เรื่องเล่าจากความมืด

9.0

เขียนโดย AraTemp

วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.06 น.

  10 ตอน
  6 วิจารณ์
  18.74K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 มีนาคม พ.ศ. 2557 22.11 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

6) ค่าตอบแทน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     บนขบวนรถไฟเที่ยวสุดท้ายของค่ำคืนหนึ่ง บนรถไฟขบวนนี้เต็มไปด้วยผู้โดยสารที่ต่างก็กำลังเดินทางกลับบ้านหลังจากเลิกงาน เช่นเดียวกันกับชายคนหนึ่ง ที่ทำงานจนไม่มีเวลาหยุดพัก

“เหนื่อยชะมัดเลย เหนื่อยๆๆๆๆ” ชายหนุ่มบ่นออกมาด้วยความเหนื่อยล้าจากการทำงานมาทั้งวัน แม้กระทั่งเลิกงานกำลังเดินทางกลับบ้าน เขาก็ยังต้องเหนื่อยกับการที่ต้องมายืนเกาะบนรถไฟ ไม่ได้แม้แต่จะนั่งพักสบายๆ ให้หายเหนื่อย

“หนวกหูชะมัดเลย!! จะคุยอะไรกันนักหนานะ มีความสุขกันมากหรือไง!!” เสียงผู้คนบนรถไฟพูดคุยกันเสียงดังไปทั้งขบวนรถ มีทั้งเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ เสียงซุบซิบนินทา ยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอารมณ์เสียมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม

“มีความสุขสนุกกันจังนะ ชักจะไม่ไหวแล้ว รำคาญชะมัดเลย” ชายหนุ่มเริ่มหมดความอดทนกับเสียงรอบข้างที่ยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ

“เห้ย นั้นอะไรกัน” ชายหนุ่มสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างอยู่ข้างบนทางซ้ายมือของเขา สิ่งนั้นอยู่บนชั้นวางข้างบนที่ติดกับเพดานของขบวนรถไฟ

“ขยับอยู่ด้วย” ชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าสิ่งนั้นกำลังขยับอยู่ ถึงจะมองเห็นได้ไม่ชัดเท่าไร เนื่องจากบริเวณนั้นแสงสว่างส่องไปไม่ถึง แต่ชายหนุ่มก็ยังพอมองรูปร่างของสิ่งนั้นได้อย่างคร่าวๆ

สิ่งนั้นมีสีแดงใสๆ เหมือนกับเมือกหรือเจลเหนียวๆ มีลักษณะรูปร่างเหมือนกับก้อนเนื้อขนาดใหญ่ ชายหนุ่มยังคงมองเจ้าสิ่งนั้นอย่างไม่ละสายตา

“เฮ้ย ทำไมถึงไม่มีใครสังเกตเห็นกันเลย มันใหญ่ซะขนาดนี้เลยนะ ไม่มีใครเห็นเลยเหรอ” ชายหนุ่มรู้สึกว่ามีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่มองเห็นสิ่งนั้น ผู้คนต่างก็ยังคงพูดคุยกันเสียงดังเช่นเดิม ไม่มีใครสังเกตเห็นสิ่งนั้นเลย ไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว

“นั้น…”

“ตืดดดดดดดดดดดด” ทันใดนั้นเอง เสียงของแตรของรถไฟก็ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำให้ชายหนุ่มออกแรงจับราวของรถไฟแน่น

“เกิดเหตุฉุกเฉิน ขณะนี้รถไฟขอหยุดจอดฉุกเฉิน ขอให้ทุกท่านหาที่จับให้แน่นครับ” เสียงประกาศของพนักงานดังขึ้นจากลำโพงภายในรถไฟ ทำให้ผู้โดยสารแตกตื่นด้วยความตกใจ และไม่นานนักรถไฟก็เบรกอย่างรวดเร็วจนจอดสนิท เสียงร้องของผู้โดยสารยังคงดังอยู่สักพักหนึ่งก่อนจะค่อยๆ เงียบลงไป เมื่อเริ่มตั้งสติได้ โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

ชายหนุ่มเองก็เช่นกัน เขาไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด แต่ก็ยังคงตกใจกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน

“ประกาศถึงผู้โดยสารทุกท่านทราบ ขณะนี้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น” เสียงของพนักงานแจ้งให้ทราบถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

“เห หายไปแล้ว” เมื่อชายหนุ่มเริ่มกลับมาตั้งสติได้อีกครั้ง เขาก็มองไปยังข้างบนที่ซึ่งสิ่งนั้นเคยอยู่ก่อนหน้านี้

“ไม่หรอก สงสัยเราจะคิดไปเองตั้งแต่แรก ต้องใช่แน่ๆ ของแบบนั้นจะไปมีอยู่ได้ยังไงกัน” เมื่อไม่เห็นสิ่งนั้นแล้วชายหนุ่มก็โล่งอกขึ้นมา อาจเพราะความเหนื่อยจากการทำงานจึงทำให้เขาแค่คิดไปเองเท่านั้น

“ขณะนี้ทางเราเริ่มให้การช่วยเหลือผู้ที่ประสบอุบัติเหตุแล้ว เพื่อความปลอดภัยของผู้ที่ช่วยเหลือ ทางเราจะขอทำการตัดไฟฟ้าทั้งหมดชั่วคราว” เมื่อสิ้นเสียงประกาศจากพนักงานรถไฟ วินาทีต่อมาไฟก็พลันดับลง ทำให้ทั่วทั้งขบวนรถไฟมืดสนิท ผู้โดยสารต่างพากันส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ

“วันนี้มันซวยจริงๆ” ชายหนุ่มที่สายตาเริ่มชินกับความมืด เขาหันมองไปรอบๆ และเมื่อหันกับมาแหงนมองตรงหน้าสายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่กับสิ่งนั้น ปรากฏขึ้นอีกครั้งตรงหน้าเขา

“นั่นมันอะไรกัน มันกำลังมองมาทางเราเหรอ” ชายหนุ่มรู้สึกว่าสิ่งนั้นกำลังมองมาที่เขา เขาเห็นลูกตาโผล่ออกมาจากก้อนเนื้อสีแดงนั้น ไม่ผิดแน่มันกำลังมองมาที่เขาแน่ๆ

“สงสัยจะเหนื่อยเกินไป ต้องใช่อยู่แล้ว เพราะทำงานหนัก ก็เลยเห็นแบบนี้สินะ มันคงเป็นค่าตอบแทน ค่าตอบแทนที่ทำงานหนัก ถ้าต้องเห็นแบบนี้ทุกวัน ขอไม่ทำงานดีกว่า” ใบหน้าของชายหนุ่มเริ่มเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ไหลไปทั่วใบหน้า เขาพยายามก้มหน้าเพื่อที่จะไม่มองสิ่งนั้น

“เจ็บจัง…” เสียงโหยหวนดังขึ้นมาจากตรงหน้าของชายหนุ่ม น้ำเสียงที่เหมือนกับกำลังเจ็บปวดทรมาน

“ฉันคงต้องหยุดพักงานสักวัน สองวัน ไม่สิไม่ต้องทำอะไรเลยสักสามวันก็ได้” ชายหนุ่มยังคงพูดกับตัวเองเพื่อไม่ให้สนใจเจ้าสิ่งนั้น แต่ถึงอย่างไรดวงตาที่โผล่มาจากก้อนเนื้อสีแดงสดนั้นก็ค่อยๆ มองมาที่ชายหนุ่ม ใกล้เข้ามาๆ

“เจ็บจัง เจ็บเหลือเกิน หนาวเหลือเกิน” เสียงร้องโหยหวนยังคงดังอยู่ใกล้ๆ กับชายหนุ่ม

“บางทีฉันควรจะไปโรงพยาบาลเลย ไม่นะ…” ชายหนุ่มเริ่มเสียสติ เขาเริ่มกลัวจนคุมสติตัวเองเอาไว้แทบไม่อยู่เสียแล้ว

“กึกๆ กึกๆ กึกๆ” เสียงเหมือนฟันกระทบกันเวลาที่รู้สึกหนาว ดังขึ้นอยู่ตรงหน้าของชายหนุ่ม

“นั้นสินะ ไปโรงพยาบาลคงจะเจ็บสินะ ทั้งเจ็บทั้งหนาวเลยสินะ แต่เห็นภาพหลอนแบบนี้มันจะรักษาหายไหมนะ แต่ภาพหลอนมันชัดขนาดนี้เลยเหรอ” ชายหนุ่มเริ่มเพ้อเจ้อกับตัวเอง ในขณะที่มือของเขายังคงจับราวโหนเอาไว้จนแน่น เขาพยายามไม่มองไม่สบตากับสิ่งนั้น ถึงแม้ว่ามันจะมองมาที่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ดวงตาของมันเข้ามาใกล้มากๆ ใกล้เสียจนแทบจะชิดกับใบหน้าของชายหนุ่ม

 

“เจ็บจัง หนาวจัง เหนื่อยจัง” เสียงโหยหวนทรมานนั้นยังคงดังต่อไปไม่หยุด

“ชั่งมันสิก็แค่ภาพหลอนนี่นา” ชายหนุ่มพยายามทำเป็นไม่สนใจ

“นั่นสิ งี้เองสินะ เพราะแบบนี้เลยรู้สึกหนาวสินะ ทั้งหนาวทั้งเจ็บ แต่ก็ยังไม่อยากตาย”

“จริงสินะ ถ้าตายไปแล้วก็จะไม่หนาวแล้วสิ” ชายหนุ่มเริ่มเสียสติไปเรื่อยๆ

เจ้าสิ่งนั้นก็ยังคงค่อยๆ เข้ามาใกล้กับชายหนุ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มันค่อยๆ ลงมาเกาะที่หัวของชายหนุ่ม

“อะไรกัน อะไรกัน เจ็บจะตายอยู่แล้ว ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้ ฉันยังไม่อยากตาย” ชายหนุ่มพยายามตั้งสติอีกครั้ง ร่างกายของเขาค่อยๆ หนักขึ้นเรื่อยๆ เสียงร้องโหยหวน เสียงฟันกระทบกันก็ยังคงดังไม่หยุด

“จริงสิ แต่ถ้าตายไปก็อาจจะดีกว่านี้ก็ได้นะ อาจจะมีความสุขก็ได้ ไม่ไหวแล้ว ตายซะดีกว่า” ชายหนุ่มเริ่มควบคุมสติของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่

เจ้าสิ่งนั้นก็ลงมาเกาะชายหนุ่มเอาไว้จนเกือบจะทั่วทั้งใบหน้า เสียงร้องยังคงดังไม่หยุด ดวงตาของมันเข้ามาแนบชิดกับใบหน้า ดวงตาของมันมองเข้าไปในดวงตาของชายหนุ่ม ปากของมันอ้ากว้าง ทำให้สัมผัสได้ถึงลมหายใจที่ออกมาจากปากของมัน

ชายหนุ่มได้แต่ยืนนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาอะไรออกมาอีก มือของเขาที่เคยเกาะราวโหนได้คลายออก เสียงผู้โดยสารยังคงดังอยู่เช่นเคย รถไฟยังคงมืดสนิท

“รู้สึกดีขึ้นมาแล้วสิ” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้น น้ำเสียงที่โหยหวนทรมานและเจ็บปวด ช่างให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากคำพูดที่เขาพูดออกมาเป็นประโยคสุดท้าย

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา