รู้จักกับ SDLC คืออะไร พร้อมอธิบายแต่ละขั้นตอนแบบง่าย ๆ

-

เขียนโดย SAMIA

วันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 เวลา 14.53 น.

  1 ตอน
  0 วิจารณ์
  149 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 14.58 น. โดย เจ้าของเรื่องเล่า

แชร์เรื่องเล่า Share Share Share

 

1) รู้จักกับ SDLC คืออะไร พร้อมอธิบายแต่ละขั้นตอนแบบง่าย ๆ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

รู้จักกับ SDLC คืออะไร พร้อมอธิบายแต่ละขั้นตอนแบบง่าย ๆ

SDLC คืออะไร

การพัฒนาซอฟต์แวร์ไม่ใช่แค่การเขียนโค้ดให้ทำงานได้เท่านั้น แต่ต้องมีการวางแผนอย่างเป็นระบบ และหนึ่งในกระบวนการที่ช่วยให้งานออกมามีคุณภาพก็คือ SDLC หรือ Software Development Life Cycle บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักว่า SDLC คืออะไร สำคัญอย่างไร และมีขั้นตอนแบบไหนบ้าง

 

SDLC คืออะไร?

SDLC ย่อมาจาก Software Development Life Cycle หรือ วงจรชีวิตของการพัฒนาซอฟต์แวร์

เป็นกระบวนการที่ใช้ในการวางแผน ออกแบบ พัฒนา ทดสอบ และดูแลรักษาซอฟต์แวร์อย่างเป็นระบบ โดยมีการแบ่งงานออกเป็น “ขั้นตอน” ที่ชัดเจน เพื่อให้ทีมพัฒนาเข้าใจตรงกันและสามารถส่งมอบซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพ ตรงตามความต้องการของผู้ใช้งานได้

 

ประโยชน์ของ SDLC

การมี SDLC ช่วยให้ทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ทำงานได้อย่างเป็นระเบียบ และลดความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งประโยชน์ที่เห็นได้ชัด ได้แก่

  • ควบคุมกระบวนการทำงานให้เป็นระบบ
  • ลดข้อผิดพลาดและความเข้าใจผิดระหว่างทีมงานและลูกค้า
  • ประเมินระยะเวลา งบประมาณ และทรัพยากรได้ชัดเจน
  • รองรับการพัฒนาและบำรุงรักษาระบบในระยะยาว
  • ทำให้สามารถส่งมอบซอฟต์แวร์คุณภาพสูงในเวลาที่กำหนด

 

ขั้นตอนของ SDLC แบบเข้าใจง่าย

SDLC โดยทั่วไปประกอบด้วย 6 ขั้นตอนหลัก ดังนี้

  1. การวิเคราะห์ความต้องการ (Requirement Analysis)

ศึกษาความต้องการของลูกค้าหรือผู้ใช้งาน และรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับฟีเจอร์ ฟังก์ชัน และปัญหาที่ต้องการแก้ไข

  1. การออกแบบระบบ (System Design)

สร้างโครงสร้างของระบบ เช่น สถาปัตยกรรม, UX/UI, การจัดการฐานข้อมูล และวางแผนการพัฒนาซอฟต์แวร์ในเชิงเทคนิค

  1. การพัฒนา (Development)

ทีมพัฒนาเริ่มเขียนโค้ดตามแบบที่ออกแบบไว้ เป็นขั้นตอนที่ซอฟต์แวร์ถูกสร้างขึ้นจริง

  1. การทดสอบ (Testing)

ตรวจสอบว่าส่วนต่าง ๆ ของระบบทำงานถูกต้องหรือไม่ และแก้ไขข้อบกพร่อง (bug) ก่อนนำไปใช้จริง

  1. การนำไปใช้งาน (Deployment)

ปล่อยซอฟต์แวร์ให้ผู้ใช้งานใช้งานจริง หรืออาจเป็นการปล่อยแบบเต็มระบบ หรือทยอยปล่อยแบบบางส่วน (Beta)

  1. การบำรุงรักษา (Maintenance)

ดูแลระบบหลังเปิดใช้งาน เช่น แก้บั๊ก อัปเดต เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เตรียมการรองรับการเปลี่ยนแปลงจากผู้ใช้งานในอนาคต

 

โมเดลของ SDLC ที่นิยมใช้

SDLC สามารถประยุกต์ใช้ผ่านโมเดลต่าง ๆ ตามลักษณะงาน โดยแต่ละแบบมีข้อดี-ข้อจำกัดต่างกัน 

1. Waterfall Model

  • ทำงานแบบเป็นขั้นตอนตามลำดับ เหมาะกับโปรเจกต์ที่ความต้องการชัดเจนตั้งแต่แรก
  • ข้อเสีย: ยากต่อการแก้ไขหากมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

2. Agile Model

  • เน้นการพัฒนาแบบยืดหยุ่น แบ่งงานเป็นรอบ (Sprint) เหมาะกับทีมที่ต้องปรับตัวบ่อย
  • ข้อดี: ทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ปรับแก้ได้ทันที

3. Spiral Model

  • ผสมผสานระหว่าง Waterfall และ Agile โดยเน้นการวิเคราะห์ความเสี่ยงเป็นรอบ ๆ
  • เหมาะกับโปรเจกต์ใหญ่และซับซ้อน

4. V-Model (Validation and Verification)

  • คล้าย Waterfall แต่มีการจับคู่แต่ละขั้นกับการทดสอบที่สอดคล้องกัน
  • เหมาะกับงานที่ต้องการความมั่นใจสูง เช่น ระบบทางการแพทย์หรือการบิน



 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องเล่า

✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับเรื่องเล่าเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านเรื่องเล่าเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา