ฝรั่งจ๋ามาหารัก

10.0

เขียนโดย มะมาย

วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 16.48 น.

  3 ตอน
  1 วิจารณ์
  6,367 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 16.15 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

2) อยากสวดมนต์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

  นี่ถือเป็นครั้งแรกกับการได้ล่องเรือไปตามลำคลองของมิสเตอร์แฟรงค์ เขานั่งอยู่หัวเรือส่วนศรัญญานั่งอยู่ที่ท้ายเรือเป็นผู้ออกฝีพาย พอเริ่มพายออกมาได้สักซักระยะก็จะพบกับสวนมะม่วงสลับกับบ้านพักของชาวบ้านสำหรับที่นี่ยังสามารถพบเห็นภาพวิถีชีวิตแบบดั่งเดิมได้อยู่บ้าง

 

“นี -ส่วน –ชาย – ไม้ – รันย่า ”

“ค่ะ ‘สวนมะม่วง’ เอิ่ม Mango garden”

“หมา – มวง – อา – รอย – นะ”

“คุณกินหมาด้วยหรอมิสเตอร์แฟรงค์” ศรัญญาชะงักงัน

“กิน – บอย – อา – รอย – ดี - Sweet”

 

  มิสเตอร์แฟรงค์บอกอย่างชอบใจ แต่ขาหมายถึงมะม่วงไม่ใช่หมาอย่างที่ศรัญญาเข้าใจ ไม่นานนักทั้งคู่ก็มาถึงสวนมะม่วงของศรัญญา เธอผูกเรือไว้ที่ท่าน้ำแล้วจึงเดินต่อลึกเข้าไปในสวนที่ตอนนี้ผลมะม่วงกำลังสุกเหลืองได้ที่เต็มต้นและคงอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้คงจะเริ่มเก็บออกขายได้ โดยมีลุงไสวเป็นคนดูแลสวนและเป็นพ่อของจุกครอบครัวของเขาอาศัยอยู่บนที่ดินผืนนี้มาไม่ต่ำกว่า5ปี หลังจากที่บ้านของเขาถูกเจ้าหนี้ยึดไปศรัญญาเห็นใจจึงแบ่งที่ให้สร้างบ้านและจ้างดูแลสวนของเธอ

 

  ตอนนี้ลุงไสวก็กำลังแหย่ไข่มดแดงอยู่อย่างขะมักเขม้น จุกเห็นศรัญญาเดินมาแต่ไกลจึงตะโกนร้องบอกผู้เป็นพ่อ

 

“พี่รันมาพ่อ”

แล้วรีบวิ่งออกมาหาอย่างดีใจ มิสเตอร์แฟรงค์โบกมือทักทาย

“ไอ้ฝรั่งมาได้ยังไง” จุกมองอย่างสงสัยที่เห็นว่าเขามากับศรัญญาด้วย

ศรัญญาเขกกระบานจุกทันที “เขาชื่อมิสเตอร์แฟรงค์โว้ย เรียกให้ถูกหน่อย”

“ว่าแต่พ่อเองอยู่ไหนวะ” เธอโอบไหล่จุกและเดินไปหาลุงไสว

“อ้าวหนูรันพาใครมาด้วยล่ะนั่น

 

ลุงไสวกล่าวแล้วปลดผ้าเขาม้าที่พันอยู่รอบเอวขึ้นมาเช็ดหน้า มือข้างหนึ่งตบมดที่กัดแขนแล้วดีดมดแดงจนกระเด็นออกไป

 

“มิสเตอร์แฟรงค์ค่ะแขกคนแรกของโฮมสเตย์สวนฝัน”

“สวัสดีครับ” มิสเตอร์แฟรงค์ยกมือไว้อย่างนอบน้อม

“ไว้พระเถอะพ่อคุณ แหมพูดภาษาไทยแจ๋วเลยเชียวนะ” ลุงไสวแซว

“คราวนี้ได้เยอะเลยเชียวนะคะ” ศรัญญาชะโงกหน้าดูในถังน้ำที่มีทั้งไข่และตัวมดแดงลอยเบียดกันแน่นเอี๊ยด

“คุณอยากลองแย่ไข่มดแดงดูไหมค่ะ” ศรัญญาออกปากชวนเมื่อเห็นมิสเตอร์แฟรงค์ดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ

“มาสิมิสเตอร์แฟงผมจะสอนให้” ลุงไสวเห็นดีเห็นงาม

“เขาชื่อแฟรงค์ค่ะไม่ใช่แฟง” ศรัญญากระซิบพลางอมยิ้ม

 

  มิสเตอร์แฟรงค์แหย่ไข่มดแดงครั้งแรกได้ไม่เลวเลยทีเดียว ไม้ไผ่ด้ามยาวยาวถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการกระทุ้งรังมดแดงที่อยู่บนเรือนยอดต้นมะม่วงสูงแต่หลังจากถูกมดแดงฝูงใหญ่รุมกัดก็รีบปล่อยไม้แทบไม่ทัน ศรัญญาทายาหม่องให้ ผิวที่ขาวของมิสเตอร์แฟรงค์เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที เขาคันเคยอไปทั้งตัว

 

  ศรัญญาฝากให้จุกดูแลมิสเตอร์แฟรงค์ส่วนเธอกับลุงไสวจะแยกไปเดินสำรวจตรวจงานในสวนเพื่อคุยปรึกษาหารืออย่างทุกครั้ง จุกรอให้ทั้งสองเดินออกไปไกลซะก่อนแล้วจึงเขยิบเข้าไปใกล้มิสเตอร์แฟรงค์ที่นั่งเกาแขนอยู่อยู่บนแคร่

 

“ไอ้ฝรั่งเองอยากเห็นอะไรที่น่าตื่นเต้นไหม” จุกบอกอย่างมีเล่ห์นัยน์

มิสเตอร์แฟรงค์ก็เอาแต่ยิ้ม

“เองมีเงินติดตัวมาหรือเปล่าวะ” จุกถามย้ำ

 

มิสเตอร์แฟรงค์พยักหน้าแล้วควักเงินในกระเป๋ากางเกงออกมา จุกตาลุกวาวเมื่อเห็นแบงก์พันและแบงก์ร้อยอีกหลายใบ

 

“ตามข้ามา” จุกดึงมิสเตอร์แฟรงค์ให้ลุกขึ้น

“ปาย-นาย-จุก”

“เอาน่าอย่าเพิ่งถามไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง”

 

มิสเตอร์แฟรงค์เดินตามหลังจุกลัดเลาะไปตามคันคูสวน จนมาพบบ้านหลังหนึ่งที่มีผู้คนเดินเพ้นพ่านเข้าออกกันเป็นว่าเล่น มีหลายคนที่อุ้มไก่มาด้วยแล้วก็มีเสียงเฮร้องดังออกมาจากคนที่อยู่ข้างใน

 

“ว่าไงไอ้จุก พาใครมาด้วยวะ” ชายคนหนึ่งที่ยืนคุมทางเข้าออกทักจุกอย่างคุ้นเคยกันดี

“เนี่ยเรอะ” จุกเหลือบมองมิสเตอร์แฟรงค์

“กระเป๋าตังเคลื่อนที่โว้ย” จุกหัวเราะอย่างชอบใจ

“วันนี้เองลงฝั่งไหนวะไอ้สมรักษ์หรือไอ้เขาทราย”

 

  เมื่อตกลงและวางเงินเดิมพันกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วจุกจึงเดินเข้าไปรอลุ้นที่สนามซึ่งมีนักพนันยืนล้อมวงอยู่หลายสิบคน ไก่ชนทั้งสองตัวถูกปล่อยลงในสนามแข่ง เสียงเชียร์ดังขึ้นทุกครั้งที่ไก่ทั้งสองตัวเดินเข้าหากัน ผลออกมาปรากฏว่าไก่ชนสมรักษ์เป็นฝ่ายชนะ จุกถึงกลับคอตกตัวเองดันเล่นแทงฝั่งเขาทรายไปตั้งสองร้อย จุกเอาเงินที่ยืมมาจากมิสเตอร์แฟรงค์เป็นเงินเดิมพันเมื่อเสียหมดถึงนึกขึ้นได้ว่ามิสเตอร์แฟรงค์หายไป

 

  มิสเตอร์แฟรงค์รู้สึกทึ่งกับสถานที่แห่งนี้จึงถ่ายภาพเก็บเอาไว้ในระหว่างที่กำลังกดชัตเตอร์ หนึ่งในสี่ของเด็กคุมบ่อนก็แตะเข้าที่ไหล่ของเขาจนมิสเตอร์แฟรงค์สะดุ้ง

 

“เองทำอะไรวะไอ้ฝรั่ง” เขามองอย่างเอาเรื่อง

“ที่นี่เขาห้ามเอากล้องเข้ามาเว้ย! มึงไม่รู้หรอไงวะ”

มิสเตอร์แฟรงค์ส่ายหน้าแต่ไม่ใช่เพราะรู้กฎแต่เขาไม่เข้าใจตั้งหาก

”หรือว่าเองเป็นสายให้กับตำรวจวะ” เด็กคุมบ่อนบอกเสียงสะบัด

 

มิสเตอร์แฟรงค์พยักหน้าแล้วยกกล้องขึ้นมา เขาพยายามจะบอกว่าเขาแค่มาถ่ายรูปเฉยๆ

 

“ยอมรับซะด้วย งั้นมึงมานี่เลย”

เด็กคุมบ่อนสองคนตรงเข้ามาล็อกแขนมิสเตอร์แฟรงค์แล้วลากเขาออกไปเพื่อเคลียด้านนอก

 

“มึงกล้ามากนะที่เข้ามาเหยียบจมูกถึงถิ่นของพวกกู”

มิสเตอร์แฟรงค์ถูกล้อมเอาไว้ด้วยชายทั้งสี่

 

  จุกแอบหลบมองดูเหตุการณ์อยู่หลังต้นไม้ มิสเตอร์แฟรงค์กำลังจะโดนทำร้ายจุกจึงตัดสินใจวิ่งกลับไปที่สวนเพื่อบอกเรื่องนี้ให้กับศรัญญารู้ ศรัญญาโกรธจุกมากแต่เธอจะจัดการกับเขาทีหลัง

 

  เมื่อมาถึงบ่อนมิสเตอร์แฟรงค์ก็ถูกกระทืบจนล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นแล้ว ศรัญญารีบส่งเสียงห้ามแล้ววิ่งเข้าไปขวางตรงกลาง

 

“พวกเองทำเกินไปแล้วนะ!”

ศรัญญาจ้องตาเขม็งในขณะที่จุกรีบเข้าไปพยุงมิสเตอร์แฟรงค์ขึ้นมา

“เองรู้จักมันด้วยหรอไอ้รัน” ไอ้เปี๊ยกหัวหน้าแก๊งถาม

“เออสิเขาเป็นแขกที่มาพักของโฮมสเตย์ข้า ไม่ใช่สายตำรวจอย่างที่พวกเองเข้าใจ”

“ใครจะไปรู้วะก็เห็นมันพยักหน้านี่หว่า แต่ก็เอาเถอะเอาเป็นว่าข้าขอโทษก็แล้วกัน”

เปี๊ยกขยับเดินเข้าไปใกล้มิสเตอร์แฟรงค์แล้วใช้มือปัดฝุ่นที่เปื้อนเสื้อออกให้แล้วกระซิบเบาๆ

“โทษทีนะเว้ยไอ้ฝรั่งมือข้ามันหนักไปหน่อย”

 

เปี๊ยกยิ้มที่มุมปากจากนั้นคนทั้งสี่ก็เดินลอยหน้าลอยตากลับไปในบ่อนอย่างเดิม

 

  จุกรีบนำกล่องยาที่อยู่หลังตู้เย็นมาให้ศรัญญาเพื่อใช้ทำแผลให้กับมิสเตอร์แฟรงค์ที่มีแผลแตกที่มุมปากและแผลถลอกอีกหลายจุด จุกนั่งมองอยู่ไกลๆอย่างสำนึกผิด เมื่อเห็นศรัญญาเดินเข้ามาเขาจึงเดินเข้าไปหา

 

“จุกขอโทษพี่รัน” เขาบอกเสียงเศร้า

“ขอโทษผิดคนแล้วไอ้จุก คนที่เองควรจะขอโทษเขานั่งอยู่นู่น”

ศรัญญาหมายถึงมิสเตอร์แฟรงค์ เธอลูบศรีษะจุกอย่างอ่อนโยน

“ไปขอโทษเขาซะสิ” เธอบอก

ว่าแล้วจุกจึงเตรียมน้ำเย็นใส่ขันและเดินเอาเข้าไปให้กับมิสเตอร์แฟรงค์ด้วยตัวเอง

“ไอ้ฝรั่งกินน้ำก่อนสิ” เขายื่นให้

“ขอบ-จาย”

 

มิสเตอร์แฟรงค์ยกขันขึ้นดื่มแต่เพราะแผลที่อยู่มุมปากพอดีทำให้เขาอ้าได้ไม่มากและรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ

 

“เจ็บหรอ” จุกถาม

“นิด-เดียว-จุก”

“ผมขอโทษ”

จุกบอกทั้งน้ำตา มิสเตอร์แฟรงค์เห็นนำตาของจุกแล้วตกใจ

“ยา-Cry-จุก-ชัน-Okay”

 

จุกยกมือปาดน้ำตาที่เลอะแก้มมิสเตอร์แฟรงค์จับมือจุกเอาไว้และมองเข้าไปภายในดวงตาคู่เล็กๆนั้น

 

“Smile-จุก”

“มิสเตอร์แฟรงค์บอกให้เองยิ้มแหนะ” ศรัญญาเดินเข้ามาพอดี

“เขาไม่โกรธจุกหรอพี่รัน”

“เออสิวะ ไม่งั้นเขาจะยิ้มแฉ่งให้เองทั้งที่ปากเจ่อแบบนี้หรอ”

 

พอรู้แบบนี้แล้วจุกจึงยิ้มออกมาได้แต่รอยยิ้มก็เลือนหายไปในระยะเวลาอันสั้นพร้อมกับมีคำถามจากปากของเด็กชาย

 

“พี่รันจะบอกพ่อไหม”

“เองคิดว่าไงล่ะ” เธอลองถามลองใจ

“จุกตามใจพี่รันนะ” เขาหลุบตาต่ำลงยอมรับชะตากรรม

“ข้าจะบอก ถ้าเองไม่สำนึกผิดแต่ตอนนี้ข้าว่าเองสำนึกผิดแล้วใช่ไหมวะ”

จุกเงยหน้าขึ้นมาสบตากับศรัญญา

“ครั้งนี้ข้าจะไม่ฟ้องพ่อเอง แต่ถ้ามีครั้งหน้า…”

“ไม่มีครั้งหน้าแน่พี่รัน”

จุกกระโจนเข้ากอดศรัญญาจนเธอเซ

“กอด-บาง-ดาย-ไม้”

มิสเตอร์แฟรงค์อดอมยิ้มให้กับความน่ารักของทั้งคู่ไม่ได้

 

                ช่วงค่ำที่สวนฝันโฮมสเตย์ ศรัญญาใช้เวลาที่มิสเตอร์แฟรงค์ทำธุระส่วนตัวบนห้องออกมาเตรียมสถานที่สำหรับรับประทานอาหารค่ำ โคมไฟแสงสีส้มสลัวทั้งสี่ด้านของศาลาริมน้ำถูกเปิดขึ้น โต๊ะไม้สี่เหลี่ยมที่ตั้งอยู่ตรงกลางถูกปูทับด้วยผ้าลูกไม้สีขาว บนโต๊ะประดับด้วยกันดอกกุหลาบสีขาวที่ศรัญญาตัดมาจากในสวนเล็กๆที่เธอบรรจงปลูกเอาไว้ อาหารสำหรับมือค่ำนี้คือ ผัดไทยกุ้งสด มันเป็นความตั้งใจของเธอที่ยกอาหารมาเสิร์ฟในเวลาสุดท้าย ทุ่มครึ่งพอดีได้เวลาที่นัดมิสเตอร์แฟรงค์เอาไว้ มิสเตอร์แฟรงค์เดินมาตามทางที่ถูกปักไว้ด้วยโคมไฟเทียนที่จุดเอาไว้เพื่อให้แสงสว่างจนมาถึงศาราริมน้ำซึ่งศรัญญายืนรออยู่ก่อนแล้ว มิสเตอร์แฟรงค์สอดตัวนั่งลงบนเก้าอี้

 

“ทานให้อร่อยนะคะ”

 

  ศรัญญาบอกก่อนที่เธอจะเดินไปหยิบจานผัดไทยของตัวเองเพื่อไปรับประทานในบ้านและให้ความเป็นส่วนตัวกับมิสเตอร์แฟรงค์อย่างเต็มที่ทว่า

 

“ปาย-นาย-รันย่า-กิน-ดวย-กาน-นะ”

“ไม่ดีมั้งคะ”

 

  เธอรีบปฏิเสธ มิสเตอร์แฟรงค์ลุกขึ้นเดินอ้อมมายังเก้าอี้อีกฝั่งยกมันออกมาห่างจากโต๊ะนิดหน่อยแล้วยิ้มหวานอย่างเชื้อเชิญ ศรัญญาไม่อาจขัดความต้องการของแขกได้จึงยอมนั่งทานเป็นเพื่อน เธอปลดผ้ากันเปื้อนออพาดเอาไว้ที่พนักพิงเก้าอี้แล้วจึงนั่งลง

 

  หลังรับประทานอาหารเสร็จทั้งสองก็เปลี่ยนอิริยาบถมานั่งห้อยขาที่ท่าน้ำปลายเท้าส่วนหนึ่งจุ่มลงไปในน้ำและกวัดแกว่งไปมาอย่างช้าๆ แหงนหน้ามองดวงดาวบนท้องฟ้าที่เปล่งแสงแวววาวระยับมันเป็นภาพที่มิอาจมองเห็นได้จากที่ไหนในเมืองใหญ่นอกจากบ้านนอกแบบนี้ การดูดาวดำเนินไปพร้อมกับดารแลกเปลี่ยนพูดคุยสัพเพเหระ หากไม่ติดว่าศรัญญาติดละครอยู่ล่ะก็เธอคงจะนั่งอยู่ตรงนี้ซะจนดึกดื่นว่าแล้วเธอจึงเอ่ยชวนมิสเตอร์แฟรงค์ไปดูทีวีด้วยกันที่ห้องโถงด้านล่าง โซฟาสีส้มรองรับสำหรับสองที่นั่งพอดีทีวีตั้งตระหง่านอยู่ริมผนัง ตรงกลางเว้นระยะให้มีช่องเดิน มิสเตอร์แฟรงค์นั่งดูทั้งที่ฟังภาษาไทยไม่ออกจนมีฉากที่ตัวละครกำลังตักบาตรและมาถึงสวดมนมิสเตอร์แฟรงค์สะกิดเรียกศรัญญาที่นั่งอยู่ข้างกันอย่างตื่นเต้น

 

“รันย่า-ผม-อยาก-ทาม-นาย-ทีวี” มิสเตอร์แฟรงค์บอกพลางพนมมือ

“หาย-ของ-Monk-แล-วาย-ขาว-ที-เปน-หุ้น”

“คุณหมายถึงตักบาตรกับสวดมนต์หรอคะ”

 

  ศรัญญาไม่แน่ใจแต่คิดว่าไม่น่าผิดและถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากเพราะทุกเช้าจะมีพระพายเรื่องออกมาบินฑบาตอยู่เป็นประจำ

 

“เอาอย่างนี้ละกันค่ะ เราจะตักบาตรพรุ่งนี้เช้า Do tomorrow But have to wake up early ส่วนสวดมนต์ ฉันจะพาคุณทำหลังละครเรื่องนี้จบ Do after ละคร ending โอเคไหมคะ”

 

“ผม-ตาม-จาย-รันย่า-Up to you -เล้ย”

 

มีห้องพระเล็กๆที่ชั้นสองอขงบ้าน ศรัญญาสอนมิสเตอร์แฟรงค์ให้ท่องบทสวดมนต์ง่ายๆและสอนเขากราบพระแล้วจึงอธิบายถึงส่วนต่างๆภายในห้อง

 

“เราเรียกสิ่งนี้ว่าพระพุทธรูปนะคะไม่ใช่หุ่น” เธออมยิ้ม มิสเตอร์แฟรงค์นั่งพับเพียบฟังอย่างตั้งใจ

“ส่วนอันนี้เรียกว่าหนังสือสวดมนต์” เธอส่งมันต่อให้เขา

มิสเตอร์แฟรงค์หน้าเสียนิดหน่อยตอนเปิดออกดู

“อาน-มาย-ออก-เล้ย”

“เอาไว้ฉันจะเขียนเป็นภาษาอังกฤษให้ก็แล้วกันนะคะเพื่อคุณกลับไปที่ต่างประเทศแล้วอยากสวดมนขึ้นมา”

 

แล้วศรัญญาก็สอนให้มิสเตอร์แฟรงค์นั่งสมาธิ นั่นเป็นกิจกรรมสุดท้ายที่ทั้งคู่ทำร่วมกันก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับเข้าห้องพักของตัวเอง มิสเตอร์แฟรงค์พอกลับมาถึงห้องก็หยิบกล้องคู่ใจขึ้นมาเช็กรูปที่ถ่ายอาไว้ แต่ละรูปกดผ่านไปได้อย่างลื่นไหลไม่มีภาพใดที่ตรึงให้เขามองได้นานเท่ากับรูปของศรัญญากับเรือของเธอ

 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา