Dandelion(แดนดิไลออน) คืนฝันวันล่าจินตนาการ

8.3

เขียนโดย มะมาย

วันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 15.58 น.

  21 ตอน
  9 วิจารณ์
  25.75K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2556 19.14 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

9) คืนวันฝันเจ้าแห่งรัตติกานต์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“ที่นั่นสองพี่น้องอาศัยอยู่กับแม่ตามลำพังหลังจากที่พ่อของพวกเขาจากไปเมื่อหลายปีก่อน”

ว่าพลางฉันก็ขยี้ตาเพื่อไล่ความง่วงที่กำลังคุกคามฉันอย่างแสนสาหัส

“ดูเหมือนว่าเด็กทั้งสองคนนั้นคือ เดรกกับเธอนะเอลิซ่า” โจแอนกล่าวแล้วหาวอีกรอบ

“พี่พูดถูกโจแอน”

“แล้วเราจะช่วยเจ้าหญิงยังไงล่ะ” เธอถามด้วยเสียงงังเงีย

“พี่จำข่าวลือที่ว่ามีชายคนหนึ่งพบโครอี้ได้ไหม”

โจแอนผงกศีรษะลงและทำตาปรือ

 

“แท้ตริงแล้วชายคนนั้นคือพ่อของเด็กทั้งสองคนนี้ เขาได้เล่าเหตุการณ์ในคืนวันฝันร้ายให้ลูกๆฟังถึงการมาของโครอี้และตำนานต่างๆที่เล่าสืบต่อกันมาเป็นทอดๆซึ่งมีน้อยคนนักที่จะได้รู้ ชายคนนั้นมอบแผนที่โบราณไว้กับเดรกเขาบอกว่าสักวันเดรกจะได้ใช้มัน”

 

“ไม่เห็นเข้าใจเลยเอลิซ่า” เธอบอก

“นั่นสิฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองพูดท่าไหร่”

 

ฉันลูบหน้าตัวเอง ความง่วงทำให้ฉันเล่าผิดเล่าถูกและในที่สุดมันก็ฉุดฉันให้เข้าสู่นิทราที่ยาวนาน

 

เสียงพ่นลมหายใจดังขึ้นในทันใด “กว่าจะหลับกันได้”

 

เบรนด้ากล่าว เธอลุกขึ้นจากเตียงและยืดเส้นยืดสาย เธอมองเอลิซ่าและโจแอนที่นอนหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขแล้วหยิบสมุดบันทึกในมือของเอลิซ่าไปเก็บไว้ในลิ้นชักอย่างเก่า

 

“ฉันหวังว่านี่จะเป็นของขวัญที่ถูกใจเธอที่สุดเอลี่”

 

เบรนด้ายิ้มแล้วหันไปเหลือบมองหอนาฬิกาเคลือบเงาที่ตั้งโดดเด่นอยู่ริมหน้าต่าง ดูเหมือนว่าเธอกำลังเฝ้ารออะไรสักอย่าง

 

เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว สิ่งที่เบรนด้ารอคอยกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้านี้ เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าแห่งรัตติกานต์จะใช้มนตราแห่งราตรีผนวกเชื่อมิติอันวิจิตรและซับซ้อนเข้ากับโลกที่สุดแสนจะวุ่นวายไว้ด้วยกัน เพียงแค่นับถอยหลังในใจ 3…2..1

 

ทันใดนั้นเองร่างที่คล้ายกับนกซึ่งถูกเกาะสลักขึ้นมาจากเนื้อไม้บนหอนาฬิกาพลันขยับอย่างมีชีวิต ไม่ผิดแน่นั่นคือตัวแทนของเจ้าแห่งรัตติกานต์ ปีกอันกว้างโบยบินอยู่บนเหนือร่างของเด็กทั้งสองอย่างน่าเกรงขาม จากนั้นก็เริ่มปรากฏเกล็ดลำแสงสีเขียวระยัยวิบวับไปทั่วห้อง แสงสีเขียวเป็นสัญญาณที่บ่งบอกให้ทราบว่าการผนวกช่วงเวลาทั้งสองมิติสำเร็จเรียบร้อย แสงวาบหายไปพร้อมกับเบรนด้าและเด็กทั้งสามคนในบ้านหลังนี้

 

                ในตรอกที่มีแม่ค้าต่างพากันแข่งตะโกนเรียกลูกค้าเสียงดังโหวกเหวก ผู้คนแต่งกายประหลาดแปลกหูแปลกตาเดินผ่านไปมาแน่นขนัดในยามเช้าอันแสนสดใสแบบนี้ ร้านขนมปังเล็กๆซึ่งผู้คนรู้จักกันดีจึงกลายเป็นแหล่งพื้นที่พบปะพูดคุยของคนแถวนั้น ครัวซองและคุกกี้เข้ากันดีกับน้ำชาอุ่นๆหอมๆนี่ถือเป็นเมนูยอมนิยมที่ไม่เคยมีใครพลาด ลูกชายเจ้าของร้านช่วยทำหน้าที่เสริฟเสมอส่วนลูกสาวเธอยังนอนหลับอยู่บนห้องในชั้นสอง

 

“เอลี่เอลี่!” เดรกพยายามปลุกด้วยการเขย่าแขนเธอเบาๆ

“วันนี้วันหยุดเดรกฉันไม่ต้องไปโรงเรียน”

ฉันพูดพึมพำเหมือนเป็ดขี้เซาโดยที่ยังหลับตาพริ้มอยู่ แต่เขาก็ยังเขย่าฉันไม่เลิกลา

“ลืมตาเอลี่ เธอต้องตื่นได้แล้วนะ”

 

เดรกว่าแต่ฉันยังนอนนิ่งขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา เห็นอย่างนั้นเดรกจึงใช้วิธีปลุกฉันด้วยการดึงผ้าห่มของฉันไปและมันได้ผลฉันรีบโวยวายอย่างหัวเสีย

 

“โธ่เดรกพี่รู้ไหมว่าเมื่อคืนฉันกับโจแอนคุยกันจนดึกแล้วดูสิพี่ยังมาปลุกฉันแต่เช้าอีก”

ฉันนิ่งหยุดพูด ขยี้ตาตัวเองและมองเดรกให้ชัดๆ “เดรกพี่ใส่ชุดอะไร?”

ฉันหลี่ตาลงสำรวจการแต่งตัวของเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า

“มีงานแฟนซีที่โรงเรียนหรอ”

“ถามแปลกๆน่าเอลี่ เธอเก็บของเตรียมไว้แล้วใช่ไหม”

“เก็บของ?”

“นั่นเป้ของเธอ”

ฉันมองตามทิศสายตาของเดรก นั่นจึงทำให้รู้ว่านี่ไม่ใช่บ้าน

“เดรก!” ฉันกระโจนคว้าแขนของเขาไว้ทันที

“เราอยู่ที่ไหน” ฉันมองพื้นที่รอบข้างอย่างหวาดระแวง

“บ้านไงเอลี่”

“ไม่ ไม่ใช่บ้าน!” ฉันกล่าวอย่างสับสน

“เธอเป็นอะไรของเธอเอลี่ เร็วเข้าไปหยิบเป้ของเธอมาเราต้องไปกันแล้ว”

“เราจะไปไหนกันเดรก”

“ไปตามหาเจ้าหญิง”

เขาพูดด้วยเสียงแผ่วเบาราวกับว่ากลัวใครจะมาได้ยิน

“ตามที่เราตกลงกันไว้ไงเอลี่ เธอลืมไปแล้วหรอ” เดรกขมวดคิ้วหนาๆ

“เจ้าหญิงงั้นหรอ?” เขาพยักหน้าแล้วพูดต่อ

“ฉันจะลงไปเตรียมของอีกนิดหน่อย อาบน้ำเสร็จแล้วรีบตามลงมานะ”

 

ฉันนั่งนิ่งอยู่บนเตียงมองเดรกที่กำลังเดินห่างออกไป บางทีตอนนี้ฉันฉันอาจจะกำลังฝันอยู่ก็ได้ ฉันลองหยิกแขนตัวเองมันเจ็บแสดงว่านี้ไม่ใช่ความฝัน ฉันไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองแต่อย่างน้อยฉันก็ควรอยู่ใกล้เดรกเข้าไว้เป็นดีที่สุด ฉันลุกจากเตียงตรงไปหยิบเป้มาสะพายไว้ที่หลังและวิ่งลงบันไดที่ร้องเอี๊ยดอ๊าดทุกครั้งที่เท้าฉันแตะลงไป

 

“เอลิซ่า!แม่บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่างวิ่งลงบันได”

 

หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากประตูโค้งมนที่สลักด้วยลวดลายสวยงาม เธอสวมผ้ากันเปื้อนสีน้ำเงินในมือถือถาดที่มีขนมปังก้อนใหญ่วางอยู่ด้านบนที่เพิ่งอบเสร็จใหม่น่ากิน เธอไม่ใช่ใครอื่นนอกซะจากคุณนายวิลสันแม่ของเอลิซ่า

 

“เดรกนั่นแม่กำลังทำขนมอยู่หรอ”

ฉันแทบจะไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ฉันไม่เคยเห็นแม่เข้าครัวทำอาหารมาก่อนอย่าว่าแต่การอบขนมหรือแค่ตอกไข่ใส่กระทะง่ายๆนั่นมันยากเกินไปสำหรับคุณนายวิลสัน แต่ดูเธอตอนนี้สิหยิบจับเครื่องครัวสะดวกเหมือนมืออาชีพ

 

“นั่นแม่แน่หรอเดรก” ฉันขยี้ตาตัวเองให้แน่ใจว่าทั้งหมดที่เห็นไม่ได้ตาฝาด

เธอถามแปลกๆอีกแล้วนะเอลี่“ เดรกที่กำลังห่อขนมปังเงยหน้าขึ้นตอบ

“แล้วพี่ไม่สงสัยบ้างหรอว่าทำไมอยู่แม่ถึงได้เข้าครัวเองทั้งที่ก่อนหน้านี้แม่ทำเป็นแค่ซื้อาหารแช่แข็งมาแล้วเอาเข้าไปอุ่นในไมโครเวฟเท่านั้น”

“บอกตาตรงนะเอลี่ฉันไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่เธอพูดตั้งแต่เมื่อกี๊ ส่วนเรื่องทำขนมที่เธอถามความจริงไม่เห็นมีอะไรน่าสงสัย เธอว่าไหมล่ะ” เดรกพ่นลมหายใจ เขาคงมองว่าฉันงี่เง่าเต็มที

 

พอเริ่มตั้งตัวได้ฉันจึงเดินสำรวจตามอาณาบริเวณรอบๆ เดรกบอกว่านี่คือบ้านแต่ฉันคิดว่าไม่น่าใช่ ที่นี่เหมือนร้านเบเกอรี่มากกว่าบอกตามตรงฉันไม่คุ้นกับที่นี่เลยแม้แต่นิดเดียว

 

ผู้คนแต่งตัวประหลาดนั่งสุมรวมจิบน้ำชากับขนมปังและพูดคุยกันเสียงดังเอกเกรก อ้าปากหัวเราะกว้างจนเห็นลิ้นไก่และฟันที่ผุกร่อน แถมหน้าตามอมแมมราวกับไม่เคยอาบน้ำ

 

ดูอย่างชายคนหนึ่งเขาจูงแพะมาด้วย มันร้อง แบะ แบะ แล้วเอาหัวชนกับขาโต๊ะ และที่หน้าร้านหญิงคนหนึ่งก็กำลังวิ่งไล่ต้อนหมูป่าผู้น่าสงสาร ยังมีเป็ดและไก่ที่ถูกขังไว้ในกรงไม้เพื่อรอการแลกเปลี่ยนและซื้อขาย

 

แม่เดินเข้ามาและพูด “เราคงไม่ได้พบหน้ากันอีกหลายวัน แม่คงคิดถึงลูกน่าดูเลยนะ” แม่สวมกอดอันอบอุ่น

 

“แม่ห่อคุกกี้กับลูกเกดของโปรดลูกไว้ให้อยู่กับเดรกนะจ๊ะ”

“คุ้กกี้กับลูกเกดหรอคะ”

ฉันพูดอย่างตื่นเต้นไม่คิดว่าแม่จะจำได้ว่าฉันโปรดปรานการกินคุกกี้และลูกเกด

“ใช่จ๊ะ เดรกจะดูแลลูกแทนแม่นะเอลิซ่า”

 

แม่ดึงเราเข้าไปซุกที่อ้อมแขนแสนอบอุ่นเหมือนฝัน เราบอกลาแล้วเดินห่างออกจากบ้านออกมาเรื่อยๆ ทำไมทุกคนถึงดูแปลกกันไปหมดตั้งแต่แม่ที่อ่อนโยนและทำอาหารเก่ง รวมทั้งผู้คนที่อีกมากมายที่ทำพฤติกรรมประหลาด

 

“เดรกเราเดินมาไกลแล้วนะ” ฉันหยุดก้าวแล้วเริ่มหอบแห่กๆทำท่าจะหมดแรงเอาซะดื้อๆ

“ฉันว่าเราควรมองหาแท็กซี่สักคัน แถวนี้”

นั่นเป็นสิ่งที่ฉันมองหามาตลอดทาง แต่นอกจากวัว ม้า ลา ไก่ เป็ด และหมู ฉันก็ยังไม่เห็นอย่างอื่น

“แท็กซี่งั้นหรอ?” เดรกขมวดคิ้ว

“ใช่ไปแท็กซี่เร็วกว่า พี่คิดว่าไง”

“แท็กซี่คืออะไรเอลี่”

“อย่าตลกน่าเดรกแท็กซี่ก็คือแท็กซี่”

“ที่นี่ไม่มีแท็กซี่หรอกมีก็แต่ม้า” เดรกว่า

“เธอรอยู่ตรงนี้ฉันจะไปตกลงกับเจ้าของม้านั่น”

 

ฉันเบ้ปาก ให้ตายสิเดรกพี่ไม่รู้จักแท็กซี่ได้ยังไง ความเหนื่อยล้าประกอบกับดอกแดนดิไลออนสีเหลืองในมือของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินผ่านฉันไปทำให้ฉันนึกถึงเบรนด้าขึ้นมาโดยฉับพลัน ถ้าหากเออยู่ข้างๆฉันตอนนี้ก็คงจะดีไม่น้อย

 

“เบรนด้าคุณอยู่ไหน หนูอยากพบคุณเหลือเกิน”

 

ฉันมองผู้คนที่เดินผ่านไปมามากมาย แอบหวังว่าบางทีเบรนด้าอาจจะเดินปะปนมากับคนพวกนี้

 

“เอลี่” เสียงหวานใสของเบรนด้าดังขึ้นใกล้ๆ

“นั่นคุณจริงๆด้วยเบรนด้า!” ฉันกล่าวอย่างดีใจ

“บอกที่ว่านี้เราอยู่ที่ไหน”

เบรนด้ายิ้ม “เธอไม่รู้แน่หรอ”

“ไม่ ไม่คุ้นเลย”

เบรนด้าแตะที่หน้าอกด้านซ้ายของฉัน“เราอยู่ตรงนี้ของเธอ”

“หนูไม่เข้าใจเบรนด้า” ฉันส่ยหน้า

“เอลี่ บางอย่างฉันก็บอกเธอไม่ได้แต่ฉันรู้ว่าในอีกไม่ช้าเธอจะต้องหลงรักที่นี่แน่ๆ” เธอบอก

“หนูไม่แน่ใจ ทุกคนดูเปลี่ยนไปหมดจนหนูรู้สึกกลัว”

“เหล่านั้นที่เกิดขึ้นคือสิ่งที่เธอต้องการไม่ใช่หรอ” เบรนด้ากล่าว

“เธออยากให้แม่เอาใจใส่เธอ กอดเธอ และทำอาหารเก่ง และเธอก็ต้องการมีพี่ชายที่กล้าหาญ นั่นคือสิ่งที่เธอปรารถนา”

เบรนด้าแตะลงที่ไหล่ “เห็นสร้อยที่อยู่รอบคอเธอไหม”

ฉันพยักหน้าพลางสำรวจสร้อยเส้นนั้น จำไม่ได้ว่าตัวเองใส่มันไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่

“สวมสร้อยเส้นนี้ตลอดระยะเวลาที่เธอยังอยู่ที่นี้มันจะคุ้มครองเธอเอลี่” เบรนด้ายิ้ม

“เรียนฉันยามที่ต้องการ สำคัญที่เธอต้องเชื่อมั่นในตัวเอง และจงอย่ากลัว”

“เชื่อมั่นและอย่ากลัวหรอเบรนด้า”

“ใช่เอลี่นั่นล่ะคือสิ่งที่ฉันอยากให้เธอเป็น เพราะนี่คือโลกของเธอไม่มีอะไรน่ากลัวเลยแม้แต่น้อย”

“ที่นี่งั้นหรอ?”

“ฉันบอกเธอได้เท่านี้ ฉันคงต้องไปแล้ว”

“ไม่เบรนด้าอย่าเพิ่งไป” ฉันจับแขนเธอเอาไว้

“เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมฉันจะกลับมาหาเธอ เอลี่”

“ไม่นะเบรนด้าอย่าไป” ฉันเปล่งเสียงออกมาอย่างหวดกลัว

 

ฉันพยายามรั้งเธอเอาไว้แต่เหมือนมีบางอย่างกระชากให้มือเราหลุดออกจากกัน ณ วินาทีนั้นเบรนด้าก็หายลับไปในฝูงชนที่ต่างเบียดเสียด

 

“เอลี่!” เดรกสะกิด

“เธอเป็นอะไรหรือเปล่า ฉันเรียกเธออยู่หลายรอบแต่เธอก็เอาแต่เหม่อลอย”

“ฉันไม่เป็นไรเดรก” ฉันตอบพลางกวาดตามองหาเบรนด้าอีกรอบแต่เธอไปแล้วไร้วี่แวว

“มาเถอะเราตกลงกับชายเจ้าของม้าไว้เรียบร้อยแล้ว”

“โอเค”

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา