ประวัติศาสตร์จีนโดยสังเขป

-

เขียนโดย Domewriter

วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 เวลา 20.29 น.

  20 ตอน
  0 วิจารณ์
  6,309 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 21.20 น. โดย เจ้าของเรื่องเล่า

แชร์เรื่องเล่า Share Share Share

 

14) ยุตราชวงศ์โจว 5

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

กังเหอ

♢ 841 - 828 BC : ราชวงศ์โจวตะวันตก  

            ผู้สำเร็จราชการแทนชื่อ ก้งเหอ แปลว่า สันติร่วม เป็นช่วงเวลาบัลลังก์ว่าง ตั้งแต่หวังโจวลี่ถูกขับออกจากบัลลังค์ และหาผู้สืบราชบัลลังก์ต่อไม่ได้  
          ซือหม่าเชียน นักประวัติศาสตร์ราชวงศ์ฮั่น ระบุในพงศาวดารว่า มีบุคคล สองคนสำเร็จราชการร่วมกัน คือ โจวติ้งกง และจ้าวมู่กง แต่เอกสารพงศาวดาร จู๋ชูจี้เหนียนว่า มีผู้สำเร็จราชการคนเดียว ชื่อว่า เหอ บรรดาศักดิ์ว่า ก้งปั๋ว
          ปีแรกแห่งก้งเหอ ถือกันว่ามีความสำคัญยิ่งในหน้าประวัติศาสตร์จีน เพราะ ซือหม่าเชียนสามารถกำหนดเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์เป็นปีแรกสุดคือปีกังเหอ  

          ส่วนเหตุการณ์ก่อนปีกังเหอนั้น  ซือหม่าเชียนและนักประวัติศาสตร์รุ่นหลัง  ไม่สามารถระบุเวลาที่แม่นยำได้ ซือหม่าเชียนนั้นเห็นว่าแหล่งข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับ เหตุการณ์ก่อนปีดังกล่าวนั้นขัดแย้งกันเองและไม่น่าเชื่อถือ จึงเลือกไม่บันทึกระบุ ปีที่เกิดเหตุการณ์ลงเอกสารพงศาวดารของเขา
          ราชสำนักจีนสนับสนุนให้มีโครงการลำดับเวลาปีปฏิทิน เซี่ย–ชาง–โจว กำหนดเวลาเหตุการณ์ ก่อนปีก้งเหอปีแรก แต่รายงานฉบับร่างของคณะทำงาน โครงการ ดังกล่าวที่ได้เผยแพร่ใน ค.ศ. 2000 นั้น ก็ยังไม่เป็นที่ชัดเจน
           แผ่นดินไร้ผู้ครองบัลลังค์ผ่านไป 13 ปี  ในปี 828 ก่อนคริสตกาล  โจวลี่ ทรงสิ้นพระชนม์ขณะอยู่ที่เมืองอื่น องค์ชายโจวเซวียนขึ้นสืบราชย์บัลลังค์ ช่วง เวลากังเหอจึงสิ้นสุดลง

 

12)  โจวเซวียน  

♢ 827 - 782 BC : ราชวงศ์โจวตะวันตก
          สมเด็จเจ้าองค์ที่ 12  โจวเซวียน ชื่อเดิม จีจิ้ง ครอบครัวของพระองค์ ประกอบด้วย  อัครมเหสีเจียง มีโอรส คือ โจวโยวและโจวเซี่ย เป็นต้น
           825-782 ปีก่อนคริสตกาล หวังโจวเซวียนเริ่มปฏิรูปการปกครอง เพื่อกอบ กู้อำนาจของราชวงศ์โจวให้กลับมาจากเหล่าขุนนาง     หลังจากผ่านช่วงเวลาของ ก้งเหอ

           โจวเซวียนทำสงครามกับคนเถื่อนทางตะวันตก นักประวัติศาสตร์ คาดว่า อาจเป็นเผ่าเซียนหยุนที่เป็นชาวป่าเถื่อนอีกกลุ่มหนึ่งในบริเวณแม่น้ำฮวยทางตะวัน- ออกเฉียงใต้
          ในปีที่ 9  หวังโจวเซวียน เรียกประชุมเจ้าอ๋องทั้งหมด เพื่อทำสงครามขยาย พื้นที่ราชอาณาจักร ขุนนางราชสำนักมีมติคัดค้านมิให้ทำสงคราม แต่ไม่สำเร็จ   ราชวงศ์โจวจึงทำสงครามกับรัฐลู่, รัฐเว่ย และรัฐฉี  ซึ่งเป็นเวลายาวนานกว่าสิบปี
           บันทึกประวัติศาสตร์ของซือหม่าเฉียนระบุไว้ว่า  ขุนนางหลายคนส่วนใหญ่ ที่ต่อต้านราชโองการของราชวงศ์โจวถูกทหารนำตัวไปประหาร

            ขุนนางตู้ปอซึ่งผู้บริสุทธิ์ หนึ่งในผู้ถูกสั่งประหาร ได้กลายเป็นเรื่องเล่ากัน ว่า หวังโจวเซวียนได้ถูกสังหารโดยลูกธนูที่วิญญาณของตู้ปอที่ยิงมาใส่จนสวรรคต
           หวังโจวเสียน ทรงครองราชย์ได้ 45 ปี เสด็จสวรรคต โดยถูกลอบยิงธนู สังหารจนสิ้นพระชนม์ องค์ชายโจวโยวขึ้นครองราชย์บัลลังค์

 

13)  โจวโยว

♢ 781 - 771 BC : ราชวงศ์โจว
           สมเด็จเจ้าองค์ที่ 13  โจวโยว หรือ โจวอิง ประสูติ 795 ปีก่อนคริสตกาล  พระองค์ทรงครองราชย์ได้ 10 ปี เป็นสมเด็จเจ้าองค์สุดท้ายของราชวงศ์โจวตะวัน ตก

           ครอบครัวของโจวโยวประกอบด้วย อัครพระมเหสีเปาซื่อ บุตรสาวของอ๋อง แห่งมณฑลเซิน มีโอรสชื่อ โจวผิง เป็นต้น
          โจวโยว เป็นกษัตริย์ที่อ่อนแอไร้ความสามารถไม่สนใจราชการบ้านเมือง ชมชอบเสวยสุราอยู่ตลอด ทั้งใช้อำนาจตามอำเภอใจ ขุนนางคนไหนทูลเตือนก็ ถูกจับขังและลงโทษ      

            ในปีแรกที่โจวโยวขึ้นปกครองแผ่นดิน ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว อย่างรุนแรงที่เขตกวนจง                       

             ☆ ตำนานพระนางเปาซื่อ ยิ้มพันตำลึง   ในช่วงปลายรัชกาลของโจวโยว   เจ้าเมืองเซิน ได้นำตัวธิดา ชื่อ เปาซื่อ มาถวายเป็นเครื่องบรรณาการณ์  โจวโยวนั้น ลุ่มหลงพระสนมเปาซื่อ ที่เป็นคนสวยงามอย่างมาก    แม้ว่าพระนางมีใบหน้านิ่งเฉย และไม่พูดไม่จา ดูเงียบเศร้าหมองตลอดเวลา  ไม่เคยยิ้มแย้มหัวร่อ แม้แต่ครั้งเดียว แต่นางก็สวยอย่างยิ่ง
            โจวโยวหลงใหลพระสนมเปาซื่อมากถึงขั้นทรงปลดพระมเหสี และองค์- รัชทายาท องค์เก่าลงจากตำแหน่ง   แล้วแต่งตั้งพระสนมเปาซื่อเป็นฮองเฮา และ โอรสของนางเป็นองค์รัชทายาทองค์ใหม่
            โจโยวพยายามเอาใจเปาฮองเฮา ทุกวันทั้งเช้าเย็น  เพียงหวังจะได้เห็น รอยยิ้มสักครั้งของนาง แต่ก็ผิดหวังร่ำไป ทำให้โจวโยวกลัดกลุ้มใจมาก จนประ- กาศให้รางวัลแก่ ผู้ที่ทำให้เปาฮองเฮายิ้มได้ เป็น ทองพันตำลึง￿           

            ในยุคสมัยนั้นเจ้าแผ่นดินกับอ๋องเมืองต่างๆ มีการตกลงกันว่า หากมีเหตุ- การณ์ร้าย ให้เจ้าแผ่นดินจุดไฟสัญญานขึ้นที่เชิงเทินบนยอดเขาหลีซาน เพื่อเป็น สัญญาณ เหล่าอ๋องจากเมืองต่างๆ  จะยกกองทัพมาช่วยเมืองหลวงในทันที
            ขุนนางใหญ่ผู้หนึ่งที่ประจบสอพลอจึงกราบทูลต่อโจวโยวให้พา เปาฮองเฮาไปหาพำนักหาความสุขที่บนตำหนักเขาหลีซาน แล้วจุดพลุให้เรียก เจ้าอ๋องทุกหัวเมืองมาร่วมตัวกัน โดยให้เข้าใจว่าข้าศึกบุกเมืองหลวงแล้ว เมื่อยก กองทัพมาถึงแล้วกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จะต้องทำให้เปาฮองเฮายิ้มแย้มหัวร่อออก มาได้แน่นอน
             โจวโยวก็ทำตามแผนของขุนนางใหญ่ผู้นั้น พนะองค์นำเปาฮองเฮาและ ขบวน ขุนนางไปพำนักบนยอดเขาหลีซาน  พอถึงเวลาตกดึกโจวโยวใช้ทหารจุด เชิงเทียน และพลุไฟแจ้งเหตุบนยอดเขาหลีซาน พวกเจ้าอ๋องหัวเมืองต่างๆ ก็พา กันโกลาหลยกกองทัพมาช่วยเมืองหลวงสร้างความอึกทึกวุ่นวายไปทั้งเมืองหลวง แต่พอมาถึงยอดเขาหลีซาน ที่โจวโยวและเปาฮ่องเฮายั่งเสวยนเำจันทร์อยู่ เจ้าอ๋อง เมืองต่างๆ ต้องหน้าแตก เพราะเป็นแผนล้อกันเล่นของโจวโยว
            แต่เหตุการณ์ความอลหม่านของเหล่าเจ้าอ๋องนี้ก็ทำให้เปาฮองเฮา ยิ้มและ หัวเราะออกมาได้ตามที่โจวโยวต้องการ แต่เหล่าเจ้าอ๋องเมืองต่างๆ นั่น โกรธมาก

             ต่อมา มีทัพข้าศึกยกกองทัพมาตีเมืองหลวงจริงๆ เหตุการณ์ในครั้งก่อน นั้น ทำให้โจวโยวจุดเชิงไฟและพลุไฟบนยอดเขาหลีซานแล้วก็ไม่มีเจ้าอ๋องเมือง ไหนยกทัพมาช่วย ซึ่งไม่ต่างอะไรกับนิทานอิสปเรื่องเด็กเลี้ยงแกะ
             กองทัพกบฏของเจ้านครรัฐบางคนร่วมมือกับเผ่าเฉวี่ยนหรง  นำกองทัพ เข้าตีเม้องหลวงของราชอาณาจักรโจว หนึ่งในกองทัพฝ่ายตรงข้ามก็คืออ๋องแห่ง เซิน หรือพ่อตาของโจวโยวนั้นเองที่ยกกองทัพทหารมาตีเมืองหลวง
             หวังโจวโยทรงปลงพระชนม์ชีพตัวเอง ส่วนเปาฮองเฮาและองค์รัชทายาท ก็กลับไปอยู่ที่เมืองเซินของบิดาหรือพ่อตาของโจวโยว
             เรื่องของพระนางเปาซื่อ ถูกเล่าต่อเป็นนิทาน เรียกว่า ยิ้มพันตำลึงทอง￿ซึ่งเป็นยิ้มที่นำความวิบัติมาสู่ราชวงศ์โจว    ไม่มีบันทึกระบุถึงว่า เปาฮองเฮาพาลูกชายกลับไปอยู่กับบิดาที่เมืองเซินแล้ว นางยิ้มแย้มทั้งวันหรือไม่                
             ส่วนอดีตมเหสีและองค์รัชทายาทองค์เดิมได้อพยพบหนีออกจากเมือง หลวง พร้อมกับเชื้อพระวงศ์ขุนนางข้าราชการและประชาชนอื่นๆ ไปยังเมือง ลั่วหยางทางทิศตะวันออก
            หลังจาก ราชวงศ์โจวตะวันตกถูกทัพข้าศึกโจมตีล่มสลาย  เจ้าอ๋องเมือง ต่างๆ จึงร่วมกันจัดการกับกองทัพฝ่ายตรงข้าม ทำสงครามชิงเมืองกลับคืน สงครามที่เกิดขึ้น ทำให้ราชอาณาจักรโจวไร้ผู้ครองราชบัลลังค์ ถึง 10 ปี  เมื่อกลุ่ม เจ้าอ๋องฝ่ายราชวงศ์โจวได้รับชัยชนะ สงครามยุติลง  เหล่าเชื้อพระวงศ์และขุนนาง ข้าราชการได้พร้อมใจกันเชิญ   องค์ชายอี๋จิงไทจือ โอรสของโจวโยวหวังและเซิน ฮองเฮา ขึ้นครองราชบัลลังค์ ใช้พระนามว่า สมเด็จเจ้าโจวผิง  แลัะย้ายไปตั้งเมือง หลวงใหม่ที่เมืองลั่วอี้     เนื่องจากเมืองเฮ่า ได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้อย่าง มาก แล้วสถาปนาราชวงศ์โจวตะวันออก

         ราชวงศ์โจวนั้นมีการย้ายเมืองหลวงตามการทำสงครามแพ้ชนะ จึงแบ่งเป็นราชวงศ์โจวตะวันตกที่ล่มสลายและราชวงศ์โจวตะวันออกใหม่ ซึ่งครองแผ่นดินต่อเนื่องกันถึง 790 ปี  

 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องเล่า

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับเรื่องเล่าเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา