สิ่งสุดท้ายของชีวิต..

8.3

เขียนโดย Canopus

วันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2553 เวลา 16.19 น.

  1 ตอนเดียวจบ
  17 วิจารณ์
  4,921 อ่าน
แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) รัก..

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

       ครั้นพอจะลืมตาตื่นเป็นอันต้องหนักหน่วงเปลือกตาทั้งสองข้างทุกครั้ง ทำไมน่ะกะอีแค่ปลุกตนเองนี่มันยากเย็นแสนเข็ญเสียเหลือเกิน ถ้าไม่ใช่วันนี้ผมคงจะรู้สึกเหมือนเคย

 

        บรรยากาศในตอนเช้าลองสูดดมเข้าไปอยู่บ่อยครั้ง ไม่เคยสำลักความเบื่อหน่ายได้เลยโล่ง โปร่ง เคลิ้ม เพลินใจเป็นที่สุด

        

        วันนี้เป็นวันที่ดีที่ไม่ต้องไปถ่างตาดูมนุษย์ผู้สอนความเครียดให้เรารู้จักเป็นอย่างดีคือการเรียนจึงผ่อนคลายสำราญใจได้อย่างเบิกบาน ดียิ่งกว่าคือผมมีนัดกับคนที่ผมรักและเขาก็รักผม มันดีสองเท่าที่ต่างฝ่ายต่างรักกัน มันไม่ใช่การแอบรักใครข้างเดียวคือความสุขที่แบ่งปันให้แก่กันและกันเสมอผมลองมาคิดถึงใบหน้าของเธอเป็นอันต้องสวมบทเป็นคนบ้าเช่นทุกที ผมยิ้มได้คนเดียวทุกครั้งที่ผมมีความคิดแบบนี้ เธอน่ารักกว่าใครทุกคน ผ้าห่มไม่จำเป็นเสียเลยในหน้าหนาว ผมอุ่นได้เมื่อสายลมปลอมแปลงจำแจงเป็นเธอที่รัก ยิ่งคิดยิ่งอยากพบเจอไวเหลือเกิน

 

       เหนือเบื้องบนขึ้นไปพระอาทิตย์กำลังทำงานเพื่อคนบนโลกอย่างเต็มที่ อากาศที่โล่งโปร่งถูกขับออกด้วยแสงเจิดจ้าคล้ายดังแผดเผา มันกำลังเรียกเหงื่อบนกายให้ท่วมท้นจนหายใจติดขัด ผมรู้สึกร้อนเสียเหลือเกิน เผลอคิดถึงหมีตัวสีขาวที่อยู่ขั่วโลกเหนือขึ้นมาทันที นึกอิจฉามันอยู่เป็นนัย มันคงเล่นสบายกับความหนาวเย็นอย่างเพลินใจ ผมฉุกคิดอย่างเพ้อฝัน หันมาดูความจริงที่เม็ดเหงื่อหยดไหลเป็นอันต้องจบกัน

 

       ผมเดินทางโดยรถส่วนตัวของที่บ้าน เขาขับมาส่งแถวมหาวิทยาลัยเพราะเป็นทางผ่าน ผมยกมือไหว้ขอบคุณอย่างนอบน้อม อันซึ่งเนื่องจากผมรู้สึกดีที่ไม่ต้องเสียค่ารถใดเลยสักบาทเดียว เขารับไหว้ ผมจึงลงรถปิดประตูอย่างเบามือ แล้วรถสีบลอนด์ก็เคลื่อนตัวออกไป

 

       ผมยืนรอเธออยู่หน้าปากซอย ผมรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เจอเธอยิ่งนักไม่ว่าจะเจอมาแล้วกี่ครั้งก็ตามหัวใจของผมมันก็ยังตูมตามด้วยความตื่นเต้นทุกครั้งที่รอเธอ

 

     แล้วเธอก็มา...    แสงอันเจิดจ้าส่องกระทบบนเรืองร่างที่มีชุดแซกดูอ่อนหวานน่าทะนุถนอมปกคลุม ความเปล่งประกายเล็ดลอดออกมาเมื่อเรือนเธอต้องแสง เส้นผมดำยาวของเธอพริ้วไหวไปตามจังหวะแรงลมที่สะพัดป้องปกใบหน้าอันงดงามของเธอ ผมพูดได้คำเดียวในใจว่าเธอสวยเหลือเกิน

 

       ผมกับเธอเดินทางโดยรถแท็กซี่  เมื่อถึงรถไฟฟ้าสถานีประจำของเราสองคน ก็ดำเนินวิธีการใช้สตางค์แลกมาซึ่งบัตรผ่านเข้าใช้การ ผมชอบที่หยอกล้อเธอด้วยการคว่ำหน้าบัตรที่จะแสดงสีประจำเฉพาะอยู่ ผมชอบสีฟ้ามาก เธอรู้เธอจึงต้องการความชอบนั้นของผม แล้วเธอก็ทายถูกทุกครั้งไป ผมจึงต้องถือบัตรสีเหลืองที่ไม่พิศวาสนั้นออกเดินทาง

 

       ปี๊ด ปี๊ด ปี๊ด ปี๊ด สิ้นเสียงสัญญาณรถไฟฟ้าเตือนแผ่วหาย ผมกับเธอจึงแทรกตัวหมายหาจุดว่างเพื่อนั่งมองหน้ากันอย่างสบายใจ ผมกับเธอคุยกันอย่างคุ้นเคย ยิ้มบ้าง อ้าปากหัวเราะบ้าง ไม่นานก็ถึงที่หมายกัน  เราสองคนต้องลงที่สถานีสยามทุกครั้งเพื่อไปต่อเส้นทางไปอ่อนนุชบ้านของเธอ ฝูงชนที่สยามนั้นมีมากจนดูอึดอัดตา  ผมกับเธอจึงจับมือกันไว้เพื่อไม่ให้ใครมาพรากแยกเราจากกัน แล้วขบวนที่รอคอยก็มาถึง มันเคลื่อนตัวจอดช้าๆดูน่าปลอดภัย ทว่าครั้งนี้ไม่มีที่ว่างสำหรับเราสองคน แต่ไม่เป็นหรอกผมพูดในใจ แม้จะยืนให้ขาผมหมดเรี่ยวแรงก็ดีเสียกว่าไม่มีชีวิตอยู่เพื่อยืนมองดูเธอผมมองดูหน้าเธอในรถไฟฟ้า ทำสายตาซึ้งบอกรักเป็นพันครั้งอยู่ในใจ เธอไม่ได้ยินผมหรอก แต่เธอคงจะแอบเขินสายตาดูน่าจริงใจของผมบ้างแหละ  ผมสังเกตแววตาเธอ ผมเห็นว่าเธอก็รักผมไม่น้อยไปเสียกว่าผมเลยแม้แต่น้อย สายตาเธอส่งผ่านความรักและห่วงใยทุกครั้งที่ไม่กระพริบตา ผมยิ้มและกระชับมือที่จับเธอแน่นยิ่งขึ้น รถยังคงเคลื่อนตัวอยู่บนรางอย่างไม่รู้บรรยากาศแห่งรักที่อบอวลอยู่ภายใน.....

 

       เสียงบอกที่หมายดังขึ้นภายในขบวนว่าถึงสถานี่อ่อนนุชแล้ว ผมกับเธอลงเดินอย่างเป็นธรรมชาติไม่มีความเกร็ง ไม่มีความรู้สึกไม่ชอบใจ มีแต่ความจริงใจอยู่รอบตัวเราทั้งสอง ผมเอ่ยปากถามเธอระหว่างสัมผัสอุ้งมือนุ่มๆนั้นว่าเธอจะกินอะไร เธอหันหน้ามาพร้อมรอยยิ้มว่าเธออยากกินก๋วยเตี๋ยว เพราะเธอรู้สึกปวดท้อง สงสัยว่าโรคกระเพาะจะกลับมาเป็นอีกครั้ง ผมรู้ดังนั้นจึงพาเธอไปนั่งร้านที่คุ้นเคย แล้วสั่งสิ่งที่เธอปรารถนา ผมวางชามเบื้องหน้าเธอ เธอกินอย่างไม่อร่อย  ผมเข้าใจว่าเธอคงเจ็บปวดมาก ผมถามเธอว่าเธอกินยาหรือยัง เธอตอบผมเสียงเอ็ดโรยว่าเธอกินมาแล้ว แต่ดูท่าทีของเธอไม่ได้ดีขึ้นเลย ผมเป็นห่วงเธอมาก ผมมองหน้าเธอ เธอพยายามฉายสีหน้าว่าแข็งแรง ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว  แต่มันปิดไม่มิดสำหรับผม เธอเป็นคนรักของผม ผมเป็นคนรักของเธอ เรารักกันมาก แค่นี้ทำไมคนเยี่ยงผมจะดูไม่ออก ผมเคลื่อนเก้าอี้ไปทางด้านหลัง ลุกขึ้นยืน แล้วบอกกับเธอว่าเดี๋ยวผมไปซื้อยามาให้ ขอให้เธอเข้มแข็งประเดี๋ยวผมจะมาพร้อมสิ่งมีค่า ผมเดินขึ้นสถานี เดินไปด้านหลังสุด ลงบันไดแล้วเลี้ยวขวา ผมเดินเร่งฝีเท้าจนกลายเป็นวิ่งอย่างเร่งรีบ ผมเดินเข้าไปในห้าง กระหืดหระหอบหายาจนเจอ ผมจ่ายสตางค์แล้วรีบวิ่งออกมาจากที่นั่นอย่างไม่คิดชีวิต ด้านไหล่ซ้ายของผมเผลอกระแทกกับผู้คนจนผมต้องกล่าวคำขอโทษ ความเป็นห่วงมันแล่นผ่านเข้ามาในหัวสมองไม่หยุด ใบหน้าที่เจ็บปวดของเธอทำเอาผมวิ่งไมรู้เหนื่อย ผมมาถึงที่ที่เธอนั่งอยู่ในเวลาที่ล่วงเลยไม่นานนัก เธอซบหน้าลงกับโต๊ะ ผมยื่นยาให้เธอ เธอมองมันแล้วยิ้มให้ผมอย่างขอบคุณ  ทว่ายาที่เธอกินเข้าไปไม่ได้ช่วยเธอสมดั่งที่คิดไว้ ผมไปส่งเธออย่างเป็นห่วง หน้าของเธอซบลงที่ไหล่ขวาของผมในระหว่างที่รถกำลังเคลื่อนตัวไปยังที่หมาย เธอขอบคุณผมและแสดงความรักจนผมรู้สึกได้

 

        เวลานี้ผมไม่ต้องการสิ่งอื่นใดนอกจากความรัก ที่สานต่อไปถึงลมหายใจที่ติดตัวต่อชีวิตให้ผมสามารถอยู่ดูแลเป็นแขนที่สามและสี่คอยพยุงโอบรัดดูแลเธอ ผมเชื่อว่าคนเราทุกคนเกิดมาเพื่อเป็นของคนอื่น เกิดมาเพื่อคอยปกป้องและรับฝากดูแลชีวิตของคนรักตราบสิ้นความรู้สึกสุดท้ายที่รู้ว่าตนเองมีลมหายใจ

                                                                                

                                                                             Canopus                                

                                                                                                                                        

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา