของเวทีพร้อมกับขยับตัวตามจังหวะดนตรีใบเตยเองก็เป็นเหมือนกัน

“เดี๋ยวมานะ ฉันจะไปหวีดพี่ๆวงชูการ์ใกล้ๆ”ใบเตยพูดทิ้งท้ายเดินถือป้ายไฟหายเข้าไปในกลุ่มชนทว่าสายตาของฉันสะดุดกับชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของใบหน้าคมนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนริมฝีปากสีชมพูกระจับส่วนรูปร่างของเขาสูงโปร่งผิวขาวสะอาดตากำลังยืนอยู่ด้านข้าง ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสาวๆทั้งมหาวิทยาลัยหรือเพื่อนๆในห้องเรียนถึงได้ตกหลุมรักเขารวมถึงตัวฉันเองที่ตกหลุมรักเขาตั้งแต่งานกีฬาเมื่อปีที่แล้ว

ฉันจ้องมองเขาราวกับว่าต้องมนต์จนนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังจ้องเขาอยู่ซึ่งตอนนี้สายตาที่ฉันเห็นคือเขากำลังยืนโบกมือไปมา

“น้องตัวเล็กจะจ้องหน้าพี่อีกนานไหมครับ”พี่บีเอ็มพูดขึ้นริมฝีปากกระจับเข้ารูปฉีกยิ้มสดใสออกมาทำเอาหัวใจฉันแทบหยุดเต้นเพราะความหล่อมีเสน่ห์

“ขอโทษค่ะ”ฉันรีบขอโทษพี่เขาไปเพราะกลัวว่าจะไม่พอใจเนื่องจากฉันเอาแต่จ้องหน้าพี่บีเอ็มตลอดเวลาที่มีจังหวะ

“ฮ่าๆ พี่ไม่โกรธน้องตัวเล็กหรอกครับ”บีเอ็มพูดจบแล้วหัวเราะชอบใจขณะที่ตัวฉันตกอยู่ในภวังค์

 วินาทีแรกที่ฉันพบกับเขา เขามาพร้อมกับรอยยิ้มและนัยน์ตาที่แสนอบอุ่นมันทำให้ฉันหันมาตั้งคำถามกับตัวเองในใจว่าหรือนี่เขาจะเป็นแววตาและรอยยิ้มที่จะติดใจเราไปชั่วชีวิต ท่ามกลางผู้คนมากมายแต่สายตาของฉันมองเห็นเขาเพียงผู้เดียว

“น้องเป็นอะไรไปทำไมถึงยืนนิ่งเป็นก้อนหิน พี่ชื่อบีเอ็มนะครับแล้วน้องชื่ออะไรครับ”

พี่บีเอ็มแนะนำตัวฉันให้รู้จักซึ่งความโด่งดังของเขาแทบจะไม่จำเป็นต้องแนะนำตัวแค่ยืนอยู่ไกลๆก็สามารถรู้ได้ทันทีว่าคนนี้แหละคือพี่บีเอ็มหนุ่มสุดฮอตประจำมหาวิทยาลัยดีกรีทายาทอสังหาคนต่อไปของบริษัท MB group และเขายังเป็นคนที่ฉันตกหลุมรัก

“ชื่อน้ำส้มค่ะ”ฉันรีบบอกชื่อของตัวเองจู่ๆนักศึกษาจากด้านหลังเดินถือดอกกุหลาบและพวงมาลัยแทรกมาด้านหน้าเพื่อไปมอบดอกไม้ให้กับนักร้องบนเวที ฉันถูกชนจนเซแต่ทว่าโชคดีพี่บีเอ็มรีบคว้าตัวฉันไว้ทันและให้ขยับมาแนบชิดร่างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ หากพี่บีเอ็มไม่รีบดึงฉันเข้ามามีหวังถูกชนล้มขายหน้าพี่บีเอ็มแน่ๆ

“เมื่อกี้พี่แตะตัวน้องโดยไม่ได้รับอนุญาตพี่ขอโทษนะครับ”

“ค่ะ”

“พี่กลัวว่าน้องจะโดนเบียดล้ม”พี่บีเอ็มบอกเหตุผลมันช่างความประทับใจในตัวของเขามามากยิ่งขึ้น

“ขอบคุณค่ะ”

“น้องตัวเล็กทำไมจมูกแดง ไม่สบายรึเปล่า?”ไม่ทันขาดคำพี่บีเอ็มเอื้อมมือขึ้นมาจับหน้าผากของฉัน

“ตัวก็ไม่ร้อนนี่”พี่บีเอ็มทำหน้างุนงงเมื่อรู้ว่าอาการของฉันไม่ใช่อย่างที่เขาคาดคิด

“อาจเป็นเพราะดอกไม้ค่ะ”

“…”ฉันบอกตรงๆกับพี่บีเอ็มว่าตัวเองแพ้เกสรดอกไม้เมื่อพี่บีเอ็มได้ฟังดังนั้นจึงคว้ามือของฉันเดินถอยห่างไปด้านหลังทันที

“เรามาอยู่ด้านหลังตรงนี้ดีกว่า ด้านหน้ามีแต่คนถือดอกไม้ขืนน้องตัวเล็กอยู่ตรงนั้นต่อจนจบงานพี่คงได้พาน้องไปโรงพยาบาลแน่ๆ”พี่บีเอ็มพูดจบพร้อมกับฉีกยิ้ม

“ขอบคุณค่ะ แล้วทำไมพี่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้”

“พี่แอบอู้งานมา”บีเอ็มหัวเหราะชอบใจพร้อมกับหันมองหน้าฉันที่กำลังงงกับคนตรงหน้า

“พี่นี่หัวเหราะง่ายจังเลยนะคะ”

“ใครๆก็บอกกับพี่แบบนี้สงสัยว่าพี่จะบ้าจริงๆ”บีเอ็มพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ไม่บ้าสักหน่อย ส้มชอบเห็นพี่ยิ้มมากกว่าค่ะ”ฉันพูดจากใจจริงว่าชอบรอยยิ้มของพี่บีเอ็ม

“ขอบคุณนะครับ”

“ว่าแต่น้องตัวเล็กมีวงดนตรีที่ชอบไหมครับ”

“มีค่ะ”

“แล้วพี่บีเอ็มชอบวงไหนคะ?”

“อื้ม the 1975”พี่บีเอ็มครุ่นคิดสักพักก่อนจะพูดชื่อวงดนตรีที่ชอบออกมาเมื่อฉันได้ยินยิ่งทำตาโตเมื่อรู้ว่าวงโปรดที่พี่บีเอ็มชอบฟังนั้นมันเป็นวงโปรดของฉันเช่นเดียวกันเพราะทุกครั้งหลังเลิกเรียนฉันมักจะไปร้านขายเทปเพลงกับใบเตยอยู่เสมอ

“ทำไมน้องทำหน้าตกใจขนาดนั้นละครับ”

“ส้มก็ชอบเหมือนกันค่ะ”ฉันฉีกยิ้มสดใสจนบีเอ็มเผลอหวั่นไหวเล็กน้อยก่อนจะเรียกสติคืนกลับมา

“อื้มดีเลย”

“…”

“น้องตัวเล็กอยากเข้าเรียนที่นี่ไหมครับ?”

“อยากค่ะ!”ฉันตอบอย่างรวดเร็วเพราะที่นี่คือมหาวิทยาลัยในฝันของทุกคนเพราะว่าหากจบจากที่นี่มีโอกาสสูงในการสมัคเข้าทำงานบริษัทดังๆในอนาคต

“งั้นถ้าน้องตัวเล็กเข้ามาเรียนที่นี่ได้เราไปดู the 1975 ด้วยกันดีไหมครับ”

“สองคนเหรอคะ?”

“แค่เราสองคนครับเพราะนี่คือสัญญา”พี่บีเอ็มพูดพร้อมกับชูนิ้วก้อยขึ้นมาชูต่อหน้าของฉัน

“อะไรคะ”

“เกี่ยวก้อยสัญญาไงครับ”

“…”ฉันยื่นนิ้วเรียวไปเกี่ยวกับนิ้วของพี่บีเอ็มพอจ้องมองเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน ความรู้สึกมันช่างให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนกับแสงอาทิตย์ยามเช้า

 “เพลงเพราะดีนะคะ”ฉันพูดขึ้นขณะที่นักร้องบนเวทีกำลังเล่นเพลงพวกเราทั้งสองคุยกันจนเพลงจบไปหลายเพลงทว่าเพลงต่อไปที่นักร้องกำลังเริ่มร้องมันช่างสร้างบรรยากาศให้ฉันเหลือเกิน

พี่บีเอ็มฉีกยิ้มอีกครั้งเมื่อเขาได้ฟังเพลงที่ถูกใจขณะเดียวกันนั้นฉันเองก้มมองลงไปยังบนพื้นหญ้าเห็นเงาของเราทั้งสองคนยืนคู่กันยิ่งจ้องมองก็รู้สึกเขิน ต้องขอบคุณแสงสะท้อนจากบนเวทีทำให้เหมือนกับตัวเองกำลังยืนจับมือพี่บีเอ็มอยู่ข้างๆ

“น้องตัวเล็กรู้ไหมครับว่าเพลงนี้สำหรับพี่แล้วมันเป็นเพลงตกหลุมรักของพี่เลย”

“!?”ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าของพี่บีเอ็มด้วยความสงสัย

“ฮ่าๆ”พี่บีเอ็มยิ้มมุมปาก

“พี่เนี่ยนะ?”

“ใช่ มีคนๆนึงที่เหมือนดอกทานตะวันไม่ว่าพี่จะทำอะไรดอกทานตะวันดอกนั้นจะมองมาที่พี่เสมอเลย”สายตาอ่อนโยนของพี่บีเอ็มมองขึ้นไปยังบนเวทีที่ศิลปินกำลังร้องเพลงแสนไพเราะ

“ถ้าพี่รู้แล้วทำไมพี่ไม่ทำอะไร”

“มันก็แค่รู้สึกดีเท่านั้น”

“…”เมื่อฉันได้ฟังดังนั้นฉันหน้าเจื่อนทันทีและไม่ต้องเดาอะไรมากมายว่าเขาคนนั้นมีอิทธิพลต่อหัวใจของพี่บีเอ็มขนาดไหน

“ฮ่าๆ พี่ขอโทษนะครับที่พูดเรื่องไม่เป็นเรื่องให้น้องตัวเล็กคิดมาก”พี่บีเอ็มพูดจบประโยคเขายกมือขึ้นมาขยี้ศีรษะเบาๆราวกับว่าฉันคือเด็กน้อยที่ต้องคอยโอ๋ตลอดเวลาและนี่ก็เป็นครั้งแรก ฉันได้มีโอกาสคุยใกล้ชิดกับพี่บีเอ็มมากขนาดนี้ซึ่งไม่คาดคิดว่าพี่เขาจะเป็นคนอัธยาศัยดีขนาดนี้

“พอแล้วค่ะ ผมของส้มยุ่งหมดแล้ว”ฉันเอียงศีรษะไปอีกทาง

“ฮ่าๆ พี่ขอโทษๆ”

“พี่บีเอ็มอย่าแกล้งส้มสิ”

“มาอยู่นี่เองไอ้บีเอ็ม!”เสียงปริศนาตะโกนเรียกชื่อพี่บีเอ็มดังมาจากด้านหลังพวกเราจึงต้องหยุดการกระทำทั้งหมดแล้วหันไปหาต้นเสียง

“มีอะไรไอ้พีเค”พี่บีเอ็มขมวดคิ้วเข้มเมื่อเพื่อนสนิทเข้ามาแทรกจังหวะ

“มินนี่ตามหามึงทั่วมหาลัยมึงแอบมาหลบอยู่กับเด็กทารกที่ไหน”พี่พีเคพูดพร้อมกอดอกส่งสายสำรวจฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า

“สวัสดีค่ะ หนูชื่อน้ำส้มค่ะ”ฉันพูดแนะนำตัวตามมารยาทแม้จะไม่อยากทำก็เถอะดูจากรูปร่างหน้าตาของอีตานี่แล้วแม้ว่าจะหล่อไม่แพ้พี่บีเอ็มแต่ดูออกทันทีว่านิสัยไม่ดีแถมปากพาหาเรื่องตลอด

“พี่ขอตัวเพื่อนพี่ไปก่อนนะน้องส้มเน่า”

“ห่ะ?”ฉันตกใจเมื่อจู่ๆคนที่เพิ่งจะพบเจอกันครั้งแรกกับล้อชื่อเล่นอย่างเพื่อนสนิทชะงั้น

“ไอ้พีเคมึงอย่าปากหมากับน้องส้มนะเว้ยน้องเขายังเด็ก”พี่บีเอ็มบ่นเพื่อนสนิทพร้อมขมวดคิ้มเข้มและส่ายหน้าไปมาพรางเหนื่อยใจกับเพื่อนสนิทที่ปากชอบสร้างศัตรูอยู่เรื่อย

“มึงก็รีบๆไปสิมินนี่รอมึงอยู่ข้างนอก กูขี้เกียจฟังมันบ่น”พี่พีเคพูดจบทันใดนั้นเองพี่บีเอ็มรีบแทรกตัวออกไปทันทีโดยก่อนที่พี่บีเอ็มจะไปเขาได้พูดกับฉันว่าอย่าลืมสัญญาที่ให้ไว้เด็ดขาด

หลังจากที่พี่บีเอ็มไปแล้วแต่คนปากเสียที่เรียกชื่อฉันว่าส้มเน่ายังคงยืนกอดอกจ้องฉันด้วยสายตาน่าสงสัยทำอย่างกับฉันไปขโมยของ

“จะจ้องกันอีกนานไหม?”ฉันพูดตะกุกตะกักเพราะความตื่นเต้น

“โทษที พอดีพี่สงสัยว่าเด็กมัธยมมารู้จักกับเพื่อนพี่ได้ยังไง”

“ก็ยืนอยู่ข้างๆพี่บีเอ็มเฉยๆ หันมามองหน้ากันแล้วคุยกันแค่นั้นเอง”

“แค่นี้?”

“ใช่แค่นี้แล้วให้จะให้แค่ไหน?”

“กวนพี่เหรอน้อง”

“เปล่านะคะ”ฉันบอกพร้อมถอนหายใจออกมาเบาๆแต่พี่พีเคที่ยืนอยู่ด้านข้างสังเกตเห็นอาการว่าฉันกำลังรู้สึกหวาดกลัวเขา

“ไม่ต้องกลัวพี่หรอกนะครับน้องส้มเน่าพี่ไม่ทำอะไรเด็กแบบน้องหรอก”

“ชื่อส้มเฉยๆยะ!”ฉันหน้าบึ้งคิ้วขมวด ทันทีเมื่อเขาเอาแต่ล้อชื่อเล่นของฉันและดูท่าว่าเจ้าตัวเองจะชอบใจที่ทำฉันโมโหได้

 พี่พีเคละสายตาจากฉันพรางยกมือขึ้นมาดูนาฬิกาเรือนหรูที่ข้อมือของเขาเสร็จก่อนสายตาอันแหลมคมจะกลับหันมาจับจ้องฉันสลับไปมากับเวที

“เลิกจ้องจับผิดได้แล้วค่ะ ทำแบบนี้บ่อยๆเหมือนคนบ้าพี่รู้ไหม”

“ปากจัดดี พี่ชักชอบน้องแล้วสิ”พีเคพูดหยอกล้อ

“ไม่ต้องมาชอบฉัน พี่ไม่ใช่สเปกของฉันสักหน่อย”ฉันพูดปฏิเสธเสียงแข็งแต่คนตรงหน้าโน้มตัวเข้ามาใกล้ๆฉันจนต้องเอียงตัวหนีไปอีกทาง

“ดึกแล้วทำไมน้องส้มเน่าถึงยังไม่กลับบ้านสักที”พี่พีเคถามด้วยเป็นห่วงเพราะเวลาก็ล่วงเลยมานแล้ว

“จะกลับแล้วค่ะ ลาตรงนี้เลยนะคะ สวัสดีค่ะ”ฉันบอกลาพี่พีเคตรงนี้ทันทีพร้อมยกมือไหว้ทำเอาตัวเขาอ้าปากค้างสตั้นไป

“เดี๋ยว…”พีเคพูดแล้วเอื้อมมือมาคว้าแขนไว้จนร่างฉันเซเล็กน้อยก่อนจะรีบหันกลับมาสบตาเขาด้วยแววตาโกรธว่าทำแบบนี้ทำไม

“ปล่อยแขนฉัน”ฉันมองหน้าพี่พีเคด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนักเพราะเขายังคงจับแขนฉันไว้

“กลับยังไง”เขาถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆดูไม่ค่อยอยากจะไปส่งฉันสักเท่าไหร่

“เดินกลับ”ฉันตอบ

“เดี๋ยวไปส่ง”พีเคพูดแล้วถอนหายใจออกมาเมื่อคนตัวเล็กพูดจายียวนเขาชะเหลือเกิน

“ไม่ต้อง”ฉันพูดจบรีบสะบัดแขนออกอย่างแรงแล้วแทรกตัวจากฝูงชนออกไปข้างนอกรีบกดโทรศัพท์โทรหาเพื่อนสนิทจนได้ใจความว่ายัยใบเตยจะอยู่ต่อจนจบงานฉันจึงขอตัวกลับก่อนเพราะต้องไปทำงานพิเศษ

“ยัยเด็กนี่ร้ายกาจจริงๆ”พีเคบ่นออกมาพรางยิ้มมุมปากชอบใจก่อนจะหุบยิ้มแล้วเปลี่ยนกลับเป็นสีหน้านิ่งเฉยทันที

สายตาของพีเคหันมองยังเพื่อนสนิทที่กำลังยืนเถียงกับมินนี่ว่าที่ภรรยาในอนาคตอยู่บริเวณฟุตบาทซึ่งตัวเขาเห็นจนชินตาไปซะแล้ว

“ทะเลาะกันทุกวันขนาดนี้จะรอดไหมว่ะไอ้บีเอ็ม”พีเคแสยะยิ้มมุมปากพรางยกโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความถึงใครบางคนด้วยสีหน้าสดใส

พีเค : คืนนี้พี่ติดธุระกลับดึกนะครับ

พีเค : จะรีบกลับไปกอดนะครับ

เบบี้ : จะรอนะคะ รีบๆกลับนะคะ

 

พอเดินออกมาจากงาน open house ของมหาวิทยาลัยฉันต้องไปทำงานพาทไทม์ช่วงดึก เนื่องจากปัญหาครอบครัวของฉันพ่อแท้ๆมักจะเอาเงินที่หามาได้จากการทำงานไปเล่นการพนันจนหมดตัวอยู่เสมอ

ฉันจึงต้องทำงานพิเศษเพิ่มเป็นสองเท่าเพื่อเก็บเงินส่วนนึงไว้ให้น้องสาวอีกส่วนนึงไว้สำหรับเรียนต่อมหาวิทยาลัยลำพังพี่สาวคนโตต้องหยุดเรียนจากบ้านไกลไปทำงานต่างประเทศเพื่อส่งเสียพวกเรา

ครื๊ดดด~

ระหว่างเดินทางไปทำงานจู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นฉันหยุดการกระทำทั้งหมดเพื่อควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมารับสาย

“ส้ม แม่เองนะ”เสียงสั่นเครือของแม่พูดขึ้นทำเอาใจฉันรู้สึกไม่สู้ดีนัก

“ว่าไงคะ วันนี้ส้มกลับดึกนะคะแม่”

“ส้ม แม่ไปแล้วนะ”เสียงสั่นเครือของผู้เป็นแม่พูดขึ้นทำเอาฉันขมวดคิ้วด้วยความงุนงง

“แม่จะไปไหนคะ?”

“แม่บอกไม่ได้ บอกน้องไปเลยแม่ตายไปแล้ว”สิ้นเสียงแม่กดวางสายทันทีเมื่อฉันได้ฟังดังนั้นจึงรีบกดโทรศัพท์โทรกลับหาแม่อีกครั้งแต่ทว่าไร้การตอบรับจากเสียงปลายสาย

เรื่องราวมันช่างเกิดขึ้นไวมากจนตั้งตัวไม่ทันเหมือนกับว่าโลกทั้งใบหยุดหมุนเสียงเพลงที่ดังกึกก้องไปทั่วมหาวิทยาลัยกลับเงียบสนิท

ฉันซุดตัวลงบนฟุตบาททรามกลางผู้คนสัญจรไปมาแถมทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งเงียบคนเดียวในมุมมืดแต่ทว่าจู่ๆกลับมีมือของใครบางคนยื่นผ้าเช็ดหน้าสีขาวมาให้

“ขอบคุณค่ะ”ฉันรับมา

“ทำไมน้องตัวเล็กถึงมานั่งร้องไห้ในที่มืดๆคนเดียวแถวนี้ละครับ”เสียงคุ้นเคยเอ่ยถามฉันรีบเงยหน้าขึ้นไปมอง

“พี่พระอาทิตย์”

“เอ๊ะ?”

“ขะขอโทษค่ะ”ฉันเผลอหลุดปากพูดชื่อเรียกพี่บีเอ็ม

“ชื่อใหม่พี่น่ารักดีนะครับ”

“แหะๆ”

“ทำไมน้องมานั่งร้องไห้คนเดียวตรงนี้ละครับหรือว่าเพื่อนพี่มันแกล้งน้อง”

“มะไม่ใช่ค่ะ”

“แล้ว…?”

“ไม่มีอะไรแล้วค่ะ ส้มขอตัวก่อนนะคะ”พูดจบฉันรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีพี่บีเอ็มอย่างรวดเร็วปล่อยให้เขายืนงุนงงขณะเดียวกันชายหนุ่มที่อยู่ในรถเปิดกระจกชะโงกหน้าออกมามอง

“มึงมัวทำอะไรอยู่ว่ะรีบๆขึ้นรถสักที”

“เออๆ”บีเอ็มเดินขึ้นรถด้วยใบหน้านิ่งเฉยราวกับเป็นคนละคนไม่ได้สร้างความแปลกใจให้พีเคมากนัก

“ยังไงเนี่ยกับยัยเด็กคนนี้”

“ไม่มีอะไรทั้งนั้น”

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา