ฝัน

8.0

เขียนโดย solo1075

วันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 17.47 น.

  1 ตอนเดียวจบ
  9 วิจารณ์
  4,434 อ่าน
แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) -

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

คิมหันหนุ่มร่างเซอร์อาศัยอยู่ในเมืองจันทรา....... 

                นับจากวันนั้นก็ผ่านมาเป็นเวลา 3 เดือนแล้วที่ผมยังคิดถึงเธอตลอดมา คิดถึงหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยแสงไฟแห่งยามราตรีที่เงียบ

สงัดดั่งสายลมที่พัดมาไม่มีวันพบกับดวงตะวันสาดส่องไปถึงเมืองนั้นเลย  มีเพียงแสงไฟที่ประดับประดาระยิบระยับพร่างพราวสุดตระหง่าน

ตระการตาช่างให้ความรู้สึกอบอุ่นละมุนไปถึงทรวงคละเคล้าความเหงาเสียเหลือเกิน ผู้คนที่เดินบนท้องถนนคราครั่งอื้ออึงดั่งมดงานร่ายรำ 

  อยากกลับไปยังแห่งหนนั้น....เหลือเกิน

 

 

                แสงตะวันสาดส่องเข้ามาทางริมหน้าต่าง  เสียงรถราวิ่งกันวุ่นวายกับอากาศที่แสนเย็นสบายยามเช้า เสียงนกร้องเรียกประสาน

เสียงกันดั่งวงขับร้องประสานเสียงน้อยๆบรรเลงเป็นเพลงชวนให้คล้อยตามเสียงหวานๆอันแสนหวานชวนให้สดับรับฟังไปกับบทเพลงบรรเลง

อันไพเราะ ภาพเหตุการณ์คลับคล้ายคลับคลาทุกๆวัน  หากเหตุการณ์วันนี้ผิดแผกแตกต่างออกไป....

 

 

                วันนี้ไม่มีแสงตะวัน  มีเสียงคนขับร้องเสียงดนตรี ทุกคนดูมีความสุขตลอดเวลา  ตามสองข้างทางบ้างก็เล่นดนตรี บ้างแสดง

โชว์เล็กๆน้อยๆ  ชวนให้เดินชวนชมไปเรื่อยๆอย่างไม่เบื่อเลย ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนทุกวัน โต๊ะที่วางเรียงราย แจกันที่วางอยู่ที่เดิม

  แสดงไฟสลัวๆเสมือนชวนให้เกิดความเหงาปะปนความอบอุ่น  แต่วันนี้ไม่มี.....เธอคนนั้น...คนเดิม...

 

 

 

                ผมเคยเจอเธอมาประมาณ 2  - 3 ครั้ง เท่าที่จำความได้  เธอชื่อ ทีฟา  หญิงสาวรูปร่างเพรียวบางดั่งหุ่นตุ๊กตาขยับเขยื้อน 

ใบหน้าอันเจิดจรัสงดงาม  ริมฝีปากบางวางเป็นรูปดูช่างน่าสัมผัส  ดวงตาที่คอยสะกดทุกสายตาผู้คนคล้อยตามมองเธออย่างไม่ละสายตา  ชุด

ที่ดูคล้ายชุดนอนที่เป็นเอกลักษณ์ทีฟาทำเอาผมอดอมยิ้มไม่ได้ที่เห็นเธอทุกครั้ง  ภายใต้ค่ำคืนอันเงียบสงัดแต่วันนี้หัวใจผมเริ่มเต้นถี่ขึ้นทุกที

เมื่อได้เจอเธอ    

 

 

                สาวน้อยในชุดนอนออกมาวิ่งเล่นคนเดียวอยู่ลำพัง  สะกดทุกชั่วขณะจนผมมายืนอยู่ข้างเธอตั้งแต่เมื่อใดโดยไม่รู้ตัว  เธอยิ้มและ

บอกทักทาย  เรารู้จักกันมากขึ้นเรื่อยๆ นานวันเข้าเริ่มเกิดเป็นความสัมพันธ์สนิทสนมกัน  เราเจอกันทุกวันนานวันเข้าผมเริ่มรู้สึกร่างกายผม

มันไม่สู้ดีกับการที่ต้องมาเจอเธอ   จากที่ออกมาเจอเธอทุกวันนานวันเข้ากลายเป็นได้เพียงแหงนมองเธอจากทางหน้าต่าง   เราเริ่มห่างหาย

กันไปเธอไม่ได้มายืนอยู่ตรงที่เดิมพร้อมกับความทรุดลงทำให้ขนาดแหงนมองเธอก็ทำไม่ได้ ลมหายใจเริ่มอ่อนล้าลง  แสงไฟค่อยๆมืดลง 

ดวงตาหรี่ลงเรื่อยๆหรือนี่คือวาระสุดท้ายที่ผมจะต้องเจอทำไมมันช่างเร็วยิ่งนัก เริ่มเกิดความสงสัยคลางแคลงใจขึ้นคำถามมากมายหลั่งไหล

ท่วมท้น  คนรอบกายที่ผมไม่เคยนึกถึงผมลืมไปเลยว่าผมอยู่คนเดียวแบบนี้มานานเท่าไร  คนรอบกายผมหายไปไหนกันหมด พ่อ แม่ พี่

น้อง  ญาติๆ  ต่างพากันหายหน้าผมไปตั้งแต่วันที่พบแต่แสงไฟไม่มีวันได้พบกับตะวัน   ความหวาดกลัวต่อชีวิตหลั่งไหลเข้ามา  การอยากมี

ชีวิตอยู่เพื่อใครสักคนมันช่างทรมานเหลือเกินถ้าเทียบวันเวลาที่เสียไป 

 

               

 

               ความมืดเริ่มบดบังดวงตา  กลับมีเสียงเล็กๆลอดเข้ากระทบโสตประสาทเสียงอันคุ้นเคยและอบอุ่น

“คัมหัน!!!    หมอ!!! หมอคะ  ช่วยตามหมอให้ที  คิมหันฟื้นแล้ว  คิมหันฟื้นแล้ว”

 

ความสับสนงุนงงเกิดขึ้น  ห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ กับเตียงที่ผมนอนอยู่ สายระโยงรยางค์พันกันจ้าระหวั่น  หรือผมแค่ฝันไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น  

               

 

           ใช่.... ตั้งแต่ประสบอุบัติเหตุนี่ก็เป็นเวลา 2 สัปดาห์แล้วที่ผมสลบไป  แต่มันช่างเป็นเวลานาน 1 ปี ในความฝันของผม   สายตา

เหลือบไปเห็นนิยายเล่มหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะทำให้ผมเข้าใจได้เมื่อผมเปิดอ่านมัน   เป็นนิยายที่ยามเย็นแม่ของผมจะมาเล่าให้ฟังทุกคืน  นี่คือสิ่ง

ที่ผมเพียงฝันไปหรือนี่ ....  

  

              อาการดีขึ้นเรื่อยๆ  วันนี้อากาศแจ่มใด  ผมออกมาสูดอากาศยามเช้า ผู้คนที่มาเฝ้าไข้ผู้ป่วยต่างพากันเข็นรถออกมานั่งเล่นกันใต้

ต้นไม้   เด็กๆวิ่งเล่นกันทั่วทั้งสนาม   แต่สิ่งที่หนึ่งที่สะดุดสายตาและลมหายใจ   หญิงสาวในความฝันของผม นั่งอ่านหนังสืออยู่ใต้ต้นไม้

กับชุดผู้ป่วยของทางโรงพยาบาลเหมือนกับผม แต่เธอดูช่างละม้ายคล้ายกับคนในฝันของผมเสียเหลือเกิน   แต่สิ่งที่แปลกกว่านั้นคือหนังสือ

ที่อ่านคือเล่มเดียวกับที่แม่อ่านให้ผมฟังทุกคืน  กับสายตาและความตกใจของเธอที่เห็นผมมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ  

           

 

         มันเป็นความฝัน ที่ไม่ใช่ความฝัน  เธอเล่าในสิ่งที่ผมก็พบเจอ  มันเป็นเรื่องเดียวกันที่เราได้ประสบพบเจอ แต่มันก็ยังเป็นความฝันอยู่

ดี ทำให้เราทั้งสองเกิดความรู้สึกอยากรู้ตอนจบของเรื่องเป็นอย่าง  แต่เมื่อเปิดอ่านไปยังหน้าสุดท้ายกลับพบแต่กระดาษที่ชำรุดลอยหมึกที่เลอะ

เปรอะเปื้อนจนมองไม่ออกว่าเขียนว่าอะไร 

               

 

 

                                      

                                                                  จบ.......

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

                      ชีวิตไม่ได้ขึ้นอยู่กับปากกาเพียงด้ามเดียว 

                                                แต่เกิดจากใจสองดวงเป็นคนกำหนดมันเอง.....

 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา