คืนหนาว ดาวหม่น คนเหงา

7.5

เขียนโดย candle

วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 20.31 น.

  3 ตอน
  8 วิจารณ์
  7,449 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556 20.47 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) "คืนเหน็บหนาว"

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

         

 

 

          เสียงเพลง “คืนหนาว” จากสถานีวิทยุ  เรียกให้ตะวันหยุดความคิดสับสนวุ่นวาย

 

          “จะมีใครยื่น  น้ำใจให้กันเท่าฉันให้เธอ”  เขารำพึงประโยคสุดท้ายกับตัวเอง  นั่นนะสิ  เขาปกติดีอยู่หรือ  ถึงปล่อยเธอไปอย่างนั้น  มันเป็นเรื่องเหลือที่จะคาดสำหรับเขา  ในเมื่อเธอเอ่ยปากโดยง่ายดายอย่างปกติธรรมดา

 

          “ตะวัน  เธอจะว่ายังไงถ้าฉันไม่อยู่สักระยะหนึ่ง”

 

          “จะไปไหนอย่างนั้นเหรอ”

 

          “ไปหาทิวา”

 

          “...............”

 

          “ฉันไม่รู้จะบอกเธอว่ายังไง  ฉันคิดถึงเขาอยากเจอเขา”  เธออึดอัดสับสน

 

          “จะไปเมื่อไหร่”  ตะวันถามเสียงแผ่ว

 

          “พรุ่งนี้เลย  หากเธอไม่ขัดข้อง”

 

          เขาพยักหน้า

 

          “ตะวัน  ถ้าเพียงแต่เธอจะบอกว่าไม่  ฉันก็จะ...”  เธอมองดูเขา

 

          “ไปเถอะ”

 

          “ฉันเป็นภรรยาของเธอ  และไม่มีวันทำผิดต่อเธอ  ฉันจะไม่ทำให้ระหว่างเรามีรอยบาดหมาง  ฉันสัญญา”

 

          ตะวันระบายยิ้ม  เพื่อความสบายใจของเธอ  และของเขาเอง

 

          ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยปิดบังเรื่องรักในใจของเธอ  กับนักเขียนหนุ่มใหญ่ที่ชื่อทิวาเลย  เธอบอกเขาทุกเรื่อง  ถึงความรู้สึกที่มีต่อทิวา  ทุกวันนี้เธอยังรักเขาอยู่  มันอยู่ในใจของเธอตลอดเวลา  ความรักที่ตะวันมีให้เธอยังไม่สามารถเรียกเธอจากอดีตได้

 

          ป่านนี้เธอคงไปนั่งอยู่ในบ้านไม้หลังเล็กกะทัดรัดสีน้ำทะเล  ที่ด้านหน้าหันออกสู่ทะเล  ด้านหลังเป็นดงมะพร้าวติดกับถนน  ตะวันแทบจะหลับตาเห็นภาพแจ่มชัด  ด้วยค่าที่เธอบรรยายให้เขาฟังนับครั้งไม่ถ้วน  จนบางครั้งเขาถึงกับเผลอถามเธอออกไปว่า  “ใช่บ้านหลังที่มีระเบียงรอบบ้านหรือเปล่า”  เธอก็จะทำตาวาว

 

          “ใช่หลังนั้นแหละ  ว่าแต่ตะวันทำไมถึงรู้ล่ะ”

 

          สักพักเธอก็หัวเราะให้กับความช่างจำนรรจ์ของตัวเอง

 

          “ว้า...ฉันเผลอเล่าเรื่องซ้ำซากให้เธอฟังอีกแล้ว”

 

          แล้วประโยคหลังจากนั้นของเธอก็คือ

 

          “ตะวัน  โปร่งขอโทษ”

 

          “ไม่เป็นไร  ช่างเถอะ”  ตะวันพูดได้แค่นั้น  ก็จะให้เขาทำอย่างไรได้เล่า  ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายหลงรักเธออย่างลึกซึ้ง  มันคงเป็นโชคชะตาของเขา  ที่ทำให้หลงรักดวงตาเศร้าโศก  รอยยิ้มอ่อนหวาน  เธอผู้เปรียบเสมือนออกมาจากมายาฝัน  ในค่ำคืนอันงดงาม

 

          ผู้หญิงซึ่งมีใบหน้าอมเศร้า  ท่าทางช่างฝัน  หากสิ่งที่เรียกความสนใจจากเขาเป็นพิเศษก็คือดวงตา  ซึ่งทอดมองออกไปข้างหน้าไกลแสนไกลอยู่เสมอ  ตะวันไม่เคยล่วงรู้ว่าอะไรที่เธอมองหาอยู่  แท้จริงในสิ่งที่เธอมองหาปรากฏชัดเจนอยู่เสมอในใจเธอ

 

          ในตอนนั้นเขายังไม่เข้าใจ  ยังไม่รู้  อย่างคนที่เข้าข้างตัวเองทำให้เขาคิดว่าสิ่งนั้นอาจอยู่ที่ตัวเขา  ทั้งที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร

 

          หนึ่งเดือนที่เธอจากไป  ตะวันแทบทำอะไรไม่ได้เลยในอาทิตย์หลัง  เขาว้าวุ่นกระสับกระส่าย  โกรธขึ้งผู้คนรอบข้าง  พาลเอากับคนนั้นคนนี้ที่ร่วมงานกับเขาอย่างระงับอารมณ์ไม่อยู่

 

          “ตะวันมันคิดถึงเมียจนเพี้ยนไปแล้ว”  เพื่อนกระเซ้า  และนั่นกลับทำให้เขาบันดาลโทสะถึงกับชกหน้าเพื่อนเสียเลือดอาบ  ทั้งที่เขารังเกียจการใช้กำลังเป็นที่สุด

 

          “เพื่อนนักดนตรีของเธอ  วานให้ฉันมาดูว่าเธอตายรึยัง”  ม่านออกปากอย่างไม่สนใจสักนิดว่าสภาพของเขาตอนนี้เป็นอย่างไร

 

          ตะวันมองเพื่อนสาวไม่สบใจ

 

          “ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังนักร้องหนุ่มผู้โด่งดัง  มีสภาพเป็นยังไง”

 

          “ถ้ามาเพื่อนพูดจาประชดประชันล่ะก็  กลับไปได้แล้ว  นั่นประตู”  ตะวันน้ำเสียงขุ่นมัว

 

          “ขอโทษนะที่ปากไม่ดี  ทั้งที่เป็นห่วง”

 

          “...............”

 

          “โปร่งส่งข่าวบ้างมั๊ย”

 

          ตะวันส่ายหน้า  ม่านนั่งลงใกล้เขา

 

          “ฉันไม่เข้าใจเลยนะตะวัน  เธอปล่อยให้โปร่งฟ้าไปได้ยังไง”

 

          “ฉันไม่รู้  อย่าถามได้มั๊ย”

 

          “...............”

 

          “ฉันเชื่อว่าโปร่งฟ้าจะกลับมา  ทิวาไม่รั้งเธอไว้แน่ ๆ”

 

          “ม่านรู้จักทิวางั้นเหรอ”

 

          “ฮื่อ”

 

          “หมายความว่าไง  เธอรู้มาตลอด”

 

          “ทิวา  เป็นพ่อของฉัน”

 

          “ม่านไม่เคยบอกฉัน”  เขาต่อว่า

 

          “มันจะแตกต่างกันยังไง  ตะวันจะรู้หรือไม่รู้  ทิวาเป็นพ่อของม่านหรือจะเป็นใคร  เขาก็รักโปร่งฟ้าได้เท่ากัน”

 

          “ขอโทษ”

 

          มันไม่ใช่ความผิดของม่านสักหน่อย  เขาจะไปโกรธเคืองเธอได้ยังไง  ผู้หญิงคนนี้รักเขา  ช่วยเหลือเขามาหลายต่อหลายอย่าง  พาเขาไปแนะนำตัวกับแม่ของเธอซึ่งเป็นประธานบริษัทค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย  ให้เขาได้มีโอกาสเสนองานของตัวเอง  จนในตอนนี้เขากลายเป็นนักร้องผู้มีอนาคตไกลคนหนึ่ง  หากเขาไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเธอแล้วล่ะก็  คงอีกนานกว่าโอกาสจะเป็นของเขา  ถึงเธอจะบอกว่าเป็นเพราะความสามารถของเขาก็เถอะ

 

          “ฉันกลับก่อนดีกว่า  ตะวันคงอยากอยู่ตามลำพัง”

 

          “อย่างเพิ่งกลับได้มั๊ย  ฉันดีใจที่ม่านแวะมา”

 

          “...............”

 

          “ถ้าฉันรักเธอ”  ในที่สุดเขาก็เอ่ยออกมา  ในสิ่งที่พยามทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นในความปรารถนาดีของเธอ

 

          “อย่าพูดเลย  ถึงเธอจะรักฉัน  ท้ายที่สุดฉันก็เหมือนแม่ที่ทนทิวาไม่ได้  เราอยู่กันคนละฟาก  ฉันพอใจแค่มองเห็นเธอมีความสุข  ประสบความสำเร็จในชีวิต  เป็นเพื่อนที่จะให้ความช่วยเหลือในยามทุกข์  ฉันอยู่กับความเป็นจริงของชีวิต

 

          เพราะหากฉันเป็นตะวัน  ฉันจะไม่ให้โปร่งฟ้าไป  หรือถ้าฉันเป็นทิวาฉันก็จะไม่ยอมให้โปร่งฟ้ากลับมาหาเธออีก  บางทีฉันก็อดคิดไม่ได้ว่าเธอกับทิวาต่างก็เห็นแก่ตัว  ทิวารักโปร่งฟ้าก่อนตะวัน  แต่เขาไม่เคยทำอะไรสักอย่างเพื่อให้โปร่งฟ้าอยู่กับเขา  เขาเฉยเมยกับความรู้สึกของเธอ  ทิวาปล่อยให้โปร่งฟ้าเดินผ่านเขาไปเงียบ ๆ ไม่มีการติดต่อส่งข่าวหรือถามไถ่ถึงเธอ  ทำเหมือนเขาไม่ในใจในตัวเธอ

 

          ส่วนตะวัน  โปร่งฟ้าเป็นภรรยาของเธอ  ยังปล่อยให้ไปหาชายอื่น  ทั้งที่รู้ว่าโปร่งรักเขา  ถ้าเพียงแค่จะรั้งเธอไว้  รู้บ้างหรือเปล่าว่าโปร่งจะเป็นยังไงหากเธอรู้สึกตัวขึ้นมา  จะเจ็บปวดและทุกข์ทรมานกับการกระทำของตัวเองแค่ไหน  หรือตะวันไม่รักเธอแล้ว”

 

          “ฉันรักโปร่ง  แต่จะให้ทำยังไง  ม่านไม่เข้าใจ”

 

          ม่านถอนหายใจ  เธอไม่เข้าใจจริงนั่นแหละ  ไม่เข้าใจคนประเภทนี้  แล้วทำไมหนอเมื่อก่อนนี้เธอถึงได้หลงรักเขา  บางทีการหาเหตุผลให้กับความรักมันก็ยาก  และเธอก็คร้านจะค้นหา

 

          “ออกไปข้างนอกกันดีกว่า  มองดูผู้คนรอบข้างบ้าง”  ม่านลุกขึ้นยืน

 

          “ฉันไม่อยากไป  ใจมันไม่ให้เลย”

 

          “งั้นก็ตามใจ  ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเหลืออะไรเธอได้บ้าง  ในเมื่อเธอยอมตนให้กับความเหน็บหนาว  ความคิดการตัดสินใจอยู่ที่ตัวเธอ  เธอเลือกของเธอเอง  เพราะไม่มีใครช่วยได้หรอก    ในเมื่อเธอเองไม่แม้แต่จะหลีกหนี”

 

          ม่านก็เป็นอย่างนี้เอง  ถึงเธอจะรักเขามากแค่ไหนก็ตาม  แต่เธอก็อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง  และรู้ที่จะรักษาตัวเอง  คนอย่างเธอจะไม่ยินยอมให้ความฝันหรือความหวังลม ๆ แล้ง ๆ มาอยู่เหนือความจริงที่เป็นอยู่ไปได้

 

          “ตะวัน  ทำไมเธอไม่ทำอะไรสักอย่าง  แทนที่จะมานั่งรอวันแล้ววันเล่า  หรือไม่ก็แค่ตามโปร่งฟ้าไป”

 

          “ทำอย่างนั้นก็เท่ากับว่าฉันไม่เชื่อใจโปร่ง”

 

          “แล้วที่เป็นอยู่ตอนนี้  เพราะเชื่อใจงั้นสิ”

 

          ตะวันนิ่งเงียบ  ท่าทีรื่นเริงของเขาที่ม่านเคยเห็นไม่หลงเหลืออยู่เลยในเวลานี้  เขาดูแห้งแล้งไร้จิตวิญญาณ  เออหนอ...คนสามคนที่เธอเกี่ยวพันอยู่ด้วย  พวกเขาเล่นเกมส์อะไรกันอยู่  เรื่องของหัวใจที่หนา  ทำไมถึงได้ลึกลับซับซ้อนวกวนจนยากจะหยั่งถึงเช่นนี้

 

          “ฉันกลัวที่จะเผชิญหน้า  และรับรู้ว่าเสียโปร่งไป”  ตะวันเอ่ยออกมา

 

          ม่านโอบกอดเขาไว้

 

          “อย่าคิดมากสิ  ในเมื่อโปร่งสัญญากับเธอแล้ว  เชื่ออย่างที่เคยเชื่อ  ฉันเองก็เชื่อว่าทิวาไม่ทำอะไรให้คนที่เขารักต้องเสียใจ”

 

          ตะวันรู้สึกอบอุ่นขึ้น  ในค่ำคืนที่เหน็บหนาวเช่นนี้  แม้มีใครสักคนอยู่เคียงข้าง  โอบกอดเราไว้ด้วยสายใยแห่งมิตรภาพ  ย่อมสร้างความอบอุ่นให้เกิดแก่จิตใจที่อ้างว้างเศร้าโศก  ให้ผ่อนคลายลงได้  ยิ่งกว่าความรักอันเกิดจากความไคร่.

 

 

*****คราวนี้ชักจะเริ่มคิดการใหญ่  ที่คิดไว้เป็นสามตอนค่ะ  ไม่รู้จะสำเร็จดั่งใจหมายรึเปล่า

แต่จะพยามเต็มที่เลย 

 

ขอกำลังใจด้วยนะคะ  ตอนต่อไปโปรดติดตาม "ดาวหม่นเศร้า" เร็ว ๆ นี้

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา