Dandelion(แดนดิไลออน) คืนฝันวันล่าจินตนาการ

8.3

เขียนโดย มะมาย

วันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 15.58 น.

  21 ตอน
  9 วิจารณ์
  25.75K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2556 19.14 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

21) ความฝันประหลาด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“ไปไหนมา” เสียงจากมุมมืดสลัวดังขึ้นทำเอาฉันสะดุ้ง

“ตกใจหมดเลยโซเนีย เธอมาถึงนานแล้วหรอ” ฉันพยายามฉีกยิ้มกลบเกลื้อน

“ข้ามาถึงได้ไม่นาน อย่างน้อยก็ก่อนหน้าเจ้า ว่าแต่เจ้าเถอะยังไม่ตอบคำถามของข้า ว่ายังไง เจ้าไปไหนมา” โซเนียย้ำคำถามเดิม

“คือ ฉันไปเดินเล่นสูดอากาศข้างนอกมา สักครู่นี้เอง” ฉันเสริม

“งั้นหรอ แล้วบลูม่าล่ะ” โซเนียกวาดตามองหาทั่วทิศ

“ตอนที่เธอไม่อยู่เซียน่าแวะมาชวนไปงานปาร์ตี้ ฉันเห็นว่าบลูม่าอยากไปมากฉันก็เลยอนุญาตให้เขาไป ฉันคิดว่าเธอจะเห็นด้วยซะอีกโซเนีย”

โซเนียยิ้มที่มุมปาก “หวังว่าเจ้าจะไม่ได้พูดโกหกข้าหรอกใช่ไหมเอลิซ่า”

โซเนียจ้องเข้ามาในตาฉันซึ่งมันทำให้ฉันสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือก

“ฉันไม่ทำอย่างนั้นหรอก จริงสิ เซียน่าฝากเกสรดอกไม้ไว้ให้ด้วยนะ เธอจะกินเลยไหม” ฉันเปลี่ยนเรื่องคุย

“ไม่ล่ะ” เธอปฏิเสธ

“ทำไมล่ะ”

“ข้าว่าจะไปหาโซเนียเสียหน่อย เจ้าคงไม่ต้องออกไปไหนอีกแล้วใช่ไหม” โซเนียเอ่ยถาม

“คิดว่าคงไม่แล้วล่ะ เธอไปเถอะสบายใจได้”

พ้นจากหลังของโซเนียแล้วฉันถึงกับถอนหายใจ

“เกือบไปแล้วเชียว”

“หัวใจเธอเต้นแรงมากสาวน้อย แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็ทำได้แยบยนมาก”

“หนูขอโทษนะกาเลตที่หนูผิดสัญญา” ฉันรู้สึกผิด

“หนูควรจะกลับมาให้เร็วกว่านี้ ก่อนโซเนีย”

“โธ่ เธอกำลังโทษตัวเองอยู่สาวน้อยซึ่งฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น”

“คุณดีกับหนูเสมอกาเลต” กาเลตทำให้ฉันรู้สึกดีเสมอ

“ว่าแต่เจอมาแล้วใช่ไหม ชายผิวคล้ำผู้ไว้หนวดยาวกับสัตว์ประหลาดตัวยาวร่างยักษ์” กาเลตเล่าจากสิ่งที่สัมผัสจากฉันได้

“นั่น นาเกียร์ และ ครูซ ยานพาหนะของเขา”

“ตายจริงไอ้ตัวยาวเขี้ยวแหลมกำลังจะพุ่งมาทางเธอสาวน้อย!”

“หนูจำภาพได้ชัดเจนเลยล่ะกาเลต” ฉันขนลุกเมื่อนึกถึง

“แล้วนั่นโซเนียหรือเปล่า”

กาเลตซึมซาบภาพความทรงจำ ณ ขณะที่ฉันกำลังคิดถึงอยู่ฝในเวลาเดียวกัน

“หนูไม่แน่ใจ คุณคิดว่าไงกาเลต”

“ยากเดานะ แล้วเด็กผู้ชายคนนั้น เธอทะเลาะกับเขาด้วยเรอะ” กาเลตหัวเราะ

“นิดหน่อยน่ะคะ ทีแรกหนูคิดว่าเขาคือคนรู้จัก แต่ตอนนี้คิดว่าคงจำผิดคน” ฉันว่าอย่างเศร้าๆ

“แต่เขาก็รับปากว่าจะช่วยเธอนี่ สาวน้อย”

“ใช่กาเลต แต่หนูต้องกลับมาก่อนเพราะทหารกำลังจะกลับไปประจำที่จุดผ่อนปรน เราคงคุยถึงแผนอีกครั้งในวันพรุ่งนี้” ฉันบอก

“คุณไม่ต้องห่วงนะกาเลต หนูจะไม่พาคุณเข้ามาเสี่ยงอีกแล้ว”

“ขอบอกว่าฉันไม่เคยคิดแบบนั้นนะสาวน้อย เธอควรบอกฉันเมื่อต้องการความช่วยเหลือ” กาเลตกล่าวด้วยน้ำเสียงใส

“มาเถอะ ขึ้นมาบนเตียงดอกไม้แสนนุ่มนี้ ฉันรู้ว่าเธอเหนื่อยมากทั้งวันและร่างกายของเธอก็ต้องการการพักผ่อน”

กาเลตรู้ทุกอย่างจนบางทีฉันก็แอบคิดกับตัวเองว่ากาเลตรู้ว่าฉันต้องการอะไรมากกว่าตัวเองซะอีก ด้วยความอ่อนเลียฉันจึงเอนหลังพักลงบนเตียงดอกไม้นุ่มๆ

“ฉันจะทำให้เธออบอุ่นเอง สาวน้อย” กาเลตโอบกอดด้วยกลีบบอบบางอันอบอุ่น

“ราตรีสวัสดิ์กาเลต” นั่นเป็นบทสนทนาสุดท้ายของฉันก่อนที่เปลือกตาจะปิดแนบสนิทลง ความอื้ออึงเริ่มก่อตัวภายในดวงตาที่มืดมิด

เพียงหลับตา ความสว่าง ก็ปรากฏ

สายตาเพ่ง จอจด แล้วลับหาย

ลาเลือนภาพ หญิงสาว ยิ้มทักทาย

ดูคลับคล้าย ใครบางคน ที่พบพาน

ขยับขา กล้ำกลาย เดินเข้าใกล้

แต่ยิ่งดู ไกลออกไป มหาศาล

คว้าจับแขน รั้งไว้ มิอาจทาน

ถูกดึงกลับ เวียนวาน คราคราวเดิม

ดูหญิงสาว อ้าปาก ราวกลับพูด

หากแต่ไม่ อาจพิสูจน์ ส่วนที่เสริม

มีเพียงสาย ลมพัด บอกต่อเติม

เกลื่อนกลบคำ หาใดเพิ่ม ความเข้าใจ

แล้วจึงเผย สายตา แห่งความเศร้า

แต่เราทำ ได้แค่มอง เธอร้องไห้

เสียงสะอื้น ดังกังวาน ถึงหัวใจ

หาวิธี ใดช่วยเธอ ยากนึกตรอง

ในที่สุด จึงหยุด เพ่งมองหน้า

จะเอื้อมคว้า มือใส มาที่ฉัน

มือทั้งสอง เกือบสัมผัส ประสานกัน

ทันใดนั้น ทุกอย่างพลัน สลายไป

เหลือไว้เพียง ฝูงผีเสื้อ นับหลายร้อย

ที่บินเกาะ กิ่งไม้ เล็กน้อยใหญ่

อีกมากมาย บินวน เหมือนมีนัยน์

แล้วทันใด ร่างสะดุ้ง ลืมตาโพรง

ฉันสะดุ้งตื่น ลุกขึ้นมานั่งนิ่งและพยายามทบทวนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

“แค่ฝันไปงั้นหรอ”

ฉันตั้งคำถามให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ มันคงเป็นอย่างนั้นไม่ผิด เตียงกับความฝันเป็นของคู่กันเสมอ แต่ว่าตอนนี้มีผีเสื้อซุกอยู่ในกลีบผ้าห่มดอกไม้ของกาเลต มันบินออกมาจากข้างในนั้น

เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ฉันนั่งห้อยขามองผีเสื้อตัวนั้นโบยบินไปมาอย่างเพลิดเพลินแต่ก็อดคิดถึงเรื่องความฝันของตัวเองไม่ได้ จะว่าไปฉันก็ไม่ได้ฝันมาตั้งนานแล้ว ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะบอกอะไรกันแน่? ฉันนึกถึงริมฝีปากของเธอทีขยับแต่ไร้เสียงใดๆ เล็ดลอด เธอพูดแค่ 3 พยางค์เท่านั้น

“ผีเสื้องั้นหรอสาวน้อย” กาเลตส่งเสียงหวานดึงให้ฉันพ้นจากภวังค์

“มันไม่ควรอยู่ในนี้นะ ว่าไหม” ฉันยักไหล่

“แปลกมาก” กาเลตบอกเสียงเบาหวิว ถ้าเธอมีคิ้ว คิ้วของเธอคงขมวดเป็นปมเข้าหากันอยู่ ณ ตอนนี้

“อะไรที่แปลกหรอกาเลต”

“ไม่เคยมีผีเสื้อเข้ามาในนี้ได้สาวน้อย”

“ตัวนี้ตัวแรกงั้นหรอ” ฉันตื่นเต้น

“ปกติพวกมันจะไม่บินเข้ามาในนี้ เพราะรู้ดีว่าอาจกลับออกไปไม่ได้”

“เป็นไปได้ไหมว่ามันอาจพลัดเข้ามาตอนที่มีใครสักคนกำลังจะเข้าหรือออกจากที่นี่” ฉันออกความเห็น

“ได้แต่ฉันไม่มีทางไม่เห็นหรอกนะ”

“หรือไม่มันก็อาจจะไม่ได้บินเข้ามาจากข้างนอก” ฉันสันนิษฐานทำเอากาเลตสงสัย

“หมายความว่ายังสาวน้อย”

“บางทีมันอาจจะออกมาจากที่ไหนสักแห่งในบ้านดอกไม้นี้” ฉันพยายามคิดสาเหตุแม้ว่าอาจจะดูปัญญาอ่อนไปซะหน่อย

“เหมือนลิ้นชักของโดเรม่อนไง” ฉันหัวเราะอย่างชอบใจ

“ลิ้นชักของโดเรม่อนงั้นหรอ?”

ไม่ปล่อยให้กาเลตคิดนานนัก “หนูว่าเราควรปล่อยมันออกไปได้แล้วนะกาเลต” ฉันก้าวลงจากเตียง

“แน่นอนสาวน้อย”

กลีบของกาเลตแง้มออกเป็นช่องให้แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องเข้ามาข้างใน กลิ่นของดอกไม้หอมลอยคละคลุ้งมาตามสายลม ผีเสื้อตัวน้อยได้รับอิสระอีกครั้ง มันโผบินไปบนท้องฟ้ากว้าง ที่ที่เป็นของของมัน

“จริงสิ โซเนียบอกให้เธอไปหาที่ร้านของเซียน่าแหนะ” กาเลตบอกข่าว

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่ากาเลต” ฉันสงสัยนิดหน่อยเพราะปติโซเนียไม่ชอบให้ฉันออกไปไหนมาไหน

“โซเนียไม่ได้บอกเอาไว้สาวน้อยแต่คิดว่าควรรีบไปได้แล้วล่ะ” กาเลตเตือนถึงเวลา

ไม่รอช้าฉันจึงรีบออกเดินทาง เมื่อมาถึงร้านขายเกสรดอกไม้ของเซียน่า ฉันก็ได้รับเชิญให้นั่งร่วมโต๊ะซึ่งมีโซเนียนั่งอยู่ก่อน ร้านของเธอยังดูวุ่นวายเหมือนกับวันแรกไม่มีผิด

“ทำไมเจ้าถึงได้เดินมา” โซเนียเอ่ยถาม

“ปีกหักนิดหน่อย แต่ก้ดีขึ้นแล้ว”

“ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เมื่อวานเอง”

“แล้วทำไมถึงไม่บอกข้า” โซเนียดุหงุดหงิดขึ้นมาทันที

“ฉันเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อีกอย่างมีคนบอกว่าอีกสองสามวันก็กลับมาเป็นปกติแล้ว”

“ใคร?”

คำถามของโซเนียทำเอาฉันชะงักและคิดว่าไม่ควรพูดออกมาตั้งแต่ที่แรก

“ไม่รู้สิ ฉันไม่ได้ถามชื่อเขาน่ะ” ฉันหลบสายตาด้วยการมองไปทางอื่น

โซเนียมองราวกับไม่เชื่อในคำพูดและฉันว่าเธอก็คิดแบบนั้น

“มาแล้ว มาแล้ว”

เซียน่ากล่าวเสียงดัง เธอทำลายความอึกครึมด้วยการยกถาดที่มีเกสรดอกไม้สีเหลืองมาด้วย เธอวางมันลงบนโต๊ะ

“น่ากินจังเลยเซียน่า” ฉันบอก

“งั้นอย่ามัวรอช้า รีบลงมือจัดการเลยสิ” เซียน่าดูตื่นเต้นไปหมดซะทุกอย่าง แต่มันก็ดูน่ารักดีนะ

ระหว่างที่กินเกสรดอกไม้เป็นของว่าง ฉันก็ตัดสินใจระบายถึงสิ่งที่อึกอัดในใจด้วยการเล่าถึงเรื่องที่ฝันเมื่อคืนให้ทั้งสองได้ฟัง

“เมื่อคืนฉันฝันด้วยล่ะ” ฉันบอกอย่างไม่เต็มเสียงนัก เพราะมีเกสรอยู่เต็มกระพุ้งแก้ม

“เมื่อกี๊เจ้าว่าอะไรนะ!” เซียน่าหันควับขึ้นมามองทันที

“เจ้าว่าเจ้าฝันงั้นรึ” เซียน่ามวนถามอีกครั้ง ฉันผงกศีรษะลงยืนยันว่าสิ่งที่เธอได้ยินไม่ผิดแน่

“เพ้อเจ้อน่า” โซเนียไม่คิดสนใจ แต่นั่นไม่ใช่กับเซียน่า

“เจ้าฝันว่าอะไรเอลิซ่า” เซียน่าอยากให้เล่าต่อ

“เซียน่า! อย่าบอกว่าเจ้าเชื่อที่นางพูด” โซเนียเสียงดัง

เซียน่าไร้คำตอบ มีเพียงหูตาที่แพรวพราวและนั่นก็ชัดเจนอยู่แล้ว

“เจ้าก็รู้ดีว่าการฝันเป็นเพียงสิ่งที่โกหกกันเท่านั้น และไม่มีคาเคยฝันจริงๆ สักคน”

“บางทีเอลิซ่าอาจเป็นคนแรกก็ได้นี่” เวียน่าเสริม

“และนั่นเป็นความคิดที่ไร้สาระ!”

โซเนียบอกอย่างเซงๆ ก่อนจะลุกไป

“ก็แค่ฝันเองนะเซียน่า ทำไมโซเนียถึง…” ฉันมองตามหลังเธออกไป

“ไม่ใช่แค่ฝัน แต่เธอถึงกลับฝันเชียวนะเอลิซ่า! รู้ไหมว่ามันวิเศษสุดๆ ไปเลย”

เสียงของเซียน่าไม่เพียงแต่ดังมากเท่านั้นแต่มันยังดึงดูดผู้คนจำนวนไม่น้อยให้มารุมล้อมเรา

“จริงหรอเซียน่าที่ทุกคนที่นี่ไม่เคยมีใครฝันมาก่อน”

“เท่าที่ผ่านมาก็ไม่มีนะ” เธอบอกและเริ่มอธิบายถึงการฝันที่เป็นเรื่องประหลาดสำหรับคนที่นี่

ตามตำนานบอกเล่าว่า ความฝันคือคำทำนายและเกิดขึ้นไม่ง่ายนัก เพราะจิตทั้งสองต้องประสานกันเพื่อจะสัมผัสสื่อถึงกัน

“จิตทั้งสองงั้นหรอ”

ใช่ การฝันก็เปรียบเสมือนการสื่อสารผ่านจิตใจโดยอาศัยคนทั้งสองและช่องเวลาที่ตรงกัน

“แปลว่ามีคนพยายามจะติดต่อกับฉัน” นั่นคือข้อสรุปที่พอจะเป็นไปได้ในเวลานี้

“ก็อาจเป็นได้” เซียน่าเห็นด้วย

“ไหนเจ้าลองเล่ารายละเอียดในความฝันให้ข้าฟังที”

“ฉันฝันถึงผู้หญิงคนหนึ่ง เธองดงามราวดอกไม้ ผิวของเธอสว่างวาวราวกับแสงจันทร์ แต่ดวงตาของเธอมืดมิดไร้ความมีชีวิตชีวา รมฝีปากหนาสีชมพูพยายามบอกอะไรบางอย่างแต่มันช่างแผ่วเบาเสียยิ่งกว่าสายลม ภาพของเธอจืดจางราวกับหมอกที่ก่อตัวขมุกขมัว เธอพยายามจะสัมผัสฉันแต่ร่างของเธอสลายกลายเป็นผีเสื้อนับร้อยตัวซะก่อน …”

“เท่านี้?” เซียน่าคอตกเมื่อฉันจบคำพูด

“ใช่ ฝันแค่นี้แหละ”

“แล้วมันจะหมายถึงอะไรได้” เซียน่าและทุกคนต่างพากับขบคิด

“เป็นไปได้ไหมว่าสิ่งที่ไม่ได้ยินนั่นคือคำตอบ”

“จริงด้วย!” เซียน่าตาโต

“แต่ในเมื่อเจ้าไม่ได้ยินแล้วเราจะรู้ได้อย่างไร” เซียน่าขมวดคิ้วจนหน้าย่น

“3พยางค์เท่านั้นเซียน่า” ฉันว่า

“ถึงจะย่อลงมาอีกหน่อยแต่คำตอบมันก็ยังกว้างมากอยู่ดี” เซียน่ากอดอกเธอดูจริงจังกับความฝันประหลาดซึ่งเป็นปริศนาที่ทำเอาทุกคนเหงื่อตก และถ้าหากเรารู้ว่าเธอคนนั้นพูดว่าอะไรปริศนาก็จะคลี่คลายลงทันที

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา