เธอกับเขา และเรากับหมา

8.7

เขียนโดย ฮางมะ

วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 08.18 น.

  4 ตอน
  14 วิจารณ์
  13.19K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 10.01 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

2)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

      ชาย หนุ่มสะดุ้งเฮือก... คิดในใจ (เออ...จริงด้วย เราว่าเราจะรับผิดชอบเองนี่นา ตายละวา ลำพังตัวเองก็แทบอดมื้อกินมื้อแล้วยังต้องมีหมาอีกครอกนึงมาช่วยใช้เงินอีก รึนี่ !!) แต่อย่ากระนั้นเลย โชว์ออฟซักนิดกลั้นใจตอบไปว่า

 

      "ยินดีด้วยนะครับ ต่อไปนี้เราก็เป็นทองแผ่นเดียวกันแล้วสินะเนี่ย เพราะลูกๆ ของเรา..."

 

      "ไม่ ตลกนะคะ หมาของฉันคนละตระกูลกับคุณเลย มันอาจเข้ากันไม่ได้ และอาจเป็นอันตรายก็ได้ใครจะรู้"   เธอเอ่ยน้ำตาคลอ... ส่วนตัวผมเหมือนถูกด่ากระทบ (จริงสินะ... เรามันเหมือนอยู่คนละชั้นกัน เพียงแค่เธอลดตัวลงมา เราก็ดันไปคิดเสียว่าเธอให้โอกาสใกล้ชิด) ...

 

      "เอ่อ.. ครับ หากสุนัขของคุณเป็นอะไรขึ้นมา ผมจะยอมทำตามที่คุณพูดทุกอย่างเลยครับ" เมื่อผมพูดประโยคนี้จบเราก็เดินทางมาถึงบ้านของเรา ซึ่งห่างกันเพียงรั้วกั้น...
ขณะที่สาวเจ้ากำลังจะเดินเข้าบ้าน ผมตะโกนบอก... "นี่คุณ เดี๋ยวเราออกไปพร้อมกันนะ... 1 ทุ่มเรามาเจอกันตรงนี้นะคร้าบบบบ"

 

      ชายหนุ่มขึ้นไปที่ห้อง วางของลงแล้วนั่งคิด...
พบ กับเธอก็ดันมีเรื่องบัดสี รู้ว่าบ้านอยู่ใกล้ก็เหมือนเอื้อมไม่ถึง มีโอกาสสนทนากับนางในฝันอีกครั้งก็เจอแต่เรื่องอะไรก็ไม่รู้ ...ปั๊ดโธ่ ไอ้คนแต่งมันจะทรมานตูไปถึงเมื่อไหร่วะ !!
           

 

      หญิง สาวขึ้นไปบนห้อง วางของลง หลังจากที่ส่งเมล์แปลนร้านที่ลงไปวัดไซต์เสร็จก็มานั่งอมยิ้ม... "สมน้ำหน้าป่านนี้คิดมากแล้วล่ะสิ ตาบ้า" ความจริงหมาของเธอไม่ได้ท้อง เธอแค่อยากแก้เผ็ดชายหนุ่มต่างหาก
           

 

      ลาบาร์ดอร์วัยฉกรรจ์ กระโดดเข้ามาเลียหน้าทักทายชายหนุ่มเหมือนเคย ชายหนุ่มเอ่ยว่า
 

 

      "ไงล่ะแก ทำเรื่องเข้าแล้วสิ"
            

 

      แฟรี่สาวที่นั่งเคียงหญิงสาว นึกแปลกใจว่าทำไมช่วงนี้เจ้านายของมันดูมีความสุขจังเลยนะ ว่าแล้วก็เดินไปกินอาหารมุมห้อง

 

      เวลา 1 ทุ่ม... ทั้งสองลงมาเจอกันที่หน้าบ้านอีกครั้ง    หญิง สาวและชายหนุ่มตกใจเสียงหัวเราะของชายพเนจรคนหนึ่งพร้อมกัน ชายพเนจรคนนั้นกล่าวขอโทษ พร้อมบอกว่า
 

 

      "โทษทีๆ ไอ้นิยายรัก เรื่อง "เธอเขา และเรากับหมา" เล่มที่ลุงอ่านนี้พระเอกกะนางเอกมันรักกันแบบแปลกๆ น่ะ บ้าชะมัด...เจอกันครั้งแรกก็มีเรื่องฮาๆ ละ ให้ตายสิ"

 

      "เรื่องมันเป็นยังไงหรือครับ?" ชายหนุ่มถาม

 

      "อ้อ... คือหมาของพระเอกมันวิ่งไปมีจั๊กกะดึ๋ยกับหมาของนางเอกน่ะสิ นางเอกก็โกรธใหญ่เลย แล้วตอนหลังมาหลอกพระเอกว่าหมาของตัวเองท้อง ทั้งๆ ที่ไม่ได้ท้อง..." ชายพเนจรเล่าเรื่อง
       

 

      ชายหนุ่มหันไปมองหน้าหญิงสาว ผู้หันหน้าไปทางอื่น... (ทำไมเรื่องมันคล้ายเรื่องของเราจังวะ ?) ชายหนุ่มคิด

 

      "แล้ว คราวนี้ชายหนุ่มคนนั้นก็พยายามค้นหาความจริง ว่าหมาของนางเอกท้องจริงหรือเปล่าด้วยวิธีการฮาๆ สารพัด เช่น นำฉี่ของหมานางเอกไปตรวจ เอาหูแนบท้องหมาก็ทำ มันจี้ดีชะมัดว่ะ 55+" ชายพเนจรเล่าต่อ
ชาย หนุ่มคิด (กูก็คิดจะทำแล้วล่ะ วิธีพวกนั้นน่ะ แต่เผอิญยังไม่มีเวลา... อ๊ะ ไม่มีเวลา) ชายหนุ่มยกนาฬิกาขึ้นมาดู "ตายหอง !! 1 ทุ่ม 15 แล้วนี่หว่า" ชายหนุ่มก็ผละจากชายพเนจรผู้นั้น รีบคว้ามือหญิงสาววิ่งออกไปขึ้นรถที่หน้าหมู่บ้านด้วยความรวดเร็ว...
ชาย พเนจรก้มหน้าก้มตาเล่าต่อไป... "แต่หลังจากนั้น ก็เริ่มมีมือที่สามเข้ามาป่วนในชีวิตของเขาและเธอ - อ้าว ไอ้หนุ่มหายไปไหนแล้วล่ะ... กำลังมันส์นะเนี่ย"
...............................................

 

ณ ร้านอาหาร...

 

        ชายหนุ่มกับหญิงสาวมาทันเวลาพอดี ทั้งคู่เหนื่อยหอบ แต่แอบลอบยิ้มด้วยกัน... ทันใดนั้น มือเบสของวงก็เข้ามาทักชายหนุ่ม....

 

      "เฮ้ย... มึงหามือกลองเล่นแทนได้แล้วเหรอวะ เห็นเจ้าของร้านว่ามา... แม่งยังไม่มาเลย แล้วผู้หญิงคนนั้นใครวะ"

 

      "ก็นี่แหละคนที่จะมาตีกลองแทน เพื่อนข้างบ้านกูเอง"

 

      และพอหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมา ชายผู้เล่นเบสก็ตกหลุมรักโดยฉับพลัน โอ้... เธอผู้งามประหนึ่งหลุดออกมาจากภาพวาดของดาวิน ชี

 

      "สวัสดี ค่ะ คืนนี้ขอให้ฉันมีส่วนร่วมหน่อยนะคะ ไม่ได้ตีกลองนานแล้วตั้งแต่เรียนจบมา... เบื่องานที่ทำอยู่พอดี ทำให้ได้มีที่ระบาย" หญิงสาวทักทายด้วยอัธยาศัยไมตรี

 

      "สะ สะ..สวัสดีครับ" หนุ่มมือเบส ตะกุก ตะกัก ขึ้นมาพลัน...

 

      "หมดเวลาคุยแล้วคร้าบ เพื่อนๆ" ชายหนุ่มแอบหงุดหงิดเล็กน้อย เมื่อเห็นสาวในฝันของตนคุยดีกับเพื่อนของตัวเอง !!

 

      เสียงเจ้าของร้านประกาศ "ต่อไปขอเชิญพบกับวงอินดี้ที่ทุกท่านรอคอยมาค่อนคืน - บอดบี้สแลม"

 

      ท่ามกลางความมืดด้านหลังเวที หญิงสาวแอบกระซิบกับชายหนุ่ม "เธอตั้งชื่อวงได้เห่ยมากเลยนะ"

 

      ชาย หนุ่มตอบกลับไป "เมื่อก่อนมันไม่มีความหมาย ตอนนี้มันกำลังจะมีความหมาย" ก่อนที่ทั้งสามคนจะก้าวขึ้นเวที... โดยมีแสงสปอร์ตไลท์สาดส่อง
           

 

      ชายหนุ่มมือเบส ชายหนุ่มผู้มีรูปร่างประดุจดั่ง เดวิด ประติมากรรมชั้นยอดของ มิเคลันจาโล่ ทำให้หญิงสาวอดที่จะชายตามองไม่ได้ แต่ชายหนุ่มพระเอกของเรานี่สิ ดูอย่างไรก็เหมือนกับภาพวาดแนว คิวบิสต์ ที่ดูบิดเบี้ยวเหยเก แต่ก็ได้สัดส่วน แม้รูปทรงจะดูเอ่อ...พิลึกพิลั่นยิ่งนัก ของฮวน ปาโบร ปิคาสโซ่....เอาล่ะสิ ฟ้าประทานคู่แข่งในคราบของมิตรมาซะแล้ว

 

      เมื่อ เล่นถึงเพลงสุดท้าย... ชายหนุ่มประกาศบอกคนดูว่ามือกลองประจำวงรถล้มแขนหัก วันนี้ได้รับเกียรติจากสุภาพสตรีคนนี้มาช่วย ต่อไปคงต้องพักงานยาว จนกว่าเพื่อนมือกลองจะหายดี... ทำให้คนดูส่งเสียงโห่ขึ้นมาทันที

 

      เจ้า ของร้านเห็นท่าไม่ดีจึงรีบออกตัวขึ้นมาว่า

 

      "วง บอดบี้สแลมจะไม่มีการพักงานเด็ดขาดครับ... " เจ้าของร้านยังพูดไม่ทันเสร็จ ชายหนุ่มก็ลงจากเวทีไปโดยที่ไม่เล่นเพลงสุดท้าย...

 

      หญิงสาว มือเบส และเจ้าของร้าน ต่างวิ่งกรูตามลงมาที่ด้านหลังเวที

 

      มือ เบสตะโกนถาม "มึงทำอะไรวะ... แล้วจะเอาอะไรกิน มึงไม่ได้เดือดร้อนคนเดียวนะโว้ย" ชายหนุ่มเงียบ...

 

      เจ้าของร้านบอกว่า "เดี๋ยวฉันหามือกลองทดแทนมาให้ก็ได้ ขอเพียงนายอย่าเลิกเล่นเลย นายเคยบอกกับฉันว่าดนตรีคือชีวิตของนายไม่ใช่หรือ ?"

 

      ชาย หนุ่มสะอึกต่อคำนั้น ...เราสามคนรวมตัวกันด้วยทัศนคติเดียวกัน - ดนตรีคือชีวิต !! เราตระเวนไปเล่นตามที่ต่างๆ ก็โดนตะเพิดออกมา เพราะเราเสือกไม่เล่นเพลงดังๆ ไม่เล่นเพลงที่ตลาดต้องการ แต่เราเล่น "เพลงของเรา" จนมาเจอพี่เจ้าของร้านคนนี้ คนที่ให้โอกาส เพราะพี่เจ้าของร้านเค้าก็มีศรัทธาเหมือนเรา ดนตรีคือชีวิต !!

 

     "ก็ เธอมาช่วยแค่คืนนี้เท่านั้น แล้วอีก 3 เดือนหลังจากนี้ล่ะ... กว่าไอ้ห่านั่นจะหาย มึงกะกูจะเล่นกันสองคนเหรอ ไม่มีใครตีกลองเพลงของเราได้หรอกโว้ย" ...ชายหนุ่มผู้เงียบมาตลอดเผยความในใจ

 

      "แล้วทำไมมึงยอมให้เธอมาตีล่ะ" มือเบสถามหน้างง...

 

      "ก็... ก็... ก็กูจะไปรู้เหรอ เค้ามาเองง่ะ" ชายหนุ่มตอบ

 

      หญิง สาวผู้เงียบมาตลอดเอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรก

 

      "เธอกำลังหาว่าฉันเข้ามายุ่งสินะ ! - เธอเป็นอะไรของเธอน่ะ... ทำไมดูไม่มีความอ่อนโยนเหมือนที่เราเจอกันที่สวนสาธารณะ หรือเมื่อตอนเย็นที่เราเจอกันล่ะ คนที่แอบมองฉันทุกเช้าวันอาทิตย์ ด้วยสายตาอ่อนโยนคนนั้นไปไหน" พูดจบหญิงสาวก็เดินออกทางประตูด้านหลังร้านไป...

 

      หญิง สาวเดินน้ำตาคลอออกมาจากร้าน...

 

      ทัน ใดนั้นเองก็มีชายสองคนเดินอาดๆ มาทางหญิงสาว ใช่...มันเป็นอย่างที่ทุกคนคิด จิ๊กโก๋ประจำถิ่นนั่นเอง สาวเจ้าคงลืมไปสนิทว่านี่มันดึกดื่นเที่ยงคืนแล้ว เธอกลับคนเดียวย่อมไม่ปลอดภัย

 

      ระหว่าง ที่ทั้งสามคนกำลังหารือเรื่องตำแหน่งมือกลอง ...เจ้าของร้านก็ถามชายหนุ่มขึ้นมาว่า "แล้วเพื่อนข้างบ้านนายมายังไงกลับยังไงล่ะ ?" เท่านั้นแหละ... ชายหนุ่มพร้อมด้วยเพื่อนมือเบสถลาออกไปกันแทบไม่ทัน !!
โชค ดีที่เธอยังไปได้ไม่ไกล เพราะว่าคุยกับเด็กหญิงคนหนึ่งอยู่ พลันออกมา ก็เห็นสาวเจ้าโดนจิ๊กโก ยื้อยุดฉุดกระชาก ชายหนุ่มคว้าไม้หน้าสามแถวนั้นหวดเข้าเต็มแรงที่หลังของจิ๊กโก๋คนหนึ่งจนไม้ หัก

 

....  "อ๊ากกกกกกกก" เจ้านั่นถึงกับร้องไม่เป็นคน... ส่วนจิ๊กโก๋อีกคนก็ถูกเพื่อนมือเบสรูปหล่อกระโดดถีบจนล้มกลิ้ง  เจ้า จิ๊กโก๋ไม่ยอมถูกลูบคม ...จึงคว้ามีดพับในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาปลดล็อก หมายแทงชายหนุ่มพร้อมเพื่อน แต่ก็มีรถสายตรวจบังเอิญ (อีกแล้ว) ขับผ่านมาพอดี หญิงสาวจึงร้องตะโกนให้ช่วย จนทำให้เจ้าสองจิ๊กโก๋ต้องวิ่งหนีไป

 

      "ฝากไว้ก่อนเหอะมึง" - เจ้าจิ๊กโก๋คนหนึ่งคำรามขึ้น เหมือนหลักสูตรหนังไทยทั่วไป ใครบัญญัติ

 

      "คุณเป็นอะไรหรือเปล่า" เธอร้องถามและใช้สายตาแห่งความห่วงใย มองดูร่างกาย ชายหนุ่ม ว่าเจ็บตรงไหนหรือไม่

 

      "ไม่เป็นไรครับ เรากลับบ้านกันเถอะครับ" ชายหนุ่มบอก ก่อนจะพาหญิงสาวกลับบ้าน
หลังนั่งแท็กซี่ ไปด้วยกัน ชายหนุ่มก็ระบายความรู้สึกที่เก็บไว้ออกมา "ผมขอโทษด้วยแต่ผมคงให้คุณมาเล่นดนตรี อีกไม่ได้"

 

      "ทำไม?" หญิงสาวถามทันที หรือว่าเขาเห็นว่าเธอเป็นตัวถ่วงของ วง "ฉันเป็นตัวถ่วงของวงเหรอ" เธอถามคำถามที่คิดนั้น

 

      "ไม่ใช่ ผมเป็นห่วงคุณ ต่างหาก เมื่อกี้ถ้าผมออกมาไม่ทัน คุณจะเป็นอย่างไร ผมยอมให้คุณเป็นอันตรายไม่ได้หรอก" เธอมองเขา นิ่งนาน

 

      "อีกอย่าง ผมเกรงใจคุณด้วย คุณทำงานทั้งวันทั้งกลางคืน มันเหนื่อยเกินไป"

 

      "แต่ฉันอยากช่วย" หญิงสาวว่า

 

      "คุณช่วยมามากแล้ว ผมไม่อยากให้คุณต้องเดือดร้อนเพราะผมอีก"
            

 

      เรา จากกันด้วยความคิดต่าง เธอคิดว่าชายหนุ่มกีดกันไม่อยากให้เธอเล่นดนตรี แต่เขาไม่อยากให้เธอ เดือดร้อนและมีอันตราย          

        

 

      ชายหนุ่มเข้าบ้าน ได้ยินเสียงเจ้าโดโด้ หอนหวยหวนด้วยความคิดถึง นังแฟรี่ มาของคน  ข้างบ้าน เสียงของ นังแฟรี่ก็ร้องตอบกลับมา สภาวะเป็น สัด คงยังไม่หมด พวกมันอยู่ห่างกันเพียงกำแพงสูงกั้น เหมือนเจ้านายของมันทั้งคู่ แต่สำหรับใจของชายหนุ่มแล้ว ไม่ใช่กำแพง หนาสูงหรอกที่กั้นเขาไว้มันมี อะไรที่มองไม่เห็นกั้นเขากับเธออีกชั้น คิดดูสิ จนป่านนี้เขายังไม่รู้จักชื่อของเธอ

 

      ชื่อ ของเขาคือ นาฬิกา คนบ้าอะไรชื่อแบบนี้ หญิงสาวคิด หลังจากถามชื่อของเขา จากหนุ่มมือเบส สุดหล่อ แต่ ตาเหล่ เธอหัวเราะในใจ คนเราไม่เพอร์เฟค ไปหมดหรอก

 

      "ไอ่กา มันบอกว่าหามือกลองคนใหม่ได้แล้วแต่ผมเสียดายคุณ.. ว่าแต่คุณ ชื่ออะไรนะครับ" มือเบส ตาเหล่ พูดกับเธอแต่ดันมองไปอีกทาง

 

      "เพ ค่ะ เพริกา" เธอบอก เธอกำลังเก็บรายละเอียดงานในร้าน อีกครั้งก่อนจะนำมาออกแบบ

 

      "คับคุณเพ ผมเสียดายจริงๆนะครับ คุณตีกลองมันส์มากๆ"

 

      "อ้าวคุณ คุณมาทำไม?" นาฬิกา เดินมาเจอหญิงสาวที่ร้าน

 

      "ไม่ต้องไล่หรอกฉันจะไปพอดี" หญิงสาวว่า ก่อนเก็บของแล้วเดนออกไป

 

      "ไม่ใช่สักหน่อย ผมไม่ได้ไล่คุณนะ " ชายหนุ่มตะโกนบอกเธอ แต่ร่างบางเดินหายไปจากร้านแล้ว มือเบสหนุมเดินเข้ามา

 

      "คุณเพ เนี่ยท่าทางไม่ชอบนายว่ะ"

 

      "คุณ เพ?" ชายหนุ่มทำหน้างง

 

      "ไอ่บื้อ อยู่บ้านติดกันได้ไงว่ะไม่รู้จักชื่อ เขาชื่อ เพริกาไอ่ งั่ง"

 

      " เพริกา?" ชายหนุ่มทวนคำ แล้วความคิดอย่างหนึ่งก็แวบเข้ามาในสมอง 'หึรู้จักกันไม่เท่าไหร่ก็บอก ชื่อให้ ไอ่ นุ(ชื่อมือเบส) แล้ว ทีเขารู้จักตั้งนานไม่เห็นบอก' อาการน้อยใจจู่โจมความรู้สึกของชายหนุ่ม    ‘แต่แล้วอีกเสียงในสมองก็ด่าตัวเองว่า

 

      'ไอ่บ้าแล้วมึงเคยถามเขาบ้างไหมตั้งแต่รู้จักกันมา’ แล้วความรู้สึกนั้นก็เห็นตาม


              

 

      เธอ กับเขา และเรากับหมา เป็นนิยามความรู้สึก ของชายหนุ่ม ทุกคืนเขาอยากหอนเหมือนเจ้าโดโด้ เพื่อระบายความรู้สึกให้ออกมาเป็นภาษา สุนัข เธอกับเขา เราเหมือนคนไม่รู้จักกันไปทุกที ทุกวันนี้ เขาไม่ได้พบเจอเธออีกเลย ได้แต่แอบมองเธออยู่บนชั้นสองของบ้าน ในวันอาทิตย์ เขาอยากไปขอโทษเธอ ไปอธิบายให้เธอเข้าใจ ว่าเธอกำลังเข้าใจเขาผิด แล้วเช้าวันอาทิตย์ นี้เขาก็รวบรวมความกล้า เดินออกจากบ้านไปหาเธอที่นั่ง อ่านหนังสืออยู่ที่สนามหญ้า แต่พอเดินไปที่ประตูหน้าบ้าน ก็พบกับ ไอ้ นุ มือเบสสุดหล่อแต่ตาเหล่ เขารู้ดีที่ไอ้มือเบสมันหล่อ ขนาดนี้เพราะไปทำศัลยกรรม มา (แล้วมันไม่ทำตาของมันด้วยนะ รำคาญเวลาคุยเหลือเกิน)

 

      "มึงมีไรว่ะมาหากูแต่เช้า"

 

      "กูอยากให้มึงพากูไปหาคุณเพว่ะ" ไอ้นุยิ้มกริ่ม

 

      "ไปหาเขาทำไม?" ไอ่นุ เดินเข้ามากระซิบ

 

      "กู ชอบคุณ เพว่ะ"

 

      "หา!..." เขาเผลอร้อง

 

      "เออ กูชอบตั้งแต่แรกเห็นละ คนอะไรไม่รู้สวยเป็นบ้า" ไอ่นุบอก " แล้วนายชอบเธอบ้างหรือเปล่า"

 

      "เออ.." ชายหนุ่มอึกอัก " บ้าถึงกูสน เขาก็ไม่สนกูหรอก กูไม่หล่อเหมือนมึงนี่"

 

      "55 กูบอกให้ไปทำหน้ากับกูก็ไม่ยอมไปนี่ มึง อะ ว่าแต่รีบไปเถอะฉันอยากเจอหน้าเธอแล้ว"

 

      "มึงไปเองสิ เกี่ยวไรกับกูวะ" ชายหนุ่มอิดออด แต่ไอ่เพื่อนหน้าหล่อ(แต่ตาเหล่)ก็ลากเขาไปจนได้

 

      หญิง สาวกำลังอ่านหนังสือและเล่นกับหมาของเธอ ก็ได้ยินเสียงกริ่ง ประตูบ้านเมื่อเปิดประตู ก็พบกับ หนุ่มทั้งสอง คนแรกหล่อบาดใจ ราวกับหล่อมาจากบล็อคเดียวกับ เทพบุตร อดอนิส แห่ง กรีก คนที่สอง ดูคมเข้มแต่งตัวดูเซอร์ๆ ผมยาวมัดรวบอยู่ด้านหลัง เขาไม่ใช่คนหน้าตาดี แต่เป็นคนที่มีเสน่ห์ ในตัวอย่างประหลาด แต่กระนั้นเธอก็ย่นจมูกให้ชายหนุ่มผมยาวนิดหนึ่ง เพราะความโกรธ แต่ก็ยิ้มทักทายเป็นอย่างดีให้หนุ่มหล่คนนั้น

 

      "พวกคุณ มีอะไรกัฉันหรือค่ะ"

 

      "เออ คือผมแค่อยากมาเยี่ยม คุณเพนะครับ" ภานุหนุ่ม สุดหล่อว่า

 

      "เชิญเข้าบ้านก่อนค่ะ"
กว่า สองชั่วโมงที่นั่งดูคนจีบกัน ชายหนุ่มจึงทนไม่ไหวขอตัวกลับมาก่อน ไม่นานไอ่นุมันก็กลับไป สรุป เขาก็ยังไม่มีโอกาสปรับความเข้าใจกับเธอ ขณะกำลังเกากีต้าร์โปร่งในมือ เพื่อคลายเหงาอยู่ที่เปลยวน หลังบ้าน เธอผู้นั้นก็เข้ามา

 

      "คุณ เห็นแฟรี่ไหม"

 

      "อะไรนะครับ"

 

      "หมาของฉันหายไป สงสัยคงตอนเปิดประตูให้พวกคุณเข้ามาแน่ๆเลย มันคงมาหาหมาของคุณนั่นแหล่ะ"

 

      "้อ้าวไหงมากล่าวหากัน อย่างนี้ละ หมาของผมก็อยู่บ้านดีๆนี่" ชายหนุ่มว่า

 

      "งั้นก็ลองเรียกมันมาสิ" หญิงสาวว่า ชายหนุ่มร้องเรียก ลาบาดอร์หนุ่มหลายครั้ง แต่ก็มีความเงียบตอบกลับมา สายตาของเธอยิ้มเยาะ

 

      "ทีนี้เชื่อหรือยังล่ะ คุณต้องไปตามหมาของคุณมาเดี๋ยวนี้"

 

      "อ้าว แล้วผมจะไปตามหาที่ไหนละ ผมไม่ใช่หมานะ"
แล้วทั้งสองก็นึกขึ้นได้พร้อมกัน เลยพูดออกมาพร้อมกันอีก

 

      "สวนสาธารณะ!!" แล้วทั้งคู่ก็วิ่งไป

 

      ทั้ง สองตัวกำลังเสพสมแต่มีสม กันอยู่ หญิงสาวถึงกับร้องว้าย เมื่อเห็นภาพนั้น ชายหนุ่มบอกให้เธอมานั่งเก้าอี้ตัวเดิม เมื่อวันนั้น รอพวกมัน จู้ฮุกกรู้ กันเสร็จก่อน

 

      "หมดกันลูกสาวฉัน" เธอว่า

 

      "คราวนี้มันคงมีลูกแน่ๆละครับ แต่ไม่เป็นไร ผมจะรับผิดชอเลี้ยงเอง"

 

      "ช่างเถอะ หมาของฉัน ฉันเลี้ยงของฉันได้"

   

      "คุณ เพ" ชายหนุมพูดเสียงเบา
 

     

       "คุณรู้จักชื่อฉันได้ยังไง คุณ กา"

   

       "แล้วคุณล่ะ รู้จักชื่อผมได้ยังไง" ชายหนุ่มยิ้ม "มันก็มาจากที่เดียวกันนั่นแหล่ะ"

 

      "คุณ เพ ผมอยากบอกคุณ ว่าผม ขอโทษ.."
ชาย หนุ่มได้ใช้คำขอโทษ ละล้างความหงุดหงิดออกจากใจของหญิงสาวจนหมดสิ้น ไม่มีอคติต่อกับเขาอีก หญิงสาวแอบคิดในใจ ดูเขาก็เป็น สุภาพบุรุษ มากกว่าหน้าตาและคาแรกเตอร์ ที่เธอเห็น สุนัขของทั้งคู่เสร็จกิจ เดินคลอเคลียกันมาอย่างร่าเริง แล้วทั้งเธอกับเขาก็เริ่มมีความรู้สึกดีๆให้แก่กัน...

 

      เวลา2เดือน 2เดือนที่เขาและเธอไม่ได้เจอกันอีก แม้ว่าชายหนุ่มอยากจะเข้าไปพูดคุย แต่เขาก็ไม่กล้าดูเหมือนทั้งสองจะหยุดความสัมพันธ์ต่อกันเหมือนกับ สุนัขของทั้งคู่ เมื่อแฟรรี่ หายจากการเป็นสัด เขาไม่ได้เจอเธอ เธอก็ไม่ได้พบเขาทั้งๆที่บ้านติดกัน ฝ่ายหญิงรอฝ่ายชายมาหา แต่ฝ่ายชายกลับไม่กล้าและไม่รู้ว่าเธอคิดยังไงกับ เขา...                    

 

      แล้ววันหนึ่ง ขณะเขากำลังเล่นกีต้าร์ อยู่หลังบ้าน เธอก็มาหา......พร้อมกับน้ำตานองหน้า....!!!

 

      "หมาของฉัน มันเป็นอะไรไม่รู้ คุณช่วยไปดูหน่อยได้ไหม"

 

      "อะไรนะครับ"

 

      "มันเป็นอะไรไม่รู้มันไม่ยอมกินอาหารเลย ฉันว่ามันไม่สบายมากแน่ๆ"

 

      "ไปพาผมไปดู"

 

      หญิง สาวเช็ดน้ำตาแล้วรีบเดินไป เมื่อเข้ามาในตัวบ้าน นังแฟรี่ นอนอยู่ในบ้านไม้ของมัน ดวงตามันดูเซื่องซึม และที่สำคัญ ท้องของเจ้าหมาพันธุ์โกเด้นบวมอย่างเห็นได้ชัด

 

      "มันเป็นอะไรหรือเปล่า เอามันไปหาหมอไหม"

 

      "เออ..ผมว่ามันคงจะท้องใกล้จะเกิดเต็มทีแล้ว"

 

      "หา!ท้อง! ใกล้จะเกิดแล้ว"

 

      "แล้วเราจะทำยังไงต่อไปดี" เธอถามเขา

 

      "ผมก็ไม่รู้ แต่ผมยืนยันคำเดิม ว่าผมจะรับผิดชอบผมจะเอาไปเลี้ยงเอง"

 

      “ฉัน...คิดว่าเราต้องรับผิดชอบร่วมกันนะค่ะ” เธอกล่าว...

 

      “แล้วจะรับผิดชอบร่วมกันอย่างไรดีล่ะครับ ?”

 

      “เอ่อ...คุณก็โตแล้ว คิดสิค่ะบริหารสมองหน่อย “เธอพูดพร้อมสีหน้าที่เริ่มแดงกล่ำขึ้น!!!

 

      “55555+เอิ่ม....ผมง่าวมากน่ะครับ สมองผมมันเออเร่อบ่อยๆ ”     เขาพูดขึ้นใบหน้าแดงก่ำเพราะความโง่
บางทีเขาอาจจะอยากให้หญิงสาวแสดงความเห็นก่อนก็เป็นได้

 

      "ก็ไม่ยาก" เธอว่า "มันตกลูกมากี่ตัวเราก็แบ่งกันเอาไปเลี้ยง"

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา