เรื่องเล่าจากเพื่อน (ไม่) เก่า

9.6

เขียนโดย กุหลาบราตรี

วันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 19.00 น.

  2 ตอน
  2 วิจารณ์
  5,049 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 เมษายน พ.ศ. 2557 19.02 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

2) รักนาย...ชายข้างบ้าน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

               ในโรงเรียนที่เงียบสงบเนื่องจากอยู่ในช่วงปิดเทอมมีเพียงสี่สาวที่นัดมาเจอกันที่นี่ในรอบหลายปีตั้งแต่เรียนจบมหาวิทยาลัยทั่งสี่สาวยังนอนเล่นหัวชนกันเช่นเดิมจนผ่านไปหลายชั่วโมงวินนี่ที่เพิ่งเล่าเรื่องของตัวเองให้เพื่อนๆ ฟังก็เริ่มอยากฟังเรื่องของเพื่อนๆบ้างเพราะแต่ละคนก็มีแฟนกันหมดแล้วโดยเฉพาะหนูดีที่กำลังจะได้แต่งงานปลายปีหน้า

 

                “ฉันเล่าอยู่คนเดียวมันไม่แฟร์เลยนะพวกเธอก็เล่นเรื่องความรักของตัวเองบ้างสิ” วินนี่พูดขึ้นเสียงเบาแต่เพราะความเงียบทำให้เสียงนั้นกลายเป็นเสียงดังไปได้

 

                “เอ่อ...ฉันอยากฟังเรื่องของหนูดีก่อนเห็นด้วยหรือเปล่าดา” วิภาดาพูดขึ้นพร้อมกับถามดารินทันที

 

                “นั่นสิจะแต่งงานแล้วนี่มีแฟนก่อนเพื่อนเลยด้วยเล่ามาเลยนะพวกเราอยากฟัง” ดารินพูดตัดบททันทีก่อนจะเงียบเพื่อฟังเรื่องเล่าจากหนูดี

 

                สิบปีก่อนหน้านี้....เวลา 12.23 AM

 

                หนูดีที่เพิ่งกลับจากการทำงานในบ้านเช่าที่มีเธออยู่แค่คนเดียวจึงเงียบสงบมากได้ยินเพียงสายลมที่พัดผ่านหน้าต่างเท่านั้นเธอมักจะมานั่งที่ระเบียงซึ่งเยื้องจากห้องนอนออกมาซึ่งทำให้เห็นหน้าบ้านของตัวเองได้อย่างชัดเจนเป็นเวลาเดียวกันที่เสียงดีเจวาวาคลื่นดีด้าฟาเรนท์จากวิทยุที่เปิดทิ้งไว้มักจะดังขึ้นในเวลานี้ของทุกวันพุธ

 

                “ช่วงนี้เป็นช่วงบอกฝันดีผ่านดีด้าฟาเรนท์และที่พิเศษไปกว่านั้นก็คือคนที่จะมาบอกฝันดีทุกคนในวันนี้คือ...” ไม่ทันที่หนูดีจะฟังเสียงดีเจพูดจบ

 

            เพล้ง!

 

                เสียงแก้วแตกที่ดังมากทำให้เธอรีบวิ่งลงไปดูที่หลังบ้านก็พบว่ามีลูกบอลของใครบางคนที่มาโดนกับขวดแก้วที่ตั้งเรียงกันไว้พอดีทำให้แก้วพวกนั้นตกลงมาแตกทั้งหมดจึงมีเศษหินและทรายที่อยู่ในนั้นกระจายเต็มไปหมดขณะที่หญิงสาวยืนอึ้งกับภาพที่เห็นอยู่ก็มีชายหนุ่มข้างบ้านโผล่หน้ามาขอลูกบอลคืนทำให้คนที่กำลังโมโหรีบด่าทันทีแต่อีกฝ่ายก็เถียงกลับทันควันและขอฟุตบอลคืนอย่างเดียว

 

                “อยากได้ก็เดนมาเอาเองสิยะ” เธอพูดเสียงแข็งพร้อมกับถือลูกบอลไว้แน่น

 

                “นี่อย่ามาเล่นลิ้นได้มั้ยรีบคืนมาเถอะแค่ขวดแก้วเดี๋ยวฉันไปขอซื้อจากคนที่เก็บขวดให้ก็ได้นะ” เขาตะโกนบอกเสียงดังยิ่งทำให้อีกฝ่ายโมโหยิ่งกว่าเดิม

 

                “ไอ้บ้า...ฉันไม่ต้องการย่ะเอาคืนไปเลยแล้วอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีกนะไอ้บ้า” เธอพูดพร้อมกับโยนฟูตบอลไปตรงหน้าของเขาแต่อีกฝ่ายหลบได้ทำให้คนที่เจ็บใจรีบเดินเข้าไปหยิบไม้กวาดเพื่อมาทำความสะอาดทันที

 

                เช้าวันต่อมาหญิงสาวรีบถือถุงดำออกมาที่หน้าบ้านแต่เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อคืนก็ยิ่งเจ็บใจจึงถือโอกาสเอาขยะของตัวเองไปไว้ในถังขยะของคนข้างบ้านที่ทำให้ขวดแก้วตกลงมาแตกทั้งหมดอย่างไม่คิดอะไรแล้วรีบออกไปทำงานทันทีท่ามกลางแสงแดดร้อนเพียงแค่มองด้วยตาก็ไม่อยากออกไปนอกบริษัทเลยสักนิดหนูดีเป็นพนักงานดีเด่นสองปีซ้อนเพราะเป็นคนขยัน ละเอียดและรอบคอบมาตั้งแต่เด็ก

 

                เพราะวันนี้จะมีประธานบริษัทคนใหม่เข้ามาทุกคนจึงตื่นเต้นและเตรียมตัวต้อนรับกันอย่างเต็มที่เวลาสามโมงเช้าที่มีรถคันหรูมาจอดที่หน้าบริษัททุกคนก็รีบเดินเข้าไปต้อนรับทันทียกเว้นหนูดีที่ไม่กล้าเข้าไปใกล้เพราะผู้ชายคนนั้นเป็นคนเดียวกับผู้ชายข้างบ้านที่เธอเพิ่งด่าเขาไปเมื่อวานแถมวันนี้ยังไปทิ้งขยะที่หน้าบ้านเขาอีกแต่เพราะเพื่อนร่วมงานดึงมือให้เข้าไปจึงได้เห็นหน้าเขาชัดๆ เมื่อชายหนุ่มเห็นหน้าก็ยิ้มออกมาทันที

 

                “นี่คุณเป็นพนักงานดีเด่นที่พ่อผมพูดบ่อยๆ เหรอ” เขาถามเสียงเรียบ

 

                “ชะ...ใช่ค่ะ” เธอตอบอ้ำอึ้งขึ้นมาทันที

 

                หลังจากที่พนักงานส่วนหนึ่งมับช่วงต่อในการต้อนรับประธานคนใหม่แล้วก็ได้เวลากลับไปทำงานตามปกติทันทีแต่หนูดีที่ถูกเรียกพบหลังจากนั้นก็ยิ่งทำให้เพื่อนๆ แปลกใจแต่ก็คงคิดว่าเป็นเรื่องงานเท่านั้นเมื่อหญิงสาวเดินเข้ามาในห้องอย่างกล้าๆ กลัวๆ คนที่จงใจแกล้งก็ทำเสียงขรึมสั่งงานหนักนั่นคือตรวจสอบเอกสารเป็นปึกกำหนดว่าต้องเสร็จภายในวันนี้ก่อนเที่ยงคืนอีกด้วยทำให้คนที่รู้ตัวต้องจำใจรับงานอย่างเสียไม่ได้

 

                “ทำไมฉันต้องมาเจอไอ้บ้านั่นก็ไม่รู้ไม่น่าเลยเรา” เธอบ่นคนเดียวด้วยความเจ็บใจเมื่อมีคนเดินเข้ามาก็เริ่มปรับอารมณ์และเดินกลับไปทำงานทันที

 

                “หนูดียังไม่กลับบ้านอีกเหรอ” เพื่อนร่วมงานถามเมื่อเห็นว่าเธอยังนั่งทำงานอยู่นาน

 

                “ไม่ล่ะฉันยังทำงานไม่เสร็จ” เธอตอบพร้อมกับก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป

 

                หลังจากที่ท้องฟ้าเริ่มมืดลงทุกทีหนูดีที่ยังทำงานไม่เสร็จเริ่มล้าลงทุกทีเพราะต้องตรวจสอบเอกสารมากมายทำให้สายตาเริ่มล้ามากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังอดทนอยู่นานจนใกล้ถึงเวลาเที่ยงคืนตรงก็เหลือเพียงนิดเดียวเท่านั้นถึงจะเสร็จแต่ไฟดับลงพอดีทำให้คนที่ยังทำไมเสร็จได้แต่โวยวายอย่างหัวเสียอยู่ในบริษัทและเมื่อจะเดินออกมาก็เปิดประตูไม่ได้เพราะถูกล็อคอัตโนมัติทันทีเมื่อไฟดับ

 

                “จะบ้าเหรอทำไมเปิดไม่ได้ล่ะแล้วจะออกไปได้ยังไงล่ะ” หนูพูดเสียงดัง

 

                “แล้วงานที่ฉันสั่งเธอทำเสร็จหรือยัง” คำพูดนั้นทำให้คนที่กำลังโมโหหันกลับมามองด้วยความหมดหวังเพราะไฟดับแล้วเหลือเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้นคงทำไม่เสร็จแน่

 

                “ยังไม่เสร็จ....ก็คุณให้ตรวจสอบตั้งเยอะใครจะทำทันล่ะนี่ฉันยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลยข้าวเย็นก็ไม่ได้กินหิวจะแย่แล้วไฟยังมาดับอีก” หญิงสาวพูดเสียงดังด้วยความโมโหแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานด้วยความรวดเร็วจนคนที่ยืนฟังอยู่มองตามด้วยความแปลกใจ

 

                “ไม่ต้องทำแล้วค่อยส่งฉันพรุ่งนี้ก็ได้นะ” เขาพูดด้วยความรู้สึกผิด

 

                “ไหนๆ ก็ออกไปไหนไม่ได้ฉันนั่งทำงานให้เสร็จไปเลยดีกว่า” เธอเปิดพลางหาไฟฉายเพื่อส่องที่เอกสารจนทำให้คนที่ยืนมองอยู่ขำออกมาอย่างปิดไม่อยู่ “นี่คุณ”

 

                “ฉันทำที่เหลือเองไปกินข้าวเถอะฉันมีกุญแจสำรอง” เขาพูดพลางแย่งเอกสารมาจากมือของหญิงสาวทันที

 

                “ฉันยังไม่...” ไม่ทันที่จะพูดจบเสียงท้องร้องก็ดังขึ้นมาทันทีจนเถียงอะไรต่อไม่ได้

 

                หลังจากที่เจ้านายพาลูกน้องมาเลี้ยงข้าวก็ถือโอกาสเดินมาส่งเพราะว่าบ้านอยู่ติดกันทำให้ปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องกลับด้วยกันเมื่อเดินมาถึงหน้าบ้านคนที่เพิ่งคิดถึงเรื่องเมื่อเช้าได้มองไปที่ถังขยะด้วยความรู้สึกผิดแต่ไม่กล้าบอกความจริงจึงรีบเดินเข้าไปในบ้านทันทีแต่ชายหนุ่มที่เห็นเศษแก้วกลิ้งออกมานอกถุงก็หยิบขึ้นมาดูด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นข้อความบนนั้นก็รีบเอาเศษแก้วพวกนั้นเข้าไปต่อในบ้านทันที

 

                หนูดีกลับเข้ามานั่งฟังเพลงจากวิทยุจนหลับไปเหมือนทุกวันเพียงแต่วันนี้มีเสียงร้องเพลงดังมาจากข้างบ้านทำให้คนที่หลับอยู่ตกใจตื่นขึ้นมาออกมายืนมองที่หน้าต่างในห้องนอนด้วยความแปลกใจก่อนจะกลับเข้าไปนอนเหมือนเดิมเป็นเวลาเดียวกันที่เสียงของดีเจวาวาดังขึ้นมาอีกทำให้คนที่ชื่อชอบเสียงนั้นนั่งฟังอยู่นานเพราะเป็นเสียงหวานที่มักจะพูดกล่อมให้คนหลับได้ง่ายๆ ทุกที

 

                “คำคืนนี้ไร้แสงดาวเต็มไปด้วยความมืดท่ามกลางสายลมแผ่วเบาที่พัดมาเป็นระยะแหม! พูดนอกเรื่องอีกแล้วนะคะเอาล่ะค่ะยังไงก็ขอให้คุณผู้ฟังฝันดีนะคะขอบคุณค่ะ” และมันเป็นเสียงแผ่วเบาที่หญิงสาวได้ยินก่อนจะหลับไปโดยไม่รู้ตัว

 

                วันทำงานที่แสนสงบเพราะประธานคนใหม่ไม่ได้เข้าบริษัทตั้งแต่เช้าเนื่องจากนัดคุยงานกับลูกค้าแล้วจะกลับเข้ามาประชุมในตอนบ่ายทีเดียวทำให้คนที่ยังกลัวว่าจะโดนแกล้งอีกสบายใจได้ทันทีแต่เพียงแค่เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งพูดขึ้นเรื่องมาวานที่ไฟดับขึ้นมาก็ทำให้รู้ว่าที่ประตูเปิดไม่ออกก็เพราะระบบรักษาความปลอดภัยที่ถูกติดตั้งเมื่อวานโดยจะล็อคทุกอย่างในบริษัทเมื่อไฟดับหรือมีการตัดระบบรักษาความปลอดภัยส่วนหนึ่งโดยอัตโนมัติ

 

                “นี่พวกเธอเลิกจับกลุ่มแล้วทำงานได้แล้วนะท่านประธานเข้ามาแล้วเดี๋ยวก็โดนทำโทษหรอก” เสียงของหัวหน้าแผนกดังขึ้นมาท่ามกลางเสียงพูดคุยกันทำให้ทุกคนต้องรีบทำงานทันที

 

                หนูดีนั่งทำงานตามปกติแต่ก็มีของขวัญส่งมาให้ถึงโต๊ะทำงานเมื่ออ่านชื่อผู้ส่งก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร ‘ภาคิน’ คนที่อยู่ข้างบ้านซึ่งก็คือท่านประธานคนใหม่ของบริษัทนี่นั่นเองเธอเปิดออกมาช้าๆ เมื่อเห็นว่าเป็นเศษแก้วที่คล้ายกับว่าถูกทำขึ้นมาใหม่โดยที่ยังมีข้อความเดิมแล้วยังมีหินและทรายอยู่ในนั้นด้วยพร้อมกับคำว่าขอโทษทำให้คนที่เหมือนได้ของรักคืนกอดไว้แน่นด้วยความดีใจจนเพื่อนร่วมงานที่อยู่ใกล้ๆ หันมามองด้วยความแปลกใจ

 

                “เปล่าเพื่อนส่งของขวัญมาให้ทำงานสิ” เธอพูดเฉไฉกับเพื่อนร่วมงานแล้วรีบทำงานต่อทันที

 

                หลังเลิกงานคนที่ดีใจที่ได้ของคืนก็ทำงานอยู่ในบริษัทจนพนักงานกลับหมดทุกคนเพื่อนรอขอบคุณคนที่ส่งของนี้มาให้แต่ดูเหมือนว่าเขายังไม่ออกมาจากห้องทำงานสักทีหนูดีที่เห็นว่าเริ่มมืดมากแล้วจึงตัดสินใจเคาะประตูห้องทำงานทันทีเมื่อเข้ามาก็เห็นว่าเขานั่งทำงานอยู่จึงรู้สึกเกรงใจแต่ก็ขอบคุณแล้วออกไปข้างนอกด้วยความรวดเร็วจนคนที่นั่งอยู่ในห้องรู้สึกแปลกๆ กับพฤติกรรมของเธอ

               

                หลังจากนั้นสองปีความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนเพื่อนร่วมงานล้ออยู่บ่อยๆ เพราะรอกจากจะอยู่บ้านติดกันแล้วยังมาทำงานพร้อมกันและกลับพร้อมกันอีกด้วยแต่ทั้งสองก็เป็นแค่เพื่อนสนิทกันเท่านั้นจนกระทั่งภาคินยกเลิกการแต่งงานที่จะมีขึ้นในอาทิตย์หน้าเพราะฝ่ายหญิงมาบอกความจริงว่าท้องกับคนอื่นทำให้พ่อแม่ของเขาไม่พอใจและสั่งยกเลิกงานแต่งทันทีชายหนุ่มเศร้าอยู่สองวันก็กลับมาร่าเริงได้อย่างรวดเร็วจนน่าแปลกใจ

 

                หนูดีกลับจากทำงานมาถึงบ้านที่เงียบสงบอีกครั้งและในวันนี้พ่อแม่ของชายหนุ่มข้างบ้านมาเยี่ยมลูกชายแต่เมื่อเห็นว่ากลับมาพร้อมกับพนักงานในบริษัทจึงถามโน่นถามนี่กับคนที่เพิ่งเสียใจเพราะไม่ได้แต่งงานจนอีกฝ่ายเริ่มเบื่อและไม่ยอมตอบอะไรเลยผิดกับหญิงสาวที่ยอมตอบทุกคำถามเพราะไม่มีอะไรต้องปิดบัง

 

                “เธอได้เป็นพนักงานดีเด่นด้วยนี่ฝากดูแลลูกชายฉันด้วยนะเขาเป็นคนใจร้อนชอบทำอะไรแบบไม่ยั้งคิดนี่ถ้าไม่ยอมยกเลิกงานแต่งนะชีวิตต้องแย่กว่านี้แน่” แม่ของเขาพูดเสียงเครียด

 

                “คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะอีกอย่างเขาก็ดูร่าเริงดีนะคะ” คำตอบของเธอทำให้พ่อและแม่ของภาคินแปลกใจมากแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

 

                ในวันเกิดของหนูดีแต่กลับไม่มีใครจำวันเกิดเธอได้สักคนทำให้คนที่ได้เป็นพนักงานดีเด่นแทบทุกปีเริ่มน้อยใจเพราะไม่เคยมีใครลืมวันนี้ได้เลยหลังจากทำงานจนดึกดื่นก็รีบกลับบ้านคนเดียวทันทีเพราะคนที่เคยกลับด้วยกันบอกว่ามีนัดสำคัญมากๆ หญิงสาวที่กำลังเดินออกจากบริษัทถึงกับหัวเสียเมื่ออยู่ๆ ไฟก็ดับแถมประตูก็เปิดไม่ได้เสียด้วยแต่เมื่อหันกลับมาก็เห็นภาคินถือเพลงพร้อมกับร้องเพลงแล้วยื่นเค้กมาตรงหน้าของหญิงสาว

 

                “สุขสันต์วันเกิด”

 

                “นี่นายแกล้งฉันเหรอทุกคนหลอกฉันเหรอเนี่ย” เธอพูดขึ้นด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าทุกคนจะรวมหัวเซอร์ไพรส์วันเกิดแบบนี้

 

                “เลิกพูดแล้วอธิฐานได้แล้ว” ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบทำให้คนที่เพิ่งนึกขึ้นได้รีบหลับตาอธิฐานตามทันที

 

                หลังเป่าเทียนที่ปักไว้บนเค้กจนหมดทุกคนก็ปรบมือพร้อมกับแสงไฟที่สว่างทั่วทั้งบริษัท เมื่อผ่านไปหลายชั่วโมงหลายคนก็เริ่มเอาเค้กมาป้ายหน้ากันยกเว้นภาคินและหนูดีที่มานั่งดูดาวนอกบริษัทท่ามกลางสายลมหนาวและแสงดาวที่ส่องสว่างเต็มท้องฟ้าทำให้คนที่เพิ่งดีใจที่ไม่มีใครลืมวันเกิดของเธอยิ่งมีความสุขไปใหญ่เป็นเวลาเดียวกันที่ชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ พูดบางอย่างขึ้นมา

 

                “เราเป็นแฟนกันนะ”

 

                “อะไรนะ” เธอถามด้วยความตกใจพร้อมกับหันไปมองหน้าชายหนุ่มด้วยความแปลกใจ

 

                “ฉันพูดว่าเราเป็นแฟนกันนะ” เขาพูดซ้ำอีกครั้งแต่เสียงดังกว่าเดิมทำให้คนที่นั่งฟังเริ่มเขินขึ้นมาแต่ไม่ได้พูดอะไรเอาแต่หันหน้ามองทางอื่นไปเรื่อย

 

                “ฉันไม่ค่อยได้ยินเลยหูไม่ค่อยดี”

 

                “เป็นแฟนกันนะ”

 

                “อะไรนะไม่ได้ยินเลย”

 

                “ฉันพูดว่า...เป็น! แฟน! กัน! นะ!” เขาตะโกนพูดทุกคำชัดเจนจนหนูดีหลุดขำออกมาจนได้

 

                “ฉันรู้แล้ว” เธอตอบพร้อมกับสั่งยิ้มให้เป็นเวลาเดียวกันที่มีเสียงพนักงานโห่ร้องด้วยความดีใจพร้อมกับพ่อแม่ของชายหนุ่มที่อยู่แถวนั้นด้วยทำให้คนที่ไม่รู้เรื่องถึงกับตีที่ไหล่ของเขาเบาๆ

 

                “โอ้โห...จากประธานบริษัทที่อยู่ข้างบ้านกลายมาเป็นแฟนกันจนได้แต่ว่าทำไมเขาถึงไปอยู่ข้างบ้านเธอได้ได้ข่าวว่าที่นั่นมันเล็กมากๆ เลยนะ” วิภาดาพูดด้วยความสงสัย

 

                “เขาบอกฉันว่าอยากใช้ชีวิตคนเดียวแล้วที่นั่นก็ใกล้ที่ทำงานด้วยอีกอย่างเวลาเขาโมโหก็มักจะชวนคนอื่นทะเลาะก็เลยตัดสินใจออกมาอยู่คนเดียวดีกว่า” หนูดีตอบเสียงใส

 

                “แล้วเขาไปขอพ่อแม่ของเธอตอนไหนยะ” วินนี่ถามขึ้นบ้าง

 

                “ก็หลังจากที่เป็นแฟนกันได้สองวันเขาก็ไปหาพ่อแม่ของฉันโดยที่ไม่บอกฉันเลยสักคำรู้อีกทีก็ตอนทะเลาะกับเขาแล้วก็กลับไปที่บ้านของพ่อแม่นั่นแหละ” หนูดีพูดด้วยความหมั่นไส้

 

                “แหม! ก็คนเขารักนี่” ดารินพูดหยอก

 

                “แต่หลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยหาเรื่องทะเลาะกับฉันอักเลยเพราะตอนนั้นฉันงอนเขานานตั้งหนึ่งเดือนอีกอย่างไม่ว่าจะอยู่ไหนก็ต้องโทรรายงานตลอดเลยอย่างกับกลัวฉันโกรธอย่างนั้นแหละ” หนูดีพูดขึ้นเมื่อนึกถึงตอนที่คืนดีกันแล้วเขามักจะโทรบอกตลอดว่าอยู่ที่ไหนและอยู่กับใคร

 

                “หวานเกิน!” เพื่อนๆ พูดพร้อมกันก่อนจะนั่งจ้องหน้าและหัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างมีความสุขเมื่อคิดถึงตอนที่ยังไม่มีแฟนและยังเป็นเพื่อนกันอยู่

 

                “แต่ต่อไปเรื่องของเธอนะวิ” หนูดีหันมาบอกวิภาดาอย่างจำได้

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา