ภาพสุดท้าย

9.2

เขียนโดย ฮางมะ

วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 08.46 น.

  1 ตอน
  7 วิจารณ์
  4,066 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 09.03 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ภาพสุดท้าย

 

 

เอนกนอนนิ่ง มองภรรยาเดินจากไป ภาพของ ญาดาเดินหิ้วกระเป๋าออกจากบ้าน ยามเมื่อเธอเปิดประตูบ้าน แสงอาทิตย์สุดท้าย ของวันกำลังสาดส่องเข้ามา หญิงสาวหยุดที่หน้าประตู หันมามองชายหนุ่มบนเตียงนอน นิดหนึ่ง ด้วยสายตาที่ไร้ความรู้สึก แสงสุดท้ายของวัน จับใบหน้าเขา ทำให้มองเธอไม่เห็นชัด ก่อนที่เธอ จะเดินจากไป พร้อมกับประตูห้องปิดลง ปิดไปพร้อมๆกับแสงอาทิตย์ของวัน

 

       เขาไม่มีสิทธิที่จะโกรธ จะเกลียดเธอ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเขา เพราะแม้แต่ตัวเขาเองยังรับกับตัวเองไม่ได้ มันจึงถูกต้องแล้วละ ที่เธอจะจากไป เธอยังมีอนาคตที่อีกไกล อย่าเอาชีวิต มาทิ้งกับชายพิการอย่างเขาเลย

 

       ปล่อยให้ สู้กับชีวิต ตามลำพัง เงียบๆ นิ่งๆบนเตียง ใจถูกกักขังด้วยกายที่พิการ อัมพาต มีเพียงส่วนหัว ปากที่ยังขยับได้ดวงตาที่ยังกลอกไปมากับเปลือกตาที่ยังกระพริบได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เหมือนฟ้าผ่าลงมาที่ชีวิตของ เอนก เมื่อ เขาผลัดตกนั่งร้าน งานก่อสร้าง ทุกอย่างก็ดับมืดลงทันที ราวกับตกนั่งร้าน วันนั้น มันคือการตกหุบเหวที่ลึกสุดและมืดมิด อนธการ แล้วมันยังจมดิ่งไปเรื่อยๆ

               

       โชคชะตา คงมีนามสกุลว่า เชิญยิ้ม ถึงได้ชอบเล่นตลกกับเขานัก ตอนนี้เขาไม่สามรถแม้จะช่วยตัวเองได้ มันจึงเป็นภาระของพ่อกับแม่ ของเขาที่ดูแล

               

       ท่านทั้งสองอยู่ในช่วงปัจฉิมวัย เหมือนดวงอาทิตย์ ยามอัสดงใกล้จะลาลับขอบฟ้า ควรจะเป็นลูกสิที่ต้องทำหน้าที่ดูแล เอนกนอน น้ำตาริน เขาไม่สามารถแม้ขยับมือเพื่อเช็ดน้ำตาของตัวเองได้

 

       “เราจะมีชีวิตอยู่อีกทำไม ทำไมมันไม่ตายห่าตั้งแต่ตกตึกนั้นไปเล่า” เอนกสบถกับชีวิตของตัวเอง

 

       เขาอยากตาย เขายอมรับ ในเมื่อชีวิตที่เป็นอยู่อย่างนี้มันก็ เหมือนตายแล้วทั้งเป็น แต่ แม้จะอยากปลิดชีพตัวเอง เท่าไหร่ ก็ทำไม่ได้ เขาเฝ้าภาวนาให้ตัวเองตายอยู่ทุกวัน ก่อนที่จะนอนหลับนั้นเขาก็ขอให้ตัวเองอย่าได้ตื่น!

      

       ชีวิตต้องเดินต่อไป ชีวิตยังมีหวัง ใครบางคนบอกเขา ไม่ก็ข้อความที่เคยจากหนังสือแนวกำลังใจ ที่มีคนซื้อมาฝาก แต่ชีวิตของเขาเดินต่อไปไม่ได้แล้ว จะมีหวังอะไรอีกกับชายพิการทั้งร่าง ชีวิตของเขาก็เหมือนคนโดนจองจำโดยร่างกายของตัวเอง เหมือนโดนตอกหมุดให้ตรึงอยู่แต่บนเตียง มองหน้าพ่อแม่ยามท่านต้องมา ดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำ ทำความสะอาดร่างกายให้ ราวกับตัวเองอยู่ในวัยแรกเกิด เห็นพวกท่านที่ต้องเหน็ดเหนื่อย ทุกข์ใจแล้ว เอนกก็แทบอยากจะตายไปซะเดี๋ยวนั้น เขาไม่อาจยอมรับความจริงอีกต่อไปได้ ความตายจึงเป็นทางเดียวที่เขาปราถนา

 

       “แม่…ผมอยากตาย” เอนกกระซิบบอกผู้เป็นแม่ในกลางดึกคืนหนึ่ง คืนที่เงียบสงบ แม่ตื่นขึ้นมา เพราะได้ยิน เสียงไอของเขา 

 

       “ผมทนไม่ไหวแล้ว ผมเหลืออะไรเหลือใครเลย” เขาร้องไห้หนัก

 

       “แล้วแม่ กับพ่อละ แกเคยนึกบ้างไหม” มารดาของชายหนุ่มอดน้ำตาไหลไม่ได้

 

       “ผม…แม่กับพ่อต้องมาลำบากเพราะผม”

 

       “แม่เคยลำบากมากกว่านี้ตอนเลี้ยงลูกยามเป็นเด็ก” แม่ตอบสั้นๆง่ายๆ คืนนั้นสองแม่ลูก ได้แค่มองหน้ากันแล้วร้องไห้

 

       เขาอยากกลับมาสู้ เท่าๆที่ร่างหง่อยๆของตัวเองจะทำได้ มีคนบอกและแนะนำให้รู้จักกับวิธีที่เขาจะปลดปล่อยความทุกได้ และเขาก็ทำทันที

 

 

ตามองกระดาษวาดรูป ที่ติดกับกระดานรองพร้อมขาตั้ง เอาแนบชิด ติดกับเตียงนอน เอนกนอนตะแคง ใช้ปาก อวัยวะส่วนที่ยังขยับเขยื้อนได้บนร่างกายเพียงไม่กี่แห่ง คาบดินสอไว้ แล้วจรดมันกับกระดาษขาวที่เปล่าเปลือย ค่อยๆปล่อยจินตนาการจากสมอง ผ่านปาก ศิลปะ มักไม่เลือกวิธีการในการถ่ายทอดออกมา

 

       รอบๆเตียงของเขา มีแต่เศษกระดาษที่วาดออกมาแล้วเขาไม่พอใจ การฝึกวาดภาพแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่าย ลำพังปรกติ ใช้มือวาดยังออกมาไม่ดี แต่ เอนกกลับรู้สึกสนุกไปกับมัน แม้จะต้องนอนตัวแข็งเป็นวันๆ

 

       เขาไม่เคยมีหัวทางด้านนี้ แต่มันคงไม่ยากสำหรับคนที่สร้างตึกสูงมาแล้วอย่างเขา และฉาบปูนมาหลายปี การวาดภาพคงไม่ต่างกัน เขามีภาพหนึ่งในใจ ที่จะต้องทำออกมาให้ได้

 

       เอนกเลี้ยงชีพด้วยภาพวาด ลายไทย หรือภาพทิวทัศน์ภูเขา เขาฝึกมันอยางหนัก หนักจนไม่รู้สึกอยากอาหารใด แต่ภาพที่อยู่ในใจเขา ตัวเขาเองกลับทำไม่สำเร็จ

 

       ยิ่งฝึก ยิ่งนอนท่าเดิมๆซ้ำๆ เกิดเป็นแผลกดทับ บวกกับความไม่กินอาหาร ร่างกายของเขาก็ผ่ายผอมลง แต่เขาก็ก็ไม่ยอมเลิกวาด ปากยังคงคาบดินสอวาดภาพต่อไป ภาพที่ยังอัดแน่น อยู่ในสมอง ยังไม่สำเร็จ

 

 

       แล้ววันหนึ่งภาพที่เขาอุตสาห์เพียรพยายาม วาดมานาน ก็ใกล้เป็นจริง เขาแต่งแต้มเติมสี จนเหมือนในมโนภาพ แต่เอนกก็ไม่สามารถวาดจนเสร็จ พู่กัน ก็หลุดร่วงลงจากปาก ของเขา

 

       แผลที่กดทับนั้นติดเชื้อเข้าไปในกระแสเลือด ทำให้เขา ไม่มีวันได้วาดภาพนั้นเสร็จ แต่ก่อนเขาจากไปเขาก็ยิ้มขึ้นในวินาทีสุดท้ายแห่งการแตกดับของชีวิต

 

       ภาพนั้นแม้มันจะไม่เสร็จมันก็สวยงามเหลือเกิน เขามองภาพสุดทายจนหลับไป

 

      ภาพนั้นภาพสุดท้ายนั้น ได้เปลื่ยนมือคนครอบครองไปหลายคน แม้ ผู้วาดภาพด้วยปากจะจากไปแล้วแต่ภาพสุดท้ายที่เขาทิ้งไว้ ก็งดงาม เป็นภาพที่ใครๆก็ต้องการ มันถูกซื้อ และถูกครอบครอง โดยผู้ชื่นชอบศิลปะ ผลัดเปลี่ยนมือไปจนนับไม่ถ้วน

 

       ผ่านมาห้าสิบปี

 

 

วันหนึ่งในงานประมูลภาพวาด ภาพของเอนก ตั้งแสดงโชว์อยู่ที่งานนั้น ภาพแสงสุดท้ายของวัน ที่ส่องผ่านประตูเข้ามา และภาพหญิงสาวคนหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในแสงนั้น กับกระเป๋าหนึ่งใบ และดวงตาที่ ชาเย็น มองมาที่คนดู

 

                “ต่อไปเราจะเริ่มประมูลภาพนีกันนะครับ ภาพนี้ชื่อว่าภาพสุดท้าย”

               

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา