คืนหนาว ดาวหม่น คนเหงา

7.5

เขียนโดย candle

วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 20.31 น.

  3 ตอน
  8 วิจารณ์
  7,452 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556 20.47 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

3) "คนเหงาใจ"

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

"ในที่สุดก็มาต่อเรื่องได้ซะที  หลังจากชาติหนึ่งผ่านไป"

 

        

 

          เธอมาทำอะไรที่นี่กันหนอ...เสียงในมโนสำนึกเฝ้าถามไถ่ จนเจ้าตัวชักเริ่มหงุดหงิดรำคาญใจขึ้นมาบ้างแล้ว แต่มันก็จริงอยู่หรอกนะเธอมาที่นี่ทำไม ให้มันได้อะไรขึ้นมา เธอมาตามหาอะไร...?

 

          ความรักจากผู้ชายคนหนึ่งอย่างนั้นเหรอ

 

          บางคราวโปร่งฟ้าก็รู้สึกสับสนไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน กับการตัดสินใจการกระทำ ทั้ง ๆ ที่เวลานี้เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรตามอำเภอใจได้อีกแล้ว มันต่างออกไปจากเดิม

 

          “เบื่อเหรอ” เสียงจากคนใกล้ตัวถามขึ้นเมื่อเห็นอาการของเธอ

 

          เธอส่ายหน้า หันมามองเขาซึ่งนั่งอยู่เคียงข้าง บนสะพานไม้ที่ยื่นออกไปในทะเลฝั่งตะวันตก แสงสีส้มระบายริมขอบฟ้ายามเย็นเจือสีม่วงครามให้ความรู้สึกสงบงันอย่างประหลาด โปร่งฟ้าสูดกลิ่นอายทะเลเข้าปอดก่อนระบายออกเชื่องช้า ซึมซับรสชาดละอองไอเค็มชื้นเย็นในลมหายใจ

 

          “โปร่งฟ้า” คราวแรกที่ได้ยิน เขาก็ประทับใจกับชื่อเธอเสียแล้ว ทิวามักประทับใจกับชื่อสวย ๆ ของสิ่งต่าง ๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชื่อของคน

 

          แต่ในคราวนี้เขาไม่ได้ประทับใจเฉพาะชื่อแต่เพียงอย่างเดียว มันรวมถึงตัวเธอนั้นด้วย ออกจะฟังพิกลอยู่ ในเมื่อเธอเป็นเพื่อนของลูกสาว เป็นแฟนหนังสือของเขา และท้ายที่สุดในตอนนี้เธอเป็นหญิงสาวที่มีเจ้าของแล้ว

 

          ‘ทำไมพ่อไม่รั้งเธอไว้’

 

          ม่านเคยถามเขาอย่างนั้น ซึ่งมันก็จริง ทำไมเขาไม่ทำอะไรสักอย่างเพื่อแสดงให้รู้ว่าเขารักเธอ ในเมื่อเขารู้สึกได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้รู้จักเธอแล้ว แต่เพราะอะไรกัน...?

 

          “คุณเคยรักโปร่งบ้างไหม” คำถามของเธอแผ่วเศร้าเรียกเขากลับคืน

          “...............”

          “ขอโทษค่ะ” เธอหมุนแหวนตรงนิ้วนางข้างซ้ายไปมา ท่าทางเป็นกังวล ความรู้สึกผิดเกาะกินใจ

 

          ตะวันจะเป็นอย่างไรบ้างยามเธอไม่อยู่ น่าแปลกนับแต่วันที่เธอจากมาเขาไม่เคยแม้สักครั้งจะโทรหา เธอไม่ได้ยินเสียงเขามานานนับเดือน เธอคิดถึงตะวันไหมคิดถึงรึเปล่าหรือทั้งหมดนั่นเป็นเพราะความรู้สึกผิดเท่านั้นเอง

 

          ทิวาปรารถนาจะโอบกอดร่างนั้นไว้ แต่เขารู้มันไม่สมควรเธอเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับเขา ไม่อาจครอบครองได้อีกแล้วนับแต่วันที่เธอแต่งงาน

 

          “ผมขอโทษ” เขากล่าวประโยคเดียวกับเธอ

 

          โปร่งฟ้ามองเขาเศร้าสร้อย ทิวาสะท้อนใจ

 

          เรื่องราวในอดีตทำให้ทิวาไม่พร้อมที่จะนำใครเข้ามาในชีวิต เขาพยามถอยห่างออกมาทุกครั้งที่รับรู้ได้ว่าความรู้สึกของเขาเลยเถิดไปไกล ทิวาหวาดกลัวความรัก

 

          ชีวิตวัยรุ่นในโรงเรียนมัธยมปลาย ชีวิตที่ผิดพลาดพลั้งเผลอด้วยอารมณ์ชั่ววูบ หรือเพราะความเยาว์วัย ความรักความหลงใหลชักนำให้หนุ่มสาวคู่หนึ่งประพฤติในสิ่งที่ไม่สมควร และผลของมันก็ยากจะแก้ไข

 

          ครั้งนั้นมันใช่ความรักหรือเปล่าเขาเองยังไม่แน่ใจมาจนทุกวันนี้ หากเขายังระลึกถึงอยู่เสมอในโมงยามอันเปล่าร้างความผิดพลาดของอดีต

 

          แต่อย่างไรเสียเขาก็นับถือในความใจเด็ดของ “มนทิรา” เธอไม่ยอมเอาเด็กออก ยืนยันกับครอบครัวว่าจะเก็บเด็กไว้ ทั้งที่ครอบครัวของเธอเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคมชั้นสูง

 

          นั่นกลับทำให้เขายิ่งเขารู้สึกผิดต่อเธอ ต่อคนในครอบครัวของเธอ ต่อลูกที่เกิดมา ซึ่งเขาไม่สามารถดูแลได้เพราะเขาไม่พร้อมอะไรสักอย่าง ด้วยวัย ด้วยฐานะทางครอบครัวเขายังไม่พร้อมจะรับผิดชอบชีวิตใครแม้แต่ชีวิตเขาเองก็ตามที

 

          หลังจากคลอดลูกเธอไปเรียนต่อต่างประเทศ

 

          “ทิวา ถ้าเลือกได้ ระหว่างฝั่งที่มองเห็นพระอาทิตย์โผล่มาจากน้ำ กับฝั่งที่พระอาทิตย์จมหายลงไป คุณจะเลือกฝั่งไหน”

 

                    โปร่งฟ้าถามขึ้น หลังจากนิ่งเงียบอยู่นานเนิ่น

 

          “ผมเลือกฝั่งที่พระอาทิตย์จมหายไปในน้ำนะ เพราะผมรู้ว่าพรุ่งนี้มันจะโผล่ขึ้นมาอีกครั้ง มันให้ความรู้สึกอ้อยอิ่ง เศร้าโศกไปพร้อมกัน ผมชอบมากกว่าอีกฝั่ง”

 

          เขาทอดสายตาไปไกลเท้าแขนไปด้านหลัง ลมทะเลพัดผมล้อลม ใบหน้าอ่อนโยนดวงตาแฝงความเศร้าอยู่เป็นนิตย์คร่ำครวญถึงสิ่งใด ความผิดพลาดในอดีต หรือความรักซึ่งไม่อาจเหนี่ยวรั้งไว้เป็นเจ้าของในปัจจุบัน ความเจ็บปวดทบทวีขึ้นเรื่อยมาไม่อาจปล่อยวางลงได้แม้เพียงเสี้ยวหนึ่ง

 

          “ใช่สิ นั่นเพราะคุณหลงใหลความเศร้าโศก แต่ฉันชอบอีกฝั่งหนึ่งมากกว่า ความหวัง การเริ่มต้นใหม่”

          “ซึ่งมันก็จริง ความหวังทำให้คนเราก้าวเดินไปข้างหน้า”

          “แต่ทำไมคุณไม่ยอมเดินไปข้างหน้าเสียที” เธอย้อนถามน้ำเสียงตัดพ้อ

          “...............”

          “คุณกลัวที่จะเริ่มต้นใหม่” โปร่งฟ้าบอกกับเขา

          “หากหมายถึงความรักล่ะก็ใช่ ผมไม่กล้านำใครเข้ามาในชีวิต ชีวิตผมไม่พร้อม และตัวผมเองก็ไม่เหมาะกับชีวิตคู่ไม่อาจถนอมความรักให้ยั่งยืนได้ คุณคงได้ยินเรื่องของผมจากม่านมาบ้าง”

          “ค่ะ”

          “ชีวิตจริงมันไม่สวยงามเหมือนในนิยายรักหรอกนะ” เขาย้ำกับเธอ

          “มันไม่ชวนฝัน และความเจ็บปวดในชีวิตจริงหาได้สร้างความประทับใจไม่ นอกจากจะทิ้งบาดแผลยากสมานไว้เท่านั้นเอง”

          “แต่คุณกลับหลงรักความเศร้า” เธอค้านคำของเขา

          “...............”

          “ความเศร้าโศกเป็นแรงบันดาลใจในงานเขียนของคุณ และโปร่งก็คงเป็นเพียงแค่หญิงสาวของความรักในเรื่องราวของคุณเท่านั้นเอง เรื่องราวเรื่องหนึ่งในจำนวนเรื่องเศร้ามากมายของคุณ”

 

          “ผมรักคุณนะ” เขาพูดออกมาหลังครุ่นคำนึงยาวนาน

 

          โปร่งฟ้าหัวเราะน้อยๆ

 

          “เพราะตอนนี้โปร่งไม่สามารถผูกพันกับคุณได้อีก ถึงยอมพูดออกมาสินะ” เธอเหลือบมองเสี้ยวหน้าของเขาก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่นซ่อนเร้นน้ำตา

          “อาจเป็นอย่างนั้นก็ได้” เขายอมรับ

          “แต่ก็ดีใจที่ได้ยิน อย่างน้อยๆ คุณรักโปร่งก็เป็นเรื่องจริงโปร่งไม่ได้แค่คิดไปเองฝ่ายเดียว” เธอระบายยิ้ม

 

          ทำไมเขาจะไม่รู้สึกถึงความรักของเธอเล่า แต่ความถูกผิดมันค้ำคออยู่ ทิวาเป็นครูสอนภาษาไทยในโรงเรียนมัธยมเล็กๆ บนเกาะ เป็นนักเขียนที่คนค่อนประเทศรู้จักอาจไม่ถึงกับโด่งดัง หากเขาก็มีนักอ่านจำนวนหนึ่งคอยติดตามผลงานอยู่ไม่น้อย

 

          อีกสถานะหนึ่งกลับเป็นครูในชุมชนเล็กๆ ครูทิวาที่ผู้คนให้ความเคารพนับถือ หากเกิดเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้นเขาจะสอนลูกศิษย์ได้ยังไง แต่นั่นยังไม่เท่ากับสิ่งที่เขาต้องอธิบายกับลูกสาว ม่านยังคงนับถือเขาเป็นพ่อแม้ทิวาจะไม่ได้เลี้ยงดูเธอมาเมื่อตอนเป็นเด็กก็ตาม ทั้งคนเป็นแม่และยายไม่ได้กีดกันเขากับลูกสาว เธอยังคงไปมาหาสู่เขาอยู่เสมอไม่รังเกียจพ่อผู้ไม่เอาไหนเช่นเขา

 

          กี่วันกี่คืนแล้วที่โปร่งฟ้ามาอยู่กับเขา รู้ทั้งรู้เป็นเรื่องไม่สมควรแม้ระหว่างเขากับเธอหามีความสัมพันลึกซึ้งทางกายไม่ แต่ก็ยังไม่ใช่เรื่องถูกต้องอยู่นั่นเอง

 

          “คุณเคยเสียใจไหม”

          “...............”

 

          เธอหันหน้ามองเขา ทิวาคล้ายไม่ถ่องแท้ในคำถาม

 

          “กับอดีต กับเรื่องราวที่ผ่านมา” เธอแกว่งเท้าสลับไปมา เพ่งมองลงไปในท้องทะเลเบื้องล่าง

          “เสียใจรึเปล่าผมก็ไม่แน่ใจหรอก มันเป็นช่วงวัยเหตุการณ์สิ่งแวดล้อมในตอนนั้น บางคราคนเราก็ไม่สามารถเลือกในสิ่งที่ต้องการได้จริงๆ”

          “นั่นสิ ไม่สามารถเลือกในสิ่งที่ต้องการจริงๆ ได้” เธอยิ้ม ผุดลุกขึ้นปัดกระโปรงยาวกรอมเท้ายับย่นให้เข้ารูป ก่อนจะส่งมือให้เขา

 

          ทิวาลังเลปฏิเสธเยื่อใยที่ยื่นมา ลุกขึ้นเดินนำหน้าเธอ เขาได้ยินเสียงหัวเราะลอยมาก่อนเธอจะเร่งฝีเท้าเดินมาเคียงคู่

 

          “พรุ่งนี้โปร่งก็จะกลับแล้วล่ะ” เธอเอ่ยหลังตัดสินใจได้

 

          ทิวาเงียบงัน เขาโหยไห้อย่างประหลาด

 

          “เราคงไม่อาจเจอกันอีก” โปร่งฟ้าถอนใจหลังจบประโยค สายลมบางเบาแผ่วผ่านคลอเคลียใบหน้า ปัดสยายผมยาวหยอกล้อจนเจ้าตัวต้องเอามือรวบไว้หลวมๆ

          “ทำไม” ทิวาท้วงถาม

          “โปร่งสังหรณ์ใจ มันบอกไม่ถูก”

          “...............”

 

          ‘โปร่งฟ้า’ สายลมดั่งกระซิบเรียกชื่อเธอแผ่วเบา ร่ำร้องชักชวนให้หวนกลับ

 

          “ตะวัน” โปร่งฟ้ารำพึงในใจ เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอตะวันเรียกเธออยู่แน่ๆ

 

          ร้านอาหารขนาดย่อมริมหาดผู้คนหลากหลาย กลับเป็นชาวต่างเสียมากกว่าคนในพื้นถิ่นคล้ายคล้ายไปอยู่ต่างแดน มีเพียงชาวพื้นถิ่นจำนวนไม่กี่คนห้อมล้อมอยู่หน้าทีวีเครื่องเล็ก เรียกความสนใจให้โปร่งฟ้าสืบเท้าเข้าไปคล้ายมีแรงดึงดูด

 

          “นักร้องหนุ่มฆ่าตัวตายปริศนา...?”

 

          แค่นั่นเองที่โปร่งฟ้าได้ยินและมองเห็นภาพในจอทีวี ทุกอย่างพร่าเลือนดับวูบ

 

          เพราะหลงใหลในความรัก  เพราะไม่ซื่อสัตย์ในความรัก  ยินยอมให้ความลุ่มหลงมีอำนาจเหนือความถูกผิด  เรื่องความเจ็บร้าวจึงไม่รู้จบ. 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา