หัวใจรัก

-

เขียนโดย puein

วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553 เวลา 20.53 น.

  1 ตอนเดียวจบ
  3 วิจารณ์
  6,173 อ่าน
แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) จากเริ่มถึงจุดจบ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

            ในท่ามกลางความสงบ สี่กษัตริย์ผู้เป็นสหายที่ศรัทธาซึ่งกันและกัน สร้างความสามัคคีเป็นปึกแผ่น จนไม่มีประเทศไหนกล้ามารุกราน เป็นราชวงศ์ยิ่งใหญ่ 4 ราชวงศ์ที่ให้เกียรติแต่ละประเทศเหมือนพี่น้อง แต่ไม่มีการส่งราชนิกุลไปเกี่ยวดองให้เป็นปึกแผ่นเดียวกันราชวงศ์ทั้ง 4 ที่ยิ่งใหญ่ได้แก่ ราชวงศ์พยัคฆภูมิแห่งความภาคภูมิ ราชวงศ์หงส์เหมราชแห่งศักศรี ราชวงศ์มังกรผงาดฟ้าแห่งความองค์อาจ ราชวงศ์สิงหราชาแห่งความมั่งมี แรกเริ่มเดิมทีเหตุที่ราชวงศ์ไม่เกี่ยวดองกันเพราะบรรพบุรุษที่เป็นศิษย์สำนักเดียวกัน  อาจารย์ที่สอนได้มอบของวิเศษแก่ศิษย์ให้คนละ 2 อย่าง อย่างแรกที่เลือกกันทุกคนคือ สาวงาม และอีก 4 อย่างคือ ต้นไม้แห่งความอุดมสมบูรณ์ ดาบสักสิทธิ์แห่งความกล้าหาญ อัญมณีแห่งความมั่งคั่ง แท่งไม้คล้ายดินสอแห่งความรอบรู้ ซึ่ง ภูมีแห่งราชวงศ์พยัคฆภูมิได้เลือกต้นไม้ เหมราย แห่งราชวงศ์หงส์เหมราชได้เลือกแท่งแห่งความรอบรู้ ผงากรณ์แห่งราชวงศ์มังกรผงาดฟ้าได้เลือกดาบ สิงชัยแห่งราชวงศ์สิงหราชาได้เลือกอัญมณี แต่ทุกราชวงศ์จะมีระดับตามของวิเศษต่างกันไล่เรี้ยกันแต่สมดุล และจากนั้นระหว่างแคว้นที่กึ่งกลางมีศิลาแห่งความสงบตั้งอยู่ หากวันใดที่ศิลายังไม่ถูกทำลาย สงครามจะไม่เกิดขึ้น จนเรื่องนี้เล่าสืบกันจนมาถึงราชวงศ์รุ่นที่ 9  ราชวงศ์พยัคฆภูมิปกครองด้วยเจ้าชาย พินสอ ที่ขึ้นครองราชย์เมื่ออายุ 15ปีหลังจากที่บิดาสวรรคตพร้อมมารดา ด้วยเหตุการณ์นี้ทำให้พินสอรู้สึกว่ามีคนเพียงคนเดียวที่รักและต้องทะนุถนอมน้องคนเดียวที่มีคือ รสิริน  ผู้ที่มีความเย็นชาต่อผู้อื่นแต่อ่อนโยนกับพี่ชายสองพี่น้องจึงรักกันมากและแทบจะไม่ห่างกัน รสิรินเปรียบเหมือนแก้วตาดวงใจของพินสอ ราชวงศ์หงส์เหมราชมีผู้สืบทอดราชวงศ์คือ เจ้าหญิง รชมวัน เป็นผู้ที่หยิ่งในศักศรี  ไม่ยอมก้มหัวให้ใครไม่อ่อนข้อ ใจเด็ด เข้มแข้ง จนทำให้คนรอบข้างหวั่นเกรงจนเธอคิดว่าไม่มีใครสามารถทำให้เธอก้มหัวลงได้  ราชวงศ์มังกรผงาดฟ้าปกครองด้วย ราชาประชา ซึ่งมีราชินีลีลา ทั้งสองมีโอรสและธิดาคือ เจ้าชายฝนทอง และเจ้าหญิง ชลรสา แต่ทั้งสองเป็นพี่น้องที่รักกันแต่ไม่สามัคคีทะเลากันตลอดแต่ในสายตาของน้องสาวแล้วรักพี่ชายที่สุดถึงจะเอาแต่ใจไปหน่อยเพื่อให้พี่ชายสนใจ ราชวงศ์สิงหราชาปกครองโดยเจ้าชาย กาสกร ที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว และนอกจาก 4 เมืองใหญ่แล้วยังมีเมืองเล็กๆ ที่มีความอิจฉาริษยาอยากเป็นใหญ่ ชื่อว่า ขอนรชา โดยเจ้าชาย ขอนชัย ได้คิดแผนการที่จะทำลายศิลาศักดิ์สิทธิ เพื่อทำให้ราชวงศ์ทั้ง 4 มาฆ่าฟันกันเอง จึงส่ง นักฆ่าฝีมือร้ายกาจไปจัดการกับศิลาจนสำเร็จ เรื่องจึงได้เริ่มขึ้น เมื่อกาสกรได้ออกเดินทางเพื่อค้าขายกับ  เมืองเล็กๆ เพื่อขยายอิทธิพลและเป็นการหารายได้เข้าประเทศไปในตัวด้วย กาสกรเดินทางมาถึงเมือง พยัคฆภูมิ จึงได้หยุดพักจากการเดินทางหลังจากเหน็ดเหนื่อยกันมาหลายวันแต่ยังมีเวรยามเฝ้าอยู่อย่างแน่นหนาไม่ให้คราดสายตา ทางด้านรสิรินที่เป็นคนชอบเที่ยวป่า และนี่ก็เป็นเวลาของเสือที่กำลังชุกชุม เธอจึงออกเดินทางไปเพื่อไปศึกษาว่าจำนวนเสือในป่ารวมทั้งสัตว์น้อยใหญ่ไม่ให้ระบบนิเวศสูญเสียลงจากการลดจำนวน รสิริน และองครักษ์อีก 2 คน รสิรินปลอมตัวเป็นผู้ชายใช้ชื่อว่า  สิน รสิรินเป็นคนที่เก่ง เข้มแข้ง มั่นใจในตัวเอง กล้าหาญ อดทน และมีไหวพริบดี สินในนามรสิรินออกตามเสือมาตัวหนึ่ง เห็นรอยเท้าเสือไปทางทิศตะวันออกจึงตามไป พบค่ายพักแรมของกาสกร จึงแอบเข้าไปใกล้โดยเลียบทางน้ำตกไป เป็นเวลาเดียวกับที่กาสกรมาอาบน้ำอยู่คนเดียวจึงตกใจไม่ได้ส่งเสียงเอะอะโวยวาย ในเวลานั้นสายตาของสินได้ไปสบตากับเสือที่อยู่หลังพุ่มไม้หมอบอยู่  จึงหยิบปืนยาสลบ “พี่ชายก้มห้ามยืนห้ามหัน” ด้วยความที่กาสกรเป็นคนเจ้าเล่ห์จึงไม่เชื่อในคำพูดของเด็กเมื่อวานสืน จึงลุกขึ้นทำให้เสือตกใจร้องร้องลั่นพร้อมกระโจน กาสกรตกใจอย่างมากสินจึงใช้ปืนยาสลบยิงเฉียดหัวกาสกรไปหวุดหวิดโดนเสือสลบไปองครักษ์ได้ยินเสียงเสือรีบวิ่งมาดูและยิงแขนสินเพราะคิดว่าเป็นผู้คิดร้าย สินกัดฟันบอกด้วยความโกรธ “คนที่มาช่วยกลับถูกทำร้าย น่าจะปล่อยให้เสือกัดตาย ยวง ยิง กลับ” สินพูดจบด้วยพิษบาดแผลทำให้สินสลบไป ยวงและยิงข้าไปพาสินออกมา กาสกรอธิบายความจริงออกมาและออกตามหาสินจนพบแลพาไปผ่าตัดแผลกระสุนที่อยู่ในแขนออกหมอหลวงรู้ว่าสินเป็นหญิงจึงจะบอกแต่สินฟื้นมาพูดกับหมอหลวง “ หมอรู้ความจริงแล้วใช่ใหม ถ้าบอกความจริงชีวิตของหมอจะไม่มีอยู่ถึงวันพรุ่ง” หมอหลวงผู้นี้นามว่า หมอสานยา เป็นคนขี้กลัวจึงไม่กล้าบอกความจริง สินพักรักษาตัวอยู่ที่พลับเพลาเมื่อกาสกรมาพูดด้วยก็ไม่ยอมตอบ กาสกรชอบที่สินเป็นคนใจแข็งจึงให้สินเป็นน้องบุญธรรม ให้นามว่า สินชัย เมื่อสินรักษาตัวได้ประมาณ 2 วันก็กลับแต่กาสกรขอร้องไม่ให้กลับ สินชัยมองกาสกรพูดอย่างไม่มีความรู้สึก “ เราทั้งสามต้องขอบคุณท่าน ที่ดูแลข้าด้วยดีมาตลอด แต่ข้ามีครอบครัวที่เป็นห่วงข้าเช่นกัน หากท่านเหนี่ยวรั้งไว้เช่นนี้ จะทำให้คนที่รัก และเป็นห่วงข้า ต้องเสียใจเมื่อข้าไม่กลับไป เพราะครอบครัวข้ามีกันแค่ 2 คนเท่านั้น พี่ชายข้ารักข้ามาก คงจะไม่ยอมให้ข้าไปอยู่ที่อื่น หวังว่าท่านคงจะเข้าใจ” แล้วสินชัยเดินทางออกจากที่พักไป “จำไว้ข้าชื่อกาสกร ข้ากาสกร มีเรื่องอะไรไปหาข้าที่ เมือง” “ข้ารู้และขอบคุณท่านเจ้าชายกาสกร แห่งราชวงศ์สิงหราชาที่มั่งคั่ง” หลังจากนั้นสินก็เดินจากไปโดยขี่ม้าที่กาสกรเตรียมไว้ให้ กลับแคว้นพยัคฆภูมิ เมื่อไปถึงแคว้นหญิงสาวได้เปลี่ยนชุดเป็นสุภาพสัตรีขี่ม้ากลับวังเมื่อกลับถึงวังรสิรินรีบตรงไปหาพี่ชาย  เมื่อทั้งสองเจอหน้ากันทั้งสองกอดกันด้วยรักคิดถึง พินสอกอดแน่นไปทำให้บาดแผลที่แขนเลือดออกมาพินสอเห็นจับแขนแน่น “พี่ชายน้องเจ็บ !” พินสอปล่อยมือและพารสิรินมานั่งที่เก้าอี้  “ขอโทษน้องหญิง พี่คงห่วงเจ้ามากไป เจ้าไปทำอะไรทำไมถึงมีแผล บอกพี่มา เดี๋ยวนี้อย่าปิดบัง” “เออ ....คือ..... น้องไปเจอเสือแล้วถูกเล็บขบค่ะพี่ชาย” “พี่จะไปฆ่าเสือตัวนั้น”พินสอรุกขึ้นรสิรินรั้งไว้ “พี่ชายที่น้องออกไปสำรวจจำนวนสัตว์ในป่าเพื่อดูจำนวนว่ามันลดลงหรือไม่ มันก็ต้องมีแผลบ้าง” “พี่จะไม่ปล่อยให้ใครหรืออะไรมาทำให้เราต้องเจ็บหรือเสียใจ เราคือครอบครัวคนเดียวของพี่พี่จะไม่ทนดูเฉย ๆ แน่ แต่เอาเถอะ เราเหนื่อยมามากแล้วไปพักเถอะ” รสิรินลุกขึ้นกอดพินสอแล้วหอมแก้ม “ขอบคุณค่ะพี่ชาย” รสิรินลุกไปอาบน้ำแต่งตัว คณะเดินทางของกาสกรเดินทางไปถึงแคว้นมังกรผงาดฟ้า ฝนทองเดินทางท่องเที่ยวตามประสาชายหนุ่มกำลังคึกคะนอง ท่องเที่ยวเดินทางมาเจอคณะของกาสกรจึงเข้าไปทำความรู้จักและขอเดินทางไปทำการค้าด้วย ซึ่งกาสกรก็ไม่มีปัญหาตอบตกลง ในวังชลรสาเดินมาในห้องทรงงาน “พี่ชาย พี่ชาย หายไปไหนนะบอกว่าจะไปเอาดอกชินารสมาให้แล้วหายไปไหน”ชลรสาเดินดูรอบรอบห้องจนไปพบจดหมายบนโต๊ะ “ ยายตัวแสบพี่ขออนุญาตเจ้าพ่อเจ้าแม่แล้ว พี่ขอไปเที่ยวละแล้วจะหาของที่อยากได้มาฝากละ”  “พี่ชายนะ พี่ชาย พระทัยร้ายที่สุดขอไปด้วยดีดีก็ไม่ยอมให้ไป ระวังองค์ด้วยพี่ชาย” การเดินทางไปค้าขายกับเมืองหงส์เหมราช ทำให้เจ้าชายสองแคว้นได้เป็นสหายกัน แคว้นหงส์เหมราช คณะเดินทางเดินมาถึง ฝนทองเลยออกมาแอบเข้าวังเพื่อนำดอกชินารสไปให้ชลรสาพอดีที่ เจ้าหญิง รชมวัน เสด็จมาชมสวน ดอกไม้สี่ฤดู ที่ผลัดเวียนกันมาออกช่อให้ชมกันตลอดทั้งปี เป็นที่โปรดปรานของ เจ้าหญิงรชมวันเห็นดอกชินารสถูกคนแปลกหน้าตัดหญิงสาวตามไป “หยุดเดี๋ยวนี้นะ บังอาจที่สุด”  ฝนทองหยุดเดินแล้วหันมาจับมือแล้วปิดปาก แต่รชมวันไม่ยอมต่อสู้กับฝนทอง ฝนทองพยายามอธิบายแต่รชมวันไม่ยอมฟังจึงกอดเธอไว้แน่น “เราต้องการดอก  ชินารสไปให้น้องสาวเรา” “จะเอาไปให้น้องสาวทำไมต้องกอดข้าแน่น ข้าหายใจไม่ออก” ฝนทองปล่อยแขนรชมวันมองหน้าฝนทองอย่างชัดชัด ทำให้ทั้งสองเคริ้มจะจูบกัน รชมวันได้สติ แทงเข่าจนฝนทองจุก “เราจะปล่อยเจ้าไป  เห็นว่ามาเอาดอกไม้ให้น้องสาว เราจะปล่อยท่านไป แต่อย่าให้เราเห็นท่านอีก มิเช่นนั้นข้ามิปล่อยท่านไว้ดูเล่นแน่ ” ฝนทองเข้าไปใกล้แล้วหอมแก้มได้โอกาสวิ่งหนีไป เป็นครั้งแรกที่รชมวันถูกคนหอมแก้มจึงหัวใจเต้นรัว ทำให้รชมวันหน้าแดงพอๆกับฝนทองที่เดินทางกลับมาที่คณะพร้อมดอกชินารส  หลังจากวันนั้นไม่รู้เป็นไรทุกทุกเย็นฝนทองต้องไปแอบดูรชมวันที่สวน เมื่อการค้าผ่านลุล่วงไปด้วยดี  ดวงใจของฝนทองตอนนี้อยู่กับรชมวัน ฝนทองจึงฝากสาสน์ไปให้ เจ้าหญิงรชมวันแห่งหงส์เหมราช ใจความว่า “ ทุกวันที่ผ่านมาในการมาค้าขายในครั้งนี้ทำให้ข้าได้พบหญิงงามที่งดงามยิ่งกว่า ดอกไม้ใดในสวนดอกไม้สี่ฤดูแห่งนี้ หากท่านพบปัญหาอะไรขอให้ท่านได้เขียนสาสน์ มาที่แคว้นมังกรผงาดฟ้า ถึงเจ้าชายฝนทอง ข้าคือคนสนิทของพระองค์” พี่เลี้ยงของรชมวันนำสาสน์ไปให้ในวังที่ห้องทรงงาน  เมื่อเจ้าหญิงรชมวันได้อ่านราชสาสน์ รู้สึกกริ้วยิ่งนักเพราะไม่ชอบให้มีใครมาชม ถึงกับทิ้งสาสน์ลงที่ถังขยะ ทางด้านเจ้าหญิงชลรสาเมื่อพี่ชายที่คอยห้ามนู้นห้ามนี่ไม่อยู่จึงทำตามพระทัยโดยไม่เห็นแก่ใครได้เดินทางไป  แคว้นพยัคฆภูมิเพราะได้ยินว่าดอก ราเชลร่า งดงามยิ่งกว่าดอกไม้ใดทั้งปวงที่ขึ้นอยู่ริมน้ำตกที่อุดมสมบูรณ์ยิ่งกว่า   กที่อุดมสมบูรณ์ยิ่งกว่าแค้วนี่ขึ้นอยู่ริมน้ำระทัยโดยไม่เห็นแก่ใครได้เดินทางไปึงกับทิ้งสาสน์ลงที่ถังขยะ ทางด้านเจ้าหญิงชลรสาเมื่แค้วนใด และมีอยู่แคว้นเดียว เป็นเวลาเดียวกับที่พินสอเดินทางมาเพื่อเก็บดอก ราเชลร่าไปให้รสิรินน้องสาวสุดที่รักและแสนหวง  พินสอเข้าไปเก็บดอกไม้อย่างประณีตชลรสาเห็นเข้าถึงกับหัวเราะออกมา “ฮึ เป็นชายที่สมชายชาตรี รูปร่างดี สง่าผ่าเผย แต่เสียดายเป็น บันเดาะ” พินสอหันมาดู “เจ้าเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร” ชลรสาเข้าไปใกล้ยิ้มเล็กๆที่มุมปาก “ก็เราเดินเข้ามามิได้เหาะเหินเดินอากาศนิ จะได้เข้าไม่ได้และนี่เป็นเขตแบ่งระหว่างสองแคว้น เราคนมังกรผงาดฟ้าก็มีสิทธ์ที่จะมาได้ ไม่ได้ติดประกาศบอกสะหน่อย หรือท่านว่าอย่างไร” “เจ้านี่ช่างต่อร้อต่อเถียงหัดเป็นคนเรียบร้อยเหมือนหญิงอื่นบ้าง เจ้ารู้หรือไม่ว่าเราคือใคร”  ชลรสาเดินไปรอบๆพร้อมกับตัดดอกไม้ใส่ตะกร้าที่ถือมาด้วย  “ผู้หญิงสมัยนี้อย่างข้านะ เขาเรียกว่ากล้าแสดงออก ไม่ใช่ต่อร้อต่อเถียง ส่วนท่านขนาดตัวเองยังไม่รู้และใครจะรู้ท่านนิถามแปลก” “เจ้าชายพินสอแห่งพยัคฆภูมิ” ชลรสาได้ยินชื่อรู้สึกหวั่นๆ แต่ต้องแกล้งทำเป็นไม่ตกใจหรือใส่ใจ แต่ในใจแท้จริงก็หวั่นเกรง “แล้วทำไมละ เราก็ไม่เห็นต้องใส่ใจในชื่อของท่าน บรรดาศักดิ์เราทั้งสองมิได้ต่างกัน เท่าไรเพราะเราคือเจ้าหญิงชลรสาแห่งมังกรผงาดฟ้า ท่านเป็นถึงองค์ชายใยมาตัดดอกไม้ดุจสตรีเช่นนี้ หรือจะให้เราคิดว่าท่านมาตัดดอกไม้ เพราะว่าท่านอยากเจอข้า” “องค์หญิงอย่าหลงในพระองค์เช่นนั้น เพราะที่ข้าตัดดอกไม้เพื่อนำไปให้ขนิษฐา ของเราที่ราชวัง” ทั้งสองเถียงกับเรื่องโน้นเรื่องนี้จนถึงเวลาพลบค่ำ จนพี่เลี้ยงตามาพบ แล้วห้ามไว้ และพาทั้งสองพระองค์กลับที่พัก รุ่งเช้าต่างกลับบ้านเมืองของตน พินสอนำดอกไม้ที่จัดช่อที่สวยงามนำมาในห้องทรงงาน รสิรินกำลังดูวิวริมหน้าต่าง พินสอนำดอกไม้ไปยื่นตรงหน้าของรสิริน “ขอบพระทัยค่ะพี่ชาย” รสิรินกอดพินสอไว้”   “พี่สัญญานะ  ว่าพี่จะอยู่ดูแลเรา รักเราดูแลเราให้เหมือนท่านพ่อท่านแม่  พี่จะไม่ให้เราต้องเหงาอยู่คนเดียว” รสิรินยิ้มและกอดพินสอแน่น “สัญญาแล้วนะค่ะพี่ชายห้ามผิดสัญญา” ทั้งสองหยอกล้อกันเหมือนยังทรงพระเยาว์ ทหารวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น “ องค์ชายหินศิลาถูกทำลาย” “เมื่อไหร่กัน” “เมื่อ......เมื่อ.......3เดือนที่แล้ว” “เจ้าว้าอะไรนะทำไมไม่ส่งคนไปดู” “ทางกองทหารได้ส่งกองกำลังไปแต่ถูกเก็บหมด” “เอาเถอะเตรียมขบวนเราจะไปดูที่แท่นศิลาศักดิ์สิทธ์” ข่าวการถูกทำลายของศิลาส่งไปถึงอีก3แคว้นใหญ่จึงจัดคนส่งมาที่แท่นศิลาศักดิ์สิทธิ์เจ้าชายทั้ง 3แคว้น ได้พบกันและได้ร่วมดื่มน้ำสาบานเป็นสหายร่วมสาบาน ส่วนเจ้าหญิง รชมวัน ตามเสด็จพระบิดามาด้วยเมื่อเจอกับฝนทอง ทั้งสองเจอกับถึงกับหน้าแดง พระบิดาของรชมวันเห็นเช่นนั้นจึงให้ทั้งสองอภิเษกและอีกอย่างเป็นการเชื่อมความสัมพันธไมตรี รชมวันไม่เห็นด้วยแต่ก็ทรงยอมเพราะถือว่าเป็นการอภิเษกสมรสเพื่อการเมือง ข่าวการอภิเษกได้แจ้งกับองค์ชายทั้งสามที่มาดูศิลาและส่งสายสืบไปดูว่าศิลาถูกทำลายด้วยน้ำมือใคร แค้วนใหญ่น้อยที่ต่างยินดี ราชาขอนชัยทราบเรื่องจึงทรงคิดว่าเป็นการดี ระหว่างที่พวกแคว้นสี่แคว้นเตรียมงาน ก็จะได้เตรียมกองทหารไว้บุกโจมตีในวันอภิเษก กาสกรหลงรักเจ้าหญิงรชมวันมานานแต่ไม่กล้าที่จะบอกรัก ไปพบหรือเจอหน้า จึงเสียพระทัยยิ่งแต่จำพระทัยมาช่วยงานอภิเษก  งานอภิเษกนี้ทำให้ ชลรสาและรสิรินได้รู้จักกัน ทั้งสองช่วยกันเตรียมงาน รสรินเมื่อเตรียมงานเรื่องสถานที่ภายในแล้วเดินมาสูดอากาศภายนอกเดินชมวิว ที่สวนริมน้ำจึงได้พบกาสกรที่แอบมาพักดวงหทัยที่บอบช้ำ รสิรินเดินมาพงที่ต้นไม้ใหญ่โดยไม่รู้ว่ากาสกรอยู่หลังต้นไม้ กาสกรเดินออกมาจากหลังต้นไม้เห็นรสิรินจึงจับแขนไว้ไม่ให้หนีก่อนไต่ถาม “เจ้าเป็นใคร” รสิรินรู้สึกกริ้วยิ่งนักหันหน้ามาแต่รสิรินต้องตะลึงเราเพราะคนที่จับมือถือแขนอยู่นั้นคือ กาสกร “เจ้าชายกาสกร” กาสกรรู้สึกอึ้งและรู้สึกคุ้นตาจึงจำได้ว่าคือ สินชัยแต่ตอนนี้อยู่ในรูปสตรี “ สินชัย ทำไมเจ้าเป็นหญิง มิน่าละ แต่ช่างเถอะ” กาสกรกอดรสิรินด้วยความเสียใจที่ต้องการหาอ้อมกอดที่ช่วยรักษาแผลที่หัวใจ รสิรินร้องไห้เพราะไม่คิดว่าเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ไม่ควรทำเช่นนี้ “สินไม่ว่าเธอจะเป็นผู้ใดเรากำลังเสียใจที่คนที่เรารักกำลังจะเข้าพิธีอภิเษกทั้งๆอ้างว่าการเมืองแต่ทั้งสองก็รักกัน” รสิรินผลักกาสกรออกมา “ พระองค์เป็นถึงองค์ชายแต่มาทำเช่นนี้ กับหญิงสาวที่ไม่ว่าหญิงสาวผู้นั้นจะเป็นใคร มาจากไหน ก็ไม่ควรทำเช่นนี้ ถ้าเสียใจนักท่านควรจะยินดีเพราะคนที่รักมีความสุข รชมวันถามใจตนเองแล้ว ไม่ปล่อยให้เวลาของความรักต้องเสียไป เพราะว่าไม่ได้รักเขาข้างเดียวฉะนั้นท่านควรถอนตัว มิเช่นนั้นรชมวันจะเสียใจจนไม่อยากเจอหน้าท่านก็ได้ จะมองหน้ากันอย่างสนิทใจหรือให้เจอกันแล้วมองหน้ากันไม่ติด” กาสกรรักในรชมวันที่สุด จึงไม่ยอมให้ใครหน้านั้นมาเรียกรชมวันเฉยๆ จึงผลักรสิรินลงพื้น       รสิรินลุกขึ้นมาได้ตบหน้ากาสกรและร้องไห้ “ ท่านให้ความรักครอบงำ พวกที่รักแล้วไม่รู้จักประมาณเหมือนกำเศษไว้ในมือเมื่อมันแตกมันจะบาดมือ ถ้าเราไม่ปล่อยมัน เราจะเจ็บปวดเกินเยียวยา ท่านก็เช่นกัน บังอาจมาเสียมารยาทกับเรา เสียที่เป็นบุรุษมาทำร้ายสตรี แล้วอีกอย่างตอนแรกเราคิดว่าท่านเคยช่วยเรา เราจะปลอบโยน แต่ ท่านมีพระทัยร้ายกาจ ที่เกินเยียวยา ท่านก็เหมือนกับลูกน้องของท่านที่บังอาจยิงเรา” พินสอเห็นและได้ยินทุกอย่างตรงเข้าไปหารสิริน ทำให้กาสกรแปลกพระทัยยิ่ง พินสอตรงมาชกหน้า และกอดรสิรินไว้พร้อมกับคำพูดปลอบโยน “น้องหญิงช่างเถอะหากเราหวังดีกับผู้ใดแล้วผู้นั้นไม่เห็นความหวังดีของเราก็ปล่อยเขาเถอะดูสิอย่าร้องไห้ ร้องไห้แบบนี้ไม่สมเป็นน้องสาวของพี่เลย” “น้องหญิงหรือว่า เจ้าหญิงรสิรินแห่งพยัคฆภูมิ เราขอประทานอภัย” “เราจะเป็นผู้ใดก็ตาม แต่เราไม่ให้อภัยท่าน”แล้วทั้งสองเดินทางไปที่ราชวังรับรองของแคว้นมังกรผงาดฟ้า ส่วนกาสกรรู้สึกผิดยิ่งนักทำให้รู้ว่าแท้ที่จริงไม่ได้รักเจ้าหญิงรชมวันตั้งแต่เจอสินชัยทั้งๆที่ไม่รู้ว่าสินชัยคือสตรีแต่ก็รู้สึกถูกชะตา กาสกรชกต้นไม้ “เราทำไมเป็นคนเช่นนี้ ดวงหทัยของเราอยู่แค่ปลายจมูกแค่นี้แต่เราปล่อยให้หลุดมือไป ข้าขอโทษรสิรินข้าจะทำทุกวิธีให้เจ้าหายโกรธข้าให้จงได้” พินสอเดินทางด้วยความหงุดหงิดชลรสาเดินทางมาใกล้ “นี่ก็ใกล้จะถึงวันอภิเษกของพี่ชายเราเหตุใด ท่านมาทำหน้าตาเหมือนดอกไม้โดนหนอนแทะเช่นนี้” “นี่ท่าน” “ข้าทำอะไร ข้ามิได้นำหนอนไปวางบนแท่นบรรทมของท่านที่ไหนกันว่าไง” พินสอยิ่งฉุนวิ่งตามชลรสาหนีตามประสาหญิงสาว ถึงขั้นตกน้ำพินสอขำออกมา “นี่แหละ ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว” “ท่านราว่ายน้ำไม่เป็น” ชลรสาทำท่าจะจมพินสอจึงโดดลงไปช่วย แต่พินสอถูก   ชลรสาแก้เผ็ด เมื่อพินสอลงน้ำชลรสาก็ขึ้นจากน้ำ ระหว่างที่ทั้งสองขึ้นจากน้ำ มีกองกำลังสวมชุดดำคลุมหน้า เดินทางเข้ามาแล้วนำดาบมาจ่อที่หน้าอกของทั้งสองพระองค์ไว้ “ท่านทั้งสองข้าขอเชิญไปกับข้า ถ้าขัดขืนข้าจะไม่รับความปลอดภัยของพระองค์” กองกำลังลึกลับพาทั้งสองพระองค์ไป ผ่านสวนที่กาสกรอยู่ทำให้กาสกรเห็นจึงได้แต่แอบไว้รอดูสถานการณ์ จึงรู้ว่างานอภิเษกพรุ่งนี้ต้องไม่ปลอดภัยจึงเข้าไปเตือนฝนทอง แต่ไม่มีใครเชื่อเพราะเห็นว่ากำลังเมา กาสกรเดินมาหารสิรินที่ห้อง รสิรินกำลังอ่านหนังสืออยู่ “รสิริน พี่ชายเจ้าถูกลักพาตัว เร็วรีบหนีเถอะ ไม่มีใครเชื่อข้า ถึงเจ้าไม่เชื่อข้าจะนำเจ้าไปด้วย” “เราไม่มีวันที่จะเชื่อท่านอีกเพราะท่านคือคนที่จะมาทำร้าย เราเราไม่เชื่อ”  กาสกรเข้าไปใกล้แล้วตีท้ายทอยจนรสิรินสลบกาสกรแอบพาตัวรสิรินออกไปเงียบๆ ตอนนี้จะเรียกกองกำลังคงไม่ทันเป็นแน่ ก่อนออกจากวังมาได้ติดสินบนให้หมอหลวงทำนายให้ทำนายให้อภิเษกกันที่ๆ    ตำหนัก กนกกรรณจนา ที่มีภูมิประเทศที่ยากการโจมตี จึงไปจัดการเตรียมงานอภิเษกที่ตำหนักกนกกรรณจนา ส่วนกาสกรพารสิรินออกจากเมืองโดยขี่ม้าตัวที่ได้ชื่อว่าเร็วที่สุด  ในงานจัดอย่างยิ่งใหญ่อลังการ แต่คนในงานกลับไม่เห็นรสิริน ชลรสา พินสอ กาสกร ฝนทองได้สาบานว่าจะรักและจะดูแลรชมวันตลอดไป สิ้นคำสาบาน ได้มีพวกทหารแปลกหน้า  เข้ามาและจับทุกคนเป็นตัวประกัน ฝนทองลุกขึ้น “พวกท่านมิควรจับคนที่มีทางสู้ไว้เป็นตัวประกัน ทำเช่นนี้ไม่ขี้ขลาดหน่อยเหรอ” มีทหารแปลกหน้าผู้หนึ่งเดินมาหัวเราะเสียงดังสร้างความหวาดกลัวแก่ตัวประกันอย่างมาก “ถ้าปล่อยตัวก็ผิดโจร แต่ข้าคือกษัตริย์ฉะนั้นข้าจะปล่อยตัวประกันตามวิสัยกษัตริย์ เรื่องนี้เป็นเรื่องของข้ากับท่าน และแผ่นดินของท่านที่ท่านคงนึกไม่ถึงเชียวละ” ตัวประกันถูกปล่อยตัวเหลือแต่รชมวันและฝนทอง ฝนทองกอดรชมวันไว้ในอ้อมกอด “ไม่เป็นไรนะ” “ฮึเสียทีนะ เจ้าชายฝนทองแห่งความองอาจ เสียทีที่เป็นบุรุษแต่กลับหลงใหลในอิสสตรี ก็อย่างว่านะ แต่ช่างเถอะ ขอนชัยจับตัวประกันไว้ ดูแลให้ดีหน่อยเดี๋ยวเสียของ” “รชมวัน”รชมวันตบหน้าฝนทอง “บังอาจเจ้ามีสักเป็นเฉลยไม่มีสิทธิ์มาเรียกชื่อเราเฉย ๆ ช่วยไม่ได้โง่เอง ขนาดมีคนมาเตือนแล้วอยากไม่เชื่อ พาเราไปเอาของวิเศษเดี๋ยวนี้ เพราะไม่เช่นนั้นชีวิตน้องท่านจะไม่เหลือ”    “ชลรสา เจ้าทำอะไรกับน้องหญิง” “ทำหรือไม่ทำ ก็ขึ้นอยู่กับว่าท่าน จะนำของวิเศษมาให้เราหรือเปล่า ถ้าท่านมอบของวิเศษให้เรา เราจะปล่อยท่านเป็นอิสระรวมถึงน้องสาวท่าน คิดดูก็แล้วกัน” “รชมวันไม่ว่าจะตบหน้าเรากี่ครั้ง เราก็ไม่ว่าเจ้า ไม่เคยเห็นคุณค่าของความรักที่เรามอบให้” “กล่าวอะไร องค์ชายประมาณ 14 วันใครจะรักได้แม้ชีวิตจะมอบให้ได้หรือเปล่า รักก็แค่ลมปาก  ขอให้ท่านจำไว้ว่า คนอย่างเราไม่มีหัวใจ ไม่คิดจะรักใคร” ดวงตาที่แข็งกร้าวทำให้ฝนทองรู้สึกได้ว่าเธอไม่ใช่คนที่รักสุดหัวใจไม่มีวันใช่รชมวันคนเดิมอีกต่อไป รชมวันตบหน้าฝนทองแล้วเดินออกจากที่จัดงานอภิเษก  ส่วนทหารได้คุมตัวฝนทองไปกักขังที่กระโจมที่พักที่ไกลจากตำหนักกนกกรรณจนา ทางด้านชลรสาและพินสอที่อยู่กระโจมที่พักกักขังกำลังเดินไปเดินมา “หยุดเดี๋ยวนี้นะ ท่านเดินไปเดินมาจนเราปวดหัวแล้วนะ หนาวก็หนาว หิวก็หิว” พินสอหยุดเดินแล้วมานั่งใกล้แล้วโอบชลรสาไว้ “ขอโทษที่เราทำให้ท่านปวดหัว พวกมันจับเรามาทำไม” เสียงลึกลับดังจากหลังม้านปรากฏกายออกมา “ก็ไม่อะไรมากก็แค่ จะขอของวิเศษของแคว้นเท่านั้น ต้นไม้แห่งความอุดมสมบูรณ์นั่นไงละ มิเช่นนั้นเราจะ...สังหารผู้หญิงผู้นี้สะ”พินสอพาชลรสามาไว้ข้างหลัง ชลรสากอดหลังพินสอแน่นด้วยความกลัว “ข้าไม่ยอมปล่อยของวิเศษให้แก และไม่ยอมปล่อยให้ใครทำร้ายชลรสาเด็ดขาด” “ อือ เช่นนั้นท่านเตรียมพบอะไรที่สนุกสนุก ทรมานใจเจ้าเล่นแล้วกัน ท่านอย่าลืมนะท่านอยู่ในฐานะเฉลย ไม่มีสิทธิ์ต่อรอง  มีวิธีเดียวเท่านั้น ที่ทำให้ปล่อยท่าน และคนของท่านไปคืออะไรนั้น ท่านคงจะรู้ แล้วข้าจะรอคำตอบ” พินสอกอดชลรสาไว้ “ไม่เป็นไรนะเราจะดูแลท่านเอง” พินสอปลอบโยนชลรสาจนหญิงสาวสงบ ทางด้านเขตชายแดนของแคว้นมังกรผงาดฟ้า ข่าวการถูกจับตัวของเจ้าชายแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็วสร้างความอกสั่นขวั่นแขวนแก่ผู้คนเป็นอย่างมาก ข่าวนี้รู้ถึงกาสกรที่พักแรมที่รสิรินหนีออกมาจากแคว้น รสิรินฟื้นขึ้นมา ตอนแรกไม่ยอมพูดจากับกาสกรเมื่อรู้ข่างพินสอถึงยอมพูด “ท่านพูดจริงหรอ ท่านไม่ได้ไกหกนะ” “เราอาจจะโกหกก็ได้ ท่านว่าเราเป็นคนที่คิดทำร้ายท่าน แล้วท่านมาเชื่อเราทำไม” รสิรินร้องให้ออกมา “ท่านคิดอาจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล่น เล่น ไม่เกี่ยวกับชีวิตท่าน แต่มันเกี่ยวกับชีวิตพี่ชายของเรา ท่านไม่เข้าใจหรอก ว่าการโตมาเพียงแค่2คนเหมือนโลกนี้ไม่มีใคร จิตใจจะเหงาแค่ไหนถึงท่านจะขึ้นครองราชย์ แต่ตอนนี้ท่านยังมีพระมารดาพระบิดา แต่ชีวิตเรามีพี่ชายคนเดียว ท่านไม่มีวันเข้าใจความเหงาของเรา ท่านไม่มีวันที่จะเข้าใจเพราะท่านเห็นแก่ตัว ท่านคิดว่าพวกมันคิดจะเอาของวิเศษ แล้วจะไม่รวมถึงแคว้นท่านด้วยหรือไงจะต้องให้คนที่รักโดนเหมือนที่พี่ชายเรา โดนจับไปเพื่อแลกกับของวิเศษหรอ”   รสิรินร้องให้ออกมาไม่หยุดเดินหันหลังร้องไห้พิงต้นไม้  กาสกรเดินไปปลอบโยนรสิริน “เราขออภัย เราสัญญาว่าจะช่วยพี่ชายขององค์หญิงออกมาให้ได้” “ขอบพระทัย” รสิรินจึงหันมามองกาสกรดีขึ้นจากเดิมที่ว่าเห็นแก่ตัว “จริงๆแล้วกาสกรก็เป็นคนดี” รสิรินบ่นพึมพำ ในค่ายทหารรชมวันอาบน้ำที่ลำธาร “เราทำถูกแล้วหรอ รชมวัน แต่อย่างนี้ก็ดีที่สุดแล้วเพี่อพระอยิกา ที่เรารับปากไว้ก่อนพระอยิกาจะสวรรคต” ตกกลางดึกรชมวันฝันว่าพระอยิกามาเข้าฝัน พระอยิกาได้ตรัสว่า “หลานรักของยาย ที่ยายหมายถึงนั่น คือให้หลานรวมแผ่นดินด้วยหัวใจ ไม่ใช่รวมแผ่นดินให้เรายิ่งใหญ่ และแลกมาด้วยชีวิต ของประชาชนทั้งหลาย อย่าใช้ความหลงผิด มาตัดสิน จนเราต้องตกเป็นเหยื่อของคนโลภ คำทำนายมีว่า หากใช้หัวใจรักที่ แลกมาด้วยคนรักสังเวยชีวิตคนรักบนแท่นศิลา ศิลาจะกลับมา ความสงบสุขจะหวนคืน ปาฏิหาริย์แห่งความรักจะเกิดขึ้น ทุกอย่างหลานจะรู้ด้วยสัญชาติญาณ ”รชมวันสะดุ้งตื่นขึ้น จึงออกจากที่พักแล้วเมื่อยามที่เฝ้ากระโจมหลับลง รชมวันได้แอบไปพบฝนทองเงียบๆ ฝนทองหยังไม่หลับได้แต่เดินไปเดินมา เมื่อเจอหน้ารชมวันชายหนุ่มกอดหญิงสาวไว้รชมวันร้องไห้สำนึกผิดที่ตนได้ก่อไว้ “ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ข้ารู้ที่ท่านทำไปเพราะถูกบังคับ” รชมวันร้องไห้ที่ยังไม่เคยคิดว่าจะมีใครรักตนเองถึงขนาดนี้ “ข้าขอโทษ ที่แล้วมา ข้าสำนึกผิดข้าจะทำให้ท่านเห็นถ้าท่านยังไม่เชื่อข้าเร็วเถอะข้าจะพาท่านไปพบน้องท่านจะได้ช่วยได้เร็วเถอะก่อนที่ขอนชัยจะกลับมา” ทั้งสองช่วยกันหนีออกมาจากกระโจมที่กักขังตน แอบไปที่กระโจมของชลรสาและพินสอทั้งสี่ ได้แอบหนีออกจากค่ายไปทางแท่นศิลา ตามคำนายที่รชมวันบอก ทางรสิรินได้ฝันเช่นเดียวกับรชมวัน จึงบอกให้กาสกรพามาที่แท่นศิลา แต่ไม่ได้บอกความฝันให้กาสกรฟัง ส่วนที่ค่ายทหารโกลาหลที่นักโทษหาย ขอนชัยรู้ว่าพวกเขาต้องไปที่แท่นศิลาแน่นอน แท่นศิลาก่นที่จะถูกทำลายเป็นสถานที่ๆสวยสดงดงามยิ่งกว่าสถานที่ใดในโลกได้ชื่อว่า ศิลาสวรรค์ เพราะว่าศิลานี้ได้รวม ความสงบ ความรัก ความอุดมสมบูรณ์ ความมั่งคั่ง ความกล้าหาญความรอบรู้ไว้ หลังจากศิลาถูกทำลาย กลับกลายเป็นหลังมือจากหน้ามือ ตรงกันข้ามกันทุกอย่างการเดินทางของสามเส้นทาง ทางหนึ่งแห่งการทำลาย ทางหนึ่งแห่งการเสียสละ ทางหนึ่งใช้หัวใจ รุ่งเช้ารุ่งอรุณแห่งแสงตะวันโผล่พ้นขอบฟ้าเมื่อพระจันทร์ลาลับไป การเดินทางมาบรรจบ เมื่อคณะเดินทางทั้งสามมาเจอกันเหมือนมีอะไรดลใจให้หยุด “ ทางใครทางมันนะขอนชัย” “ท่านพูดเรื่องอะไรรชมวัน”  “แล้วแต่ท่านจะคิดเถิด คำทำนายมีว่าหากใช้หัวใจรักที่ แลกมาด้วยคนรักสังเวยชีวิตคนรักบนแท่นศิลา ศิลาจะกลับมา ความสงบสุขจะหวนคืน ปาฏิหาริย์แห่งความรักจะเกิดขึ้น ทุกอย่างหลานจะรู้ด้วยสัญชาติญาณ ”รชมวันลงจากม้าเดินลงไปพร้อมๆกับทุกคนที่ลงจากหลังม้า ตรงรี่เข้าแท่นศิลา สภาพของแท่นศิลาไม่เหมือนเดิม เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ บางอย่างมนตร์ขลังของแท่นศิลาดล ให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องมาอยู่ตรงหน้าแท่นศิลากระจัดตัวอยู่รอบๆแท่น ขอนชัยชักดาบออกมา “ ฮึในที่สุด ดินแดนก็ตกเป็นของข้า ข้าไม่สนเรื่องคำทำนายแต่.... ข้าจะบูชายันต์ตามคำทำนาย กาสกร พินสอ หรือ ฝนทองที่ยอมตายขึ้นไปบนแท่นศิลา” ทั้งสามต่างแย่งกันขึ้นรสิรินจึงเล่าคำนายที่ตัวเองฝันเหมือนกับรชมวัน “ฉะนั้น ขอนชัย เรารสิรินขอเลือกที่จะขึ้นไป พี่ฝนทองใช้ชีวิตอยู่กับรักที่สมควรที่โหยหามานานเถิด พี่พินสอน้องทั้งรักและห่วงใยทั้งยังรักและเอ็นดูชลรสา พี่ควรอยู่กับคนที่รัก” รสิรินขึ้นบนบันไดของแท่นศิลา กาสกรจับข้อมือไว้กระชาก รสิรินลงมาในอ้อมกอด “รสิริน ข้านะรักท่านมาก มากกว่าที่จะปล่อยให้ท่านไปบูชายันต์บ้าๆอะไรนั้น ข้าไม่สนและไม่มีวันปล่อยท่านไป เพราะที่สุดของใจข้าคือท่าน” รสิรินร้องไห้ “ กาสกร ข้ารู้ตัวดี เหมาะที่สุดที่จะสละชีวิตเพื่อปวงประชาของเรา เรารักท่านเช่นกัน แต่ความรักกับประชาชน ท่านน่าจะรู้ว่าเราจะเลือกอะไร ทุกท่านโปรดอย่าห้ามข้าที่ข้าทำถูกต้องที่สุด” กาสกรยังไม่ยอมปล่อยรสิริน เช่นเดียวกับพินสอที่กอดชลรสาไว้ “ เราไม่ปล่อยให้ท่านทำอะไรงี่เง้าหรอก” “ ท่านสิงี่เง้า ก็จริงอย่างรสิรินพูด แต่ข้าไม่ใช้คนเห็นแก่ตัว”พินสอไม่ยอมปล่อย ฝนทองขึ้นไปบนแท่น ขอนชัยรีบขึ้นไปบนแท่นศิลาเพราะกลัวว่าจะมีคนห้าม จึงจับดาบจะแทงฝนทอง แต่รชมวันขึ้นขวาง รชมวันทรุดลงเธอถูกแทงทะลุออกมาทุกคน มองรชมวันฝนทองร้องรั้น เรียกชื่อรชมวันอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน ร่างของขอนชัยถูกไฟเผาผลาญจนเป็นจุน “ รชมวัน รชมวัน ท่านทำไมทำเช่นนี้” “ฝนทอง”เสียงสั่นเครือพูดออกมาทั้งน้ำตา “เราบอกแล้วใช่ไหม ว่าเราจะทำทุกวิถีทางให้ท่านเชื่อใจ เราขอโทษ เราพึ่งรู้ใจตัวเอง ตอนที่ท่านขึ้นมาบนแท่นศิลา เราหวังว่าท่านคงจะให้อภัย เอาดาบออกจากตัวข้า”ฝนทองร้องไห้ “รชมวันเราไม่เคยโกรธท่าน เราบอกแล้วใช่ไหมว่า เราจะรักและจะดูแลท่าน ท่านต้องเปิดโอกาสให้เราได้ทำสิ่งที่เราบอกสิ” รชมวันยิ้มและหมดลมหายใจ ทุกคนรอบข้างร้ำไห้ กาสกรปลอบโยนรสิริน พินสอปลอบโยนชลรสา ฝนทองเอาดาบออกจากตัวของรชมวัน เลือดของรชมวันผสานกับความรักรวมศิลาให้เป็นหนึ่งได้อีกครั้งแท่นศิลาสลายไป ความสงบสุขกลับคืน แต่แลกมาด้วยความทุก น้ำตาของกษัตริย์ฝนทองพาร่างของรชมวันมาฝังบนยอดเขาบุบฝาที่รชมวันชอบที่สุด 3ปีต่อมา รสิรินได้อภิเษกกับกาสกร “ รู้ไหมรสิรินว่าในใจข้ามีใครเต็มหัวใจ” “เรื่องนี้เรารู้ตั้งนานแล้ว ไม่ต้องบอกท่านน่าจะทราบดี” อยู่ด้วยกันที่แคว้นสิงหราชา ทำให้แคว้นสิงหราชา มีแต่ความอบอุ่นที่ครอบคลุมด้วยความรัก ฝ่ายพินสอได้อภิเษกกับ   ชลรสา “ ชลรสาถ้าวันนั้นเราไม่มาเก็บดอกไม้ให้น้องหญิง เราคงไม่มีวันเจอดอกไม้ที่สวยที่สุด แห่งดอกราเชลร่าที่พาเรากับเจ้ามาอยู่ ที่แคว้นพยัคฆภูมินี่หรอก” เมื่อครบรอบวันที่รชมวันเสียฝนทองจะกลับมาที่หลุมศพ แต่คราวนี้ไม่เหมือนเดิม ไม่เหมือนทุกครั้งที่ฝนทองมาที่นี่ เขาพบหญิงสาวที่สวมชุดราวกับนางฟ้า มีมงกุฎเถาวัลย์ดอกไม้ ฝนทองโมโหมาก “หยุดเดี๋ยวนี้นะ เจ้าบังอาจที่สุด มายุ่งอะไรกับกับหลุมศพคนรักของเรา” หญิงสาวหันหน้ามาเป็นใบหน้าที่คุ้นตา เป็นความรู้สึกที่คุ้นเคย  หญิงสาวผู้นั้นคือรชมวัน ฝนทองตรงเข้าไปกอดเธอแน่นด้วยความรัก ทั้งสองน้ำตาคลอเบ้า รชมวันเล่าความจริงให้ฟังว่า เมื่อ3ปีที่แล้ว ที่ถูกดาบแทงเธอได้กลับมาฟื้นที่ห้องของเธอ ทุกอย่างราวกับฝันไป แต่สุดท้ายคือความจริงที่มีคนที่รัก ห่วงใย ทั้งสองขี่ม้าตัวเดียวกันขับม้าไปสู่แคว้น มังกรผงาดฟ้าของฝนทอง “ ท่านนะร้ายจริงๆ ที่ไม่บอกเรา ว่าท่านกลับมาแล้วปล่อยให้เราคิดถึงท่านอยู่ได้” ฝนทองพูดข้างหูรชมวัน “ท่านสัญญาแล้วนะว่าเราจะรัก และดูแลท่านตอนนี้เราให้โอกาสตามที่ท่านขอแล้วนะ” รชมวันเอ๋ยแผ่วเบา ทั้งสอง อ๋อไม่สิ ทั้งหกพระองค์ครองรักกันอย่างมีความสุขสืบมา ความรักขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะเป็นฝ่ายเอ๋ยขอหรือรอโอกาสมาหา แต่กว่าจะรู้หัวใจอย่าให้สายเกินไป ที่เราจะเอ๋ยคำว่ารัก

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา