"memory" ความทรงจำไม่อาจลบเลือน

9.4

เขียนโดย candle

วันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 16.57 น.

  9 บท
  18 วิจารณ์
  13.57K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน พ.ศ. 2556 14.28 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

2)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

     กลับจากโรงพยาบาลเย็นวันนั้นอาการของพ่อพีคสุด  แต่ฉันแย่กว่าพีคกว่า  หัวใจมันหล่นหาย  ความคิดที่วนเวียนเข้ามาคือ

 

     “เขาจะอยู่กับเราได้นานแค่ไหน”  เดือนหนึ่ง  สองเดือน  หรือสามเดือน

 

     อ้อมกอดของแม่กับคำพูดที่ว่า

 

     “เป็นธรรมดาของชีวิต  ลูกจะต้องทำใจยอมรับมันให้ได้”  มันเยียวยาได้เพียงน้อยนิด  ยามค่ำคืนความหวาดกลัวคืบคลานเข้ามาครอบครองจิตใจ

 

     “ฉันจะอยู่ได้ไหมถ้าไม่มีเขา”

     “ฉันรับมือกับความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ได้ไหม”

     “ฉันจะทำยังไงหากเขาจากไปจริงๆ”

 

     ในค่ำคืนนั้นฉันไม่อาจข่มตาหลับลงได้เลย  และฉันเพิ่งมารู้ทีหลังว่า...คนเรากลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น  มากกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ เสียอีก...

 

     “หมอว่าไงบ้างลูก”  พ่อถามในคำถามที่ฉันรู้อยู่แล้วว่าต้องตอบยังไง

     “ผลยังไม่ออกเลยค่ะ  หมอต้องเขาชิ้นเนื้อไปตรวจนัดคราวหน้าถึงรู้ผล”

 

     ฉันรู้  เราต่างรู้ว่าพ่อเองก็คงรู้ด้วยเหมือนกัน  แต่พ่อก็ไม่ได้พูดอะไร

 

     พ่อมีอาการปวดเมื่อยตรงไหล่ซ้ายไม่สามารถยกแขนสูงๆ ได้  ก่อนหน้านี้คิดว่าเป็นอาการของโรคเก๊า  พ่อจะปวดตรงหัวแม่เท้าข้างซ้ายปวดมากจนต้องนอนยกเท้าไว้สูงๆ ทานยาแก้ปวดก็ไม่หาย  จนไปพบหมอเช็คเลือดผลที่ได้คือ กรดยูริคเกิน  อาการของมันคือปวดตามข้อ  หมอให้ยาลดกรดยูริคมาซึ่งต้องกินตลอดและข้อห้ามของอาหารอีกเพรียบ

 

     -      ยอดอ่อนของผักทุกชนิดต้องเอาออกห้ามกิน   เด็ดขาด

     -      ห้ามกินไก่

     -      อาหารทะเลที่เมื่อโดนความร้อนแล้วกลายเป็นสีส้ม  ปลาหมึก  กุ้ง  หอย ฯลฯ

     -      เนื้อแดง

     สิ่งที่ปลอดภัยที่สุดคือปลา

 

     แต่ท้ายที่สุดแล้วอาการปวดเมื่อยที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้หาใช่เป็นอาการของโรคเก๊าไม่  มันคงเป็นอาการของมะเร็งที่เริ่มแสดงออกมาเพียงแต่เราไม่รู้

 

     ช่วงที่พ่อมีอาการอ่อนเพลียในระยะแรก  เจ้านายของพี่ชายก็บอกว่าให้พ่อลองกินเห็ดหลินจือดูไหม  ว่ากันว่าเห็ดหลินจือรักษาได้หลายโรค  และยังช่วยสร้างภูมิคุ้มกันด้วย

 

     กินไปแค่สองมื้อเท่านั้นแหละอาการเริ่มแสดงออกมาอย่างชัดเจน  พ่อปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัวลุกเดินแทบไม่ไหว  เหมือนจะมีอาการไข้ร่วมด้วย  ฉันก็ตกใจมันยังไงกันแน่เนี่ย  ค้นดูในเน๊ตเขาก็ว่าอาการเป็นแบบนี้สำหรับคนเริ่มกินใหม่ๆ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน  มันจะแสดงอาการของโรคที่มีอยู่ในตัวออกมา  ให้กินต่อไปเรื่อยๆ ร่างกายจะปรับสภาพไปจนเป็นปกติ  แต่สำหรับฉันไม่คิดว่าพ่อจะรับไหวอีกแล้ว

 

     หยุดเห็ดหลินจือไปเป็นอาทิตย์อาการปวดเมื่อยไม่ได้ทุเลาลง  มันเป็นไปได้เหรอ  ยาควรจะขับออกมาทางฉี่หมดแล้วเพราะกินไปแค่สองเม็ดเอง

 

     พ่อจะมีอาการปวดเมื่อยตรงขาทั้งสองข้างมากเป็นพักๆ จะบีบจะนวดเอาน้ำร้อนประคบก็ไม่หาย  จนต้องพึ่งยาแก้ปวดจากนั้นประมาณ 15-30 นาที อาการก็จะดีขึ้น  แต่บางครั้งผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงอาการก็กลับมาอีก

 

     นั่นเหมือนเป็นสัญญาณของสิ่งที่อยู่ภายในแสดงออกมาภายนอก  คือจุดเริ่มต้นของการค้นหา

 

     ภายในวันเดียวของการพบหมอสามคนในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง  ผลสรุปที่ได้ในตอนนั้นคือเส้นเสียงข้างซ้ายเป็นอัมพาตทำให้เสียงแหบ  สาเหตุเพราะมีอะไรบางอย่างกดทับเส้นประสาทข้างนั้นไว้  อะไรบางอย่างที่ว่าคือก้อนเนื้อ  แต่หมอยังระบุไม่ได้ว่าดีหรือร้าย  ต้องส่องกล้องตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ

 

     นี่เป็นบทเริ่มต้นของช่วงเวลาแห่งความใกล้ชิด  ความรัก  และการดูแลเอาใจใส่ของคนในครอบครัวซึ่งมีให้กันและกัน

 

     คนเราก็เป็นอย่างนี้  หากไม่ถึงที่สุดก็ไม่รู้หรอกว่าเรารักคนๆ หนึ่งมากแค่ไหน

 

     เรารักพ่อ-แม่ของเรามากแค่ไหน

     เรารักครอบครัวของเรามากแค่ไหน

 

     หวังเพียงว่าบันทึกนี้จะทำให้คนที่ได้อ่านฉุกคิดขึ้นมาได้บ้าง  ถึงความรักของคนในครอบครัวที่ควรมีให้แก่กันและเวลามันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว  ในบางคราวเวลาที่เหลืออยู่อาจไม่เพียงพอให้คุณได้ตอบแทนความรักของพ่อ-แม่ได้อีก.

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านเรื่องสั้นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา