ลมรักพัดผ่าน

-

เขียนโดย Doraima

วันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2567 เวลา 10.56 น.

  4 ตอน
  1 วิจารณ์
  397 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ทางผ่าน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ลมรักพัดผ่าน

บทที่ 02

ทางผ่าน

 

ช่วงสายของวันหนึ่ง หลังจากพายุจากไปท้องฟ้าที่เคยอึมครึมก็เริ่มกลับมาสดใสดังเดิม สวนหลังบ้านที่รายล้อมไปด้วยดอกไม้ และไม้ประดับหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งยังมีแม่น้ำตัดผ่านหลังบ้าน บริเวณชานบ้านมีเก้าอี้โยกที่อาม่าของพริมาชอบนั่ง และที่นั่งหวายทรงกลมห้อยลงมาจากคานบ้านคล้ายชิงช้าก็มิปาน ซึ่งเป็นที่ประจำของหญิงสาวที่มักจะมานั่งห้อยขาออกแรงแกว่งเบาๆอยู่เสมอๆ  สองยายหลานนั่งพูดคุยกันอย่างออกพริกออกขิง ด้วยความสนิทสนมเป็นภาพที่หากใครมาเจอเข้าในเวลานี้ เชื่อว่าคงจะยิ้มตามอย่างแน่นอน

“อาพรีม ลื้อติดต่ออาตี้ไปรึยัง”

“เอาอีกแล้วนะม่า ถามเรื่องเดิมอีกแล้ว พรีมนัดพี่เขาเรียบร้อยแล้ว เรื่องงานแต่งม่าไม่ต้องห่วง พรีมแต่งแน่ ว่าแต่ทางโน้นเขาโอเคใช่ไหมม่า ที่จะเกี่ยวดองเอาสาวชาวไร่อย่างพรีมไปเป็นสะใภ้น่ะ ”แม้รู้ว่าสหายรักของบิดาและมารดานั้นเอ็นดูเธอเพียงใดในฐานะลูกสาวของเพื่นรัก แต่เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าในฐานะลูกสะใภ้พวกเขาจะรับได้หรือไม่ ไหนจะชายที่ไม่เคยพบหน้ากันเลย แม้ว่าในช่วงมัธยมพวกเขาจะศึกษาอยู่ในสถานศึกษาเดียวกันก็ตาม ไม่ใช่ว่าชายหนุ่มมีคนรักอยู่แล้วหรอกหรือ หากเป็นเช่นนั้น พริมาก็พร้อมจะไม่ตอบรับ เพียงแค่เอ่ยมา แต่หากตบแต่งไปแล้วเธอคงจะยอมไม่ได้ ทั้งชีวิตนี้ เธอไม่ได้รู้สึกดีกับใครเป็นพิเศษจวบจนอายุยี่สิบห้า อาจเป็นเพราะ หญิงสาวต้องดูแลทุกอย่างที่ใหญ่ขนาดนี้ในช่วงอายุยังน้อย จึงทำให้เวลาที่มีทุ่มไปกับการทำงาน ไม่ค่อยได้พบผู้คน เว้นเสียแต่เวลาไปพบลูกค้าและไปออกงานในฐานะซีอีโอหรือผู้ถือหุ้นเท่านั้น

“ทางนั้นเขาไม่ติดอะไร ออกจะเอ็นดูลื้อด้วยซ้ำ อั๊วอายุปูนนี้แล้วนะ คงอยู่กับลื้อได้ไม่นาน อั้วไม่ได้อยากเห็นลูกลื้อก่อนตายหรอก หวังแค่ให้มีคนเข้ามาช่วยแบ่งเบา เข้ามาเป็นที่พักพิงให้ลื้อบ้าง อั๊วรู้นะว่าที่ลื้อคอยทำทุกอย่างเองแบบนี้ ตั้งแต่เก็บผลไม้ยันนั่งอยู่บนตำแหน่งประธานเอง เพราะลื้อไม่ไว้ใจใคร ทั้งๆที่ลื้อ นั่งรอกินเงินเดือนก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องทุ่มสุดตัวขนาดนั้นก็ได้ แต่ถ้าอาตี้เข้ามาอย่างน้อยๆก็เป็นคนในครอบครัว ลองเชื่อใจใครสักคนดูนะอาพรีม”

“พรีมก็ทำนะคะ ขนาดร้านดอกไม้ที่พรีมสร้างมาเองกับมือ ยังวางมือให้ชลลี่ดูแลเลยม่า แต่กับตรงนี้ ทุกอย่างที่เป็นของป๊ากับม๊าที่สร้างขึ้นมาต่อจากม่ากับกง พรีมไม่อยากให้มันมีอะไรผิดพลาด อีกอย่างนะ พรีมยังไม่รู้ว่าเขาคนนั้นจะรู้สึกยังไงกับพรีมด้วยซ้ำ จะให้ไว้ใจเขาได้ไง

พรีมรู้ค่ะว่าม่าอะหวังดี แต่ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันก็แล้วกันค่ะ อีกอย่างนะ ม่ายังต้องอยู่กับพรีมอีกนาน”ต่างคนต่างพูดในมุมของตน ทั้งยังแฝงด้วยความอบอุ่น ห่วงใยที่แผ่ซ่านออกมาจากบึ้งลึกของความรู้สึก ไม่รู้ว่าในอนาคตเธอจะมีใครเข้ามา แต่ในตอนนี้ครอบครัวเพียงคนเดียวของเธอคืออาม่าวัยเจ็ดสิบเอ็ดคนนี้

“ม่า! พรีมไปข้างนอกก่อนนะ ต้องไปดูร้านดอกไม้”

“พูดเบาๆก็ได้ อั้วหัวใจวายมาทำไง โรคที่เป็นอยู่มันก็น้อยใจแย่สิ อุส่าห์อยู่กับอั้วมาตั้งนาน แต่อั้วดันมาตายเพราะโรคอื่น”หญิงชราพูดติดตลกทำให้เรียกเสียงหัวเราะของผู้เป็นหลานได้อย่างดี

“ม่าอะ ชอบพูดไปเรื่อย พรีมไปละ”ว่าจบเธอก็ขึ้นควบสองล้อคู่ใจออกไปจากลานบ้าน ไม่วายมีเสียงไล่หลังมาด้วย

“ผิวเสียหมด ไม่เอารถยนต์ไปล่ะอาพรีม”ไม่ทันที่อาม่าจะพูดจบ ผู้เป็นหลานสาวก็ห่างออกไปไกลเสียแล้ว

.

.

.

 

ขับออกมาได้ประมาณ5กิโลเมตรก็ถึงภายในตัวเมือง มีรถและผู้คนพลุ่งพล่าน ถูกห้อมล้อมด้วยตึกสูงตั้งตระหง่านตระการตา แต่อากาศช่างต่างกับที่ไร่ของหล่อนอย่างสิ้นเชิง ทั้งฝุ่นทั้งควัน ไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลย ขณะที่กำลังจอดติดพริมารอเตรียมจะเลี้ยวอยู่ที่ไฟจราจรที่เป็นสีแดง ซึ่งเป็นสัญญาณบอกยวดยานพาหนะหรือผู้ใช้ถนนให้หยุด สายพลันเหลือบไปเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ถือถุงเซเว่นไว้ในมือ ใส่รองเท้าแตะ เสื้อฮาวายกางเกงขาสั้นสีขาว สวมแว่นตาดำ ใส่แมส ซึ่งดูแล้วเหมือนจะเพิ่งถูกไล่ลงจากรถแท็กซี่ เพราะได้ยินเสียงเอะอะดังออกมาจากภายในรถ ทั้งยังไม่รู้ว่าเขาพิการทางสายตาด้วยรึเปล่า

ไม่ทันได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น ไฟจราจรที่ปรากฎเป็นสีเขียว พริมาจึงขับรถออกไป แล้วขับชิดไปที่บาทวิถีทันที

“คุณคะ”

“ผมเหรอ”

“คุณนั่นแหละ มีคุณคนเดียวนี่นา”แต่ลืมไปคงมองไม่เห็นจริงๆสินะ แล้วไม้เท้าไปไหนล่ะเนี่ย

“จะไปที่ไหนคะ เดี๋ยวฉันไปส่ง”

“ผทจะจะไปโรงพยาบาลXน่ะ”น่าจะไปตรวจแหละ

“ขึ้นมาเลยค่ะ ฉันผ่านทางนั้นพอดี”

“ไม่เป็นไรดีกว่าครับ”

“ขึ้นมาเถอะค่ะ ยังไงก็ทางเดียวกัน”

“มาๆฉันช่วย ขอโทษนะคะ ระวังนะคะ”พริมาขออนุญาตก่อนจะเข้าไปพยุงชายหนุ่ม อย่างทุลักทุเล และเหมือนว่าขาของเขาจะได้รับบาดเจ็บด้วย

“จับไว้ดีๆนะคะ”

ไม่นานรถจักรยานยนต์คันสีเขียวของเธอก็ขับเข้ามาจอดที่หน้าห้องฉุกเฉิน เพื่อไม่ให้ชายหนุ่ม เดินไกลมากนัก

“พี่คะ ขอรถเข็นหน่อย เขาเจ็บขาค่ะ”สิ้นเสียงหญิงสาวก็มีบุรุษพยาบาลเข้ามาบริการ

“ฉันไปแล้วนะคะ”ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้เอ่ยจบ เธอก็บิดออกไปไกลแล้ว

“ขอบคุณครับ”เอริคได้แต่คิดในใจ แล้วยังรู้สึกคุ้นหน้าอย่างบอกไม่ถูก

 

จบตอน

โปรดติดตามตอนต่อไป….





 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา